เสียงเครื่องวินจอดลงหน้าหอพักท้ายซอย
พี่บอยดับเครื่อง แล้วมองตึกแถวสามชั้นที่อยู่ไม่ไกลจากปากทาง นิรินพักอยู่ที่นี่ ชั้นสอง ห้อง 2B เขาเคยขี่ผ่านนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุให้ขึ้นมาเอง คืนนี้…เขาไม่ได้แค่ขึ้นมา แต่กลับ “เลือกจะอยู่” ต่อด้วยใจตัวเอง เขาพาเธอขึ้นบันไดทีละขั้น ช้าและมั่นคง ในตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามา กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ผสมกลิ่นแชมพูในห้องของผู้หญิงคนหนึ่งตีขึ้นมาทันที ไม่มีรูปผู้ชาย ไม่มีของตกแต่งมากนัก มีแค่เตียงเดี่ยวสีขาว โต๊ะเครื่องแป้ง กับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนว่า “วันนี้แขก 2 ทุ่ม” เขาหยิบโน้ตใบนั้นขึ้นมา มองเงียบ ๆ ก่อนจะฉีกมันทิ้งแล้วโยนลงถังขยะ นิรินนอนบนเตียง กึ่งหลับกึ่งตื่น พี่บอยถอดเสื้อวินพาดเก้าอี้ แล้วขึ้นมานอนข้างเธอ กอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่น ไม่ได้ขอสิทธิ์ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ คืนนี้เขาไม่ได้กลับห้อง แต่กลับ มีกุญแจหัวใจของใครบางคน ติดตัวไปด้วยแทน เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังแผ่วในห้องเช่าชั้นสอง นิรินงัวเงียเอื้อมมือไปกดมันโดยไม่ลืมตา เธอกำลังจะพลิกตัวไปอีกข้าง... แต่แล้วฝ่ามืออุ่น ๆ ที่วางอยู่บนเอวก็ทำให้เธอชะงัก พี่บอย...ยังอยู่ตรงนี้ เขายังนอนตะแคงด้านหลัง กอดเธอไว้อย่างที่เธอหลับไปเมื่อคืน ไม่มีเสียง ไม่มีการเคลื่อนไหว มีแค่แรงกอดเบา ๆ ที่แนบแน่นไม่ปล่อย นิรินค่อย ๆ พลิกตัวกลับไปมองเขา พี่บอยลืมตาช้า ๆ ดวงตาคมที่ยังคงสะลึมสะลือสบตาเธอเงียบ ๆ “เช้าแล้ว...หนูต้องไปเรียนค่ะ” เสียงเธอเบา เหมือนกระซิบ เขาพยักหน้า ไม่พูดอะไร แต่ลุกขึ้นอย่างไม่อิดออด หยิบเสื้อวินที่พาดไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาสวม นิรินอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที เสื้อเชิ้ตนักศึกษากับกระโปรงบานพริ้ว ผมเปียข้างเดียวแบบรีบ ๆ กับกลิ่นแป้งเด็กที่คุ้นเคย พี่บอยยืนพิงรถวินรออยู่ข้างล่าง เขาไม่ได้บีบแตร ไม่ได้โทรหา แค่ยืนรอ...เงียบ ๆ เธอก้าวลงบันไดมา พร้อมกระเป๋าเป้ใบเก่า เขายื่นหมวกกันน็อกให้เธอ ก่อนจะขยับตัวไปนั่งขี่เตรียมออก “ไปส่งมั้ย?” เขาถามเรียบ ๆ ขณะรับกระเป๋าเธอไปคล้องไว้ให้ “จะให้ไปยังไงคะ ถ้าไม่ใช่พี่บอย” เธอยิ้มมุมปาก รถวินเคลื่อนไปในเช้าอุ่นแดด อ้อมแขนของนิรินกอดรอบเอวเขาอย่างไม่รู้ตัว กลิ่นแชมพูของเธอลอยปะปนกับกลิ่นฝนที่ยังชื้นในอากาศ เมื่อถึงหน้าคณะ เขาแค่หันกลับไปสบตา ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่แม้แต่ขยับปาก แต่ก่อนที่เธอจะลงจากรถ พี่บอยเอื้อมมือมาดึงปกเสื้อเธอเบา ๆ แล้วจัดให้เรียบร้อย ก่อนจะกระซิบเบา ๆ “คืนนี้อย่าเขียนโน้ตไว้นะ...