หลังจากผ่านเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายไปแล้วทุกคนถึงได้เริ่มลงมือกินมื้อเช้า หลังจากจบมื้ออาหารเช้าวันนี้ฉีหลินจะเป็นคนไปเยี่ยมสามีของนางที่โรงหมอส่วนน้องชายน้องสาวทั้งสองคนจะอยู่ช่วยกันเก็บของที่จำเป็นใส่หีบ ถึงเวลาย้ายออกไปจะได้ง่ายขึ้น
แม่สามีวันนี้จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน ตอนนี้บ้านสายรองไม่จำเป็นต้องไปทำงานในแปลงนา เพราะพวกเขาไม่ได้ส่วนแบ่งที่นา ส่วนข้าวที่ปลูกไปแล้วพอถึงเวลาเก็บเกี่ยวบ้านใหญ่ก็คงจะไม่แบ่งให้พวกเขาอยู่แล้ว
ในเมื่อไม่มีส่วนแบ่งเป็นของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปลงแรงให้เปล่าประโยชน์ ลูก ๆ ของนางวันนี้ดูพวกเขาจะมีความสุขมากในบ้านมีแต่เสียงหัวเราะเพราะมีเพื่อนใหม่ถึงสามตัว
เสี่ยวเฮยนั้นทำตัวเองให้เป็นเก้าอี้เพื่อให้เฉิงเอ๋อร์นั่ง ส่วนเสี่ยวหู่นั้นนอนมองเจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังเสี่ยวหลาง บางครั้งมันก็ให้เจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังมันบ้าง แต่เพราะกลัวจะมีคนเห็นว่ามันเป็นเสือมันจึงได้เพียงย่อขนาดให้เท่ากับลูกแมวและไปตามออดอ้อนแม่สามีเพื่อขอของกิน
“เสี่ยวเฮยเราไปหาท่านย่าที่ห้องครัวกันเถอะ” เสียงเล็ก ๆ ของเฉิงเอ๋อร์ชวนสหายตัวใหม่เพื่อไปขอขนมท่านย่ากิน
“ใช่แล้ว เสี่ยวหลางเราเองก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเสี่ยวหู่จะกินขนมที่ท่านย่าทำไปหมดเสียก่อน” เจี้ยนเอ๋อร์เองก็เห็นด้วย
ทำให้ตอนนี้ที่ห้องครัวแออัดไปด้วยสองเด็กและสามตัว เดิมทีห้องครัวก็คับแคบอยู่แล้วแต่พอเจ้าพวกนี้เข้ามาอัดกันอยู่ในนี้อีก ทำเอานางฟางถึงกับปวดหัวไปเลยทีเดียว
“พวกเจ้าออกไปเล่นรอข้างนอกก่อน ประเดี๋ยวย่าทำเสร็จแล้วจะไปเรียก หากพวกเจ้ามาอยู่กันเสียที่นี่หมดมันเกะกะย่าเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านย่า น้องรองเราออกไปกันเถอะ พวกเจ้าด้วยตามออกมาให้หมด” เฉิงเอ๋อร์รีบบอกให้ทุกคนออกจากห้องครัว
“ท่านแม่มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่” เยว่เล่อที่กลัวเสี่ยวเฮยขึ้นใจ รีบเข้ามาในห้องครัวทันที ที่พวกนั้นยกโขยงกันออกไป
“ไม่มีหรอกเจ้าไปปักผ้าต่อเถอะ งานในบ้านก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว หรือจะขึ้นเขาไปดูกับดักกับพี่ชายพี่สะใภ้เจ้าก็ตามใจ จากนั้นเจ้ากับพี่ชายเจ้าค่อยมาช่วยแม่เก็บของ”
“เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้าตามพี่สะใภ้ไปดูกับดักดีกว่าเจ้าค่ะ ”
“ตามใจเจ้าเถอะ”
นางฟางมองตามหลังลูกสาวคนเล็กออกจากห้องครัวไป หากสามีของนางไม่แยกบ้านนางกลัวว่าลูกสาวของนางคงไม่ได้แต่งออกไปดี ๆ แน่
พี่สะใภ้จะต้องหาบ้านสามีที่แย่ ๆ ให้กับลูกสาวของนาง ขอบคุณสวรรค์ในที่สุดสามีของนางก็ตาสว่างเสียที ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้ากตัญญูและยึดถือคำสั่งเสียของมารดาที่ไม่เคยรักเขาเลย
ฉีหลินเตรียมตัวขึ้นไปดูกับดักที่วางเอาไว้ โดยมีน้องสามีทั้งสองคนตามไปด้วย หลังจากไปตรวจดูกับดักเสร็จแล้ว นางถึงจะเข้าเมืองไปเยี่ยมสามีที่โรงหมอ
ทั้งสามคนเดินออกจากบ้านเดินมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านยังไม่ทันจะถึงชายป่า อยู่ ๆ หลี่กุ้ยฮัวที่ไม่รู้มาจากไหน กระโดดออกมาขวางทางฉีหลินเอาไว้
"หยุด เจ้ายังไปไหนไม่ได้ จนกว่าเจ้าจะตอบคำถามข้า"
"หลี่กุ้ยฮัว เจ้าต้องการอะไร มาขวางทางข้าทำไม "
"เจ้าบอกมานะ ว่าเจ้าพาพี่เฟยเทียนไปรักษาที่ไหน"
"เรื่องของสามีข้า ข้าไม่จำเป็นต้องบอกให้เจ้ารู้ ทำไมเจ้าไม่เอาเวลาที่มีอยู่ไปหาชายหนุ่มแต่งงานด้วยสักคน เจ้าเองก็อายุ 18 ถือว่าไม่น้อยแล้ว ยังจะมาไล่ตามสามีคนอื่นอยู่ทำไม"
"เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า ข้าจะแต่งให้ใครหรือไม่แต่งมันก็เรื่องของข้า เจ้ามีหน้าที่ตอบคำถามของข้าก็พอ"
"จิ๊ จิ๊ ๆ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร แล้วเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถามหาสามีของคนอื่นช่างไร้ยางอายสิ้นดี"
"หากเจ้าไม่ตอบอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกันดูสิว่าข้าจะการกับเจ้ายังไง"
"หืม นอกจากเจ้าจะหน้าหนาอยากเข้าหาสามีของคนอื่นแล้ว เจ้ายังไร้ยางอายอีกด้วย ถึงเจ้าไม่อายแต่ให้เห็นแก่หน้าบิดามารดาของเจ้าด้วย ไม่คิดหรือว่าพวกท่านจะอาย พ่อแม่เจ้าทำงานอยู่ในแปลงนา นอกจากเจ้าจะไม่ช่วยแล้วเจ้ายังวิ่งแล่นมาถามหาสามีชาวบ้าน ช่างหน้าหนาจริง ๆ"
"หุบปาก ข้าไม่ต้องการความเห็นจากเจ้า ตกลงเจ้าจะไม่บอกใช่หรือไม่"
"แล้วทำไมข้าถึงต้องบอกเจ้าด้วย"
"พี่กุ้ยฮัว ข้าว่าท่านเลิกคาดคั้นกับพี่สะใภ้ของข้าจะดีกว่า พี่ใหญ่เองก็ไม่เคยพูดกับท่านเลยสักครั้ง พี่ใหญ่ไม่ใช่เคยบอกท่านไปแล้วหรอกหรือว่าพี่ใหญ่ไม่ได้มีใจให้ท่าน ไม่มีใจชอบพอท่าน เหตุใดท่านถึงไม่ยอมเลิกราเสียที"
หยางเยว่เล่อพูดออกมาพลางแอบหลังพี่สะใภ้อย่างฉีหลินด้วยความหวาดกลัวหลี่กุ้ยฮัว
