อาหลี่ค่อยๆ คลายมือออก ก่อนจะปล่อยแขนทั้งสองข้างลงแนบลำตัว เสิ่นเสวี่ยจึงไม่รอช้ารีบแทรกร่างบางเข้ามาตรงกลางหว่างขาของเขาทันที มือเรียวบางยื่นมากอบกุมลำแท่งเอ็นร้อนที่แข็งชูชัน แล้วค่อยๆ รูดชักมันขึ้นลงอย่างช้าๆ
"ซี้ดดดด เสิ่นเสวี่ย อื้อออ!!!"
เสิ่นเสวี่ยมองดูหัวมังกรสีชมพูหัวหยักของเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากเบาๆ
เส้นสองสลึงน่าจะเพิ่งขาด ยังอ้าไม่เยอะเลย น่ารักอะ!!! อิจฉาเสิ่นเสวี่ยคนเก่าจังที่ได้ความบริสุทธิ์ของอาหลี่ไป!!!
แต่ว่าตอนนี้ข้าก็มาอยู่ในร่างของนางแล้ว เท่ากับว่าข้าก็ได้ความบริสุทธิ์ของอาหลี่มาครอบครองเช่นกัน หึหึ
เสิ่นเสวี่ยโน้มใบหน้าลงไป ก่อนจะแลบลิ้นม้วนเลียที่ปลายหัวสีชมพูของเขาอย่างหยอกเย้า สองมือใหญ่ของอาหลี่จับผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น เพราะรู้สึกเสียวเสียจนแทบจะขาดใจ
"โอววว ซี้ดดด!!!"
เสิ่นเสวี่ยครอบริมฝีปากลงไปดูดกลืนลำแท่งเอ็นร้อนจนมิดลำ แล้วจึงขยับศีรษะขึ้นลงอย่างถี่เร่า มือเรียวบางยื่นมาบดบี้ขยี้เม็ดสีชมพูที่แข็งเป็นไตบริเวณแผงอกของเขาอย่างย่ามใจ
"อ๊าส์!!! เสียวเหลือเกิน พอแล้ว!!! ข้าเสียว!!!"
อาหลี่ร่างกายบิดเร่า ร้องครวญครางประท้วงจนไม่เป็นภาษา เสิ่นเสวี่ยที่เห็นเช่นนั้นก็รีบขยับศีรษะเร่งจังหวะให้รุนแรงหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น
"โอววว ไม่ไหวแล้ว!!! ซี้ดดดด มันจะออกแล้ว!!! อ๊าส์!!!"
เสิ่นเสวี่ยดูดเม้มที่ปลายหัวหยักของเขาเอาไว้ จนน้ำสีขาวขุ่นพุ่งล้นทะลักเข้าไปในลำคอของนาง มันหวานหอมเสียจนนางอยากจะกินมันลงไปซ้ำๆ
อาหลี่หายใจฮืดฮาดด้วยความเหนื่อยหอบ มันเสียวเหลือเกิน เสียวจนเขาแทบจะทนไม่ไหว
เสิ่นเสวี่ยไม่รอช้า นางรีบโน้มใบหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากบางสวยของตนเอง ลงไปบนริมฝีปากหนาใหญ่ของเขา แล้วจึงสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของอาหลี่ ดูดดื่มความหวานจากลิ้นชื้นแฉะของเขาอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะจับมือหนาใหญ่ของเขาวางทาบทับลงบนดอกบัวงามสองดอกที่เต่งตูมชูช่อ ให้ได้ลองบีบจับไปทีละนิด
จากในคราแรกที่อาหลี่รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ แต่พอได้รับรู้ถึงสัมผัสเนียนนิ่ม เขาจึงค่อยๆ ขยำมือลงไปนวดบีบเคล้นคลึง จนในที่สุดก็เกิดความหลงใหลในเนินอกนิ่มของเสิ่นเสวี่ยจนไม่อาจละมือออกจากเต้างามทั้งสองได้เลย
"อ้าปากสิ ข้าจะป้อนนมท่าน"
เสิ่นเสวี่ยบดเบียดจุกดอกบัวสีชมพูเข้าไปในโพรงปากของอาหลี่ เขาดูดดื่มมันอย่างสนุกสนาน แล้วจึงแลบลิ้นเลียจุกดอกบัวนั้นตามที่เสิ่นเสวี่ยแนะนำ
จ๊วบ จ๊วบ
"อื้อออ อาหลี่ แบบนี้เลย อ๊าส์!!!"
