หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในบ้านแล้วสองแฝดเพิ่งจะเห็นว่าในตะกร้าที่ท่านแม่ของพวกเขาสะพายอยู่นั้นมีก้อนอะไรกลม ๆ ขาว ๆ อยู่ ด้วยความสงสัยเจี้ยนเอ๋อร์จึงได้เอ่ยปากถามมารดาของตัวเองในสิ่งที่เขาสงสัยทันที
“ท่านแม่ขอรับท่านแม่ อะไรอยู่ในตะกร้าของท่านแม่หรือขอรับ ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นกระต่ายหรือขอรับ”
“อ่อ เจ้านี่หรือ มันชื่อเสี่ยวหลาง แม่ไปเจอมันอยู่ตัวเดียวในป่าเลยพามันกลับมาด้วย ต่อไปนี้มันจะมาอยู่กับพวกเราเป็นสมาชิกในบ้านของเรา ลูกต้องช่วยกันดูแลและห้ามรังแกมันเด็ดขาด”
“ว้าว หมาล่ะ ลูกหมาล่ะ เฉิงเอ๋อร์ชอบมันที่สุดเลยขอรับท่านแม่ ”
“เอาล่ะ ๆ ถ้าลูกชอบก็ดูแลมันให้ดี ๆ ล่ะ ไปอาบน้ำกันได้แล้ว”
“ขอรับ เสี่ยวหลางเจ้าก็ต้องอาบน้ำด้วยนะ ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำเจ้าต้องไปนอนนอกบ้าน” เจี้ยนเอ๋อร์
“พวกเจ้ารออารองด้วย อารองไปอาบด้วยคน”
“ท่านแม่เจ้าคะวันนี้ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
“เฟยเทียนอาการดีขึ้นไม่น้อย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“เจ้าค่ะท่านแม่ วันนี้ข้าคุยกับท่านพ่อแล้ว ให้ว่าจ้างช่างจากในเมืองมาช่วยสร้างบ้านให้พวกเราอยู่ชั่วคราวไปก่อน น้องรองเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเองก็ไม่วางใจหากข้าหรือท่านพ่อและน้องรองไม่อยู่ ข้ากลัวว่าป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องระรานท่าน อีกอย่างข้าคิดว่าฮุ่ยเหม่ยนางคงไม่ยอมจบง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ นางคงต้องหาวิธีมาเอาคืนบ้านเราแน่"
“เฮ้อ แม่เองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งลุงและป้าสะใภ้ของพวกเจ้าถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ท่านปู่ของพวกเจ้าจากไปดูเหมือนว่าท่านลุงของพวกเจ้าจะเปลี่ยนไปด้วย และยังมีท่านย่าของพวกเจ้าอีก หลังจากที่ท่านปู่ของพวกเจ้าจากไปไม่นานนางเองก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน บางครั้งทำกับพ่อของเจ้าเหมือนว่าเขาไม่ใช่ลูกของนาง แม่เองก็ไม่เข้าใจ”
“อย่าเก็บมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพ่อเองก็ทุกข์ใจมาตลอด ต่อไปนี้ครอบครัวเราจะต้องดีขึ้น ข้าสัญญา นี่เงิน 100 ตำลึงท่านแม่เก็บเอาไว้นะเจ้าคะจะได้ซื้ออาหารดี ๆไปให้ท่านพี่บำรุงร่างกาย”
“แม่ขอบใจเจ้ามากนะหลินเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว”
“ข้าไม่ลำบากเจ้าค่ะ ข้ายินดีขอเพียงแค่ครอบครัวของเรามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
ก่อนเวลาอาหารเย็นเล็กน้อยหยางเทียนฉีก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี หลังจากจบมื้ออาหารแล้วทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉีหลินพาลูก ๆ เข้านอนโดยมีเสี่ยวหลางตามเข้าไปนอนในห้องด้วย