ทันทีที่หลี่กุ้ยฮัวได้ฟังสิ่งที่เยว่เล่อพูดออกมา นางรู้สึกยอมรับไม่ได้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที นางเองหลงรักหยางเฟยเทียนมาตั้งแต่นางยังเด็ก แต่หวังฉีหลินผู้หญิงน่าตายคนนี้กลับมาตัดหน้านางไปเสียก่อน
“หยางเยว่เล่อ เจ้าหุบปากของเจ้าไปเดี๋ยวนี้ ฮุ่ยเหม่ยน่าจะจับเจ้าไปขายที่หอนางโลมจะได้ไม่ต้องมาปากดีเช่นนี้ น่าจะขายเจ้าไปเสียก่อนที่จะแยกบ้าน”
“หลี่กุ้ยฮัว นอกจากตาของเจ้าจะมืดบอดแล้ว จิตใจของเจ้ายังมืดบอดด้วย มิน่าล่ะเจ้าถึงได้คบหากับฮุ่ยเหม่ยเป็นสหายกัน ว่ากันว่าคนเลวเหมือน ๆ กันย่อมคบค้าสมาคมกันได้ ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหลีกทางไปเสียเวลาทำมาหากิน ลมตะวันออกมันกินไม่อิ่มหรอกนะจะบอกให้”
“ตกลงจะไม่บอกใช่หรือไม่”
“ข้าก็บอกไปแล้วเรื่องของสามีข้า ทำไมข้าจะต้องเอามาบอกเจ้าด้วย หลบไปเสียทีทำตัวเป็นชะนีร้องหาผัวอยู่ได้ ที่สำคัญผัวชาวบ้านด้วย หน้าไม่อาย”
“กรี๊ด กรี๊ดๆ นังฉีหลิน ” หลี่กุ้ยฮัวพุ่งเข้าใส่ฉีหลินแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวก็โดนฉีหลินยกเท้าถีบออกมาเสียก่อน หลี่กุ้ยฮัวคงลืมไปแล้วว่าเมื่อวันก่อนนางเองทำอะไรฉีหลินไม่ได้เลย
ไม่ต้องให้มีใครพูดอะไรฉีหลินกระชากผมของหลี่กุ้ยฮัวขึ้นมาและจัดการตบไม่ยั้งจนตอนนี้หน้าของนางบวมเหมือนหัวหมู ฉีหลินถึงได้หยุด
“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน หากเจ้ายังมาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก จำเอาไว้ว่าข้าจะหักขาเจ้า จำเอาไว้”
หลังจากที่ฉีหลินเดินออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าเข้าป่าไปได้ไม่นาน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้พากุ้ยฮัวกลับไปส่งบ้านของนางมีบางคนวิ่งไปตามพ่อแม่ของนางที่แปลงนาเพื่อให้มาดูลูกสาวของตน
“ลุงหลี่ ๆ ท่านลุงหลี่ แย่แล้วขอรับ แย่แล้ว”
“เจ้าจะร้องโวยวายหาอะไรโกวต้าน ใครเป็นอะไร” หลี่กุ้ยจื่อ
“ก็กุ้ยฮัวน่ะสิ นางไปหาเรื่องสะใภ้บ้านหยางเมียของเฟยเทียนน่ะขอรับ”
“ห๊ะ อะไรนะ นี่นังลูกไม่รักดีกะจะให้ข้าไม่มีหน้าเดินออกไปไหนเลยหรือยังไง ทุกวันนี้ข้าแทบจะเอาตะกร้าคลุมหัวเดินออกจากบ้านแล้วนะ”
“ข้าว่าท่านรีบกลับไปดูนางเถอะ โดนหวังฉีหลินทุบตีจนข้าแทบจำหน้านางไม่ได้อยู่แล้ว”
“เหอะ รนหาที่เอง ข้าเตือนนางไปหลายรอบแล้ว แต่นางไม่ฟังข้าเลย มันเป็นเพราะเจ้านั่นแหละที่ให้ท้ายลูก งามหน้าขนาดนี้ก่อเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้ากลับไปจัดการลูกสาวตัวดีของเจ้าเองเถอะ และรีบ ๆ ให้นางแต่งออกไปได้แล้วอย่าให้นางมาทำให้ครอบครัวขายขี้หน้าคนอื่นแบบนี้”
“ท่านพี่ กุ้ยฮัวนางเป็นลูกของท่านนะเจ้าคะ ทำไมท่านพี่พูดจาแบบนี้ล่ะเจ้าคะ” นางเฉินแม่ของหลี่กุ้ยฮัวหันไปตวาดสามี
“เจ้าไม่ต้องมาพูดมาก หากเจ้าจัดการนางไม่ได้ข้าจะหย่ากับเจ้า วัน ๆ ไม่เคยช่วยงานในแปลงนา ดีแต่ทำเรื่องขายขี้หน้าไปวัน ๆ”
ฉีหลินไม่ได้สนใจว่าครอบครัวหลี่กุ้ยฮัวจะวุ่นวายหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางมุ่งหน้าเดินไปตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ ครั้งนี้นางได้กระต่ายป่า 5 ตัว ไก่ฟ้า อีก 6 ตัว เมื่อตรวจดูกับดักครบหมดทุกอันแล้ว ถึงได้กลับบ้าน
“พี่สะใภ้ จะเอาไปขายเลยหรือไม่เจ้าคะ”
“ใช่ แต่พี่จะแบ่งไก่เอาไว้ให้ท่านแม่ทำอาหาร 2 ตัว พี่ใหญ่ของเจ้ายังต้องบำรุงร่างกาย ส่วนที่เหลือพี่จะเอาไปขาย และจะแวะเยี่ยมพี่ใหญ่ของเจ้าด้วย”
“พี่สะใภ้ขอรับ ท่านเข้าเมืองก็ระวังตัวหน่อยนะขอรับ ข้ากลัวว่าท่านป้าสะใภ้กับพี่ฮุ่ยเหม่ยจะคิดวางแผนอะไรไว้”
“ขอบใจนะเฟยจิน ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี ”
“ขอรับ เช่นนั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะ พี่สะใภ้จะได้รีบเข้าเมือง"
“พวกเจ้าอยู่บ้านช่วยท่านแม่เก็บของให้ดี ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเข้าฤดูหนาว วันนี้ท่านพ่อคงให้ช่างมาสร้างบ้านให้พวกเราอยู่ชั่วคราวก่อน”
“ขอรับพี่สะใภ้ วางใจได้เลยขอรับข้าจะช่วยท่านแม่เก็บของให้เรียบร้อย”
“อืม เยว่เล่อเจ้าอย่าออกมานอกบ้านเด็ดขาด หากไม่มีพี่รองหรือท่านแม่ไปด้วย หากพี่และท่านพ่อไม่อยู่บ้านเจ้าอย่าได้ออกนอกบ้านเป็นเด็ดขาด หากมีความจำเป็นจริง ๆ ให้เรียกเสี่ยวหลางไปด้วยเข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจเจ้าค่ะพี่สะใภ้”
ทั้งสามคนเดินกลับมาถึงบ้านก็พอดีกับที่นางฟางเตรียมน้ำแกงปลาเสร็จพอดี ฉีหลินเอาไก่ 2 ตัว ให้น้องสามีเอาไปเก็บไว้ในบ้าน
ส่วนนางรับเอาตะกร้าน้ำแกงและเดินออกจากบ้านเพื่อนั่งเกวียนรับจ้างของหมู่บ้านเข้าเมืองทันที ฉีหลินนำไก่ป่าและกระต่ายป่ามาส่งที่ร้านรับซื้อสัตว์ป่า กระต่ายป่า 5 ตัว คิดเป็นเงิน 250 อิแปะ ไก่ 4 ตัว คิดเป็นเงิน 120 อิแปะ
หลังจากขายกระต่ายและไก่เสร็จแล้วนางมุ่งหน้าไปที่โรงหมอทันที เมื่อนางมาถึงสามีของนางตื่นแล้วตอนนี้เขานั่งพิงหัวเตียงเพื่อรอกินมื้อเที่ยง ท่านหมอที่รักษาสามีของนางแจ้งว่าสามารถนำเขากลับไปรักษาที่บ้านได้แล้วหากต้องการ ทางโรงหมอจะคืนเงินที่เหลือให้
“แม่นางมาเยี่ยมสามีของเจ้าหรือ”
“คารวะท่านหมอเจ้าค่ะ ใช่เจ้าค่ะ อาการสามีข้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ”
“นับว่าดีมากเลยทีเดียวร่างกายของสามีเจ้าฟื้นตัวได้ดี หากจะพากลับไปรักษาและพักฟื้นที่บ้านก็ย่อมทำได้ หรือหากจะให้อยู่รักษาที่นี่ก็สุดแล้วแต่แม่นางจะสะดวก หากกลับไปรักษาต่อที่บ้านทางเราจะคืนเงินที่เหลือให้”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าขอปรึกษากับสามีสักครู่ ได้เรื่องยังไงแล้วข้าจะมาแจ้งท่านหมออีกทีนะเจ้าคะ”
“ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
“ท่านพี่ ท่านอยากกลับบ้านหรืออยากอยู่รักษาที่นี่ต่อเจ้าคะ”
“พี่อยากกลับบ้าน พี่คิดถึงเจ้ากับลูก ๆ”
“เช่นนั้นท่านพี่กินน้ำแกงปลาเสียก่อนเจ้าค่ะ ท่านแม่เตรียมมาให้ท่าน ตอนนี้ที่บ้านท่านแม่กับน้อง ๆ เริ่มเก็บของเตรียมเอาไว้แล้ว วันนี้ท่านพ่อน่าจะจ้างช่างในเมืองไปสร้างบ้านที่หมู่บ้านป่าหมอก ข้าบอกท่านพ่อให้ช่างทำบ้านแค่พออยู่ได้ให้พวกเราอยู่ไปก่อน จากนั้นค่อยสร้างบ้านอีกหลัง”
“ขอบใจน้องมากนะหลินเอ๋อร์ ขอบใจที่ไม่ทิ้งพี่กับลูกไปไหน”
“ท่านพี่พูดอะไร ข้าจะทิ้งท่านไปได้เช่นไรเจ้าคะ ไม่ต้องพูดแล้วเจ้าค่ะ ท่านรีบดื่มน้ำแกงเถอะเจ้าค่ะ”
“อืม มีใครมารังแกเจ้าอีกหรือไม่”
“ใครจะกล้ามารังแกข้ากันเจ้าคะ ข้าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะยอมให้ใครมารังแกเอาได้ง่าย ๆ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปเราไม่จำเป็นต้องอดทนอะไรอีกแล้ว โชคดีที่ท่านพ่อตาสว่างเสียที เฮ้อ”
“คิก ๆ ท่านพี่พูดเหมือนท่านแม่เลยเจ้าค่ะ ว่าโชคดีที่ท่านพ่อตาสว่างเสียที เช่นนั้นท่านพี่ดื่มน้ำแกงรอข้าไปก่อน ข้าจะไปว่าจ้างเกวียนมารับท่านพี่กลับบ้านและจะไปแจ้งท่านหมอด้วย”
“อืมไปเถอะ พี่จะรอเจ้ามารับ ”
“จริง ๆ แล้ว ข้าอยากซื้อเกวียนวัว แต่เอาไว้รอให้เราย้ายบ้านเสร็จก่อนค่อยซื้อเกวียนวัวเจ้าค่ะ”
“ได้ ๆ ตามใจเจ้า เจ้าอยากทำอะไรพี่เห็นด้วยทุกเรื่อง”
ในตอนที่ประมุขมารได้ตายไปพร้อมกับดวงจิตที่แตกสลาย แต่ทว่ากลับไม่ได้แตกสลายไปทั้งหมด ยังมีดวงจิตอีกเสี้ยวได้หลุดลอยไปเกิดใหม่ในอีกภพชาติหนึ่ง เกิดใหม่เป็นมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถระลึกชาติได้ ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เพียงใช้ชีวิตเรียบง่ายเพียงเท่านั้น นี่คือสิ่งที่ประมุขมารร่ำร้องขอความเมตตาจากสวรรค์ก่อนที่เข้าจะแหลกสลายไปหวังฉีหลินและเฟยเทียนกลับถึงหมู่บ้านป่าหมอก ทุกอย่างนางไม่คิดว่าจะง่ายดายถึงเพียงนี้ ในที่สุดประมุขมารก็คิดได้เสียที และหวังว่าพรที่นางและสามีร้องขอกับท่านมหาเทพนั้นจะทำให้ประมุขมารไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี มีความสุขและมีภรรยาที่รักเขามากแล้วก็ขอให้ทั้งสองคนเป็นคู่ด้ายแดงทุกภพทุกชาติไป นี่เป็นสิ่งเดียวที่นางและสามีทำได้หลังจากที่หมดปัญหา หมดสงคราม ทุกคนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข แคว้นหลงอยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และข่าวการกลับมาขององค์ชายแปดผู้หายสาบสูญ ตอนนี้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋อง ที่ดินศักดินาหมู่บ้านป่าหมอกและหมู่บ้านใกล้เคียงอีกสามหมู่บ้าน หวังฉีหลินทิ้งงานให้ลูกชายทั้งหลายแล้วหนีไปท่องเที่ยวกับสามี ทั้งสองคนออกไปท่องโลกกว้าง และมักจะนำผลไม้หรือพืช
หลังจากที่ประมุขมารได้รับสารท้ารบจากเฟยเทียน ทำให้เขาได้รู้ว่าต่อให้เวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนบุรุษผู้กระหายสงครามและพร้อมจะทำลายศัตรูตรงหน้าให้ย่อยยับได้ทุกเมื่ออย่างแม่ทัพสวรรค์ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยถึงแม้ในชาติภพนี้เขาจะลงมาจุติในดินแดนของมนุษย์แต่ความสามารถของเขายังติดตัวมานั่นไม่ใช่เรื่องโกหก ถึงแม้มหาเทพจะไม่ค่อยชอบหน้าลูกเขยสักเท่าไหร่ แต่มหาเทพผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าสิ่งใดย่อมไม่มีทางให้นางลำบากส่วนมารอย่างตัวเขาเล่าทำอันใดได้บ้าง เป็นเขาเองที่ไปตกหลุมรักนางข้างเดียว เป็นเขาเองที่ยึดมั่นถือมั่น เป็นเขาเองที่ไม่ยอมปล่อยวาง เขารู้ตัวเองดีด้วยพลังของตัวเขาเองยังไม่ฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด ต่อให้สู้จนตัวตายก็ไม่สามารถเอาชนะทั้งสองได้ถึงแม้จะเอาชนะแม่ทัพสวรรค์ได้แล้วธิดามหาเทพจะชายตาแลเขาหรือก็ไม่ นางไม่เพียงไม่ชายตาแลหากแต่นางคงแก้แค้นเขาที่ทำให้สามีของนางต้องมีอันเป็นไป นอกจากจะไม่ได้ความรักแล้วสิ่งที่ได้กลับมาคือความเกลียดชังต่างหากที่นางจะหยิบยื่นให้เขาแล้วเหตุใดเขาถึงได้หน้ามืดตามัวเช่นนี้อยู่ถึงแสนปี ประชาชนเผ่ามารล้วนล้มตายไปตั้งเท่าไหร่ น้องชายคนเดียวของเขาที่เฝ้าเตือนสติเขาอยู่ตลอด
เวลาผ่านไปแล้วนับเดือน ตอนนี้กองกำลังที่ฉีหลินฝึกฝนขึ้นมาก็ออกจากด่านกักตนกันทุกคนแล้ว เวลานี้ฉีหลินกับสามีพร้อมด้วยเหล่าสัตว์เทพพร้อมไปเยือนเผ่ามารแล้วเฟยเทียนเองก็เห็นสมควรว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ หลังจากจบปัญหานี้ได้เท่ากับภารกิจของภรรยาได้เสร็จสิ้นลงเช่นกัน ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามีภรรยาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียทีหลังจากกำหนดวันเคลื่อนพลได้แล้วฉีหลินก็ให้ทุกคนได้พักผ่อนให้เต็มที่ และเตรียมข้าวของที่จำเป็นใส่ลงในแหวนมิติให้เรียบร้อย ทั้งอาหารการกิน ยารักษาต่าง ๆ ทุกคนต่างเตรียมไปให้พร้อมสรรพ ด้วยศึกครั้งนี้อีกฝ่ายคือเผ่ามารไม่รู้ว่าจะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหน แต่พวกเขาเชื่อมั่นในตัวนายท่านและนายหญิงว่าจะนำพาพวกเขากลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเฟยจิน เฮ่ออี และฮั่นเหวินไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการรบในครั้งนี้ ลูก ๆ ของเฟยเทียนทุกคนก็เช่นเดียวกัน ส่วนสัตว์เทพที่คอยดูแลความปลอดภัยที่หมู่บ้านป่าหมอกมีเพียงต้าเซี่ยกับเสี่ยวเสวียนอู่เพียงสองตัวเท่านั้นส่วนเสี่ยวหลาง เสี่ยวหู่ เสี่ยวเฮย เสี่ยวรุ่ยจื่อ และพี่ใหญ่อย่างจินหลงล้วนเข้าร่วมการรบในครั้งนี้ คนที่กระตือรือร้นมากที่สุดคื
ไป๋อี้ถังผู้โสดสนิท ครองตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ประหนึ่งนักพรตผู้ทรงศีล อีกทั้งรังเกียจสตรีมากเล่ห์ หลังจากออกจากด่านกักตนมา เขาก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาสั่งสอนลูกศิษย์ในสำนัก ไม่มีภรรยาและบุตรให้ดูแล เวลาทั้งหมดที่มีนอกจากฝึกฝนพลังปราณแล้ว เวลาส่วนที่เหลือเขาจึงเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ในสำนักศึกษาด้วยความเข้มงวดในเวลาต่อมา อาจารย์ใหญ่ไป๋อี้ถังจึงมีฉายาว่า อาจารย์ใหญ่จอมโหด หากใครไม่ทำการบ้านมาส่งก็จะโดนลงโทษให้ไปวิ่งรอบสถานศึกษา อีกทั้งยังจะต้องทำการบ้านในครั้งหน้ามากกว่าคนอื่นสองเท่าเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องเขียนจดหมายสำนึกผิดอีก 100 จบ และไปเก็บมูลทำความสะอาดคอกของสือเอ้อร์กับสืออีแทนคนงานในไร่ แถมยังต้องถูกเจ้าสือเอ้อร์กับสืออีกลั่นแกล้งจนหน้าทิ่มกองอึอีก ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าไม่ทำการบ้านอีกเลยวันนี้เป็นวันที่ไป๋อี้ถังว่างมาก มากที่สุด วันนี้เป็นวันหยุดของสถานศึกษา ไป๋อี้ถังจึงคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาดในเมือง และหาซื้อพู่กันกับแท่นฝนหมึกเพิ่มเพราะเท่าที่เขามีอยู่ตอนนี้ใช้ไปจนเกือบจะหมดแล้วจากนั้นเขาตั้งใจว่าจะชวนสหายทั้งสามของเขาไปด้วยกัน แต่กลับไม่มีใครไปเพราะแต่ละคนต้องการอยู่กับภรรยาแ
