ตอนที่ 6 เตรียมงานแต่ง
“คุณหนูพักก่อนเถอะค่ะ คุณหนูนั่งทำงานมาทั้งวันแล้วนะคะ เดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหวเอา” เสียวปิงที่ยกของว่างมาให้เอ่ยเตือน คุณหนูของเธอนั่งทำงานหนักแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้ว กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่น
“ขอบคุณนะ แต่ฉันไม่เป็นอะไร จริงสิรายชื่อของแขกในงานเรียบร้อยหรือยัง” ถิงถิงถามถึงรายชื่อของแขกที่จะเชิญมาร่วมงานแต่ง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ทางนั้นพึ่งส่งรายชื่อแขกมาให้” ทางนั้นที่เสียวปิงพูดถึงก็คืออี้ฟาน
“เอารายชื่อมาให้ฉันเลยนะ จะได้เริ่มเขียนซองเลยเดี๋ยวจะไม่ทัน พอพี่กลับมาจะได้เริ่มแจกเลย”
“ค่ะ ส่วนเรื่องชุดพรุ่งนี้ที่ร้านจะนำชุดที่คุณหนูเลือกมาให้ลองค่ะ” เสียวปิงรายงาน
“ขอบใจนะเสียวปิง เธอไปทำงานของเธอต่อเถอะ ไว้มีอะไรฉันจะเรียก” ถิงถิงบอก เสียวปิงมองเจ้านายสาวที่กำลังตั้งใจทำงานอยู่สักพักก่อนตอบรับคำสั่ง
“ค่ะ คุณหนูอย่าลืมพักผ่อนบ้างนะคะ” เสียวปิงย้ำก่อนจะออกจากห้องทำงานของเธอ ถิงถิงรู้ดีว่าเสียวปิงเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เธอมีเรื่องหลายอย่างให้ต้องจัดการ ทั้งเรื่องกิจการของตระกูลที่เธอต้องเข้ามารับหน้าที่แทนคุณปู่ที่ป่วย และหวังเหล่ยก็ยังเด็กเกินที่จะรับผิดชอบหน้าที่ตรงนี้ โชคดีที่อาซ่งกับลูกชายของท่านช่วยแบ่งเบาภาระตรงนี้ได้เยอะพอสมควรเธอเลยมีเวลาที่จะเตรียมงานแต่ง ถึงงานแต่งครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์แต่ก็เป็นงานแต่งครั้งแรกในชีวิตของเธอ เธอเองก็อยากจะทำมันให้ดีที่สุด
ถิงถิงกดส่งรูปชุดแต่งงานของเธอและของเจ้าบ่าวให้อี้ฟานช่วยเลือก ถึงแม้จะรู้ว่าคำตอบที่ได้มาจะมีแค่คำว่า แล้วแต่เธอก็ตาม เธอก็คิดว่าอย่างน้อยเขาได้เห็นมันบ้านก็ยังดี
เกือบสองอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่อี้ฟานไปทำงานนอกเมืองเธอกับเขาก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย จะเมีเพียงแค่การคุยกันผ่านโทรศัพท์หรือไม่ก็แอปสนทนา ในตอนแรกที่เธอติดต่อกับเขาเธอคิดว่าเขาจะไม่สนใจแม้แต่จะอ่านข้อความของเธอ แต่เธอก็คิดผิดเพราะอี้ฟานอ่านและตอบข้อความเธอแทบจะทันที ถึงจะเป็นเพียงแค่ข้อความสั้นๆ แต่มันก็ช่วยให้งานของเธอเบาไปได้เยอะ
‘ถ้าพรุ่งนี้พี่กลับมาเร็ว แล้วพอมีเวลาก็เข้ามาลองชุดด้วยกันนะคะ’ ถิงถิงพิมพ์ข้อความฝากไว้ให้อี้ฟานอ่าน ชุดเจ้าบ่าวของเขาถึงเธอจะเลือกให้ได้แต่ก็ไม่สามารถลองให้ก่อนได้ เธอเลยอยากให้เขามาลองด้วยตัวเองดีกว่า
