Share

บทที่ 7

“หนิงหนิง นี่เธอจะไม่ไปเรียนที่เดียวกับพวกเราจริงๆ น่ะหรือ” รั่วฉินเพื่อนวัยเด็กที่เรียนมาด้วยกันตั้งเเต่ชั้นประถมเอ่ยขึ้น

หยูหนิงมองถ้วยไอศกรีมตรงหน้า จนเวลาผ่านไปพักหนึ่งจึงเงยหน้ามามองคนถามเเล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

“ทำไมล่ะ เพราะอะไรหนิงหนิงถึงไม่ไปเรียนที่เดียวกับพวกเรา” คราวนี้ทั้งกลุ่มหันมาถามเป็นเสียงเดียวกัน

เด็กสาววัยสิบห้าเวลาอยู่รวมกันแล้วเหมือนนกกระจอกเเตกรังอย่างที่เขาว่าจริงด้วย หยูหนิงคิดในใจพลางหัวเราะขำๆ ดวงตาสีดำคู่โตหันไปมองที่ถ้วยของคนอื่น โดยลืมให้เหตุผลเพื่อนตัวเองเสียสนิท

'อืม...วานิลลาของรั่วฉินน่ากินมากเลย สตรอว์เบอร์รี่ของหวางอินก็ดูท่าทางจะอร่อย ชาเขียวของมั่วฉางก็สีสันน่ากินสุดๆ หรือเราจะเเลกกันคนละคำกับพวกเธอดี'

เห็นท่าทางอยู่ในโลกส่วนตัวของหยูหนิงแล้ว ทุกคนก็ได้เเต่ส่ายหน้าปลงตก เพราะรู้ดีว่าต่อให้พยายามถามอีกก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา พวกเธอจึงหันไปสนใจถ้วยไอศกรีมตัวเองบ้าง ทว่าพอไอศกรีมหมดเสียงจอเเจก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง หยูหนิงมองเพื่อนๆ ที่พยายามถามเธออย่างเอาเป็นเอาตาย เเล้วส่ายหน้านึกในใจขำๆ เวลาเรียนตั้งใจกันขนาดนี้ไหมเนี่ย

“สรุปว่าเธอจะไม่ไปสอบเข้าที่เดียวกับพวกเราจริงๆ น่ะเหรอ หนิงหนิง” รั่วฉินถามพลางทำตาเเดงๆ

หยูหนิงผ่อนลมหายใจ จริงอยู่ที่เพื่อนๆ ในกลุ่มดูเเลเธอมาโดยตลอด ปฏิบัติกับเธออย่างทะนุถนอม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เป็น เพราะตั้งเเต่เด็กนับจากที่จำความได้ หยูหนิงก็รู้ตัวเองดีว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณหมอวินิจฉัย ทว่าอาการตอบสนองที่ช้ากว่าคนปกตินั้นทำให้คนรอบข้างตัดสินเธอไปเเล้ว

หยูหนิงไม่ได้ต้องการให้ใครมาปกป้องดูแลราวกับเธอเป็นคนพิการ ยิ่งไม่อยากให้ใครมาทำราวกับว่าตนเองนั้นเป็นดั่งเเก้วที่พร้อมเเตกสลาย สิ่งที่หวังมีเพียงใครสักคนที่มองเธอเป็นคนปกติ

เธออยากเป็นคนพิเศษที่สำคัญ...ไม่ใช่คนพิเศษที่พิการทางสมองในสายตาของผู้คนรอบตัว

“เพราะอะไร ทำไมหนิงหนิงถึงจะไม่ไปสอบเข้าที่เดียวกับพวกเราล่ะ” เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มผู้มาทีหลังดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงเกินคนวัยเดียวกันก้าวมายังโต๊ะ ก่อนเจ้าตัวจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ เด็กสาวเจ้าของชื่อที่เอ่ยเมื่อครู่อย่างสนิทสนม

สายตาทุกคู่มองมาที่เด็กหนุ่มผู้มาใหม่ทันควัน ไม่เว้นเเม้เเต่เด็กสาวโต๊ะอื่นในร้าน ทว่าเจ้าตัวกลับเมินเฉยไม่คิดใส่ใจด้วยถือเป็นความเคยชินไปแล้ว

เฉิงเหยียนเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบหกที่ดูดีเกินอายุอย่างเหลือเชื่อ รูปร่างสูงโดดเด่นกับใบหน้าหล่อเหลาเพอร์เฟกต์ ทำให้เขาเคยถูกทาบทามจากเเมวมองวงการบันเทิงนับครั้งไม่ถ้วน เเต่เจ้าตัวก็ไม่คิดตอบตกลงสักครั้ง นั่นทำให้หลายคนพากันเดาเหตุผลไปต่างๆ นานา

บ้างก็ว่าเด็กหนุ่มไม่สนใจวงการที่ใช้หน้าตาเป็นจุดขาย บ้างก็ว่าเป็นเพราะครอบครัวของเขาเป็นพวกมีฐานะไม่ธรรมดา จึงไม่อนุญาตให้ลูกหลานเข้าวงการนี้ เเละยังมีคำเล่าลือที่พูดต่อๆ กันไปอีกว่า การที่เฉิงเหยียนไม่ยอมตกลงเนื่องจากบริษัทพวกนั้นเข้มงวดเรื่องส่วนตัวและห้ามศิลปินมีคนรัก

พอมาถึงเหตุผลขอหลังนี้ทำให้ผู้หญิงหลายคนปักใจเชื่อ พวกหล่อนเริ่มมองหาคนที่พอจะเข้าข่ายรอบๆ ตัวเฉิงเหยียน ว่าใครกันแน่ที่ทำให้คนในดวงใจเด็กสาวเกือบทั้งโรงเรียนยอมทำเพื่ออีกฝ่ายได้ถึงขนาดนี้

หลังถกเถียงกันมาหลายรอบพวกเธอก็ได้ข้อสรุป

เฉิงเหยียนไม่เคยแสดงความสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ ไม่เคยคบหากับใครมากเกินกว่าฐานะเพื่อน มีเพียงคนเดียวที่ขวัญใจเด็กสาวให้ความสำคัญจนออกนอกหน้า นั่นก็คือ ‘หยูหนิง’ เด็กสาวออทิสติกคนดังของโรงเรียนที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันดี

หยูหนิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองก็เป็นคนดังของโรงเรียนเช่นกัน ด้วยท่าทางใสซื่อบวกกับร่างเล็กบอบบาง ทำให้เด็กสาวดูน่ารักน่าทะนุถนอม อีกทั้งใบหน้าจุ๋มจิ๋มปากนิดจมูกหน่อย เมื่อรวมกับดวงตากลมโตฉ่ำน้ำ ภาพลักษณ์เธอจึงเปรียบดั่งตุ๊กตาเจ้าหญิงในเทพนิยาย มีเด็กหนุ่มไม่น้อยที่หวังเข้ามาสนิทสนมด้วย ทว่าเพราะเฉิงเหยียนทำให้พวกเขาได้แค่คิด แต่ไม่กล้ากระทำอย่างที่คิด

“อื้อ เราอยากสอบเข้าโรงเรียนเเถวนี้น่ะ มันใกล้บ้านเเละก็ได้อยู่กับคุณน้าด้วย” เสียงใสตอบเบาๆ เจ้าตัวไม่กล้าสบตาเพื่อนชายแม้แต่น้อย

เฉิงเหยียนเม้มปากขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีเพราะคิดว่าหยูหนิงจะเข้าเรียนที่เดียวกัน เขาจึงใช้โควตานักกีฬาให้ตัวเอง มาถึงตอนนี้จะเปลี่ยนอะไรๆ ก็คงทำได้ยากเเล้ว เด็กหนุ่มพลันถอนหายใจ ดูท่าคงต้องยอมเเพ้ ถึงจะเรียนคนละที่เเต่ถ้าเขาหมั่นมาหาคงไม่มีอะไร

หยูหนิงยิ้มซื่อๆ ให้เพื่อนชาย เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายล้มเลิกความคิดจะตามไปเรียนที่เดียวกับเธอเเล้ว เเน่นอนว่าเด็กสาวรู้ดีถึงปิดเป็นความลับเเล้วค่อยมาเฉลยตอนหลัง เธออยากใช้ชีวิตเเบบคนธรรมดา ไม่ใช่ให้เพื่อนทุกคนมาคอยดูเเลราวกับไข่ในหิน เพราะนั่นคือการย้ำเตือนตัวเองว่าเธอนั้นไม่ปกติ!