พี่จะมาเอง” หลังจากพี่บอยไปส่งเธอที่หน้าคณะ นิรินก็เดินเข้าเรียนเหมือนนักศึกษาทั่วไป เสื้อเชิ้ตขาว กระโปรงบาน ผูกโบผมสีเทาอ่อน เพื่อนบางคนโบกมือทัก บางคนก็เมินใส่ เพราะลือกันว่าเธอ “เป็นผู้หญิงหาเงิน” แต่นิรินไม่พูดอะไร เธอเรียน...เงียบ จดเลกเชอร์...เงียบ แต่อะไรบางอย่างในใจมันไม่เงียบเลย เธอเปิดมือถือระหว่างพักคาบ ข้อความแชทจาก ลูกค้าประจำ ขึ้นมาเต็มหน้าจอ “คืนนี้ว่างมั้ยคะน้อง?” “เห็นเงียบ ๆ ไปนะช่วงนี้?” “ทุ่มครึ่งที่เดิม รบกวนแต่งชุดนักศึกษาได้มั้ย 😊” นิรินกดดู...แต่ไม่ตอบ แม้ชื่อคนนั้นจะเป็นแขกที่จ่ายดี และไม่เคยมีปัญหา เธอเลื่อนขึ้นไปดูอีกหน้าจอ แชทไลน์ชื่อสั้น ๆ ว่า “พี่บอย” ไม่มีข้อความจากเขา ไม่มีอะไรเลย แต่แทนที่ใจจะโล่ง กลับแน่นกว่าแชทของแขกอีก ตอนพักกลางวัน นิรินนั่งกินข้าวกล่องหน้าคณะคนเดียว ข้าง ๆ มีเพื่อนนั่งเล่นติ๊กต๊อกส่งเสียงหัวเราะคิกคัก เธอเคยเป็นแบบนั้นเมื่อปีก่อน ตอนที่ยังไม่ต้องกดตอบแชทตอนบ่าย ตอนที่ยังไม่ต้องแต่งตัวตั้งแต่เย็น ตอนที่ยังไม่ต้อง กลัวว่าใครจะรู้ว่าเราไม่ใช่แค่ “เด็กเรียน” มือถือสั่นอีกครั้ง คราวนี้ชื่อ “แขกใหม่” เด้งขึ้นมา “เห็นเพื่อนแนะนำว่าสวย หวาน งานดีนะครับ” “มีรูปไหม?” “ทุ่มนึงพอไหวมั้ยครับ ขอค้างได้มั้ย” นิรินปิดหน้าจอทันที เธอก้มหน้าลงแตะข้าวในกล่องอย่างช้า ๆ จู่ ๆ น้ำตาก็ซึมขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ทั้งที่วันนี้แดดออกดี ทั้งที่นั่งกลางเพื่อนหลายคน...แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนเดียว เธอหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง ลังเลอยู่นาน ก่อนจะกดเข้าแชทที่ไม่มีข้อความตอบกลับเลย “พี่บอย…” เธอพิมพ์ไว้แค่นั้น แต่นิ้วกลับไม่กดส่ง และในตอนนั้นเอง มือถือก็สั่นเบา ๆ ไม่ใช่แจ้งเตือนจากลูกค้า แต่เป็นจาก “พี่บอย” “เรียนเหนื่อยไหม กินข้าวยัง” ข้อความเรียบ ๆ ไม่เกินสิบคำ แต่ทำให้นิรินกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยิ้มทั้งที่ปากยังคาบช้อน ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป “หนูกำลังกินข้าวค่ะ” “แต่ถ้าไม่มีพี่...หนูคงกินไม่ลง”คืนนั้นนิรินกลับห้องดึกกว่าปกติเสื้อผ้าเปียกเหงื่อ ผ้ากันเปื้อนเปื้อนซอสมือแดงแห้งจากน้ำยาล้างจานแต่ยังยิ้มให้พี่บอยเหมือนเดิม…แม้จะเหนื่อยจนพูดแทบไม่ออก“วันนี้คนแน่นจังค่ะ...”“...แต่ได้เงินทิปตั้ง 200 แน่ะ”เธอยื่นเหรียญกับแบงก์ยับ ๆ ให้เขาดูเหมือนเด็กโชว์ของขวัญหลังสอบเสร็จพี่บอยรับมา…แล้วยิ้มนิดเดียวไม่ใช่เพราะดีใจที่เธอได้เงินแต่เพราะเจ็บที่รู้ว่าเธอดีใจแค่ “200 บาท”คืนนั้นเธออาบน้ำนานเขาเลยเก็บกระเป๋าเธอให้มือถือของเธอวางคว่ำอยู่บนหมอนแต่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นติดกัน 2-3 ครั้งหน้าจอสว่างขึ้น…แล้วดับและขึ้นอีกครั้ง…เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูแต่ชื่อที่เด้งขึ้นมาทำให้เขาสะดุดสายตา“น้องกันต์" (นิวัฒน์)ไม่รู้ว่าเธอลืมล็อกไว้ หรือฟ้าอยากให้เขารู้มือเขาสั่นน้อย ๆ ขณะกดเข้าแชทข้อความล่าสุดจากน้องชายวัย 14 ปีที่ส่งมาตอนเธอเลิกงานประมาณห้าทุ่ม“พี่ หนูเห็นพวกญาติมาอีกแล้ว บอกจะเอาโฉนดคืน”“แม่ยังไอไม่หยุดเลย ไม่ยอมกินข้าวด้วย”“หนูบอกแม่ว่า พี่ไปทำงานรับจ๊อบใกล้มหาลัยร้านกาแฟ…”“พี่…พอได้มั้ย หนูรู้หมดแล้วว่าเพี่ไปที่ไหนทำอะไร”“แต่หนูไม่พูด เพราะหนูรู้…ว่าพี่ทำเพื่อต่อชีวิตแม่ กับหนี้บ้
หลังจากกินข้าวเช้าร่วมกันเงียบ ๆพี่บอยก็ขี่วินไปส่งนิรินที่หน้าคณะเหมือนทุกวัน นิรินลงจากรถ แล้วยิ้มให้เขาเบา ๆ “เย็นนี้...หนูจะรออยู่ที่นี่เลยนะคะ อย่าลืมมารับนะ” เขาพยักหน้า ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ทั้งวันนั้น นิรินเรียนตามปกติ แต่ไม่มีการแต่งหน้าเตรียมตัว ไม่มีชุดพับไว้ในกระเป๋าผ้า ไม่มีแชทคุยกับแขก มือถือของเธอขึ้นแจ้งเตือนหลายครั้ง “คืนนี้ว่างมั้ยครับ?” “เงียบไปเลยนะน้อง” “ต้องให้โอนเพิ่มมั้ย?” แต่เธอแค่กดลบโดยไม่ตอบกลับ เพื่อนยังคุยกันเรื่องติวสอบ เรื่องผู้ชาย เรื่องการฝึกงานส่วนเธอ...นั่งเงียบ แต่น้ำหนักบนอกกลับเบากว่าทุกวัน พอเรียนเลิกเธอยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ข้างลานหน้าอาคารพี่บอยขี่รถมาจอดตรงหน้า วันนี้เขามาถึงเร็วกว่าทุกวัน เหมือนใจเขาเอง...ก็รีบกลับมาเธอสวมหมวกกันน็อก แต่แทนที่จะซ้อนขึ้นไปเหมือนเคย เธอแตะบ่าเขาเบา ๆ แล้วพูด “วันนี้...หนูไม่ไปที่เดิมนะคะ” พี่บอยชะงักเล็กน้อยเขาหันมามองเธอแววตาไม่ได้ตกใจ...แต่มันมีบางอย่างที่ “อ่อนลง” ชัดเจน “แล้ว...จะไปไหน” “อยากเดินเล่นค่ะ ไปตลาดนัดข้างมหาลัยกันไหม?” เธอยิ้ม ยิ้มแบบที่เขาไม่ค่อยเห็นเขาพยักหน้า แล้วออกรถช้า
เสียงฝักบัวดังสม่ำเสมอในห้องน้ำเล็ก ๆไอน้ำลอยฟุ้งเกาะกระจกนิรินยืนก้มหน้ารับสายน้ำบนศีรษะโดยไม่ขยับไปไหนคืนนี้...เธออาบน้ำนานกว่าทุกครั้งฟองสบู่ค่อย ๆ ล้างสิ่งที่เธอไม่อยากจำริมฝีปากยังคงได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างผู้ชายคนอื่นแต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยแค่ สัมผัสจากจมูกของพี่บอย...ที่กดลงหน้าผากเธอเบา ๆเธอหลับตาปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัวเหมือนจะล้างอะไรออกไปจากข้างในภาพเตียงในโรงแรมเสียงหัวเราะฝืด ๆ จากแขกสายตาของผู้ชายที่มองเธอเป็นแค่สินค้า...ทุกอย่างยังอยู่ในหัวแต่เหมือนมันเริ่มหลุดออกทีละนิด...เพราะจูบเดียวจากเขาข้างนอกพี่บอยนั่งพิงผนังข้างเตียง มือถือเงียบเขาไม่ได้เลื่อนจอ ไม่เช็กแอป ไม่โทรหาใครแค่นั่งอยู่ตรงนั้น...แบบที่พร้อมจะอยู่เสมอ ถ้าเธอเปิดประตูออกมาเมื่อเสียงฝักบัวหยุดลงเขาไม่ได้ลุกไปดูแต่เงยหน้าขึ้นนิดหน่อยสบตากับประตูห้องน้ำอย่างแนบแน่น...เหมือนจะบอกเธอว่า“ไม่ต้องล้างให้หมดก็ได้ พี่รับได้ แม้จะยังเหลือที่ว่างในใจ”นิรินอยู่ในเสื้อตัวโคร่งของเขา ตัวเดิมที่เขาแขวนไว้เงียบ ๆ ในตะกร้าเธอมองเขานิ่ง ๆผมยังเปียกตาแดงนิดหน่อยแต่ริมฝีปากเริ่มมีรอยยิ้มจาง ๆ“อาบน้ำนานเลยนะ”เขาพูดเบา ๆ
ท้องฟ้ายามเย็นค่อย ๆ กลืนแสงแดดจนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเสียงวินมอเตอร์ไซค์ดังสลับกับเสียงรถยนต์บนถนนที่เริ่มแน่นขึ้นในเวลาเลิกงานนิรินยืนอยู่หน้าหอในมือถือกระเป๋าผ้าใบเล็ก เสื้อผ้าและของใช้ที่เธอเตรียมไว้สำหรับ “นัด” คืนนี้วันนี้เธอมีแขกอีกคนเวลาทุ่มตรงสถานที่...โรงแรมเดิมพี่บอยขี่วินมาจอดตรงหน้าโดยไม่ถาม ไม่ทักเขาแค่ยื่นหมวกกันน็อกให้เธอเหมือนทุกครั้ง“ไปเลยไหม”น้ำเสียงเขาราบเรียบเหมือนเคยแต่แววตา...กลับดูอ่อนกว่าเมื่อคืนบนรถ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีบทสนทนามีแค่ลมหายใจของทั้งสองคนที่พัดผ่านกลางอากาศเย็น ๆเธอกอดเอวเขาแน่นกว่าทุกครั้งแต่เขาไม่พูดสักคำเมื่อถึงหน้าโรงแรมพี่บอยจอดรถตรงจุดเดิม เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานิรินลงจากรถช้า ๆ แล้วคืนหมวกกันน็อกให้เขา“ขอบคุณนะคะ...”เธอพูดเบา ๆ เหมือนกลัวเขาจะได้ยินแต่พี่บอยแค่พยักหน้า ไม่ยิ้ม ไม่ถามไม่มีคำว่า “ใคร”ไม่มีคำว่า “กี่โมงจะกลับ”เขาแค่มองเธอแล้วพูดเพียงคำเดียว...“ฝนจะตก...อย่าลืมพกร่ม”นิรินยืนมองรถวินของเขาขี่ห่างออกไปจากลานหน้าโรงแรมใจเธอกลับหนักกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะงานคืนนี้แต่เพราะผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรเลยทั้งที่เธอรู้ว่าเขารู้เข