วันนี้ทุกคนต่างเหนื่อยกันมามากแล้วจึงได้นอนเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เพราะพรุ่งนี้พวกเขายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหู่ที่แอบตามฉีหลินมาตั้งแต่ป่าหมอก
จนกระทั่งกลางดึกทั้งสองตัวจึงแอบเข้ามาในบ้านและเรียกให้เสี่ยวหลางเปิดประตูห้องให้พวกมันได้เข้ามาข้างใน เสี่ยวหลางได้แต่ส่งสายตาดูถูกไปให้สหายทั้งสองตัว
“ทำไมพวกเจ้ามาเอาป่านนี้ มัวไปทำอะไรอยู่ไม่ใช่มาถึงตั้งนานแล้วหรอกหรือ” เสี่ยวหลาง
“ข้ากลัวนางตกใจและคนในครอบครัวนางตกใจน่ะสิ เจ้าไม่ดูบ้างล่ะว่าข้าสองตัวเป็นตัวอะไร” เสี่ยวหู่
“นั่นสิไหนจะเจ้าเด็กเฟยจินจอมขี้ขลาดนั่นอีก ถ้าเกิดข้าสองตัวออกมาตั้งแต่ตอนกลางวันคาดว่าเจ้านั่นคงได้ตกใจตายไปน่ะสิ” เสี่ยวเฮย
“ แล้วพวกเจ้าจะทำยังไงต่อ จะแอบอยู่ในนี้ก็ไม่ได้หรอกนะยังไงย่อมต้องมีคนเห็น” เสี่ยวหลาง
“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ รอนางตื่นขึ้นมาก่อนพวกเราค่อยอธิบายให้นางฟัง ตอนนี้นอนก่อนเถอะข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว” เสี่ยวเฮย
สามคนแม่ลูกไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้ในห้องของพวกเขาไม่ได้มีเพียงเสี่ยวหลางเท่านั้น แต่ยังมีเสือขาวอีกหนึ่ง และงูดำมะเมื่อมอีกหนึ่งที่เข้ามานอนแออัดอยู่ในห้องของนาง
เสี่ยวหลางได้แต่ภาวนาว่าในตอนที่นางตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหวังว่านางจะไม่ตกใจ และรับฟังสหายทั้งสองของมันเสี่ยวหลางได้แต่หวังว่านางจะไม่ตกใจกลัวจนเสียสติไปเสียก่อน
ตัวเสี่ยวหลางเองนั้นเป็นหมา นับว่าเป็นเรื่องปกติของชาวบ้านที่จะมีหมาเลี้ยงเอาไว้ในครอบครัว แต่งูกับเสือนี่สิ บ้านไหนเขามีกัน นางตื่นมาไม่ตกใจสิแปลก แล้วยังมีเจ้าหนูน้อยสองคนนั่นอีก เฮ้อ เรื่องวุ่นวายกำลังจะเกิดล่ะนะ
เช้าวันต่อมาฉีหลินตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นวันนี้นางจะขึ้นไปวางกับดักในป่าอย่างน้อย ๆ ยังมีเนื้อสัตว์นำมาปรุงอาหารได้ ตอนนี้เงินในมือนางมีอยู่ก็จริงแต่ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ทีละมาก ๆ จึงจำเป็นต้องเข้าป่าหาของป่าขายเพื่อเป็นการบังหน้า
ส่วนเงินในมิตินางจะค่อย ๆ นำออกมาใช้ ส่วนของกินของใช้ในมิติยังไม่สามารถนำออกมาใช้ในตอนนี้ได้ นางตั้งใจว่าจะเปิดอกคุยกับครอบครัวแบบจริงจังหลังจากรักษาอาการป่วยของสามีนางจนหายดีแล้ว
มันน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่จะต้องมาเก็บความลับเอาไว้จะทำอะไรก็ไม่สะดวกคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตลอดเวลา อีกอย่างนางต้องการส่งให้ลูกชายทั้งสองเข้าเรียนในสถานศึกษาในปีหน้า
ฉีหลินเดินออกจากห้องโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่าในห้องของตัวเองนั้นมีสมาชิกเกินมาอีก 2 ตัว เพราะสองตัวนอนอยู่มุมห้องนางจึงไม่ทันเห็น
หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วนางก็ขึ้นไปวางกับดักในป่าทันที จากนั้นก็เก็บผักป่ากลับมาด้วย ขากลับผ่านลำธารก็จึงแวะจับปลามาทำมื้อเช้าด้วย
ฉีหลินถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าในห้องนอนของนางมีสมาชิกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาอีก 2 ตัว จนกระทั่งนางกลับมาจากวางกับดักในป่าหลังจากแวะเอาปลาไปให้แม่สามีทำมื้อเช้าแล้ว
ฉีหลินเดินตรงมายังห้องนอนของนางที่มีลูกชายทั้งสองคนนอนอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูเข้าไปด้านในกลับได้ยินเสียงลูกชายทั้งสอง หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนางแทบจะล้มทั้งยืนกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ลูกชายของนางอีกคนกำลังนั่งอยู่บนหลังเสือ อีกคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับงูดำตัวใหญ่เกือบจะเท่าตัวของลูกชายของนาง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เจี้ยนเอ๋อร์ลงมาลูก เฉิงเอ๋อร์ถอยออกมา ทำไมมีงูและเสืออยู่ในบ้าน พวกมันมาจากไหน”
“ท่านแม่ข้าไม่รู้ขอรับข้าตื่นขึ้นมาพวกมันก็อยู่ในห้องแล้ว แต่พวกมันไม่กัดนะขอรับพวกมันน่ารักมากเลย ข้าชอบมากเลยขอรับ ท่านแม่เลี้ยงพวกมันได้หรือไม่ขอรับ นะท่านแม่นะขอรับ เลี้ยงนะขอรับ”
“หยุด ๆ ขอแม่ตั้งสติหน่อย หืมหรือว่าเสียงที่เราได้ยินเมื่อวานจะเป็นเจ้าสองตัวนี้คุยกัน"
“เสี่ยวหลาง พูดมาเจ้าสองตัวนี้มาจากไหน” ฉีหลินถามเสี่ยวหลางผ่านกระแสจิต
“ท่านเทพส่งมาไง ผู้ช่วยของเจ้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้านอนก่อนนะ ยังง่วงอยู่เลย”
“ท่านแม่ตกลงว่าให้พวกมันอยู่กับเราได้ใช่หรือไม่ขอรับ”
“เอาเถอะ ๆ ไหน ๆ พวกมันก็มาแล้ว ก็เลยตามเลยก็แล้วกัน แต่แม่กลัวว่าท่านย่ากับท่านอาของพวกเจ้าจะตกใจเอาน่ะสิ พวกเจ้าสองตัวน่ะทำตัวให้มันเล็กลงกว่านี้หน่อยได้หรือไม่”
“ย่อมได้อยู่แล้ว ” เสี่ยวหู่
จากนั้นเสี่ยวหู่และเสี่ยวเฮยก็ย่อขนาดตัวลงให้มีขนาดเล็ก เสี่ยวหู่นั้นหากมองเผิน ๆ มันเหมือนแมวตัวหนึ่งเท่านั้น แต่เสี่ยวเฮยยังเป็นงูดำอยู่เหมือนเดิม
ฉีหลินได้แต่หวังว่าพ่อแม่และน้องของสามีจะไม่ตกใจจนเป็นลมล้มพับหรอกนะ แล้วนี่นางจะทำยังไงดีกับเจ้าพวกนี้กัน หากพ่อแม่สามีถามนางจะหาคำตอบยังไงดี จะให้ตอบว่า “อ๋อ มันตามข้ามาจากป่าหมอกเจ้าค่ะ” แบบนี้ก็ไม่ได้อีกใครจะไปเชื่อกัน
“ลุกขึ้นไปล้างหน้าได้แล้ว ส่วนพวกเจ้าตามข้ามา เสี่ยวหลางตื่นได้แล้ว ”
หลังจากจัดการความวุ่นวายภายในห้องนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉีหลินเดินนำหน้าทั้งสามตัวออกมาจากห้องนอนและให้พวกมันรออยู่ที่ห้องโถงก่อน จากนั้นนางจึงไปจัดการลูกชายของนางให้ล้างหน้าแปรงฟัน