อาหลี่เริ่มคล้อยตามเสิ่นเสวี่ยแล้ว เขาดูดดึงขบเม้มและขยำขยี้บีบเคล้นยอดอกอวบอิ่มของนางจนมันล้นทะลักเต็มสองมือหนาใหญ่ของเขา
เสิ่นเสวี่ยเลื่อนใบหน้าลงมาจูบไซ้ที่ซอกคอของเขา แล้วจึงขยับร่างกายให้ต่ำลงมา ก่อนจะแลบลิ้นม้วนเม็ดทับทิมสีเข้มที่แผงอกของเขา สร้างความเสียวกระสันให้แก่อาหลี่เป็นอย่างยิ่ง
ลำแท่งแก่นกายเริ่มขยายใหญ่ออกมาอีกครั้ง เสิ่นเสวี่ยจ้องมองลำแท่งของผู้เป็นสามีด้วยสายตาเร่าร้อน
"มาสนุกกันเถิด สามีของข้า"
"โอวว ซี้ดดดดด แน่นเหลือเกิน"
"อ๊าส์!!! อาหลี่ ข้าจะขยับแล้วนะ อื้ออ!!!"
เสิ่นเสวี่ยจับแท่งลำมังกรขนาดใหญ่ของเขาบดเบียดดุนดันเข้ามาในรูสวาทของนาง แล้วจึงขยับสะโพก ส่ายร่อนขึ้นลงอยู่บนร่างของอาหลี่อย่างรวดเร็วและรุนแรง แรงกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงจากเสิ่นเสวี่ย ทำให้อาหลี่เสียวสะท้านเป็นอย่างยิ่ง
"อ๊าส์!!! เสิ่นเสวี่ย!!! เสียวเหลือเกิน!!!"
"ข้าก็เสียวเจ้าค่ะ อ๊าส์!!!"
ตับตับตับ
เสิ่นเสวี่ยขยับบั้นท้ายงอนงามเข้าออกที่ลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวของเขาอย่างเมามัน อาหลี่เริ่มตอบสนองต่อไฟราคะที่โหมกระหน่ำนี้เข้าอย่างจัง เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วผลักเสิ่นเสวี่ยให้นอนอ้าขาจนกว้าง ก่อนจะบดเบียดแท่งเอ็นร้อนเข้าไปจนมิด เขายื่นมือไปจับเอวบางของนางเอาไว้แน่นแล้วจึงกระแทกกระทั้นแท่งแก่นกายเข้าออกอย่างหนักหน่วง มันเสียวสุดๆ เสียวเสียจนเขาจะขึ้นสู่ยอดเขาเป็นครั้งที่สอง
"อ๊าส์!!! อะ อาหลี่!!! กระแทกแรงๆ เจ้าค่ะ!!!"
"ซี้ดดดด!!! เสียว!!! ข้าจวนจะถึงยอดเขาแล้ว โอวว!!! ซี้ดดด!!!"
น้ำสวาทสีขาวขุ่นไหลล้นทะลักออกมาจนเอ่อล้นที่รูสวาทของนางจนฉ่ำแฉะ อาหลี่ที่รู้สึกตัวแล้ว เขามองมาที่นางด้วยสายตาที่รู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง
"เสิ่นเสวี่ยข้าไม่ได้ตั้งใจ"
"มันสุดยอดมากเลยอาหลี่ เจ้าเก่งที่สุด"
"จริงหรือ?"
