ร่างอวบนั่งตัวเกร็งรวบรวมความกล้าอยู่พักใหญ่ เธอสบตาชายหนุ่มข้างกายอีกเล็กน้อยเพื่อขอความคิดเห็น กล้าตะวันพยักหน้ารับเล็กๆ จากนั้นจึงเบนสายตามาจดจ่ออยู่กลางโต๊ะอาหาร
“น้ำมีอีกเรื่องอยากปรึกษาคุณพ่อ” น้ำเสียงจริงจังของนิศาชลดังเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบิดามารดา
“หืม ว่ามาสิ” เจ้าสัวนธียักไหล่อย่างสบายอารมณ์ก่อนเอ่ยถาม
“น้ำอยากย้ายไปอยู่คอนโดค่ะ เพราะใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวกสบาย อีกอย่างพวกเราสองคนต้องการใช้เวลาส่วนตัวด้วยกันให้มากขึ้น ใช่ไหมคะคุณกล้า” นิศาชลแจกแจงรายละเอียดถี่ยิบ เสร็จแล้วจึงหันไปขอความคิดเห็นจากฝ่ายสนับสนุนบ้าง
“อ่อ ใช่ครับ ผมกับคุณน้ำอยากเรียนรู้กันและกัน” กล้าตะวันตกกระไดพลอยโจนแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเขาเคยพูดคุยเรื่องนี้กับเธอไว้แล้ว
“เรียนรู้อยู่บ้านก็ได้” เจ้าสัวนธีคัดค้านเสียงแข็ง เขาเลี้ยงลูกสาวคนนี้มาเองกับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่านิศาชลต้องการหลบเลี่ยงความคาดหวังจากเขาและภรรยา
“โถ่ คุณพ่อคะ เวลาน้ำจะสวีทหวานกับสามีมันลำบากใจ ไหนจะป้าแม่บ้าน คนขับรถ คนสวน คุณพ่อคุณแม่อีก เดินยั้วเยี้ยเต็มกันบ้าน ทำอะไรไม่ถนัดค่ะ” ใบหน้าสวยแสร้งงอง้ำตามสถานการณ์ เธอไม่ยอมล่าถอยเรื่องการย้ายไปอยู่คอนโดตามลำพังเด็ดขาด
“ว๊ายยยยัยน้ำ ดูพูดเข้า แม่หัวใจจะวาย คุณกล้าอย่าถือสาเลยนะคะ ยัยน้ำเป็นเด็กเถรตรงมาแต่ไหนแต่ไร” คุณหญิงนิภายกมือทาบอกหายใจติดขัด เมื่อตั้งสติได้ก็รีบแก้ต่างให้ลูกสาวทันที นิศาชลเป็นสาวเป็นนางพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาได้ยังไง
“ผมไม่ถือหรอกครับ” กล้าตะวันเผลอยิ้มมุมปากบางๆ นิศาชลแลดูอ่อนหวานก็จริง แต่เธอไม่ได้อ่อนแอสักนิด แถมยังเต็มไปด้วยความดื้อรั้นอีกต่างหาก
“เฮ้อ แม่อิจฉาจริงๆ คิดถึงสมัยสาวๆ แล้วอดขำขันไม่ได้ ตอนพ่อกับแม่แต่งงานกันใหม่ๆ อยากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้แหละ น้ำจะย้ายไปอยู่คอนโดก็ไปเถอะ แม่เข้าใจ” คุณหญิงนิภาเอ่ยปากอนุญาตพร้อมรอยยิ้มหวาน พร้อมกันนั้นก็เฝ้าภาวนาขอให้หลานๆ มาเกิดไม่หยุดหย่อน
“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ” คำขอบคุณถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย
“คุณหญิง” เจ้าสัวนธีชักสีหน้าไม่พอใจ เหตุใดภรรยาคู่ชีวิตจึงยินยอมง่ายดายราวกับว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“เป็นอะไรนักหนาคะ ยัยน้ำโตแล้ว ให้ลูกได้ใช้ชีวิตบ้างเถอะ” ร่างบางถลึงตาใส่สามีวัยเกษียณด้วยความรำคาญ เจ้าสัวนธีไม่อยากถกเถียงภรรยาให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงจำเป็นต้องปล่อยทุกอย่างไปแบบเลยตามเลย
