หลังจากกินข้าวเช้าร่วมกันเงียบ ๆพี่บอยก็ขี่วินไปส่งนิรินที่หน้าคณะเหมือนทุกวัน
นิรินลงจากรถ แล้วยิ้มให้เขาเบา ๆ “เย็นนี้...หนูจะรออยู่ที่นี่เลยนะคะ อย่าลืมมารับนะ” เขาพยักหน้า ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ทั้งวันนั้น นิรินเรียนตามปกติ แต่ไม่มีการแต่งหน้าเตรียมตัว ไม่มีชุดพับไว้ในกระเป๋าผ้า ไม่มีแชทคุยกับแขก มือถือของเธอขึ้นแจ้งเตือนหลายครั้ง “คืนนี้ว่างมั้ยครับ?” “เงียบไปเลยนะน้อง” “ต้องให้โอนเพิ่มมั้ย?” แต่เธอแค่กดลบโดยไม่ตอบกลับ เพื่อนยังคุยกันเรื่องติวสอบ เรื่องผู้ชาย เรื่องการฝึกงานส่วนเธอ...นั่งเงียบ แต่น้ำหนักบนอกกลับเบากว่าทุกวัน พอเรียนเลิกเธอยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ข้างลานหน้าอาคารพี่บอยขี่รถมาจอดตรงหน้า วันนี้เขามาถึงเร็วกว่าทุกวัน เหมือนใจเขาเอง...ก็รีบกลับมาเธอสวมหมวกกันน็อก แต่แทนที่จะซ้อนขึ้นไปเหมือนเคย เธอแตะบ่าเขาเบา ๆ แล้วพูด “วันนี้...หนูไม่ไปที่เดิมนะคะ” พี่บอยชะงักเล็กน้อยเขาหันมามองเธอแววตาไม่ได้ตกใจ...แต่มันมีบางอย่างที่ “อ่อนลง” ชัดเจน “แล้ว...จะไปไหน” “อยากเดินเล่นค่ะ ไปตลาดนัดข้างมหาลัยกันไหม?” เธอยิ้ม ยิ้มแบบที่เขาไม่ค่อยเห็นเขาพยักหน้า แล้วออกรถช้า ๆมือของเธอกอดเอวเขาแน่นเหมือนเดิม แต่ใจของเขาเริ่มไม่เหมือนเดิมเธอไม่แต่งหน้าไม่มีน้ำหอมกลิ่นเดิมไม่มีโน้ตติดกระจกหน้าห้อง ไม่มีการเตรียมตัวเป็น "ใครก็ได้"วันนี้...เธอเป็นแค่นิรินที่อยากเดินเล่นกับเขา ตลาดนัดช่วงเย็นคึกคักเสียงเพลงจากลำโพงร้านน้ำปั่นดังกลบเสียงเครื่องปั่นไฟ เธอซื้อไก่ปิ้งสองไม้กับนมเย็นหนึ่งแก้วแล้วยื่นให้อีกแก้วกับพี่บอยแบบไม่พูด เขารับไว้เงียบ ๆไม่กล้าถามอะไรแต่ใจเขา...เต็มไปด้วยคำถาม “ไม่ไปรับแขกเหรอ?” “เหนื่อยหรือเปล่า?” “หนู...เปลี่ยนไป หรือพี่แค่คิดไปเอง?” แต่สุดท้าย เขาก็ไม่พูด เพราะกลัวว่า ถ้าเอ่ยคำถามออกไป เธออาจไม่ชวนเขามาเดินเล่นอีก เขาเลยแค่เดินข้าง ๆเงียบ ๆและบอกตัวเองว่า... ต่อให้เธอยังไม่หยุดทำงานนั้น…แค่วันนี้เธอเลือกพี่ มันก็พอแล้ว หลังจากเดินตลาดนัด พี่บอยก็พาเธอกลับหอเหมือนเคย นิรินเงียบลงเล็กน้อยหลังมื้อเย็น เธอดูเหนื่อยง่ายกว่าทุกวัน เดินช้าลงเล็กน้อยและมีท่าทางระแวงเหมือนกำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง เมื่อเข้าห้อง เธอรีบเข้าห้องน้ำทันทีเสียงเปิดซองผ้าอนามัยดังเบา ๆ ในห้องน้ำ…พอให้คนที่นั่งอยู่ด้านนอกได้ยินถ้าเงียบพอและพี่บอย…ก็เงียบพอจะได้ยิน เขาไม่ถาม ไม่แม้แต่จะเอียงหูฟัง แต่เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ให้ตัวเอง เหมือนเข้าใจทุกอย่างแล้วนิรินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อยืดตัวเดิมของเขา เธอเดินช้าลง แววตาเจือความกังวล “วันนี้...