‘อื้ม’ นี้คือคำตอบกลับของอี้ฟาน แต่ถิงถิงก็ไม่ได้คิดมากอะไร เธอยังคงนั่งทำงานของเธอต่อไปเรื่อยจนกระทั่งเย็น
“เย็นขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย ถิงถิงหันออกไปดูข้างนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าเธอถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว
“ใช่ครับ อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว” เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นที่หน้าห้อง ถิงถิงเลยหันกลับมามอง ก่อนจะยิ้มหวานออกมา
“หวังเหล่ย มาตั้งแต่เมื่อไร” ถิงถิงถามน้องชายของเธอที่อยู่ในชุดนักเรียนมอปลายของโรงเรียนชื่อดังที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของเธอแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
ถิงถิงมองน้องชายร่วมสายเลือดของเธอด้วยความเอ็นดู ใครหลายๆคนที่ได้เจอน้องชายเธอล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าน้องชายเธอดูเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่บอกก็ไม่เชื่อว่าเป็นเด็กอายุสิบเจ็ด แต่สำหรับเธอต่อให้หวังเหล่ยจะสูงหล่อเท่ขนาดไหน ก็ยังคงเป็นหวังเหล่ยเจ้าแก้มนุ่มสำหรับเธออยู่ดี
“ผมพึ่งมาถึง ยังไม่ทันได้เข้าห้องไปเปลี่ยนชุดเลยพี่เสียวปิงก็มาบอกให้ผมมาเรียกพี่หน่อย เพราะพี่ทำงานไม่หยุดพักเลย นี่พี่ทำงานหนักขนาดไหนกัน พี่เสียวปิงถึงได้เป็นห่วงขนาดนั้นเนี่ย” หวังเหล่ยถาม ถึงเสียวปิงไม่บอกความจริงเขาก็ตั้งใจจะแวะมาหาพี่สาวของเขาอยู่แล้ว
“อย่าไปเชื่อเสียวปิงให้มาก ขานั้นนะเป็นห่วงพี่เกินไป”
“ผมว่าไม่นะ พี่เสียวปิงไม่ได้ห่วงพี่เกินไปหรอก เพราะพี่นะชอบฝืนตัวเองเกินไปต่างหาก ดูสิผอมลงอีกแล้วกินให้เยอะๆหน่อยสิ” หวังเหล่ยดุพี่สาวเบาๆ เขารู้ว่าที่พี่ต้องทำงานหนักก็เพราะเขา ที่ผ่านมาพี่ปกป้องเขามาตลอดแม้กระทั่งตอนนี้ เพื่อให้การขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นพี่ถึงกับยอมแต่งงาน
“พี่ ผมจะรีบโตแล้วก็ขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลถึงวันนั้นผมจะปกป้องพี่เอง” หวังเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“อื้ม พี่จะรอวันนั้นนะ” ถิงถิงตอบรับคำพูดของน้องชาย แล้วสองพี่น้องก็เดินออกจากห้องทำงานเพื่อไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร
เช้าวันต่อมา
“ชุดนี้ไม่ผ่านมันโป๊ไป ไปเปลี่ยนใหม่”
“แต่นี่ชุดที่ห้าแล้วนะหวังเหล่ย พี่ขี้เกียจเปลี่ยนแล้ว” ถิงถิงบอกเธอเปลี่ยนชุดตามที่หวังเหล่ยบอกเป็นรอบที่ห้าแล้วก็ยังไม่ถูกใจเขาสักที สรุปใครใส่ชุดนี้กันแน่ เป็นเจ้าบ่าวก็ไม่ใช่แต่สั่งเก่งจริง ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าในอนาคตถ้าใครได้เขาเป็นสามีจะปวดหัวขนาดไหน
“แค่ห้าชุดเอง ยังเหลือชุดที่ร้านเอามาให้ลองอีกเป็นสิบชุด อ่ะครั้งนี้ลองชุดนี้ถ้าชุดนี้โอเคก็ไม่ต้องลองชุดอื่น” หวังเหล่ยยื่นชุดเจ้าสาวชุดที่หกให้พี่สาวของเขาไปลอง เขาเองก็รู้ว่าพี่เหนื่อยแต่วันสำคัญของพี่ทั้งที เขาก็อยากให้พี่เขาสวยที่สุด
“พี่เสียวปิงวันนี้เจ้าบ่าวของพี่ไม่มาลองชุดด้วยเหรอ ผมเห็นมีชุดเจ้าบ่าวด้วยนี่” หวังเหล่ยมองไปที่ราวที่มีชุดเจ้าบ่าววางเรียงอยู่ แต่ยังไม่ถูกลองซักชุดเพราะคนลองไม่อยู่
“ประธานฮั้วไปทำงานต่างเมืองยังไม่กลับค่ะ” เสียวปิงตอบ
“ถึงจะงั้นก็เถอะ แต่ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ งานแต่งก็ให้พี่ผมเตรียมเองทั้งหมด ขนาดวันลองชุดก็ไม่ยอมมา ญาติฝ่ายตัวเองก็ยังไม่พาไปแนะนำให้รู้จักทั้งๆที่ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วแท้ๆ นี้ผมอยากรู้จังว่าฝั่งนั้นมีใครรู้ไหมว่าประธานฮั้วจะแต่งงานนะ พี่ผมคิดยังไงนะถึงได้เลือกคนเย็นชาแบบนั้นมาแต่งงานด้วย” หวังเหล่ยบ่นชุดใหญ่ เขารู้ว่าพี่เขากับประธานฮั้วแต่งงานกันแค่เพราะผลประโยชน์แต่ที่ประธานฮั้วทำมันก็เกินไป พี่สาวเขายิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วยแต่มาโยนงานให้แบบนี้ถ้าพี่เขาเป็นอะไรขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ แค่คิดเขาก็โมโหจนอยากจะล้มงานแต่งให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นพี่ได้โกรธเขาแน่
“นอกจากเป็นซาตานแล้วฉันยังเป็นคนเย็นชาด้วยเหรอ ถ้านายไม่บอกฉันก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย” เสียงของอี้ฟานดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาในห้องลองชุด อี้ฟานมองสำรวจน้องเขยที่จ้องเขาตาไม่กะพริบ ใจกล้าดีนี่กล้าจ้องเขาอย่างไม่กลัวเลย แบบนี้ค่อยหน้าสนับสนุนหน่อย ส่วนหวังเหล่ยก็สำรวจพี่เขยเหมือนกันเขาได้ยินชื่อของพี่เขยตามข่าวต่างๆมานานแต่นี้คือครั้งแรกที่เคยเจอตัวจริง พี่สาวเธอก็พอเลือกผู้ชายเป็นอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ดูจะปกป้องพี่สาวของเขาได้
“พี่” เสียงของถิงถิงเรียกให้ทั้งสองคนที่กำลังจ้องกันอยากดุเดือดหันไปมองทางเธอ
อี้ฟานมองถิงถิงที่อยู่ในชุดแต่งงาน จนทำให้เธอรู้สึกเขิน