ที่สำคัญถ้าหากเรียนต่อที่นี่ อย่างน้อยเธอก็ยังช่วยเเบ่งเบาภาระงานบ้านให้คุณน้าได้ด้วย ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หยูหนิงเลือกเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน

“โรงเรียนเกรดต่ำก็เหมาะสมกับสติปัญญาคนบางคนนะ ถือว่าเลือกได้ดี เหมาะสมกับตัวเองแล้ว” เสียงหวานทว่าแหลมเล็กจนฟังแล้วระคายหูของเด็กสาวโต๊ะข้างๆ ดังขึ้น คนพูดมองจ้องมาที่หยูหนิงอย่างท้าท้าย ริมฝีปากเเดงเรื่อเผยอขึ้นเป็นเเนวโค้ง คำพูดของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกันได้ไม่น้อย

“แหม หูฟ่าน เธอก็รู้นี่ คนบางคนถึงจะปัญญาอ่อนเเต่ก็ไม่เคยคิดที่จะเจียมตัว วันนี้คงสำนึกได้แล้วละมั้งว่าตัวเองนั้นเป็นภาระ” เด็กสาวอีกคนเอ่ยเสริมขึ้น ใบหน้ากลมของเธอยิ้มเหยียดอย่างจงใจ ดวงตาที่มองมาทางหยูหนิงมีเเววอิจฉาเผยให้เห็น

'ฮึ! คิดว่าเฉิงเหยียนเป็นใคร ยัยเด็กสติไม่ดีนั่นถือสิทธิ์อะไรมาเกาะติดเขา'

หยูหนิงรีบจับมือรั่วฉินที่แสดงท่าทีว่าไม่พอใจ พลางส่งสายตาห้ามเพื่อนคนอื่นๆ เด็กสาวอมยิ้มน้อยๆ ดั่งเคย ดวงตากลมหลุบลงปิดบังความรู้สึก ก่อนจะขยับลุกกล่าวคำร่ำลา

“ถ้างั้นเราขอตัวกลับก่อนนะ บ๊ายบาย พรุ่งนี้เจอกันจ้า”

เพื่อนในกลุ่มต่างมองตามสีหน้าเป็นห่วง เฉิงเหยียนตวัดสายตาไปมองเด็กสาวสองคนโต๊ะข้างๆ จ้องเขม็ง ก่อนสะบัดหน้าใส่อีกฝ่ายเเสดงออกถึงอารมณ์ฉุนเฉียวไม่พอใจ

หูฟ่านกัดริมฝีปากแน่น ในใจนึกคาดโทษหยูหนิงไม่เลิก สำหรับคนอ่อนโยนเเบบเฉิงเหยียน การเเสดงออกเมื่อครู่ก็บอกได้เเล้วว่าเขาโกรธเเค่ไหน ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็เพราะนังเอ๋อนั่นคนเดียว น่าโมโหที่สุด!

เฉิงเหยียนวางเเก้วน้ำในมือเสียงดัง แล้วขยับกายลุกตามเด็กสาวที่ตัวเองสนใจทันที ดวงตาไม่เหลือบเเลคนด้านหลังเเม้เเต่น้อย

รั่วฉินมองตามร่างสูงที่ห่างออกไปด้วยสีหน้าไม่บอกความรู้สึก ทว่าแววตาเปล่งประกายไหววูบ ก่อนจะหันไปบอกลากลุ่มเพื่อนคนอื่นบ้าง

“เรากลับก่อนนะ พอดีมีธุระน่ะ”