อาหลี่เริ่มคล้อยตามเสิ่นเสวี่ยแล้ว เขายกมือขึ้นมาเกาศีรษะแก้เก้อเขินเล็กน้อย
"ข้าเริ่มจะติดใจท่านพี่อาหลี่ขึ้นมาแล้วสิ"
"ติดใจอะไร?"
"ติดใจอันนั้น"
เสิ่นเสวี่ยชี้มือมาที่ลำแท่งเอ็นร้อนของเขาด้วยสายตาที่หลงใหล อาหลี่รีบหยิบผ้ามาคลุมมันทันที ด้วยกลัวว่ามันจะทำให้นางเกิดอารมณ์และลุกขึ้นมาปลุกปล้ำเขาอีกรอบ
เสิ่นเสวี่ยลอบสบถออกมาด้วยความขัดใจ ดูแค่นี้ทำมาเป็นหวง!!!
รุ่งเช้าวันต่อมา เสิ่นเสวี่ยตื่นสายเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนนางใช้แรงเยอะไปหน่อย เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบกับอาหลี่ที่กำลังนั่งเย็บกระโปรงให้นางอยู่
เสิ่นเสวี่ยจ้องมองอาหลี่ด้วยสายตาที่ล้ำลึก ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่เคยเจอบุรุษที่ครบเครื่องและอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อนเลย
"ท่านเย็บซ่อมผ้าเป็นด้วยหรือ?"
"อืม พอทำได้น่ะ เวลาเสื้อผ้าขาดชำรุดข้าก็จะเย็บซ่อมเอง ข้าเห็นกระโปรงเจ้าขาด คงเพราะไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ในสวนวันนั้น ข้าจึงนำมาเย็บซ่อมให้เจ้า"
เสิ่นเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย สายตาจ้องมองไปที่แผงอกล่ำสันของเขา แล้วจึงมองต่ำลงไป ต่ำลงไปจนถึงหว่างขาของเขา
อาหลี่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกเสิ่นเสวี่ยจ้องมอง เขารีบหุบขาเข้าหากันทันที ก่อนจะเอ่ยถามนางขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
"เจ้าหิวหรือไม่ วันนี้ข้าต้มโจ๊กเอาไว้"
"หิวเจ้าค่ะ เมื่อคืนยังกินท่านไม่อิ่มเลย"
อาหลี่ใบหน้าแดงซ่านเมื่อถูกเสิ่นเสวี่ยเกี้ยวพานเช่นนี้ เขารีบเดินไปที่ครัว และตักโจ๊กร้อนๆ มาให้นางหนึ่งชาม
"กินเร็ว กำลังร้อนๆ"
"อืม"
เสิ่นเสวี่ยตักโจ๊กเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างที่สามีภรรยาทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครบางคนขึ้นที่หน้าประตู
เสิ่นเสวี่ยที่เงยหน้าไปมอง ก็พบเข้ากับโจทก์เก่าเสียแล้ว
ไอ้ชั่วนั่น!!! สามีเก่าที่โกงสมบัติของนางไป ภาพความทรงจำของเสิ่นเสวี่ย ปรากฏภาพของหลัวเฉินเฟย ผู้เป็นคู่หมั้นของนางในชาตินี้ ชาติที่แล้วเขาเป็นสามีเก่าของนาง สามีที่ชั่วช้าเกินจะทานทน!!!