เสียงเครื่องวินจอดลงหน้าหอพักท้ายซอยพี่บอยดับเครื่อง แล้วมองตึกแถวสามชั้นที่อยู่ไม่ไกลจากปากทางนิรินพักอยู่ที่นี่ ชั้นสอง ห้อง 2Bเขาเคยขี่ผ่านนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุให้ขึ้นมาเองคืนนี้…เขาไม่ได้แค่ขึ้นมาแต่กลับ “เลือกจะอยู่” ต่อด้วยใจตัวเองเขาพาเธอขึ้นบันไดทีละขั้น ช้าและมั่นคงในตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามากลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ผสมกลิ่นแชมพูในห้องของผู้หญิงคนหนึ่งตีขึ้นมาทันทีไม่มีรูปผู้ชายไม่มีของตกแต่งมากนักมีแค่เตียงเดี่ยวสีขาวโต๊ะเครื่องแป้งกับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนว่า “วันนี้แขก 2 ทุ่ม”เขาหยิบโน้ตใบนั้นขึ้นมา มองเงียบ ๆก่อนจะฉีกมันทิ้งแล้วโยนลงถังขยะนิรินนอนบนเตียง กึ่งหลับกึ่งตื่นพี่บอยถอดเสื้อวินพาดเก้าอี้ แล้วขึ้นมานอนข้างเธอกอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่นไม่ได้ขอสิทธิ์แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธคืนนี้เขาไม่ได้กลับห้องแต่กลับ มีกุญแจหัวใจของใครบางคน ติดตัวไปด้วยแทนเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังแผ่วในห้องเช่าชั้นสองนิรินงัวเงียเอื้อมมือไปกดมันโดยไม่ลืมตาเธอกำลังจะพลิกตัวไปอีกข้าง...แต่แล้วฝ่ามืออุ่น ๆ ที่วางอยู่บนเอวก็ทำให้เธอชะงักพี่บอย...ยังอยู่ตรงนี้เขายังนอน
แสงจากหลอดไฟหัวเตียงสลัว ๆ ฉายเงาร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสองไว้ในความเงียบพี่บอยนอนเอนพิงพนัก หอบหายใจช้าแต่แรง มือข้างหนึ่งยังลูบผมนิรินราวกับกลัวเธอจะละลายหายไปนิรินซบอกเขาอยู่ครึ่งตัว แต่อีกครึ่งกลับคุกเข่าลงต่ำกว่าดวงตาเธอหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าแท่งเนื้อที่แข็งขึงของเขา ที่ชูตระหง่านแน่นหนายาว หนัก และน่าเกรงขามกว่าที่เธอเคยเห็นมันน่ากลัว...แต่น่าดึงดูดยิ่งกว่าไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพื่อเงินแต่เพราะนี่คือของคนที่เฝ้ามองและโอบอุ้มเธออย่างเงียบงันมาตลอดนิรินเลียริมฝีปากช้า ๆ ก่อนโน้มหน้าปลายลิ้นแตะเบา ๆ ที่โคนลำแท่งแล้วลากไล้ขึ้นตามแนวยาวทีละน้อยเสียงหายใจพี่บอยสะดุดต่ำ ๆ“นิริน…” เขาเรียกชื่อเสียงแหบพร่าแต่เธอไม่หยุดริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ครอบหัวหยักชื้น ๆ ไว้ทั้งดวงแล้วกลืนแท่งเอ็นลงไปทีละคืบ จนแทบสุดลำ ก่อนจะถอนออกพร้อมเสียงดูดดังเบา ๆพี่บอยกำผ้าปูแน่น สะโพกกระตุกเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าแตะต้องเธอปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายเลือกทุกจังหวะปากเล็กทั้งดูด ทั้งดุน ทั้งเลีย ปลายลิ้นตวัดวนไม่หยุดมือหนึ่งประคองฐานแน่น อีกมือไล้ตามท่อนข้างลำทุกการขยับทำให้เขาสั่นสะท้านจนหายใจติดขัด“พอ