หลังจากที่เฟยเทียนกับฉีหลินเดินทางกลับมาถึงหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมลูกชายและเหล่าสหาย หนึ่งเดือนให้หลังเฟยจินก็กลับมาพร้อมกับฮั่นเหวินและเฮ่ออี หลังจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้และรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน รวมถึงส่งรายชื่อหนอนให้กับเบื้องบนแล้ว ตัวเขาเองก็หมดหน้าที่ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว ทั้งสามจึงได้ยื่นหนังสือขอลาพักกลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมบิดามารดาไป๋อี้ถังและสหายทั้งสามจะเข้าด่านกักตนเพื่อฝึกฝนในอีก 3 วันข้างหน้า โดยผู้ที่จะรับหน้าที่สั่งสอนศิษย์ในสถานศึกษาก็คือราชครูไป๋หย่งเต๋อที่เดินทางตามหลังเฟยจินได้เพียง 7 วันนอกจากไป๋หย่งเต๋อแล้วยังมีไป๋เจิ้นกั๋วเจ้ากรมอาญา เดินทางมาพร้อมกับไท่ปิงองครักษ์ประจำตัว นับเป็นการรวมตัวกันระหว่างองครักษ์เลยก็ว่าได้ เซียวหลางตัดสินใจแต่งงานและติดตามไป๋อี้ถัง ม่อถูเองก็เช่นเดียวกัน มีเพียงไท่ปิงเท่านั้นที่มีหน้าที่ดูแลไป๋เจิ้นกั๋วที่เมืองหลวงไท่ปิงเองก็อยากจะมีชีวิตเฉกเช่นสหายทั้งสองบ้าง เขาเองก็คงต้องเร่งฝึกองครักษ์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ทำหน้าที่แทนเขา ส่วนตัวเขาเองจะตามมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้ตามสหายทั้งสองคนวันนี้ฉีหลินเรียกประชุมหน่วยลับที่เป
เฟยเทียนพาภรรยามุ่งหน้ากลับหมู่บ้านป่าหมอกทันที หลังจากจัดการทั้งสองแคว้นเรียบร้อยแล้ว และด่านสุดท้ายของภารกิจในครั้งนี้ก็คือจัดการกับเผ่ามารให้เด็ดขาด หากไม่กำจัดประมุขเผ่ามารเสียตอนนี้ ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้อีก มีเพียงกำจัดประมุขมารให้ได้เท่านั้นทุกคนจะได้ไม่เดือดร้อน ตอนนี้มีข่าวส่งว่าอ๋องมารน้องชายเพียงคนเดียวของประมุขมารได้หนีออกจากเผ่ามารไปตั้งรกรากที่อื่นแต่เดิมอ๋องมารก็ไม่เห็นด้วยกับประมุขมารเรื่องยึดดินแดนมนุษย์ แต่ไหนเลยประมุขมารผู้เป็นพี่ชายจะยอมฟัง ในเมื่อมันเป็นความแค้นใจที่มีต่อธิดามหาเทพและสามี ต่อให้อีกนับล้านปีประมุขมารก็วางความแค้นในใจลงไม่ได้“ไม่รู้ว่าเจ้าสามแสบจะทำเรื่องปวดหัวให้ท่านพ่อกับท่านปู่มากมายเพียงใด โดยเฉพาะลูกสาวของท่านพี่ ป่านนี้ไม่ใช่พี่อี้ถังปวดหัวจนผมขาวหมดหัวแล้วหรือเจ้าคะ”“ฮ่า ฮ่า ไม่ขนาดนั้นกระมัง ลูกสาวของเราออกจะน่ารัก อีกอย่างพี่อี้ถังก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือไม่ได้เลยนี่นะ”“ท่านพี่ก็เข้าข้างนางตลอดล่ะเจ้าค่ะ อีกหน่อยนางก็เสียคนพอดี”“ไม่ใช่ว่านางกลัวท่านแม่อย่างเจ้าอยู่หรอกหรือ เอาน่าลูกยังเด็กอยู่ยังไม่รู้ความ มีพวกต้าเซี่ยอย