เหอะ!!! ตามมาหลอกหลอนกันทุกชาติจริงๆ
เสิ่นเสวี่ยปรายตามองหลัวเฉินเฟยอย่างดูแคลน หลัวเฉินเฟยละสายตาจากเสิ่นเสวี่ย มองไปยังอาหลี่ที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ
"ไม่คิดว่าเจ้าจะใฝ่ต่ำมาเอาคนรับใช้ทำสามีเช่นนี้"
หลัวเฉินเฟยเอ่ยวาจาดูแคลนเสิ่นเสวี่ยอย่างไม่อ้อมค้อม แต่ไหนแต่ไรเขาเองก็ไม่ชอบนางอยู่แล้ว ทั้งอ่อนแอ ทั้งบอบบาง ต่างกับเสิ่นหนิงที่งดงามของเขายิ่งนัก เทียบกันแล้วนางไม่ได้เศษเสี้ยวหนึ่งของเสิ่นหนิงเลยเสียด้วยซ้ำ
เสิ่นเสวี่ยมองหลัวเฉินเฟยด้วยสายตาเย็นชา
"มาทำไมหรือเจ้าคะ?"
"มาดูความน่าสมเพชของเจ้า"
เสิ่นเสวี่ยส่งเสียงเฮอะในลำคอ อยากจะกระโดดเข้าไปบีบคอมันให้ตายเสียจริงๆ เชียว
"ข้าดูน่าสมเพชหรือ ท่านคงตาบอดกระมัง ข้าดูมีความสุขต่างหากเจ้าค่ะ"
"เสิ่นเสวี่ย!!! เจ้ากล้าต่อว่าข้าหรือ?"
"กล้า!!! หน้าท่านก็ไม่ได้เหมือนบิดาข้าเสียหน่อย"
"หึ!!! ทำปากดีไปเถิด แค่คนใช้ชั่วช้า จะเอาปัญญาที่ไหนมาเลี้ยงดูเจ้า!!! เตรียมตัวอดตายเถิด!!! นี่คือผลกรรมที่เจ้าทรยศหักหลังข้า!!!"
อาหลี่ปรายตาไปมองหลัวเฉินเฟยด้วยสายตาเย็นชา
เหตุใดเขาจะเลี้ยงดูเสิ่นเสวี่ยไม่ได้!!! เพียงแค่เขาเป็นคนสวนถึงกับต้องดูถูกดูแคลนเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
"ขอบคุณคุณชายที่เป็นห่วงเป็นใย แต่เสิ่นเสวี่ยเป็นภรรยาของบ่าว บ่าวเลี้ยงดูนางได้ขอรับ"
หลัวเฉินเฟยส่งเสียงเฮอะในลำคอ ช่างไม่เจียมตนเสียจริง ตนเองยังเอาตัวแทบไม่รอดแต่คิดจะดูแลเสิ่นเสวี่ย
"หึ ข้าจะรอดูวันที่พวกเจ้าสองคนล้มจนแทบจะลุกไม่ขึ้น"
"หัวเข่าข้ายังดีอยู่เจ้าค่ะ ลุกได้แน่นอน ส่วนท่าน โน่นประตู เดินออกไปเองนะเจ้าคะ ไม่ว่างส่ง"
"เสิ่นเสวี่ย!!!"
"ออกไป๊!!!"