หยางเฟยจินที่กลับมาจากการรดน้ำแปลงผักหลังบ้านเดินเข้ามาในห้องโถงสายตาของเขาเหลือบไปเห็นเสี่ยวเฮยที่กำลังชูคอคุยกับสหายทั้งสองอย่างออกรสออกชาติ เขาถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เฮ้ย งู ท่านแม่ ท่านพ่อ งู ขอรับงู ในบ้านมีงูขอรับ”
“อะไร งูอะไร งูที่ไหน เจ้าตาฝาดไปหรือเปล่า” หยางเทียนฉีวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องโถง
“งูจริง ๆ ขอรับท่านพ่อ นั่นขอรับมันอยู่นั่น เห้ย นอกจากจะมีงูแล้วยังมีแมวอีกด้วย พวกมันมาจากไหนกัน”
“เจ้าไปเอาไม้มา พ่อจะไล่มันออกไปเอง เดี๋ยวจะเป็นอันตรายกับคนในบ้าน”
“ขอรับท่านพ่อ”
เสียงร้องเอะอะโวยวายแตกตื่นของสองพ่อลูก ฉีหลินคิดว่าพวกเขาคงเจอเจ้าพวกนั้นอยู่ในบ้านเป็นแน่ ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นนางจึงต้องรีบไปห้ามทัพก่อน
ยังไม่ทันที่เฟยจินจะได้เอาไม้มาตามที่บิดาสั่ง ฉีหลินรีบเดินเข้ามาในบ้านทันที ส่วนเด็กน้อยทั้งสองนั้นรีบวิ่งมาด้วยเช่นเดียวกันพวกเขาอยากจะเล่นกับเพื่อนใหม่ทั้งสามตัว
“ท่านพ่อเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นข้าได้ยินเสียงดังไปถึงข้างนอก”
“ลูกสะใภ้เจ้าพาลูก ๆ ของเจ้าออกไปก่อน ในบ้านมีงู”
“อ่อ งู เสี่ยวเฮยหรือเจ้าคะ ”
“นี่ลูกสะใภ้ เจ้าเรียกเจ้างูนั่นว่าเสี่ยวเฮยหรือ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อวานเจ้าไม่ได้เก็บแค่หมาป่ากลับมาใช่หรือไม่ อย่าบอกว่าเจ้าเก็บเอางูและแมวป่ากลับมาด้วยน่ะ”
“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านพ่อ แต่พวกมันไม่ทำอันตรายพวกเราหรอกนะเจ้าคะ ท่านพ่อวางใจได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่คิดร้ายกับพวกเราก็ไม่แน่เจ้าค่ะ”
“เจ้าบอกความจริงพ่อมา เมื่อวานพวกเจ้าเข้าป่าลึกใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าขอโทษที่ต้องโกหกนะเจ้าคะ ทีหลังข้าไม่กล้าพาน้องรองเข้าป่าลึกอีกแล้วเจ้าค่ะ”
ฉีหลินแถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว ว่าจะพูดให้พ่อแม่สามีและน้อง ๆ ของสามีวางใจได้เล่นเอานางคอแหบแห้งไปหมด ส่งตัวช่วยมาให้นางทั้งทีก็เหมือนกับจะกลั่นแกล้งนางไม่รู้ว่าเทพที่อยู่ข้างบนนั่นมีความแค้นอะไรกับนางนักหนา
นางสิจะต้องแค้นนัดกันไว้ 7 วัน แต่พอมาวันที่ 3กลับตายก่อนซะได้ ยังดีที่นางซื้อของจนครบหมดแล้วไม่เช่นนั้นล่ะก็นางจะไม่มีทางยอมง่าย ๆ เป็นแน่
หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายไปแล้วทุกคนในบ้านก็เริ่มลงมือกินมื้อเช้าและยังมีส่วนแบ่งของทั้งสามตัวด้วย ในตอนแรกเฟยจินค่อนข้างที่จะกลัวเสี่ยวเฮย แต่ไป ๆ มา ๆ กลับตัวติดกันไปเสียอย่างนั้น ส่วนเสี่ยวหู่ก็ทำตัวออดอ้อนท่านแม่สามีของนาง
เสี่ยวหลางกลายเป็นม้าให้ลูก ๆ ของนางขี่หลัง การมีพวกสามเสี่ยวมาอยู่ด้วยนับว่าเป็นเรื่องดี จะได้ป้องกันสองแม่ลูกบ้านใหญ่หากวันไหนพวกนางกลับมาระรานคนในบ้าน นางก็จะให้เจ้าพวกนี้จัดการทันที
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย