เสิ่นเสวี่ยเอ่ยร่ำลาผู้เป็นมารดา ก่อนจะเดินกลับมาที่เรือน นางเหลียวมองหาอาหลี่แต่ก็ไม่พบเขา สงสัยว่าคงจะยังไม่กลับจากตลาด
ด้านอาหลี่ที่เพิ่งจะขายมะเขือยาวเสร็จ ก็เดินไปที่ร้านขายขนม เขาซื้อขนมกุ้ยฮวาไปฝากเสิ่นเสวี่ย ขากลับผ่านร้านขายหนังสือจึงได้แวะเข้าไปดู
ภายในร้านมีหนังสือมากมายนับไม่ถ้วน อาหลี่เดินดูหนังสือเล่มนั้นทีเล่มนี้ทีอย่างเพลิดเพลินใจ เขาชอบอ่านหนังสือตำรามาก มันทำให้เขามีสมาธิและสงบสุข
ตั้งแต่เล็กพอจะจำความได้ เขาก็จำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใครมาจากไหน จำได้เพียงแต่ว่าเขาถูกเลี้ยงดูอยู่ในสถานที่เลี้ยงเด็กยากไร้ พอโตขึ้นมา ก็ถูกท่านโหวซื้อตัวมาอยู่ที่จวน เขาชอบทำสวนปลูกผัก จึงได้ไปอยู่ที่เรือนท้ายสวน คอยปลูกพืชผักสวนครัวขายเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ เขาไม่เคยลืมบุญคุณที่ท่านโหวมอบให้แก่เขาเลยแม้แต่น้อย
เขาเดินดูหนังสือไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดตากับหนังสือเล่มหนึ่ง
เสพสมราคะ
เขาหันมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่จึงได้หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
ท่าควบม้าบิน สตรีอยู่บน บุรุษอยู่ล่าง
เมื่อคืนเสิ่นเสวี่ยควบม้าอย่างนั้นหรือ?
เขาเป็นม้า?
ไม่ใช่สิ!!!
อ้าขาให้กว้าง พร้อมพุ่งแทงจนยับเยิน
ชื่อท่าน่ากลัวจัง!!!
กวางเหลียวหลัง ถูกทิ่มแทงจนกวางร้องครวญคราง
ท่านี้น่าสนใจ!
อาหลี่เดินถือหนังสือตรงไปที่เถ้าแก่เจ้าของร้าน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
"เล่มนี้เท่าไหร่ขอรับ?"
"สิบอีแปะ ซื้อวันนี้ข้าแถมฟรีอีกหนึ่งเล่ม รับรองว่าเร้าใจเหมือนเล่มแรก"
อาหลี่ล้วงเงินออกมาจ่าย ก่อนจะเก็บหนังสือเล่มนั้นใส่ไว้ในอกเสื้อ แล้วจึงเดินกลับจวนทันที
เมื่อกลับมาถึงเรือนเขาก็พบกับเสิ่นเสวี่ยที่กำลังนั่งรับลมอยู่ที่ริมระเบียง ดวงตาคู่สวยมองมาที่เขาด้วยความดีใจ
"ท่านพี่อาหลี่"
"ข้าซื้อขนมกุ้ยฮวามาฝากเจ้าด้วย"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
"ข้าไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะมาทำกับข้าวให้เจ้ากิน"
เสิ่นเสวี่ยพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะนั่งลงหยิบขนมกุ้ยฮวาขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย
ผ่านไปครู่หนึ่งอาหลี่ก็เดินกลับเข้ามาในเรือน เขาเปลือยเรือนกายท่อนบนที่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำเม็ดใส ผมถูกรวบขึ้นอย่างลวกๆ เสิ่นเสวี่ยที่ได้เห็นก็รู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมจึงเร้าใจและยั่วยวนเช่นนี้ เสิ่นเสวี่ยจะไม่ทน!!!
เสิ่นเสวี่ยพุ่งตัวเข้าไปหาอาหลี่ทันที นางแกล้งทำเป็นเดินไปใกล้ๆ เขา ก่อนจะใช้มือเรียวงามดึงผ้าคลุมที่อาหลี่ใช้ปิดบังช่วงล่างมาถือเอาไว้ เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนใหญ่ยาวที่นางชื่นชอบเป็นหนักหนา
นี่ขนาดยังไม่ตื่นนะเนี่ย!!!
"เสิ่นเสวี่ย!!!"
อาหลี่รีบยกมือขึ้นมาปิดบังแท่งลำไผ่ขนาดใหญ่ของตนเองด้วยความเขินอาย เสิ่นเสวี่ยหัวเราะคิกคักรู้สึกชอบใจไม่น้อย
"อายทำไมเจ้าคะ เมื่อคืนไม่เห็นจะอาย"
"ขอผ้าคืนให้ข้าเถิด"
"ไม่เจ้าค่ะ"
"เสิ่นเสวี่ย"
"คิกคิก โอ๊ะนี่อะไร?"
เสิ่นเสวี่ยเหลือบไปเห็นหนังสือสองเล่มที่วางอยู่ นางหยิบมันมาเปิดดูอย่างลวกๆ ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก นางเงยหน้าขึ้นไปมองอาหลี่ ก่อนจะเอียงคอน้อยๆ และเอ่ยถามเขาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม
"ซื้อมาทำไมเจ้าคะ?"
"เอ่อ ข้าเก็บได้น่ะ"
"เก็บได้สองเล่มเลยหรือเจ้าคะ?"
"อืม"
"เลือกหรือยังเจ้าคะ ว่าคืนนี้จะทำท่าไหน?"
"กวางเหลียวหลัง เอ่อ...แหะแหะ"
เสิ่นเสวี่ยจ้องมองอาหลี่ด้วยสายตาที่ร้อนแรงอย่างยิ่ง นางยื่นฝ่ามือไปลูบไล้แผงอกล่ำบึกบึนของเขาด้วยสายตาหลงใหล
"ท่านพี่อาหลี่นี่ รูปงามเหลือเกินนะเจ้าคะ"
อาหลี่เพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาของเขาจ้องมองไปที่เนินอกอวบใหญ่ที่ล้นทะลักของนาง ยิ่งทำให้รู้สึกเสียวท้องน้อยเหลือเกิน
เสิ่นเสวี่ยจับสองมือใหญ่ของอาหลี่ให้มากอบกุมที่สองเต้าอวบอิ่มของนาง เขาค่อนข้างตกใจไม่น้อยที่ถูกเสิ่นเสวี่ยจู่โจมอย่างรุนแรงเช่นนี้
"เสิ่นเสวี่ย"
"บีบสิเจ้าคะ"
"เอ่อ..."
"ลองบีบ อุ๊บ!!!"
อาหลี่ทนต่อการยั่วยวนของเสิ่นเสวี่ยไม่ไหวเสียแล้ว เขาดึงร่างบางของนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะทาบทับริมฝีปากหนาใหญ่ลงมาที่ริมฝีปากบางสวยของเสิ่นเสวี่ยอย่างรุนแรงและหนักหน่วง
เสิ่นเสวี่ยโอบรัดรอบลำคอของเขา และตอบสนองด้วยการสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะอย่างดูดดื่ม รสสัมผัสที่อ่อนหวานนุ่มนวล ทำให้คนทั้งสองตกอยู่ในห้วงแห่งความปรารถนาที่หวานล้ำ
เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางลงไปกองที่พื้น มือหนาใหญ่ช้อนร่างบางให้ลงไปนอนบนเตียง อาหลี่เลื่อนใบหน้าลงมาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวนวลเนียนของนางอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะลามเรื่อยลงไปยังเนินอกอวบอิ่ม สองมือหยาบบีบเคล้นคลึงขยำสองเต้างามอย่างเต็มแรง แล้วจึงครอบริมฝีปากลงไปกลืนกินจุกสีชมพูสวยหวาน และดูดดึงขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดงเข้ม
จ๊วบ จ๊วบ
"อื้อออ!!! ข้าเสียวเหลือเกิน!!!"
อาหลี่ที่ถูกไฟแห่งความปรารถนาครอบงำ ได้จดจำทุกท่วงท่าในหนังสือเล่มนั้นอยู่หลายกระบวนท่า
เขาเริ่มจากการแยกขาของนางออกให้กว้างจนสุด เผยให้เห็นกลีบดอกไม้สวยหวานที่งามตา นิ้วอุ่นร้อนค่อยๆ แบะกลีบดอกไม้ให้แยกออกจากกัน แล้วจึงแลบลิ้นเลียขึ้นลงในซอกหลืบดอกไม้งามจนฉ่ำน้ำ
"อ๊าส์!!! อาหลี่!!! มันเสียว!!!"
อาหลี่ครอบริมฝีปากเข้าไปดูดดึงขบเม้มที่เม็ดเกสรสีชมพูสวยหวาน เขาขบกัดมันเบาๆ สร้างความเสียวกระสันให้แก่เสิ่นเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง ลิ้นอุ่นร้อนกระดกรัวเร็วจนภรรยาที่รักส่งเสียงหวานครวญครางด้วยความเสียวซาบซ่าน
"อ๊าส์!!! ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว!!!"
ร่างบางกระตุกอย่างรุนแรง มือเท้าจิกเกร็งด้วยความเสียวสยิว น้ำหวานสีใสไหลล้นทะลักออกมาจากรูสวาท จนฉ่ำแฉะไปหมด
อาหลี่ไม่รอช้า เขารีบบดเบียดแท่งเอ็นอุ่นร้อนเข้าไปในรูถ้ำสวาทของนางทันที ความใหญ่ยาวของท่อนเนื้อ ทำให้เสิ่นเสวี่ยถึงกับต้องซู้ดปากด้วยความจุกแน่น
"อูยยยยย อาหลี่!!! มันใหญ่ อ๊าส์!!!"