เสิ่นเสวี่ยเริ่มหมดความอดทนแล้ว นางตะโกนใส่หลัวเฉินเฟยจนเขาสะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไปด้วยความไม่พอใจอย่างที่สุด
เสิ่นเสวี่ยหันไปมองอาหลี่ที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ก็อดขบขันเขาไม่ได้
"จะใส่ใจไปทำไม ข้ายังไม่ใส่ใจเลย"
"เสิ่นเสวี่ย"
"พอเถิด ข้าจะไปเยี่ยมท่านแม่เสียหน่อย ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"
"ข้าต้องตัดมะเขือยาวไปขายที่ตลาด"
เมื่อได้ยินคำว่ามะเขือยาว เสิ่นเสวี่ยก็ดวงตาเป็นประกายทันที นางชำเลืองมองหว่างขาของอาหลี่ ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์
"ข้าไปก่อนละ มะเขือยาวรอข้าอยู่"
เสิ่นเสวี่ยรู้สึกขบขันเขายิ่งนัก นางลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปที่เรือนของฮูหยินใหญ่
เมื่อไปถึง เสิ่นเสวี่ยถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เสียงของฮูหยินรองอวิ๋น ดังมาจากข้างในเรือน คล้ายกำลังต่อว่ามารดาของนางอยู่
"บุตรสาวของพี่หญิงช่างทำตัวน่าอับอายไม่เบา ทุบตีบ่าวไพร่ ขโมยเนื้อหมู สร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน"
ฮูหยินใหญ่เพียงก้มหน้าลงไม่เอ่ยตอบโต้ นางส่งเสียงไอค่อกแค่ก ใบหน้าซีดเซียวเป็นอย่างยิ่ง เสิ่นเสวี่ยส่งเสียงเฮอะในลำคอ ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในเรือน
"เป็นแค่เมียรอง แต่มายืนด่าเมียเอกฉอดๆ ใครกันแน่ที่หน้าไม่อาย"
เสิ่นเสวี่ยเดินเข้ามาในเรือนก่อนจะปรายตามองฮูหยินรองอวิ๋นด้วยสายตาดูแคลน ฮูหยินรองอวิ๋นเองก็จ้องมองเสิ่นเสวี่ยกลับด้วยสายตาเกลียดชังเช่นกัน
"มองหน้าข้ามีปัญหาหรือเจ้าคะแม่เล็ก?"
"เสิ่นเสวี่ย เจ้าจะกล้าเกินไปแล้วนะ!!!"
"มากกว่านี้ข้าก็กล้า ท่านจะลองดูไหมเล่า?"
"ข้าจะฟ้องท่านพ่อของเจ้า!!!"
"อุ๊ยตาย!!! กลัวจังเลย"
"เสิ่นเสวี่ย!!!"
"ไสหัวไป ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนกับเจ้า!!!"
เมื่อถูกสายตาที่เย็นชาของเสิ่นเสวี่ยจ้องมองมา ฮูหยินรองอวิ๋นก็รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ นางรีบหันหลังเดินกลับออกไปจากเรือนด้วยท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เสิ่นเสวี่ยเดินเข้าไปหามารดาของนาง ฮูหยินใหญ่มองบุตรสาวด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู
"เสวี่ยเอ๋อร์ แม่ได้ยินว่าเจ้าถูกท่านพ่อตำหนิหรือ?"
"ท่านแม่อย่าเก็บมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะ ท่านพ่อก็ปากเสียเป็นนิสัยอยู่แล้ว ข้าไม่ถือสาหรอกเจ้าค่ะ"
"ท่านพ่อรักเจ้ามาก เจ้าเองก็รู้"
"เจ้าค่ะ ท่านแม่ก็ต้องดูแลตนเองให้ดี หากฮูหยินรองคิดมารังแกอีก ก็ให้ส่งคนมาแจ้งข้านะเจ้าคะ"
ฮูหยินใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย นางมองเสิ่นเสวี่ยด้วยความแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกว่าบุตรสาวของนางเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปเช่นไรนางก็บอกไม่ถูก