“พี่มาตั้งแต่เมื่อไรเหรอคะ”
“ไหนชุดฉันล่ะ” อี้ฟานไม่ตอบแต่เดินเข้าไปถามหาชุดเจ้าบ่าวของตัวเอง ถิงถิงเลยชี้ไปที่ราวที่มีชุดเจ้าบ่าวแขวนอยู่
“เลือกชุดที่คู่กับชุดนั้น” อี้ฟานหันไปบอกพนักงานของร้านชุด ก่อนจะหยิบชุดที่พนักงานเลือกให้แล้วนำเข้าไปเปลี่ยน สักพักเขาก็เดินออกมาแล้วมายืนข้างถิงถิง
“สวยหล่อมาเลยค่ะ นี้ต้องเป็นคู่ที่ทุกคนต้องอิจฉาแน่ๆ” เจ้าของร้านชุดชมไม่ขาดปาก มันก็จริงถ้าใครได้มาเห็นทั้งสองยืนคู่กับแบบนี้ก็ต้องรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น เพราะพวกเขาดูเหมาะสมกันจริงๆ
“เธอชอบชุดนี้ไหม หรืออยากลองชุดอื่นอีก” อี้ฟานหันไปถามถิงถิง เธอเลยหันไปมองหวังเหล่ยเพื่อถามความเห็น
“ผมว่าพี่เหมาะกับชุดนี้นะ ไม่เรียบเกินไปแล้วก็ดูใส่สบายกว่าชุดอื่นๆ พี่ไม่เหมาะกับชุดใหญ่ๆ ฟูๆ แบบที่ลองมาหรอก ถ้าใส่แบบนั้นพี่ได้เหนื่อยตาย” หวังเหล่ยออกความเห็น
อี้ฟานมองดูสองพี่น้องคุยกัน เขารู้แล้วแหละว่าทำไมถิงถิงถึงได้ยอมทุ่มสุดตัวที่จะปกป้องน้องชายของเธอ เพราะน้องชายของเธอก็ดูทุ่มสุดตัวเหมือนถ้าเป็นเรื่องของพี่สาว
“ค่ะ ฉันชอบชุดนี้” เธอบอกอี้ฟาน ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับหวังเหล่ยนะ ชุดนี้ใส่สบายจริงๆ เวลาเดินหรือขยับตัวก็ง่ายไม่เหมือนชุดก่อนๆ ที่แค่ใส่ก็เหนื่อยแล้ว ถึงชุดนี้ส่วนหลังจะเป็นซีทรูแต่ก็มีการปักลูกไม้ให้เป็นลวดลายทำให้ดูไม่โป๊ ตรงส่วนที่เป็นหางปลาก็เป็นลูกไม้ถึงจะยาวไปหน่อยแต่ชุดก็ไม่ได้หนักจนเดินยาก
“ได้ งั้นฉันก็เอาชุดนี้เหมือนกัน” อี้ฟานบอก
“พี่จะไม่ลองชุดอื่นก่อนเหรอคะ” ถิงถิงถามเพราะชุดที่ร้านเอามาให้ลองมีตั้งหลายชุด แต่เขาลองไปแค่ชุดเดียวเอง
“จะลองไปทำไม่หลายๆ ชุด แค่นี้ก็พอแล้ว แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดได้แล้วเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนคะ”
“ไปพบครอบครัวฉัน” อี้ฟานพูดจบก็เดินเข้าห้องไปปล่อยให้ถิงถิงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
“พี่จะอึ้งอะไร รีบไปเปลี่ยนชุดสิ” หวังเหล่ยบอกก่อนจะดันหลังถิงถิงให้เดินไปเปลี่ยนชุด
ตอนที่ 34 สัญญาสองปี (NC) จบ“พี่ ฉันช่วยค่ะ” ถิงถิงเดินเข้าไปช่วยรับเสื้อสูทของอี้ฟานมาวางพาดไว้ที่เก้าอี้ส่วนอี้ฟานก็คลายเนคไทออก พร้อมกับปลดกระดุมที่คอเสื้อกับแขน ก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กแล้วเดินไปที่โซฟา เขานั่งลงที่โซฟาโดยมีถิงถิงนั่งลงบนตักถิงถิงมองใบหน้าหล่อเหลาของสามีของเธอแล้วขำออกมาจนคนตัวใหญ่ต้องถาม“ขำอะไร”“พอมองหน้าพี่ใกล้ๆแบบนี้แล้วอดคิดถึงงานแต่งไม่ได้เลยค่ะ” ถิงถิงตอบก่อนจะขำออกมาเบาๆพวกเขาสองคนแต่งงานมาได้เดือนกว่าแล้ว แต่คิดถึงวันแต่งงานทีไรถิงถิงก็อดขำไม่ได้ เพราะความขี้หึงของอี้ฟานเกือบทำให้งานแต่งงานเกือบล่ม เพราะเขาให้เหตุผลว่าเจ้าสาวของเขาสวยเกินไปไม่อยากให้ใครเห็น งานตอนเช้าไม่เท่าไรเพราะเป็นงานพิธีการและมีแค่คนในครอบครัวและชุดที่เธอใส่ก็ค่อนข้างเรียบร้อย แต่ปัญหามันมาเกิดในตอนเย็นนี่สิเพราะตอนเย็นเป็นงานฉลองแล้วอี้ฟานก็เป็นคนเปลี่ยนงานในตอนแรกที่จะจัดแค่งานเล็กๆ แต่เขากลับเพิ่มแขกขึ้นมาเกือบสองเท่า นั่นยิ่งทำให้มีคนเห็นเจ้าสาวคนสวยของเขามากขึ้น แล้วชุดตอนเย็นของถิงถิงส่วนหลังยังเป็ยซีทรูถึงจะมีลายลูกไม้ปกปิด แต่เขาก็ยังหวงอยู่ดี“เธอไม่รู้หรอกว่าวันนั้นฉันอยากต
ตอนที่ 33 แต่งงานสักที“ขยับไปทางขวาอีก ใช่ๆตรงนั้นแหละ วางได้เลย เสร็จตรงนี้ช่วยไปดูแจกันดอกไม้ในสวนด้วยนะ” ซิงเยียนสั่งงานลูกน้องด้วยความวุ่นวายเพราะเธอต้องทำงานแข่งกับเวลา“พี่ซิงเยียนพี่ไปดูที่ซุ้มให้หน่อยว่าโอเคหรือยัง” เสียงลูกน้องที่รับผิดชอบที่ซุ้มเรียก“พี่ซิงเยียนดอกไม้ที่สวนไม่น่าจะพอทำไงดีพี่” เสียงลูกน้องอีกคนดังขึ้น“พี่ซิงเยียนแล้วในห้องรับแขกล่ะพี่ เอาไง” ลูกน้องอีกคนถามขึ้นตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่เสียงเรียกพี่ซิงเยียนๆ จนเธอหนวกหูไปหมด สาเหตุที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเธอหรือลูกน้องทำงานไม่ดี แต่มันเป็นเพราะนายจ้างจอมเรื่องมากของเธอต่างหากที่อยู่ๆก็เพิ่มงานมาให้เธอโดยไม่ให้เธอได้ตั้งตัวก่อน ซึ่งนายจ้างของเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนและน้องสาวที่รักของเธอนั่นเอง ใช่แล้วในที่สุดก็ถึงงานแต่งงานของอี้ฟานและถิงถิงก็มาแล้วหลังจากจัดการเรื่องวุ่นวายทั้งหลายในที่สุดวันพรุ่งนี้เป็นวันจัดงานแต่งของอี้ฟานกับถิงถิง ซึ่งเธอจัดเตรียมงานของทั้งสองเสร็จเรียบร้อยอย่างสวยงาม แต่ว่าเมื่อวานอี้ฟานก็โทรหาเธอแล้วบอกกับเธอว่าเขาอยากเพิ่มงานพิธีการแบบจีนในช่วงเช้า เดิมทีเธอก็ปฏิเ