หนูคงไม่ได้ทำอะไรนะคะ” “ขอโทษนะ ถ้าพี่อยาก…” “ไม่อยาก” เขาตอบทันที ขัดเธอกลางประโยคสายตาพี่บอยนิ่งแต่ในแววตานั้นมีอะไรบางอย่างที่เหมือนจะพูดว่า “ไม่ต้องขอโทษเลย เพราะหนูไม่ใช่ของพี่แบบนั้น” เขาขยับตัวบนฟูก แล้วเปิดผ้าห่มผืนใหญ่ขึ้นอย่างเงียบ ๆ “มานี่” เสียงสั้น ๆ แต่หนักแน่น นิรินชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปนั่งข้างเขา และเอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาอย่างวางใจ เขากอดเธอไว้แน่นจากด้านหลังมือหนึ่งกุมมือเธอ อีกมือลูบผมเบา ๆ หัวใจของเธอเต้นแรงแต่สงบ เหมือนถูกกล่อมด้วยอ้อมแขนแทนเสียงดนตรี คืนนั้น ไม่มีเสียงเตียง ไม่มี sex มีแต่ผ้าห่มผืนใหญ่ กับอ้อมกอดจากชายคนหนึ่งที่ไม่ต้องการอะไรจากเธอเลย แค่ได้อยู่ข้างกัน…ก็เพียงพอแล้ว ก่อนเธอจะหลับเขากดจมูกลงบนหน้าผากเธอเบา ๆ อีกครั้ง แล้วพูดเสียงแผ่วที่สุดในรอบหลายวัน “ไม่ต้องเป็นของใครทั้งนั้นคืนนี้...เป็นของพี่พอแล้ว” เวลาผ่านไปหลายวันไม่มีโน้ตหน้าห้องไม่มีน้ำหอมกลิ่นเดิมไม่มีสายจากแขกยามค่ำ มีแค่...กลิ่นเสื้อยืดเก่า ๆ จากร้านอาหารเสียงล้างจานในหลังร้าน และปลายนิ้วแดง ๆ จากการถือแก้วน้ำแข็งทั้งคืนพี่บอยยังคงไปรับไปส่งนิรินเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ปลายทาง เขาไม่ได้ไปส่งเธอที่โรงแรมอีกแต่ไปส่งที่ร้านอาหารตามสั่งแถวแยก หรือบางคืน...ก็ร้านเหล้าหัวมุมที่เด็กมหาลัยนั่งกันโหวกเหวกเขาขี่วินมาจอดตรงเวลา มองเธอเดินลงจากร้านด้วยเสื้อพนักงานสีหม่นมีผ้ากันเปื้อนพาดไหล่ผมเธอมัดลวก ๆ หน้าไม่ได้แต่งแต่มือเปื้อนน้ำมันล้างจานเขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ชมว่าเธอดีขึ้นไม่ได้ถามว่าเหนื่อยไหมแค่ยื่นผ้าเย็นให้แล้วพูดสั้น ๆ “ขึ้นรถ” บางคืนเธอชงเหล้าในร้านเล็ก ๆไม่ได้ขายตัวแค่ยืนยิ้ม ฝืน ๆถือแก้วเหล้าไปวางตามโต๊ะ พูดคุยเบา ๆ กับลูกค้าแบบที่ไม่ต้องแตะตัวเขานั่งรออยู่นอกร้านเสมอไม่ได้เข้าไป แต่เธอรู้ว่าเขารออยู่ตรงนั้น…ทุกคืนบางวันเธอเหนื่อยจนหลับบนรถหัวพิงหลังเขา ลมหายใจอ่อน ๆ กระทบต้นคอเขาตลอดทางกลับหอ เขาไม่เคยพูดแต่เธอรู้ว่าเขา “เห็น”และเพราะเขาไม่พูดนี่แหละ เธอเลยอยากพยายามมากขึ้น แม้แค่ทีละก้าว คืนหนึ่งขณะกำลังขี่รถพาเธอกลับเธอพิงแผ่นหลังเขาแน่นขึ้น แล้วกระซิบเบา ๆ “พี่บอย...พี่เคยผิดหวังในหนูมั้ยคะ?” เขาไม่ตอบทันทีขี่รถช้า ๆ ผ่านไฟแดง แล้วจอดตรงหน้าหอก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมา สบตาเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ “ไม่เคยเลย” “หนูพยายามอยู่ พี่รู้” แล้วเขาก็ยื่นมือมาแตะหัวเธอเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วแทบละลายทั้งหัวใจ “เหนื่อยก็พัก…ไม่ต้องฝืนเป็นคนดีทันทีหรอก” “แค่ไม่กลับไปเจ็บ...พี่ก็พอแล้ว” นิรินก้มหน้า น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ เพราะเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่า...การมีคนที่ “ไม่หวังอะไร” จากเรา มันอบอุ่นขนาดนี้ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาข้างเขา ทุกคืนที่ได้ซบลงบนแผ่นหลังของเขา นิรินรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอกำลังได้รับการเยียวยาอย่างช้าๆ แต่สม่ำเสมอ เธอรู้ว่าหนทางข้างหน้าอาจยังอีกยาวไกล และบาดแผลในใจของเธออาจต้องใช้เวลาในการรักษา แต่การมีพี่บอยอยู่ข้างๆ ผู้ชายที่เข้าใจเธอโดยไม่ต้องพูดอะไร ทำให้เธอรู้สึกถึงความหวังและแรงผลักดันที่จะก้าวต่อไป เธอไม่จำเป็นต้องเป็น "คนดี" ในพริบตา ไม่ต้องฝืนทำอะไรที่เกินตัว แค่เพียงพยายามและไม่กลับไปทำร้ายตัวเองอีกครั้ง นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ และนั่นก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว ในทุกๆ วันที่ผ่านไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ความเงียบของเขากลายเป็นภาษาที่เข้าใจกันดีที่สุด และในอ้อมกอดของเขา นิรินก็พบกับความสงบที่แท้จริง ซึ่งไม่เคยมีใครมอบให้เธอได้มากเท่านี้มาก่อน เธอจะยังคงก้าวเดินต่อไป ทีละก้าว ช้าๆ แต่มั่นคง พร้อมกับความอบอุ่นจากใจที่ "ไม่หวังอะไร" ของพี่บอย ที่คอยโอบกอดเธอไว้เสมอคืนนั้นนิรินกลับห้องดึกกว่าปกติเสื้อผ้าเปียกเหงื่อ ผ้ากันเปื้อนเปื้อนซอสมือแดงแห้งจากน้ำยาล้างจานแต่ยังยิ้มให้พี่บอยเหมือนเดิม…แม้จะเหนื่อยจนพูดแทบไม่ออก“วันนี้คนแน่นจังค่ะ...”“...แต่ได้เงินทิปตั้ง 200 แน่ะ”เธอยื่นเหรียญกับแบงก์ยับ ๆ ให้เขาดูเหมือนเด็กโชว์ของขวัญหลังสอบเสร็จพี่บอยรับมา…แล้วยิ้มนิดเดียวไม่ใช่เพราะดีใจที่เธอได้เงินแต่เพราะเจ็บที่รู้ว่าเธอดีใจแค่ “200 บาท”คืนนั้นเธออาบน้ำนานเขาเลยเก็บกระเป๋าเธอให้มือถือของเธอวางคว่ำอยู่บนหมอนแต่เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นติดกัน 2-3 ครั้งหน้าจอสว่างขึ้น…แล้วดับและขึ้นอีกครั้ง…เขาไม่ได้ตั้งใจจะดูแต่ชื่อที่เด้งขึ้นมาทำให้เขาสะดุดสายตา“น้องกันต์" (นิวัฒน์)ไม่รู้ว่าเธอลืมล็อกไว้ หรือฟ้าอยากให้เขารู้มือเขาสั่นน้อย ๆ ขณะกดเข้าแชทข้อความล่าสุดจากน้องชายวัย 14 ปีที่ส่งมาตอนเธอเลิกงานประมาณห้าทุ่ม“พี่ หนูเห็นพวกญาติมาอีกแล้ว บอกจะเอาโฉนดคืน”“แม่ยังไอไม่หยุดเลย ไม่ยอมกินข้าวด้วย”“หนูบอกแม่ว่า พี่ไปทำงานรับจ๊อบใกล้มหาลัยร้านกาแฟ…”“พี่…พอได้มั้ย หนูรู้หมดแล้วว่าเพี่ไปที่ไหนทำอะไร”“แต่หนูไม่พูด เพราะหนูรู้…ว่าพี่ทำเพื่อต่อชีวิตแม่ กับหนี้บ้
หลังจากกินข้าวเช้าร่วมกันเงียบ ๆพี่บอยก็ขี่วินไปส่งนิรินที่หน้าคณะเหมือนทุกวัน นิรินลงจากรถ แล้วยิ้มให้เขาเบา ๆ “เย็นนี้...หนูจะรออยู่ที่นี่เลยนะคะ อย่าลืมมารับนะ” เขาพยักหน้า ไม่ตอบ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ทั้งวันนั้น นิรินเรียนตามปกติ แต่ไม่มีการแต่งหน้าเตรียมตัว ไม่มีชุดพับไว้ในกระเป๋าผ้า ไม่มีแชทคุยกับแขก มือถือของเธอขึ้นแจ้งเตือนหลายครั้ง “คืนนี้ว่างมั้ยครับ?” “เงียบไปเลยนะน้อง” “ต้องให้โอนเพิ่มมั้ย?” แต่เธอแค่กดลบโดยไม่ตอบกลับ เพื่อนยังคุยกันเรื่องติวสอบ เรื่องผู้ชาย เรื่องการฝึกงานส่วนเธอ...นั่งเงียบ แต่น้ำหนักบนอกกลับเบากว่าทุกวัน พอเรียนเลิกเธอยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ข้างลานหน้าอาคารพี่บอยขี่รถมาจอดตรงหน้า วันนี้เขามาถึงเร็วกว่าทุกวัน เหมือนใจเขาเอง...ก็รีบกลับมาเธอสวมหมวกกันน็อก แต่แทนที่จะซ้อนขึ้นไปเหมือนเคย เธอแตะบ่าเขาเบา ๆ แล้วพูด “วันนี้...หนูไม่ไปที่เดิมนะคะ” พี่บอยชะงักเล็กน้อยเขาหันมามองเธอแววตาไม่ได้ตกใจ...แต่มันมีบางอย่างที่ “อ่อนลง” ชัดเจน “แล้ว...จะไปไหน” “อยากเดินเล่นค่ะ ไปตลาดนัดข้างมหาลัยกันไหม?” เธอยิ้ม ยิ้มแบบที่เขาไม่ค่อยเห็นเขาพยักหน้า แล้วออกรถช้า
เสียงฝักบัวดังสม่ำเสมอในห้องน้ำเล็ก ๆไอน้ำลอยฟุ้งเกาะกระจกนิรินยืนก้มหน้ารับสายน้ำบนศีรษะโดยไม่ขยับไปไหนคืนนี้...เธออาบน้ำนานกว่าทุกครั้งฟองสบู่ค่อย ๆ ล้างสิ่งที่เธอไม่อยากจำริมฝีปากยังคงได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างผู้ชายคนอื่นแต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยแค่ สัมผัสจากจมูกของพี่บอย...ที่กดลงหน้าผากเธอเบา ๆเธอหลับตาปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัวเหมือนจะล้างอะไรออกไปจากข้างในภาพเตียงในโรงแรมเสียงหัวเราะฝืด ๆ จากแขกสายตาของผู้ชายที่มองเธอเป็นแค่สินค้า...ทุกอย่างยังอยู่ในหัวแต่เหมือนมันเริ่มหลุดออกทีละนิด...เพราะจูบเดียวจากเขาข้างนอกพี่บอยนั่งพิงผนังข้างเตียง มือถือเงียบเขาไม่ได้เลื่อนจอ ไม่เช็กแอป ไม่โทรหาใครแค่นั่งอยู่ตรงนั้น...แบบที่พร้อมจะอยู่เสมอ ถ้าเธอเปิดประตูออกมาเมื่อเสียงฝักบัวหยุดลงเขาไม่ได้ลุกไปดูแต่เงยหน้าขึ้นนิดหน่อยสบตากับประตูห้องน้ำอย่างแนบแน่น...เหมือนจะบอกเธอว่า“ไม่ต้องล้างให้หมดก็ได้ พี่รับได้ แม้จะยังเหลือที่ว่างในใจ”นิรินอยู่ในเสื้อตัวโคร่งของเขา ตัวเดิมที่เขาแขวนไว้เงียบ ๆ ในตะกร้าเธอมองเขานิ่ง ๆผมยังเปียกตาแดงนิดหน่อยแต่ริมฝีปากเริ่มมีรอยยิ้มจาง ๆ“อาบน้ำนานเลยนะ”เขาพูดเบา ๆ
ท้องฟ้ายามเย็นค่อย ๆ กลืนแสงแดดจนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเสียงวินมอเตอร์ไซค์ดังสลับกับเสียงรถยนต์บนถนนที่เริ่มแน่นขึ้นในเวลาเลิกงานนิรินยืนอยู่หน้าหอในมือถือกระเป๋าผ้าใบเล็ก เสื้อผ้าและของใช้ที่เธอเตรียมไว้สำหรับ “นัด” คืนนี้วันนี้เธอมีแขกอีกคนเวลาทุ่มตรงสถานที่...โรงแรมเดิมพี่บอยขี่วินมาจอดตรงหน้าโดยไม่ถาม ไม่ทักเขาแค่ยื่นหมวกกันน็อกให้เธอเหมือนทุกครั้ง“ไปเลยไหม”น้ำเสียงเขาราบเรียบเหมือนเคยแต่แววตา...กลับดูอ่อนกว่าเมื่อคืนบนรถ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีบทสนทนามีแค่ลมหายใจของทั้งสองคนที่พัดผ่านกลางอากาศเย็น ๆเธอกอดเอวเขาแน่นกว่าทุกครั้งแต่เขาไม่พูดสักคำเมื่อถึงหน้าโรงแรมพี่บอยจอดรถตรงจุดเดิม เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานิรินลงจากรถช้า ๆ แล้วคืนหมวกกันน็อกให้เขา“ขอบคุณนะคะ...”เธอพูดเบา ๆ เหมือนกลัวเขาจะได้ยินแต่พี่บอยแค่พยักหน้า ไม่ยิ้ม ไม่ถามไม่มีคำว่า “ใคร”ไม่มีคำว่า “กี่โมงจะกลับ”เขาแค่มองเธอแล้วพูดเพียงคำเดียว...“ฝนจะตก...อย่าลืมพกร่ม”นิรินยืนมองรถวินของเขาขี่ห่างออกไปจากลานหน้าโรงแรมใจเธอกลับหนักกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะงานคืนนี้แต่เพราะผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไรเลยทั้งที่เธอรู้ว่าเขารู้เข
เสียงเครื่องวินจอดลงหน้าหอพักท้ายซอยพี่บอยดับเครื่อง แล้วมองตึกแถวสามชั้นที่อยู่ไม่ไกลจากปากทางนิรินพักอยู่ที่นี่ ชั้นสอง ห้อง 2Bเขาเคยขี่ผ่านนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุให้ขึ้นมาเองคืนนี้…เขาไม่ได้แค่ขึ้นมาแต่กลับ “เลือกจะอยู่” ต่อด้วยใจตัวเองเขาพาเธอขึ้นบันไดทีละขั้น ช้าและมั่นคงในตอนที่เปิดประตูห้องเข้ามากลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ผสมกลิ่นแชมพูในห้องของผู้หญิงคนหนึ่งตีขึ้นมาทันทีไม่มีรูปผู้ชายไม่มีของตกแต่งมากนักมีแค่เตียงเดี่ยวสีขาวโต๊ะเครื่องแป้งกับกระดาษโน้ตเล็ก ๆ ที่เขียนว่า “วันนี้แขก 2 ทุ่ม”เขาหยิบโน้ตใบนั้นขึ้นมา มองเงียบ ๆก่อนจะฉีกมันทิ้งแล้วโยนลงถังขยะนิรินนอนบนเตียง กึ่งหลับกึ่งตื่นพี่บอยถอดเสื้อวินพาดเก้าอี้ แล้วขึ้นมานอนข้างเธอกอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่นไม่ได้ขอสิทธิ์แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธคืนนี้เขาไม่ได้กลับห้องแต่กลับ มีกุญแจหัวใจของใครบางคน ติดตัวไปด้วยแทนเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังแผ่วในห้องเช่าชั้นสองนิรินงัวเงียเอื้อมมือไปกดมันโดยไม่ลืมตาเธอกำลังจะพลิกตัวไปอีกข้าง...แต่แล้วฝ่ามืออุ่น ๆ ที่วางอยู่บนเอวก็ทำให้เธอชะงักพี่บอย...ยังอยู่ตรงนี้เขายังนอน
แสงจากหลอดไฟหัวเตียงสลัว ๆ ฉายเงาร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งสองไว้ในความเงียบพี่บอยนอนเอนพิงพนัก หอบหายใจช้าแต่แรง มือข้างหนึ่งยังลูบผมนิรินราวกับกลัวเธอจะละลายหายไปนิรินซบอกเขาอยู่ครึ่งตัว แต่อีกครึ่งกลับคุกเข่าลงต่ำกว่าดวงตาเธอหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าแท่งเนื้อที่แข็งขึงของเขา ที่ชูตระหง่านแน่นหนายาว หนัก และน่าเกรงขามกว่าที่เธอเคยเห็นมันน่ากลัว...แต่น่าดึงดูดยิ่งกว่าไม่ใช่เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพื่อเงินแต่เพราะนี่คือของคนที่เฝ้ามองและโอบอุ้มเธออย่างเงียบงันมาตลอดนิรินเลียริมฝีปากช้า ๆ ก่อนโน้มหน้าปลายลิ้นแตะเบา ๆ ที่โคนลำแท่งแล้วลากไล้ขึ้นตามแนวยาวทีละน้อยเสียงหายใจพี่บอยสะดุดต่ำ ๆ“นิริน…” เขาเรียกชื่อเสียงแหบพร่าแต่เธอไม่หยุดริมฝีปากอุ่นค่อย ๆ ครอบหัวหยักชื้น ๆ ไว้ทั้งดวงแล้วกลืนแท่งเอ็นลงไปทีละคืบ จนแทบสุดลำ ก่อนจะถอนออกพร้อมเสียงดูดดังเบา ๆพี่บอยกำผ้าปูแน่น สะโพกกระตุกเล็กน้อย แต่ยังไม่กล้าแตะต้องเธอปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายเลือกทุกจังหวะปากเล็กทั้งดูด ทั้งดุน ทั้งเลีย ปลายลิ้นตวัดวนไม่หยุดมือหนึ่งประคองฐานแน่น อีกมือไล้ตามท่อนข้างลำทุกการขยับทำให้เขาสั่นสะท้านจนหายใจติดขัด“พอ