เสิ่นเสวี่ยเมื่อได้เห็นสายตาที่มองมาของผู้เป็นมารดา ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
"ลูกคิดขึ้นมาได้เจ้าค่ะ ว่าหากเราไม่ลุกขึ้นมาสู้ ก็จะถูกพวกมันรังแกไปตลอด ต่อไปนี้ลูกจะปกป้องท่านแม่เองเจ้าค่ะ"
คนในจวนตระกูลหลัวถูกลงโทษประหารชีวิตทั้งหมด เหล่าข้ารับใช้ถูกขายกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ เหล่านักฆ่าที่เสนาบดีหลัวเลี้ยงดูเอาไว้ถูกสังหารจนหมดสิ้น จ้าวหรงฟังจัดการถอนรากถอนโคนจวนตระกูลหลัวจนสิ้นซาก เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจไม่น้อย ที่จะไม่ต้องทนถูกเสนาบดีหลัวข่มเหงรังแกอีกต่อไปด้านไป๋หลานฮวาก็ยอมตัดใจไปแต่งงานกับคุณชายตระกูลอื่น นางไม่อยากใส่ใจรอคอยบุรุษที่ไม่เห็นค่าของนาง ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ นางกลัวเสิ่นเสวี่ยจะมากระชากหนังหัวของนางเหมือนเช่นครั้งก่อนอีก ไป๋ไทเฮาติดสุราจนลงแดง ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังจึงได้ส่งนางไปบวชชีอยู่ที่วัดอย่างเงียบๆ และห้ามกลับเข้าวังหลวงอีก เขาหวังว่าวัดจะสามารถขัดเกลามารดาบุญธรรมของเขาได้บ้าง บุคคลภายนอกรับรู้เพียงแต่ว่า ไทเฮาอยากคิดปลีกวิเวก ไม่สนใจอำนาจในราชสำนักอีก จึงขอออกบวชที่วัดบนเขาตลอดชีวิตไทเฮาแม้จะรู้สึกโกรธเคืองจ้าวหรงฟังไม่น้อย แต่ก็คร้านจะไปสนใจเขา ถึงแม้นางจะอยู่ในวัดแต่ก็ยังแอบให้นางกำนัลที่คอยรับใช้ออกไปนำสุรามาให้นางดื่มเป็นประจำ ใครจะเลิกดื่มกันของดีเช่นนี้!!! เมาจนตายอยู่ในวัดข้าก็ยอม รัชศกม่านฉีปีที่ 1 ฮ่องเต้จ้าวหรงฟังทรงสิ้นพระช
นักฆ่าเตรียมเงื้อดาบขึ้นมาฟาดฟันที่ร่างของจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ย ทว่ากลับถูกดาบปริศนาฟาดฟันเข้าใส่จนล้มลงไปกองกับพื้นและขาดใจตายทันทีเสนาบดีหลัวตื่นตระหนกไม่น้อย เขาหันไปมองซ้ายขวา และพบเข้ากับองครักษ์ที่กระโดดออกมาจากที่ซ่อนกาย พวกเขารอรับคำสั่งจากจ้าวม่านฉี เมื่อจ้าวม่านฉีส่งสัญญาณมือ พวกเขาจึงลงมือสังหารเหล่านักฆ่าของเสนาบดีหลัวทันที "นี่พวกเจ้า!!!""ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกล้าเทียมฟ้าถึงขนาดส่งเมียรักมาเป็นสนมของข้า แล้วยังวางแผนให้บุตรชายของเจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์ของข้าอีกด้วย ชั่วช้าเกินคนจริงๆ"จ้าวหรงฟังเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นเหยากวง ด้านหลังของพวกเขายังมีหลัวกุ้ยเฟยและจ้าวมู่หรงที่ถูกลากออกมาพร้อมกันด้วย เสิ่นเหยากวงเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาว เขาจึงแอบตามไปด้วย โดยเร้นกายอยู่ไม่ไกลจากจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยมากนัก และแจ้งเรื่องนี้ให้แก่จ้าวหรงฟังได้รับรู้ถึงความชั่วช้าของเสนาบดีหลัว จ้าวหรงฟังพิโรธเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีเขายังไม่เชื่อ จึงสั่งคนไปจับตัวจ้าวมู่หรงมาพิสูจน์ความเป็นสายเลือด แต่ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตาของเขาคือจ้าวมู่หรงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือดกับเขา
กลางดึกของคืนถัดมา จ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยสองสามีภรรยา สวมชุดสีดำและใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แอบปีนออกจากกำแพงวังหลวงมุ่งหน้าตรงไปที่จวนตระกูลหลัวทันที จวนตระกูลหลัวใหญ่โตโอ่อ่าไม่น้อย รอบๆ จวนจุดคบไฟเอาไว้เพื่อช่วยให้แสงสว่าง การคุ้มกันในจวนตระกูลหลัวค่อนข้างแน่นหนาเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่จ้าวม่านฉีได้ฝึกฝนวิชาตัวเบาจากเสิ่นเหยากวงและเสิ่นเฟยมาไม่น้อย ทุกฝีก้าวจึงไร้ซึ่งเสียงใดให้เป็นพิรุธ เสิ่นเสวี่ยเองก็พยายามเดินตามเขาอย่างระมัดระวังที่สุด จ้าวม่านฉีจับมือของเสิ่นเสวี่ยเอาไว้ไม่ยอมปล่อยให้นางละสายตาแม้แต่นาทีเดียวทั้งสองหลบอยู่ในมุมมืดที่มีกิ่งไม้ปกคลุม จ้าวม่านฉีมองไปตรงหน้าซึ่งเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่สุด ดูแล้วคงจะเป็นเรือนที่เสนาบดีหลัวพักอยู่ แสงเทียนยังคงสว่างไสวภายในเรือนนั้น เสิ่นเสวี่ยและจ้าวม่านฉี ค่อยๆ แฝงตัวเข้าไปแล้วจึงแนบหูฟังเสียงสนทนาภายในเรือนหลังนั้น ภายในเรือนไม่ได้มีแค่เสนาบดีหลัวเพียงเท่านั้น แต่จ้าวม่านฉีกลับได้ยินเสียงคล้ายสตรีกำลังสนทนากับเขาอยู่ "จะลงมือจัดการกับจ้าวม่านฉีและเสิ่นเสวี่ยเมื่อใดเจ้าคะ?""อีกไม่นานฝ่าบาทจะเสด็จไปที่พระราชวังฤดูร้อนใกล้ทะเลสาบนอกเมือง
เสิ่นเสวี่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาหารือกับจ้าวม่านฉี นางวางแผนกับเขาเอาไว้ว่าคืนพรุ่งนี้จะแอบปีนเข้าไปสำรวจภายในจวนตระกูลหลัวเสียหน่อย จ้าวม่านฉีไม่วางใจที่จะให้นางไปคนเดียว เขาจึงอาสาจะไปเป็นเพื่อนนางด้วย หลังจากรับสำรับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวี่ยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นางรู้สึกเหนียวเหนอะหนะตามร่างกายเป็นอย่างยิ่ง จ้าวม่านฉีที่เห็นเช่นนั้นก็สะบัดมือไล่เหล่านางกำนัลให้ออกไปจนหมด เสิ่นเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น หันไปมองเขาด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย "ท่านไล่พวกนางออกไปจนหมดตำหนักด้วยเหตุใดกันเจ้าคะ?"จ้าวม่านฉีไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกจนหมด เผยให้เห็นลำแท่งไผ่ใหญ่ยาวที่กำลังแข็งชูชันชี้โด่มาที่ใบหน้าสวยของนางเสิ่นเสวี่ยยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับหัวเราะคิกคัก ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่ความเป็นชายขนาดใหญ่ยักษ์ของผู้เป็นสามีด้วยความตื่นเต้น นานแล้วนะที่ไม่ได้เล่นกับจ้าวม่านฉีน้อย!!!"ตั้งแต่อภิเษกเจ้าเข้าวังมา ข้ายังไม่ได้เข้าหอกับเจ้าอย่างเป็นทางการเลย วันนี้เรามาเข้าหอกันดีหรือไม่เมียรักของข้า?"จ้าวม่านฉีเดินเข้ามาใกล้ๆ เส
ฟึ่บ!!! ฉับ!!!เสียงคมดาบฟาดฟันลงมาที่กลางแผ่นหลังของเสิ่นหนิง เลือดสดๆ ไหลล้นทะลักออกมาเป็นสาย คนของเสนาบดีหลัวคิดจะลงมือซ้ำอีกครั้งเพื่อให้นางตกตาย แต่กลับถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกเสียก่อน "เสิ่นหนิง!!!""ท่านพ่อ อึก ท่านพ่อ"เสิ่นเหยากวงรีบเข้ามาประคองร่างของบุตรสาวเอาไว้ นางอุ้มทารกน้อยเอาไว้แนบอก ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาที่หวาดหวั่น เสิ่นเหยากวงสั่งให้คนคอยคุ้มกันเขากับเสิ่นหนิงเอาไว้ สายตาเย็นชาจ้องมองเสนาบดีหลัวที่ยืนอยู่ด้วยความเกลียดชัง "เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เสิ่นหนิง""ท่านพ่อ อึก!!!"เสิ่นหนิงกระอักเลือดออกมาคำโต นางค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับบิดา และกระซิบบอกเล่าเรื่องราวอัปยศเลวทรามที่เกิดขึ้นให้เขาฟังจนหมด "ต่ำช้า!!!""ท่านพ่อ อึก ฝากลูกข้าด้วย!!!"เสิ่นหนิงยื่นฝ่ามือเรียวงามไปซับน้ำตาให้ทารกน้อยในอ้อมกอดด้วยความรักใคร่ "อย่าร้องเลยลูกแม่ เจ้าจงเป็นเด็กดีของท่านตานะ อึก ท่านพ่อ ท่านพี่อยู่ในวังหลวง ขอให้นางช่วยคุ้มครองลูกข้าด้วย ฮึก ฝากบอกแก่นางทีว่าข้าสำนึกผิดในใจแล้ว"สิ้นคำพูดสุดท้าย ร่างของเสิ่นหนิงก็แน่นิ่งไป เสิ่นเหยากวงยื่นฝ
จวนตระกูลหลัวกำลังระส่ำระสายอย่างหนัก เมื่อหลัวเฉินเฟยเกิดล้มป่วยขึ้นมากะทันหัน ด้านเสิ่นหนิงก็ให้กำเนิดบุตรชายหนึ่งคน สร้างความปีติยินดีแก่คนในจวนไม่น้อย นางลอบยกยิ้มมุมปาก นึกสมเพชเวทนาพวกชั่วช้าที่โง่งม ไม่รู้ว่าที่แท้จริงบุตรในท้องของนางไม่ใช่สายเลือดของจวนตระกูลหลัวเลยแม้แต่น้อย อาเหวยรู้สึกดีใจที่ได้เห็นหน้าบุตรชายของตนแต่ก็ต้องแสร้งเก็บอาการเอาไว้ หลัวเฉินเฟยกระอักเลือดมาสองวันติดแล้ว คงเพราะยาพิษที่เขาค่อยๆ ให้ดื่ม เริ่มออกฤทธิ์แล้ว เสนาบดีหลัวรู้สึกร้อนใจเหลือเกินที่บุตรชายของตนล้มป่วยลงเช่นนี้ เขาสั่งหมอให้มาตรวจดูอาการของหลัวเฉินเฟย แต่หมอทุกคนต่างส่ายหน้าไปตามๆ กัน "อาการของคุณชายใหญ่ย่ำแย่ลงทุกวัน เห็นทีคงจะอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ"เสนาบดีหลัวที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี เขามองหลัวเฉินเฟยที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงด้วยความสงสาร เฉินเฟยเป็นบุตรชายที่เขารักมาก เหตุใดสวรรค์จึงกลั่นแกล้งตระกูลหลัวเช่นนี้ ในค่ำคืนที่เงียบสงบ ปรากฏร่างของอาเหวยและเสิ่นหนิง นั่งอยู่ที่ข้างเตียงของหลัวเฉินเฟย และจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง หลัวเฉินเฟยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนทั้งสองข้าง "อา