“เอาตามคุณหญิงนิภาว่า กลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างหล่ะ” เสียงถอนหายใจยืดยาวทำให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนหัวเราะน้อยๆออกมา
“ฮ่าๆๆๆ คิดถึงหรือคะ น้ำจะกลับมากินอาหารเย็นด้วยทุกอาทิตย์เลยดีไหม”
นิศาชลกระเซ้าเย้าแหย่บิดา เธอรู้ว่าผู้เป็นพ่อไม่ได้โกรธเคืองอะไร เพียงแต่เป็นห่วงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกล้าตะวันจะไม่คืบหน้า บนโต๊ะอาหารวันนี้จึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสนุกสนานดังลั่น เป็นเหตุให้อาหารเช้าของครอบครัวปัทมพิสุทธิ์ผ่านไปอย่างอบอุ่นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
วันหยุดพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์หมดลงอย่างรวดเร็ว นิศาชลกลับเข้ามาทำงานในบริษัทอีกครั้งพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส ทำเอาญาดาเลขาหน้าห้องยืนงงเป็นไก่ตาแตก ความสัมพันธ์ระหว่างนิศาชลกับสามีจำเป็นราบรื่นเหนือความคาดหมาย ชายหนุ่มผู้นั้นน่าสนใจจริงๆ เขาทำให้เจ้านายผู้เป็นดังน้องสาวของเธอมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าได้ และญาดาก็แอบหวังลึกๆ ให้เขากลายเป็นรักแท้ของนิศาชลเสียที
“พี่ดา มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ” ร่างอวบทักท้วงเมื่อเห็นเลขาคนสนิทยืนเหม่อลอย เธอพยายามเรียกหลายครั้งแล้วแต่ญาดา กลับอ้อยอิ่งไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น
“ปะ เปล่าค่ะ ตอนเช้าคุณน้ำมีประชุมกับฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง ส่วนตอนบ่ายมีประชุมแผนงานร่วมกับวิศวกร อ้อ คุณกล้าตะวันเข้าประชุมครั้งนี้ด้วยนะคะ เริ่มงานวันแรกก็เจอด่านมหาโหดเลย” เลขาสาวขยิบตาล้อเลียน เธอไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องกล้าตะวันให้นิศาชลรับทราบก็ได้ เพียงแต่อาการนั่งไม่ติดเก้าอี้ของเจ้านายช่างน่าหมั่นไส้เสียเหลือเกิน
“น้ำไม่ได้ถามสักหน่อย” นิศาชลค้อนเลขาคนสนิทตาเหลือกพร้อมหยิกแขนสั่งสอนไปหนึ่งที
“พี่ดาอยากบอกเองค่ะ เห็นคุณน้ำนั่งกังวลมาพักใหญ่แล้ว” ญาดาตีหน้าซื่อไม่เห็นอาการแง่งอนของเจ้านาย
“เปล่านะคะ น้ำแค่สงสัยว่าคุณกล้าจะปรับตัวได้ไหม” นิศาชลแก้ตัวเสียงเขียวอีกครั้ง แก้มขาวนวลแดงระเรื่อเหมือนลูกตำลึงสุกจนคนมองอดขำขันไม่ได้
“แหม พนักงานใหม่ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็ชินแล้ว คุณน้ำไม่ต้องกังวล” ญาดาแกล้งนิศาชลไม่เลิก หนำซ้ำยังเดินวนเวียนสังเกตอาการคนปากแข็งอีกพักใหญ่
“น้ำไม่ได้กังวลค่ะพี่ดา แค่อยากรู้ อยากรู้เฉยๆ”
“พี่ดาไม่เถียงคุณน้ำแล้ว เคลียร์เอกสารบนโต๊ะให้เสร็จก่อนเที่ยงด้วยนะคะ แต่ละฝ่ายเร่งพี่ดายิกๆ จนจะกินหัวแล้ว”