ตอนที่ 32 ถอนรากถอนโคนก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยดังขึ้นก่อนที่ประตูจะเปิดออกแล้วชายหนุ่มหน้าหวานก็เดินเข้ามา“พี่ซ่งเหยียนมาแล้วเหรอคะ” เสียงหวานทักเข้าขึ้นทันทีที่เธอหันมามองเขา“ครับ” ซงเหยียนตอบรับสั้นๆ เขามองถิงถิงที่ตอนนี้นั่งพิงอกของอี้ฟานอยู่บนเตียงผู้ป่วย โดยมีอี้ฟานกำลังป้อนผลไม้ใส่ปากของเธอ ทำเอาซงเหยียนถึงกับพูดไม่ออกกับการแสดงความรักของทั้งสองคน“ทำไมนายมาช้าขนาดนี้ รู้มั้ยฉันต้องทนนั่งดูสองคนนั้นแสดงความรักกันจนฉันขนลุกไปหมดแล้ว” เฉินตงตงลุกขึ้นมาโวยวายใส่ซงเหยียนจนคนถูกโวยวายขมวดคิ้วใส่“ผมจะมาตอนไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ” ซงเหยียนถามหน้านิ่งๆ “ทำไมจะไม่เกี่ยว ก็ที่ฉันไปไหนไม่ได้ต้องทนดูสองคนนั้นโชว์หวานก็เพราะรอนายอยู่ไง” ตงตงบอก ซ่งเหยียนหันไปมองคุณหนูของเขาก่อนจะขอคำอธิบายเรื่องที่ตงตงพูด“หมายความว่ายังไงครับคุณหนู อย่าบอกนะว่าผมต้องทำงานร่วมกับคุณชายเฉินอีกแล้ว” ซ่งเหยียนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ“นี้ๆ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง น้ำเสียงนายเหมือนไม่ค่อยพอใจที่ได้ทำงานกับฉันเลย” ตงตงอดที่จะถามไม่ได้“ครับ คุณชายเฉินเข้าใจไม่ผิดหรอกครับ ผมไม่อยากทำงา
ตอนที่ 31 คิดบัญชี“อ๊ากกกกกกก พวกมึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะ รู้มั้ยกูเป็นใคร อ๊ากกกกก” เสียงร้องโหยหวนกับคำขู่ของจางหย๋งดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกปิดตาย ซึ่งภายในห้องมีคนอยู่ไม่กี่คน“ไม่อยากเจ็บก็หยุดดิ้นสิ ฉันกำลังทำแผลให้นายอยู่ไม่เห็นเหรอ พวกนายก้จับมันแน่นๆหน่อยอย่าให้มันขยับได้” เสี่ยวปิงพูดขึ้นลูกน้องของอี้ฟานที่กำลังล๊อกแขนขาของจางหย๋งไม่ให้ขยับมองการทำแผลของเสี่ยวปิงด้วยความสยอดสยอง เพราะตอนนี้เสี่ยวปิงกำลังใช้มีดกรีดไปที่แผลถูกยิงของจางหย๋งก่อนจะควักเอาลูกกระสุนออกมาแล้วทำความสะอาจแผลโดยการเทแอลกอฮอราดไปบนแผลทั้งขวด“อ๊ากกกกกกก อีเสี่ยวปิงมึงกล้าทำกูเหรอ อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึงกูไม่เอามึงไว้แน่” จางหย๋งร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับขู่อาฆาตเสี่ยวปิงไว้ แต่เสี่ยวปิงก็ไม่ได้สนใจ“หึ ก่อนคิดจะมาแก้แค้น แกหาทางหนีไปให้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนดีกว่า” เสี่ยวปิงพูดพร้อมกับลงมือเย็บแผลของจางหย๋งแบบสดๆ จนหมอนั่นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง “แต่แกไม่ต้องห่วงนะ แกจะไม่ได้ตายง่ายๆหรอก เพราะแบบนั้นมันสบายเกินไป คนอย่างแกมันต้องทรมารจนร้องหาความตายแต่ก็ตายไม่ได้ต่างหาก”คำพูดของเสี่ยวปิงที่พ
ตอนที่ 30 ช่วย“อ๊ากกกกกก”หลังจากเสียงปืนดังก็เป็นเสียงร้องด้วยความทรมานของใครบางคนดังขึ้น แต่แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของเสี่ยวปิงและเสียงของถิงถิง เพราะเสียงร้องเจ็บปวดนั่นเป็นเสียงของผู้ชายและเสียงนั่นก็คือเสียงของจางหย๋ง หมอนั่นถูกปืนยิงเข้าที่มือและที่ขา จนต้องลงไปร้องโอดครวญที่พื้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก อยู่ๆถิงถิงก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของใครบางคนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร เพราะเธอจำความอบอุ่นและสัมผัสนั้นได้ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำหอมที่เขาใช้ซึ่งเป็นกลิ่นที่เธอเคยบอกว่าเหมาะกับเขาอี้ฟานกอดลูกพีชของเขาไว้แน่ เขารู้สึกได้ถึงร่างกายที่สั่นเทาของคนตัวเล็ก ยิ่งได้เห็นเธอที่กอดเขาพร้อมกับสะอื้นร้องไห้มันทำให้เขายิ่งแทบคลั่ง“จัดการมันแต่อย่าให้มันแต่อย่าให้มันตายเพราะมันต้องทรมานยิ่งกว่านี้” อี้ฟานสั่งลูกน้องของเขาที่พามาด้วยน้ำเสียงที่ใครได้ฟังต่างก็ต้องหวาดกลัว เพราะมันทั้งเย็นชาและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ“พะ พี่” คนตัวเล็กเงยหน้ามองคนตัวใหญ่ที่กอดเธออยู่ก่อนจะส่งเสียงเรียกเบาๆ จนแทบจะเหมือนเสียงกระซิบอี้ฟานก้มมาสพตาหญิงสาวก่อนที่เขาจะเห็นรอยแดงกับคราบเลือดที่ใบหน้าของเธอ และนั่นยิ่งท
ตอนที่ 29 จางหย๋งถิงถิงเริ่มได้สติแต่เธอรู้สึกว่าไม่สามารถขยับตัวได้ดังใจเพราะว่ายังมึนงงอยู่ เธอพยายามฝืนลืมตาด้วยความยากลำบากเพราะรู้สึกว่าหนังตามันหนักและรู้สึกเวียนหัวจนลืมตาแทบไม่ขึ้น แต่เธอก็พยามฝืนมันจนในที่สุดเธอก็ลืมตาได้สำเร็จเธอมองสำรวจรอบๆห้องที่มือมีเพียงแสงไฟสลัวๆที่มาจากหน้าจอทีวีที่กำลังดูหนังฆ่าตกรรม ถึงความสว่างจากแสงทีวีจะมีไม่มากแต่ก็พอให้เธอมองเห็นภายในห้องได้ เธอพยามเพ่งสายตาเพื่อมองว่าคนที่นั่งหันหลังดูทีวีอยู่เป็นใคร“จางหย๋ง” ถิงถิงอุทานชื่อของคนที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องออกมาทันทีที่รู้ว่าเป็นใคร นั่นลูกชายบุญธรรมของอาเว่ยนี่ ทำไมถึงเป็นหมอนั่นที่มาอยู่ที่นี่จางหย๋งพอได้ยินชื่อของตัวเองก็หันกลับมามองถิงถิง ก่อนหมอนั่นจะส่งรอยยิ้มที่ชวนขนหัวลุกไม่ต่างจากฆ่าตกรที่ปรากฏในทีวีที่กำลังฉายอยู่ให้กับหญิงสาว“ตื่นแล้วเหรอ มึงตื่นเร็วกว่าที่กูคิดอีก กูนึกว่ามึงจะนอนจนถึงชาติหน้าซ่ะอีก เสียดายว่ะหลับไปแค่ครึ่งชั่วโมงเองสงสัยยานอนหลับจะอ่อนเกินไป” จางหย๋งพูดขึ้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาถิงถิงที่นอนอยู่บนเตียง“นี่เป็นฝีมือนายเหรอ” ถิงถิงถาม ตอนนี้เธอเข้าใจสถานการณ