บรรยากาศกร่อยแล้ว หลายคนจึงพยักหน้ารับ แล้วพากันลุกเดินไปจ่ายเงินเพื่อกลับบ้าง มีบางคนที่หันไปพูดกระทบกระเทียบหูฟ่านกับเพื่อนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะจากไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบทัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 61

    หลังจบพิธีการสำคัญ เฟยเซียนและจ้าวเหมยฮวาจึงได้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับผู้เฒ่าฟ่งต่อ ทารกน้อยฟังเนื้อหาใจความสำคัญแล้วจึงเข้าใจ ที่แท้ผู้อาวุโสท่านนี้คิดจะนำขันทีที่หมดสภาพไปวังหลวง แน่นอนเหตุผลหลักๆ ย่อมมีเพียงข้อเดียว นั่นคือไปเพื่อหาเรื่องระบายอารมณ์กับเจ้านายอีกฝ่ายฮองเฮาท่านไปทำกรรมอันใดมานะ ถึ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 60

    “ชวี่เอ๋อร์ต้องการปลอบใจพ่อสินะ สมแล้วที่เป็นลูกรักของพ่อ ต่อไปในอนาคตเจ้าต้องเชื่อฟังคำพ่อนะ ขึ้นชื่อว่าบุรุษไม่มีใครรักพวกเจ้าเท่าบิดามารดาเป็นแน่ อย่าไปหลงคารมหวานๆ จนเผลอมอบใจให้ตามที่พวกมันล่อลวงเล่า”แม่นมมองผู้เป็นนายที่พยายามพร่ำคำพูดให้บุตรสาวที่ยังเป็นทารกฟังด้วยสีหน้าเอือมระอา นายท่านของพ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 59

    จากวิญญาณต้นไม้ธรรมดาข้ามสะพานอนิจจังกลายเป็นมนุษย์ แล้วจากมนุษย์ต้องไปเผชิญกับสภาพสุนัขจิ้งจอก มายามนี้นางได้กลับคืนสู่ฐานะมนุษย์อีกครั้งแล้วหยูหนิงหรือจ้าวชวี่ในคราบทารกวัยเพียงหนึ่งเดือนไม่อาจทำสิ่งใดตามที่ใจคิดได้ ในหนึ่งวันของนางมีเพียงแค่กิน ถ่าย แล้วก็นอนโง่ๆ เท่านั้น แน่นอนการไม่สามารถทำอะไ

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 58

    “อัปมงคลบ้านเจ้าน่ะสิ เมียข้าคลอดลูกถึงสองคนถือเป็นเรื่องน่ายินดี มีตรงไหนที่เป็นโชคร้ายกัน กับอีแค่เลือดจากการคลอดบุตรยังต้องหลบลี้หนีหน้า ต่อไปข้าจะนำทัพออกศึกได้อย่างไร”หมอตำแยจนใจจะกล่าวคำ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่กลัวโชคร้ายก็แล้วไปเถิด เพราะถึงอย่างไรไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับตนเสียหน่อย

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 57

    จ้าวหมิงหลงฟังแล้วเห็นด้วยกับคนสนิทเป็นอย่างมาก แม่ทัพพยายามเก็บอาการกระวนกระวายไว้ในใจ พลางท่องบอกตนเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ภรรยาตนคลอดบุตรมาได้อย่างปลอดภัยแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ก็ย่อมต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่นอน สิ่งที่เขาควรต้องทำนั้นคือรอคอยอย่างสงบใช่แล้ว รออย่างสงบ...“...”แล้วถ้าไม่เป็นอย่างท

  • สามชาติ สองภพ จบปรารถนา   บทที่ 56

    เพราะเกิดการปะทะกันระหว่างพรรคมารกับฝ่ายธรรมมะ เป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าหุบเขามังกรฟ้าตาย ทำให้เขาต้องยื่นมือมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องผู้นำ ข่าวนี้แพร่กระจายจนบรรดาเหล่าคนในยุทธภพรู้กันทั่ว อีกทั้งงานชุมนุมเพื่อเฟ้นหาประมุขยุทธภพคราวนี้ยังล่มไม่เป็นท่างานชุมนุมคราวนี้ไม่เพียงไม่สามารถหาผู้มารับตำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status