“ฮ่าๆๆๆ รับทราบค่ะ จะเซ็นให้มือหงิกกันไปข้าง” ร่างอวบหัวเราะเสียงใส เธอลาพักผ่อนเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น แต่เอกสารต้องสะสางกองใหญ่เท่าภูเขา
“อ้อ ตอนเที่ยงคุณน้ำจะสั่งข้าวมาทานบนห้องเหมือนเดิมไหมคะ หรือออกไปทานข้างนอกกับคุณกล้าตะวัน” เลขาคนสนิทหันกลับมาถามทันทีหลังนึกขึ้นได้ ขณะขาเรียวสวยก้าวออกไปแทบจะพ้นประตูอยู่รอมร่อ
“สั่งเหมือนเดิมค่ะ พี่ดาจัดการเลย น้ำไม่อยากรบกวนคุณกล้า เวลานี้ควรทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานเอาไว้มากๆ” นิศาชลยิ้มหวานหยดย้อยอย่างไม่รู้ตัวขณะพูดถึงกล้าตะวัน
“โอเคค่ะ” ญาดาทำสัญลักษณ์มือรับทราบก่อนเดินจากไป
การประชุมช่วงบ่ายเคร่งเครียดพอสมควร เนื่องจากเกิดการโต้เถียงกันไปมา ทั้งการออกแบบ การประเมินราคา รวมถึงโครงสร้างด้านวิศวกรรมหลายอย่างมีปัญหาต้องแก้ไข การระดมสมองถูกจัดขึ้นครั้งสุดท้ายก่อนพบเจอลูกค้า ร่างอวบอัดนั่งกุมขมับพลางถอนหายใจเชื่องช้าเพราะเธอกำลังใช้สมองน้อยๆ พิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ
"ผมเข้าใจพี่เดชนะครับ แต่แบบบ้านที่ผมเสนอ เป็นแบบบ้านที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า" กล้าตะวันไม่เห็นด้วยกับความคิดของหน้างานอย่างวีรเดชนัก
"ถึงนายจะบอกว่าดีที่สุด แต่ฉันต้องขอปฏิเสธ เพราะแบบบ้านของนายสิ้นเปลืองงบประมาณเกินไป ทำให้บริษัทได้กำไรน้อยลง" วีรเดชรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ เมื่อถูกพนักงานหนุ่มรุ่นน้องผู้มีศักดิ์เป็นถึงลูกเขยเจ้าของบริษัทโต้แย้ง
"การออกแบบบ้านต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ถ้าพวกเราสามารถออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ บริษัทจะได้รับความไว้วางใจ การบอกเล่าต่อปากต่อปากหรือการจ้างงานซ้ำ ช่วยเพิ่มผลกำไรเหมือนกันนะครับ"
"แต่ลูกค้าเน้นย้ำว่าต้องการบ้านราคาถูก และใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" หัวหน้างานผู้มีประสบการณ์มากมายชี้แจงรายละเอียดสำคัญ
"ผมเข้าใจครับ แต่เราสามารถนำเสนอแบบบ้านที่ดีที่สุดได้ หากคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้ากับบริษัทเป็นหลัก" วิศวกรหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพผลงานเป็นอันดับแรก
"แบบบ้านที่นายเสนอไม่สอดคล้องกับงบประมาณลูกค้า เกิดลูกค้าไม่พอใจราคาขึ้นมา พวกเราจะเสียโอกาสในการดูแลโครงการไป" วีรเดชคัดค้านหัวชนฝา ประสบการณ์ที่สั่งสมมาเป็นบทเรียนย้ำเตือนความผิดพลาดเสมอ
"พวกเราเสนอแบบบ้านให้ลูกค้าเลือกสองแบบดีไหมครับ รวมถึงเสนอตัวเลือกอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นการใช้วัสดุราคาถูกแต่คุณภาพดี" กล้าตะวันไม่ได้ดึงดันต่อ เขาตัดสินใจเสนอทางเลือกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกทาง เพราะรับรู้ว่าสิ่งที่หัวหน้างานตักเตือนนั้นถูกต้อง
"ส่วนนี้ผมเห็นด้วย แต่พวกเราเหลือเวลาปรับเปลี่ยนเพียงไม่กี่วัน หลายฝ่ายต้องทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ คุณแน่ใจหรือว่าสามารถทำงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาได้" วีรเดชคาดคั้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายยอมล่าถอย
“แน่ใจครับ ผมจะรับผิดชอบการแก้ไขครั้งนี้เอง” สายตามุ่งมั่นของกล้าตะวันบ่งบอกว่าเขาไม่ได้ยอมแพ้ แค่ยอมล่าถอยเพราะเหตุผล
“ตามใจคุณ ถือว่าผมเตือนแล้วนะ” รอยยิ้มเย้ยหยันถูกส่งมาให้โดยไม่ปิดบัง วีรเดชอยากรู้เหมือนกันว่าลูกเขยที่เจ้านายปลาบปลื้มนักหนามีความสามารถในการทำงานแค่ไหน
“น้ำขอสรุปผลการประชุมวันนี้เลยนะคะ พี่วีรเดชรับผิดชอบงานออกแบบชิ้นเดิมต่อให้เสร็จ ส่วนคุณกล้าตะวันรับผิดชอบงานออกแบบชิ้นใหม่ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ เสร็จแล้วค่อยมาดูกันว่าลูกค้าชื่นชอบผลงานของใคร” นิศาชลยิ้มหวานก่อนเก็บเอกสารเดินออกจากห้องประชุม เธอรู้สึกโล่งใจเหลือเกินที่สามีปลอมๆ ไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ แม้หลายคนจะดูแคลนเขาด้วยฐานะทางสังคม
“แก วันนี้ฉันมีข่าวใหญ่มาเม้าท์ คุณกล้าตะวันเถียงหัวหน้าวีรเดชในห้องประชุมเสียงดังค่า พึ่งมาทำงานวันแรกแท้ๆ แต่เขาเป็นถึงลูกเขยประธานบริษัทนี่นะ จะใช้อภิสิทธิ์บ้างก็ไม่แปลก”
“จริงหรือ ฉันได้ยินข่าวลือมาด้วยว่าคุณกล้าตะวันมีแต่ตัวแหละเธอ เพราะท่านประธานรักเลยได้เป็นลูกเขย”
“ว้ายยย แรงมาก สงสารคุณน้ำนะ ถึงว่าแฟนคนปัจจุบันหายไปไหนทั้งที่กำลังจะแต่งงาน คุณกล้าตะวันมาเสียบแทนนี่เอง”
“อย่าปากสว่างพูดต่อหล่ะ เดี๋ยวพวกเราได้ตกงานกันยกแผนก”
“รู้แล้วๆ”
กล้าตะวันชะงักฝีเท้าหลังได้ยินบทสนทนาจากสาวๆ แผนกมาร์เก็ตติ้ง ความจริงเขามีเอกสารหลายฉบับที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แต่ให้เดินเข้าไปถามตอนนี้คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ไว้วันหลังค่อยมาใหม่น่าจะดีกว่า ร่างสูงจึงเตรียมตัวหันหลังกลับอย่างไม่ใส่ใจ แต่ฝ่ามืออวบอ้วนของใครบางคนกลับดึงเขาเอาไว้แล้วพาเข้าไปในแผนกมาร์เก็ตติ้งทันที
“พอดีคุณกล้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม มีใครสามารถอธิบายได้บ้างไหมคะ” นิศาชลยิ้มเย็นพลางเอ่ยถาม น้ำเสียงห้วนๆ ของเธอบ่งบอกว่าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ทำเอาสาวๆ ที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นมองตากันเลิ่กลั่ก สีหน้าจืดเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดแบบไม่ต้องสงสัย ไม่รู้ว่าที่พวกเธอซุบซิบนินทากันเมื่อกี้ลอยไปถึงหูเจ้านายอย่างนิศาชลหรือไม่
งานแต่งแสนเรียบง่ายถูกจัดขึ้นภายในคฤหาสน์หลังงามของเจ้าสัวนธีอีกครั้ง แต่ครานี้ต่างจากคราแรกเพราะเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างมีสีหน้าชื่นมื่น นิศาชลยืนต้อนรับแขกร่วมกับเจ้าบ่าวอย่างกล้าตะวันพร้อมรอยยิ้ม แขกที่เชิญมาในงานแต่งครั้งนี้มีเพียงเพื่อนสนิทและญาติใกล้ชิดกันเท่านั้น กะจากสายตาแล้วน่าจะประมาณสามสิบคน ถือว่าเป็นงานแต่งขนาดเล็กที่อบอวลไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง ที่น่าอิจฉาไปกว่านั้นคือเจ้าบ่าวลงมือเตรียมงานทั้งหมดด้วยตนเอง ทั้งเลือกชุด เลือกการ์ด ตกแต่งสถานที่ เขาจัดการอย่างดีจนหลายคนเอ่ยปากชมกล้าตะวันตระเตรียมสินสอดมาสู่ขอนิศาชลตามประเพณี แม้รู้ว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงมิได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากมายนัก ทว่าเขาอยากให้เกียรติเธอเช่นลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงกระทำ อยากให้พ่อตาและแม่ยายรับรู้ว่าเขาสามารถดูแลบุตรสาวของพวกท่านได้ ซึ่งเจ้าสัวนธีเองก็พึงพอใจมากเมื่อลูกเขยคนโปรดอยากจัดงานวิวาห์ด้วยทรัพย์สินที่หามาจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง แม้เป็นเพียงงานแต่งเล็กๆ แต่เขากับภรรยาก็มีความสุขมาก ในที่สุดบุตรสาวเพียงคนเดียวก็เจอคู่ชีวิตเสียที ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อจากโลกนี้ไปแล้วนิศาชลจะเดียวดาย ขอบคุณโชคชะตา
ข่าวการล้มละลายของภาริชไม่ได้ทำให้นิศาชลรู้สึกมีความสุขเลย เธอเป็นห่วงเขาด้วยซ้ำ ตั้งแต่รู้จักกันมาผู้ชายคนนั้นใช้ชีวิตบนกองเงินกองทองและความสะดวกสบายมาตลอด เขาจะเอาชีวิตรอดจากสังคมอีกแบบได้อย่างไร ทุกคนรอบตัวเธอต่างลงความเห็นกันว่าบทลงโทษที่ภาริชได้รับนั้นสมควรแล้ว เพราะการกระทำของเขาค่อนข้างเลวร้าย เขาไม่เคยสำนึกผิดแถมยังเล่นงานเธอถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกตั้งใจวางยาเพื่อข่มขืน ส่วนครั้งที่สองก็ร่วมมือกับระรินทำลายชีวิตครอบครัวของเธอหน้าระรื่น ขืนปล่อยเอาไว้เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายถูกเขาเล่นงานซ้ำๆ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีกว่า หากต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกบุคคลหนึ่งที่นิศาชลรู้สึกว่าช่วงนี้หายเงียบไปจากวงสังคมก็คือระริน เนื่องจากพักหลังมีเพียงเจ้าสัวธนินผู้เป็นบิดาเท่านั้นที่มาร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ไม่รู้ว่าท่านจัดการกับบุตรสาวเพียงคนเดียวของตนเองยังไง อีกฝ่ายถึงได้เงียบหายไปแบบนี้ ในวงสังคมไม่มีการพูดถึงระรินอีกเลยเหมือนว่าเธอไม่เคยมีตัวตนมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น แถมยังมีข่าวลือแว่วๆ ออกมาว่าเจ้าสัวธนินกำลังผลักดันบุตรชายนอกสมรสให้ก้าวขึ้นมานั่งในตำแหน่งรองประธานบริษัทเพื่อสืบทอดกิ
เมื่อเดือนก่อนภาริชได้ติดต่อมาหากล้าตะวันเพื่อขอเจรจาเรื่องการฮั้วประมูลเป็นการส่วนตัว เขากลัวว่านิศาชลจะเดือดร้อนไปด้วยจึงตั้งใจปิดบังเธอไว้ เมื่อปัญหาทุกอย่างคลี่คลายค่อยสารภาพความผิดกับเธอทีหลัง การกระทำของภาริชสร้างความประหลาดใจให้กล้าตะวันไม่น้อยเนื่องจากอีกฝ่ายคอยหาเรื่องดูถูกเหยียดหยามเขาเป็นประจำ การเจรจาต่อรองแทบไม่อยู่ในหัวภาริชด้วยซ้ำ ทว่าเขากลับลงทุนติดต่อมาด้วยตัวเอง มองยังไงก็ไม่สมเหตุสมผลกล้าตะวันคิดว่าอีกฝ่ายคงวางแผนเล่นงานเขาไว้แน่ๆ เพียงแต่เขาเองก็ต้องการหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดภาริชเช่นกัน ดังนั้นจึงยอมไปพบอีกฝ่ายตามที่เสนอมา เขาวางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับภาริชอย่างลับๆ โดยมีพร้อมพงษ์คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง วันที่ออกไปพบศัตรูเขาได้ติดตั้งกล้องขนาดเล็กและไมโครโฟนไว้ใต้เนกไทเพื่อบันทึกเสียงสนทนาระหว่างเขากับภาริชไว้เป็นหลักฐาน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกล้าหาญถึงขึ้นวางยาสลบเขาโชคดีที่พร้อมพงษ์รับรู้ถึงความผิดปกติและเตือนให้ระวังตัวเอาไว้ เขาแสร้งดื่มน้ำในแก้วแล้วสลบไปตามแผนการของอีกฝ่ายอย่างแนบเนียน ไม่นานนักก็มีรถตู้พร้อมชายชุดดำอีกหลายคนมารับตัวเขาเพื่อพา
พูลวิลล่าส่วนตัวบนเกาะภูเก็ตถูกเลือกให้เป็นสถานที่พักพิงหัวใจแสนบอบช้ำ นิศาชลนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆ พลางขบคิดหาวิธีแก้ไขมากว่าสามวันแล้ว หากเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอหวัง ยอมรับว่าหวาดกลัวคำตอบจากปากกล้าตะวันมาก นิศาชลถูกประสบการณ์เมื่อครั้งอดีตคอยหลอกหลอนตลอดเวลาและย้ำเตือนเสมอว่าเธอนั้นจะเป็นฝ่ายถูกทิ้งเมื่อพวกเขามีตัวเลือกที่ดีกว่าหรือใกล้เคียงกันเรียกได้ว่าเธอเกิดมาเพื่อผิดหวังอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องความรักและคู่ครอง ไม่ใช่แค่ภาริชที่เลือกทำแบบนั้น คนรักของเธอแทบทุกคนเป็นเหมือนกันหมด สุดท้ายพวกเขาก็เลือกภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มสามารถเชิดหน้าชูตาและอวดเพื่อนๆ ในวงสังคมได้ นักธุรกิจส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จเรื่องครอบครัวมากนัก จะหย่ากันทีก็เป็นข่าวใหญ่โตให้ผู้คนนินทา บางคู่จึงเลือกกล้ำกลืนฝืนทนประคับประคองความสัมพันธ์จวบจนวาระสุดท้ายของชีวิตแม้พอดูออกว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนการของระริน ทว่าหากสามีของเธอเกิดพลาดท่าขึ้นมาจริงๆ ฝ่ายนั้นต้องหาทางบีบบังคับเขาแน่ กลัวเหลือเกินว่ากล้าตะวันจะหันหลังให้เธอเหมือนอย่างภาริชเคยทำ การหนีมาพักผ่อนเป็นเพียงการถ่วงเวลาแล
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านใจกลางเมืองเป็นสถานที่ที่กล้าตะวันขับรถมาส่งภรรยา เขาเสนอให้เธอเข้าไปเลือกซื้อสินค้าที่ต้องการก่อน ระหว่างรอเขาจะออกไปทำธุระข้างนอกเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา นิศาชลเห็นด้วยกับความคิดของสามีเนื่องจากเธอมีนัดเลือกซื้อเสื้อผ้ากับญาดา คาดว่าคงใช้เวลานานพอสมควร ถ้าให้นั่งรอเขาจะเบื่อหน่ายเสียเปล่าๆสองสาวต่างวัยทักทายกันด้วยรอยยิ้มเมื่อพบหน้า นิศาชลรีบควงแขนญาดาเข้าไปในร้านเสื้อผ้าสำหรับเด็กทันที ภายในร้านมีการตกแต่งที่น่ารักสดใส ใช้สีฟ้าพาสเทลและสีชมพูอ่อนเป็นหลัก แสงสว่างจากโคมไฟสีเหลืองนวลตามมุมต่างๆ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นใจ พื้นที่ทางเดินถูกจัดเตรียมไว้เป็นสัดส่วนให้เหมาะสมสำหรับการเลือกซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังมีห้องลองชุดสำหรับเด็กทารกและเด็กโตไว้บริการหากต้องการลองสวมใส่ก่อนตัดสินใจร้านขายเสื้อผ้าแห่งนี้มีเสื้อผ้าสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กโต หลายขนาด หลายไซต์ รวมถึงของเล่นเพื่อเสริมพัฒนาการ หนังสือสำหรับคุณแม่มือใหม่ ตุ๊กตาน่ารักๆ และของใช้จิปาถะสำหรับเด็ก เรียกได้ว่าครบครัน พนักงานในร้านก็ยิ้มแย้มพร้อมให้บริการตลอดเวลา“ชุดนี้สวยมาก น้ำซื้อให้หลานนะคะ
นิศาชลนั่งจิบกาแฟพลางฮัมเพลงเบาๆ เมื่อทราบข่าวว่าบริษัทของภาริชกำลังปั่นป่วนอย่างหนัก ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ดิ่งลงกว่าสามวันแล้ว แถมยังมีข่าวลือแว่วๆ ว่าไฮโซสาวอย่างคุณหนูระรินต้องการถอนหมั้น เมื่อหมดประโยชน์ก็ถูกฝ่ายนั้นเขี่ยทิ้งทันที จะโทษว่าเป็นความผิดของเธอคนเดียวไม่ได้ หากภาริชไม่ทำร้ายเธอก่อน เรื่องนี้ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น“คุณน้ำคะ ตอนบ่ายมีประชุมกับฝ่ายการตลาดนะคะ” ญาดาเร่งรุดเข้ามารายงาน ทว่าผู้ฟังกลับไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย ซ้ำยังมีรอยยิ้มที่ดูแปลกตากว่าปกติผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า“มีเรื่องน่ายินดีอะไรหรือเปล่าคะ” ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เลขาสาวเอ่ยปากถามออกไปทันที“พี่ดาลองเดาดูสิ” นิศาชลยิ้มหวาน หน้าท้องที่เคยแบนราบของคุณแม่มือใหม่เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อย เธอต้องคอยบอกให้ระวังเสมอเพราะญาดาไม่ยอมพักงาน อ้างว่าร่างกายแข็งแรงดี น่าแปลกที่เลขารุ่นพี่ไม่มีอาการแพ้ท้องให้เห็น แต่เมื่อทราบจากสามีว่าพร้อมพงษ์แพ้ท้องแทนญาดาอย่างหนัก ทำเอาเธอหัวเราะชักดิ้นชักงออยู่เป็นวัน ทั้งขำขันทั้งสงสาร“เดาไม่ถูกหรอกค่ะ ช่วงนี้พี่ดาวุ่นวายแต่กับเจ้าตัวเล็ก” ฝ่ามือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องเบาๆ ก่อนคลี่ยิ้ม