"ซี้ดดดด!!! มันแน่นเหลือเกิน"
อาหลี่ค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกอย่างช้าๆ แล้วจึงเร่งจังหวะให้ถี่เร็วแรงมากยิ่งขึ้น เขารู้สึกได้ถึงแรงขมิบตอดรัดจากภายในของรูสวาทที่ฉ่ำแฉะ มันจึงยิ่งเพิ่มความเสียวกระสันให้กับแท่งเอ็นอุ่นร้อนไปทั่วทั้งลำ
ตับตับตับ
"อ๊าส์ อาหลี่!!! อะ อะ อ๊าส์!!!"
เสิ่นเสวี่ยส่งเสียงหวานครางกระเส่า รู้สึกมีความสุขกับรสสวาทที่ผู้เป็นสามีปรนเปรอให้แก่นางอย่างถึงใจ
อาหลี่พลิกร่างบางระหงของเสิ่นเสวี่ยให้หันหลังในท่าชันเข่า นางก็แอ่นบั้นท้ายงอนงามให้เขาอย่างรู้งาน อาหลี่จึงบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้ามาจนมิดลำ แล้วจึงกระแทกกระทั้นขยับแท่งแก่นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วงและถี่รัว
"ซี้ดดดดด เสิ่น!!! โอวว!!! เสวี่ย!!!"
"อาหลี่!!! อ๊าส์!!! ข้าจุก!!!"
อาหลี่ยื่นฝ่ามือหนาใหญ่ไปจับรั้งเอวบางของนางเอาไว้ แล้วจึงขยับสะโพกดุนดันแท่งลำไผ่ยาวเข้าออกรูสวาทของนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง
กวางเหลียวหลังช่างเร่าร้อนเสียจนเขาแทบจะหลอมละลายไปพร้อมกับนางแล้ว
"อ๊าส์!!! อาหลี่ ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!”
"โอวว!!! อีกนิดเดียว!!!!ซี้ดดด!!! ใกล้แล้ว!!!"
แรงกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงและถี่เร่าของอาหลี่ ช่างเร้าใจและเร่าร้อนเสียจนเสิ่นเสวี่ยแทบจะทนไม่ไหว ไม่นานนัก น้ำรักสีขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักออกมาตามซอกขาของเสิ่นเสวี่ย จนมันเลอะเทอะเต็มผ้าปูที่นอนไปหมด
เสิ่นเสวี่ยทิ้งร่างให้นอนหงายด้วยลมหายใจที่เหนื่อยหอบ มันทั้งรู้สึกเหนื่อยล้าและสุขสมในอารมณ์จนไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้
จากนั้นอาหลี่ก็อุ้มเสิ่นเสวี่ยไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาด แล้วจึงมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้นางใหม่ ก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าให้นางอย่างทะนุถนอม
"นอนเถิด ข้าก็จะนอนแล้ว"
"มานอนบนเตียงด้วยกันสิเจ้าคะ"
"ไม่ละ ข้ากลัวจะไม่ได้นอน"
เสิ่นเสวี่ยรู้สึกขบขันไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอาหลี่
"มานอนกับข้าเร็วเข้า!!!"
"เอ่ออ..."
"ขึ้นมา!!!"
เมื่อถูกเสิ่นเสวี่ยตะคอกใส่ อาหลี่ก็รีบขึ้นมาบนเตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนข้างกายนางทันที
เสิ่นเสวี่ยพลิกกายเข้ามาสวมกอดเขาเอาไว้ นางหลับตาลง นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขาด้วยความสุขใจอย่างที่สุด
ยามเช้าที่สดใสมาถึงแล้ว อาหลี่รีบตื่นแต่เช้าเพื่อไปรดน้ำแปลงผักของเขา ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิต้นปีต้องรีบเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด เพราะเมื่อถึงปลายปีใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว การปลูกพืชผักจะไม่ได้ผลดีเท่าใดนัก เพราะความหนาวเย็นจะทำให้พืชผักตายไปจนหมด
เสิ่นเสวี่ยนั่งมองดูผู้เป็นสามีทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยเปื่อย ดวงตาเรียวงามมองดูที่ดินสามหมู่ที่ท่านพ่อมอบให้แก่นาง นางยังคงไม่รู้ว่าจะนำมันมาปลูกอะไรเพิ่มเติมดี คงต้องรอให้มีทุนมากกว่านี้เสียก่อน แล้วจึงค่อยมาคิดอีกทีว่านางจะปลูกสิ่งใดเพิ่มนอกจากพืชผักเหล่านี้
"อะ ข้าให้"
เสิ่นเสวี่ยเงยหน้าไปมองอาหลี่ ก็พบว่าเขากำลังยื่นส้มผลหนึ่งมาให้นาง นางรับมันมาลองชิมดู ก็พบว่ารสชาติของมันช่างหวานหอมไม่น้อย
"ส้มนี่ปลูกอยู่ในสวนหรือ?"
"ใช่ มีอยู่หนึ่งต้น ข้าเห็นมันตั้งแต่วันแรกที่ข้าเข้ามาอยู่ที่นี่"
"อาหลี่"
"หืม"
"ข้ารู้แล้วว่าเราจะนำที่ดินสามหมู่นี้มาทำสิ่งใด?"
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา