Share

ตอนที่ 2

last update Last Updated: 2025-12-05 15:44:00

ทางด้านเหมันต์ก็เอาแต่สำมะเลเทเมาตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงบ้านจนถึงวันนี้ก็ยังคงกอดขวดเหล้าฟุบหลับคาโต๊ะอยู่เหมือนเดิมเป็นเวลากว่าสัปดาห์ จนคนในครอบครัวเริ่มเป็นห่วงโดยเฉพาะพี่ชายทั้งสองคนอย่างตะวันฉายและสินสมุทรจนพาลเกลียดผู้หญิงที่หักอกน้องชายอย่างปารวตีทั้งที่ยังไม่เคยได้พบหน้า เขารู้เพียงแต่ว่าน้องชายคนเล็กถูกเพื่อนที่ไว้ใจอย่างเอกภพและผู้หญิงที่รักอย่างปารวตีหักหลัง

แม้ว่าเอกภพจะใช้ความพยายามมากมายแค่ไหนที่จะอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เหมันต์ได้รู้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ แต่ทว่ามันกลับเป็นเพียงแค่ความต้องการเท่านั้นเพราะชายหนุ่มกลายเป็นบุคคลต้องห้ามสำหรับภักดีดำรงไปเสียแล้ว

                “ไอ้หมอก พอแล้ว กินจนตับแข็งหมดแล้วมั้ง” ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายปรามน้องชายที่เมาเละเทะอยู่บนพื้นบ้านพร้อมกับก้มลงไปดึงขวดเหล้าในมือ

                “ยุ่งน่าพี่ตะวัน ไปทำการทำงานสิ หมอกอยากลืม อยากลืมผู้หญิงเลวๆ กับเพื่อนชั่วๆ ไปซะ”

                “เลิกกินไอ้หมอก แกกินเข้าไปก็แค่เมามันไม่ทำให้แกลืมเขาได้หรอก”

                “ปล่อยมันนอนแอ้งแม้งเป็นหมาอยู่ตรงนั้นแหละ แกไปทำงานได้แล้วเรื่องมันเดี๋ยวพ่อดูต่อเอง มันอยากตายนักก็ปล่อยมันตาย มันอยากกินก็ให้มันกิน พ่ออยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามันเป็นอะไรไปใครหน้าไหนอีกที่จะมาชายตามอง” ราเมศ ภักดีดำรงเดินเข้ามาพร้อมกับคำบัญชาที่ดุดัน ดวงตาสีนิลมองไปยังสภาพของลูกชายคนเล็กที่ไม่ได้ต่างอะไรจากผีตายซาก ก่อนจะจงใจใช้เท้าเขี่ยร่างกำยำที่นอนหลับอยู่กับพื้น

                “พ่อ!! ยังไงหมอกมันก็ลูกพ่อนะ พ่อจะปล่อยให้มันตายจริงๆ เหรอ” ตะวันฉายมองบิดาด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าน้องชายคนเล็กเจ็บปวดใจพียงได แต่ไฉนบิดาถึงดูใจร้ายนัก

                “เออ!! ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนแม่พวกแกนะ ที่จะคอยดูแลเอาใจกันจนพวกแกได้จนเกือบเสียวินัย ฉันไม่ชอบต่อความยาวสาวความยืดโตๆ กันแล้วคิดกันเอาเอง”

                “ถ้าแม่ยังอยู่คงจะดีกว่านี้” ตะวันฉายเอ่ยพร้อมกับปรายตามองสภาพของน้องคนเล็ก ก่อนจะเดินออกไปโดยที่เหมันต์ ภักดีดำรงยังคงนอนอยู่ที่พื้นบ้าน

                เสียงความคิดของราเมศเห็นด้วยทุกประการที่ตะวันฉายเอ่ยหากว่าสุชาดายังอยู่ คงแก้ปัญหาได้ดีและนุ่มนวลกว่าที่เขาทำ แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะคู่ชีวิตของเขาจากโลกนี้ไปแล้วจากไปพร้อมกับหัวใจของเขาที่มอบให้เธอตั้งแต่วันแรกที่ตกหลุมรักจนวันสุดท้ายของชีวิต

                วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนวันไปเรื่อยๆ เหมันต์ผู้เอาแต่กอดขวดเหล้าจนเป็นที่ชินตาของครอบครัวเริ่มตั้งสติได้ ตัดสินใจก้าวไปข้างหน้า เลิกดื่มเหล้า เลิกคิดเลิกเพ้อหาผู้หญิงที่ชื่อปารวตีและตัดขาดการติดต่กับเพื่อนที่ชื่อเอกภพ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะไม่มีวันกลับไปญาติดีกับเพื่อนทรยศคนนี้อีก และไม่ขอเจอหน้าผู้หญิงใจร้ายอย่างเธอด้วยเช่นกัน

                เหมันต์อาสาเข้าไปช่วยงานพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรที่ฟาร์มหอยมุก ชายหนุ่มทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน ไม่สนใจใยดีคนรอบข้างละทิ้งการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจนเกือบจะแปลกแยก

                “ไอ้หมอก ไอ้หมอก ไอ้หมอก ไอ้หมอกเว้ย” สินสมุทรตะโกนเรียกน้องชายดังลั่นแต่ทว่าอีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าตั้งนานแล้ว

                “อ้าวพี่สิน มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ให้ซุ่มให้เสียง” เหมันต์ละมือจากปากกาละสายตาจากเอกสาร เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าพี่ชายคนกลางเจ้าของฟาร์มมุกตัวจริงยืนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

                “โอ้โห ไอ้น้องรักฉันเรียกแกเสียงดังฟังชัดจนปลาในน้ำยังได้ยินเลย จนเสียงฉันแหบไปหมดแล้ว แกยังไม่หือไม่อือเลย” สินสมุทรอธิบายอย่างหัวเสีย ไม่ใช่เพราะไม่ได้รับการตอบสนองแต่เป็นเพราะพฤติกรรมของเหมันต์ต่างหาก

                “พี่สินมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาหมอก” น้ำเสียงที่เอ่ยถามช่างราบเรียบดีเสียจริงๆ ราวกับปราศจากสิ้นซึ่งวิญญาณ

                “มีสิเฮ้ย!! ฉันจะมาอัญเชิญให้แกกลับบ้านไปกินข้าวกับพวกฉันบ้าง กรุณาให้เกียรติพวกเราด้วยเถอะครับคุณเหมันต์” เจ้าของฟาร์มเอ่ยยียวนแกมขอร้อง

                “แค่สองชั่วโมงนะ เดี๋ยวหมอกจะกลับมาทำงานต่อ ไม่อยากจะทำอะไรที่มันไร้สาระ” แววตาที่ปราศจากความรู้สึกใดๆ ของเหมันต์มันกรีดหัวใจคนในครอบครัวอย่างเขาดีแท้ อยากจะรู้เหลือเกินว่าผู้หญิงที่ทำร้ายน้องชายเขาป่านนี้จะเริงร่ากับผู้ชายคนไหนอยู่

                “ไปค้างที่บ้านเถอะหมอก ทุกคนเป็นห่วงแกนะ พ่อเองก็พลอยกังวลไปด้วยที่แกเป็นอย่างนี้”

                “หมอกก็สบายดีไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย เป็นห่วงทำไมกัน”

                “แกอาจจะสบายดีในความคิดแก แต่แกรู้บ้างไหมว่าแกทำตัวเหมือนคนที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิต แกตัดทุกคนออกจากชีวิตของแก แกรู้ตัวบ้างหรือเปล่า”

                น้ำเสียงที่ตัดพ้อของพี่ชายทำให้คนบ้างานถึงกับสะอึกเมื่อรู้ตัวว่ากำลังทำให้คนในครอบครัวถูกผลักไสทั้งที่เรื่องทั้งหมดเกิดจากความผิดหวังในรักเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

                “อ๋อ มีอีกเรื่องเผื่อว่าแกอยากรู้ น้องแอมลูกคุณน้ากรองแก้วเสียแล้วนะ”

                สิ้นเสียงของพี่ชายภายในใจที่เยือกเย็นก็วูบไหวเพราะหญิงสาวที่สิ้นลมหายใจนั้นหาใช่ใครอื่น หากแต่เป็นน้องสาวเพียงคนเดียวของเอกภพ อนันตรา ชายที่เขาประกาศตัดญาติขาดสัมพันธ์ด้วย แม้จะโกรธเกลียดเพียงใดแต่เขารู้ดีว่าเอกภพทั้งรักและหวงน้องสาวคนนี้เพียงใด เพียงเสี้ยวความคิดก็ทำให้เหมันต์อดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้เอกภพจะเป็นอย่างไร

                “แกจะไปร่วมงานหน่อยไหม”

                “ไม่ดีกว่า ต่างคนต่างอยู่นั่นแหละดีแล้ว”

                ชายหนุ่มตอบคำถามเสียงเรียบแต่ในความคิดนั้นกลับใคร่รู้ว่าทางอนันตราจะเป็นอย่างไร ลูกชายคนเล็กบ้านภักดีดำรงสะบัดหน้าไปมาไล่ความคิดที่เกิดขึ้นในหัวก่อนจะลกขึ้นจากเก้าอี้เดินโอบบ่าพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรตรงไปยังเรือเร็วส่วนตัวที่จอดเทียบอยู่ที่ท่าเรือราวกับว่าทุกสิ่งที่ได้รับรู้นั้นไม่เคยได้ยิน

                เอกภพ อนันตรา เสียใจแทบจะเสียศูนย์เมื่อสูญเสียน้องสาวสุดที่รักวัยสิบแปดปีไปอย่างไม่มีวันกลับ หญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกตัดสินใจจบชีวิตตัวเองจากความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเหลือแต่เพียงทายาทตัวน้อยที่เธอให้กำเนิดเอาไว้ให้พี่ชายอย่างเอกภพและมารดาอย่างกรองแก้วเก็บไว้เป็นตัวแทน

                “เอก คิดดีแล้วหรือที่จะทำอย่างนี้” กรองแก้ววางมือบนบ่าของลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวอย่างวิตก

                “ครับแม่ อ้นมันน่าสงสารนะครับ พ่อก็ไม่รับ แม่ก็ตายไปแล้ว ผมอยากให้เด็กได้มีใครสักคน” ชายหนุ่มตอบรับด้วยความหนักแน่นดวงตาสีดำสนิททอดมองทารกน้อยวัยกระเตาะที่นอนอยู่ในเปลด้วยความเอ็นดู

                “แม่เข้าใจ แต่ชีวิตของเอกหล่ะ”

                “ชีวิตผมคือแม่กับอ้นครับ นับจากวันนี้ผมจะเป็นพ่อของเด็กคนนี้ น้องจะได้ไม่ห่วงอะไรอีก”

                กรองแก้วถอนหายใจอย่างจนใจ นางปรารถนาให้หลานชายได้เติบโตอย่างมีความสุขตราบเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะมี ปรารถนาให้ลูกชายได้สำเร็จในสิ่งที่คาดหวังโดยที่สองสิ่งนี้จะต้องไม่กลายเป็นบ่วงร้อยรัดกันและกันเอาไว้ แต่ทว่าเวลานี้เอกภพกลับเลือกให้อธิหรืออ้นกลายเป็นพันธะที่ผูกโยงกับตัวเองเอาไว้

                “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็คงต้องยอม”

               

เมื่อเมฆฝนผ่านพ้นไปแล้วท้องฟ้าที่สดใสก็เดินทางเข้ามาเยือนอีกครั้ง เอกภพกลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งที่ควบหน้าที่บริหารไร่อนันตราอันเป็นมรดกของครอบครัว เหมันต์ที่เคยไร้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรับตำแหน่งดูแล             รีสอร์ทของครอบครัวต่อจากผู้เป็นบิดากลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่น่าจับตามองไม่แพ้เอกภพ ส่วนหญิงสาวนามว่าปารวตีนั้นยังคงทำหน้าที่แม่ลูกแฝดอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนได้อย่างไม่บกพร่อง โดยที่เธอยังคงคบค้ากับเอกภพอยู่เสมอด้วยไมตรีที่บริสุทธิ์ เอกภพมักจะพาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาเยี่ยมเยียนน้องเรนน้องรุ้งอยู่เสมอ จนแม้แต่ศิวะและอุมาเองก็เอ็นดูรักใคร่อธิไม่ต่างจากลูกหลาน ทำให้ อธิ เหมวิชและเหมภัสสนิทสนมกันจนเรียกได้ว่ามีอธิที่ไหนต้องมีสองแสบนี้อยู่ทุกที่

                สามปีต่อมา.....

                “แม่ป่านกลับมาแล้ว” เสียงหวานใสของเด็กหญิงผมยาวสลวยที่ถูกรวบเอาไว้เป็นหางม้าวิ่งเข้ามาหาร่างเพรียวของมารดาอย่างดีใจ ซึ่งผิดกับเด็กชายอีกคนที่เอาแต่ยืนนิ่งมองหน้ามารดาอยู่ที่เดิมด้วยท่าทีขุ่นเคือง โดยมีสองตายายที่คอยช่วยเลี้ยงสองแสบนี้ยืนดูภาพที่คุ้นชินตาอย่างสุขใจ

                “วันนี้รุ้งเป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ” ปารวตีเอ่ยถามลูกสาววัยสามขวบที่วิ่งเข้ามาสวมกอดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                “ค่ะ พี่เรนก็เป็นเด็กดีด้วยเหมือนกันนะคะแม่ป่าน” ความฉอเลาะของเด็กหญิงเหมภัสทำให้คุณแม่ยังสาวอย่างปารวตีหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งหลังจากที่กลับมาจากการสัมภาษณ์งานที่ต่างจังหวัด

                “วันนี้แม่ป่านเหนื่อยจังเลยครับพี่เรน แม่ป่านอยากให้พี่เรนกอดจังเลย แม่ป่านจะได้หายเหนื่อย” ผู้เป็นแม่รู้ดีกว่าใครว่าฝาแฝดผู้พี่อย่างเหมวิชนั้นติดแม่อย่างเธอเสียยิ่งกว่าเหมภัสแฝดผู้น้องเสียอีก และเธอก็ดูออกว่าลูกชายนั้นน้อยใจเธอมากแค่ไหนที่เอาทั้งคู่มาฝากไว้ที่บ้านของตากับยายแต่ที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับอยู่อย่างนั้นก็เพราะได้นิสัยท่ามากของผู้เป็นพ่ออย่างเหมันต์มาเต็มๆ นั่นเอง

                “เร็วสิพี่เรน แม่ป่านจะได้หายเหนื่อย” น้องสาวเอ่ยเรียกพี่ชายฝาแฝดที่ยังคงไม่ไหวติง

                “ผู้ชายนี่ขี้งอนเหมือนกันหมดเลยหรือเปล่าคะ” เด็กหญิงเอ่ยอย่างระอากับผู้เป็นแม่ก่อนจะวิ่งไปหาพี่ชายที่ยืนอยู่ไม่ไกล

                ในที่สุดน้องสาวก็ออกแรงกึ่งลากกึ่งจูงพี่ชายอย่างเหมวิชมาหาแม่ป่านคนสวยได้สำเร็จ แต่กระนั้นเด็กชายก็ยังคงไม่ยอมสบสายตาผู้เป็นแม่เพราะยังคงน้อยอกน้อยใจไม่หาย

                “พี่เรนครับ แม่ทำให้พี่เรนงอนอีกแล้วเหรอครับลูก” มือบอบบางบีบแก้มนิ่มของลูกชายอย่างเอ็นดู เหมวิชถอดนิสัยออกมาจากเหมันต์แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวตายตัวแทนเลยทีเดียว

                “ไม่ได้งอนครับ” เด็กชายตอบทั้งที่เสียงสั่น

                “แม่ขอโทษนะครับที่วันนี้ไม่ได้อยู่กับพี่เรน น้องรุ้ง แต่ว่าแม่ต้องออกไปหางานหาเงินนะครับ แล้วอีกอย่างวันนี้แม่ก็ได้งานใหม่แล้วด้วย”

“แม่ป่านไม่ทำงานไม่ได้เหรอครับ พี่เรนอยากให้แม่ป่านอยู่ด้วยกันมากกว่า”

                “อยู่กับตากับยายไม่สนุกเหรอครับ” ปารวตีตะล่อมลูกชายอย่างเข้าใจ เพราะหลังจากที่เธอเรียนจบหญิงสาวก็ไม่ได้ทำงานมีรายได้ที่แน่นอนนักเพราะต้องคอยระวังชีวิตสองแสบตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลก และเมื่อเหมภัสและเหมวิชได้ส่งเสียงร้องกระจองงอแงขึ้นเป็นครั้งแรก ปารวตีก็รับรู้ได้ถึงความเข้มแข็งที่เด็กน้อยสองคนนี้มอบให้ในทันที หญิงสาวตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง โชคดียังเป็นของเธอที่สามารถทำขนมได้ หญิงสาวจึงเลือกอาชีพนี้ในการเลี้ยงดูตัวเองและลูกฝาแฝดโดยที่ไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงหรือต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากผู้เป็นพ่ออย่างเหมันต์ แม้ว่าเวลานั้นจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วแต่หัวใจของปารวตีก็ไม่สามารถมองหาหรือเปิดใจให้ใครคนอื่นได้อีกนอกจากเขา แม้ว่าตอนนี้เหมันต์กับเธอได้สาบสูญไปจากชีวิตของกันและกันแล้วก็ตาม

                “ก็สนุกครับ แต่ว่าพี่เรนอยากอยู่กับแม่ป่านมากกว่า”

                ยิ่งฟังคำตอบก็ยิ่งปวดใจเพราะตลอดเวลาที่เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นมานั้นโลกทั้งใบของสองพี่น้องมีเพียงเธอเท่านั้น เด็กๆ ไม่เคยต้องห่างมารดาไปไหนนานๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ทว่าครั้งนี้เธอกลับทิ้งให้ลูกๆ อยู่กับตายายนานถึงสองวัน จะไม่ให้ลูกชายแสนรักอย่างเหมวิชออกอาการเลยก็คงจะไม่ได้ ส่วนเหมภัสนั้นสามารถปรับตัวเข้ากับทุกคนได้ง่ายกว่าผู้เป็นพี่เพราะความช่างพูดช่างจาทำให้สองตายายหลงหลานสาวคนนี้เป็นพิเศษ เพียงแค่เอ่ยปากขอเท่านั้นทั้งตาทั้งยายก็แทบจะประเคนให้หลานทุกอย่างจนหญิงสาวกลัวเหลือเกินว่าลูกสาวคนสวยจะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ

                “แต่น้องรุ้งสนุกนะคะ ยายทำขนมให้กินทุกวันเลยเนอะ พี่เรน” มือเล็กของน้องสาวกระตุกแขนเสื้อพี่ชายฝาแฝดเหมือนต้องการคำตอบที่ไปในทางเดียวกัน

                “แม่ป่านรู้ไหมคะ ว่าเมื่อคืนพี่เรนนอนร้องไห้หาแม่ป่านด้วย น้องรุ้งเก่งกว่าไม่ร้องไห้เลย เพราะแม่ป่านสัญญาแล้วว่าแม่ป่านจะกลับมาหา น้องรุ้งบอกพี่เรนแล้ว พี่เรนก็ไม่เชื่อ”

“ไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย” พี่ชายตอบโต้น้องสาวอย่างเอียงอาย

เหมภัสได้ทีเล่าเรื่องเป็นต่อยหอย ส่วนคนพี่อย่างเหมวิชก็คอยแก้ต่างให้ตัวเองเป็นพัลวันจนคนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาระคนกับความเอ็นดู เพราะเห็นเงาของตัวเองและเหมันต์อยู่ในดวงตากลมสีสวยของลูกสาว ถ้าเขาได้รู้ว่าสายเลือดของเขาน่ารักน่าชังอย่างนี้ เขาจะยินดีให้เด็กทั้งสองคนเรียกเขาว่าพ่อหรือไม่เธอก็ไม่อาจรู้ หากแม้ฟ้าจะประทานโอกาสให้เธอได้พบกับเขาอีกครั้งเธออยากที่จะให้พ่อลูกได้พบกัน ส่วนเรื่องของเธอกับเขานั้นก็คงเป็นได้เพียงเรื่องราวและความทรงจำดีๆ เท่านั้น แม้ว่าเธอจะยังรักและรอเขากลับมาแต่ก็ไม่อาจเอื้อมที่จะคิดฝันไปไกลว่าฟ้าจะเมตตา

“แม่คะ พ่อคะ ตอนนี้ป่านได้งานแล้วนะคะ เป็นงานที่เอาลูกไปอยู่ด้วยได้ แต่ว่าต้องไปอยู่ต่างจังหวัดค่ะ แต่พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ทั้งรายได้ สวัสดิการเรียกได้ว่าดีมากเลยค่ะ มันพอที่จะทำให้คนเงื่อนไขเยอะอย่างป่านมีเงินเลี้ยงเรนกับรุ้งได้สบายๆ เลยนะคะ” ปารวตีเอ่ยกับบุพการีเกี่ยวกับงานที่เธอได้รับหลังจากส่งเด็กๆ เข้านอนแล้ว

“อย่าเลยป่าน หนูไปอยู่ไกลๆ แบบนี้พ่อกับแม่เป็นห่วง ไหนจะหลานอีก ใครจะช่วยดูแล ป่านเองก็ต้องทำงาน อีกไม่กี่เดือนทั้งรุ้งทั้งเรนก็ต้องเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ไหนจะค่าเทอม ค่าโน่น ค่านี่เยอะแยะ หนูจะไหวแน่เหรอลูก” อุมาเอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวและหลานฝาแฝด เพราะแต่ไหนแต่ไรนางเห็นลูกสาวคนนี้ต่อสู้เพื่อลูกของตัวเองมาตลอด และแม้ว่าวันนี้ปารวตีจะเป็นแม่คนแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนไปคือปารวตียังคงเป็นลูกสาวของนาง

“ตามใจสิลูก พ่อเชื่อว่าหนูจะดูแลทุกอย่างได้เหมือนอย่างที่เคยทำมา แต่อย่าลืมนะป่าน ไม่ว่าหนูจะตัดสินใจยังไง อย่าลืมเชียวว่าพ่อกับแม่พร้อมจะอยู่ข้างๆ หนูเสมอ” ศิวะ เอ่ยเสียงเรียบกับลูกแล้วแต่สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความอารีและอ่อนโยน เหมือนตลอดทั้งชีวิตที่เธอได้รับรู้

“แต่ว่าคุณคะ” อุมาทำท่าจะค้านแต่ก็ต้องยอมนิ่งเงียบไปอย่างเสียมิได้เมื่อคู่ชีวิตของเธอได้ให้อำนาจการตัดสินใจแก่ปารวตีแล้ว

“ลูกของเรา เป็นแม่ของหลานแล้วนะคุณ เราสองคนก็ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาที่เราต้องยอมปล่อยลูกออกไปจากอกแล้วนะคุณ เราเป็นพ่อแม่เลี้ยงลูกได้แต่ตัวให้เติบโต ส่วนเรื่องอื่นๆ เราต้องปล่อยให้เขาได้ตัดสินใจและเรียนรู้ คนเป็นพ่อแม่  ต้องเชื่อใจลูกของตัวเองเพราะมันคือหน้าที่ของเราและแรงผลักดันสำคัญให้กับลูก ถ้าเราคิดถึงเด็กๆ เราก็ไปเยี่ยมก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นอะไร ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยเสียเลย”

เมื่อสามีพูดถึงเพียงนี้อุมาเองก็ค้านไม่ออก เพราะนางรู้ดีกว่าใครว่าปารวตีเป็นยิ่งกว่าชีวิตของศิวะ แม้ว่าเมื่อสามปีก่อนเขาจะโกรธที่หญิงสาวทำตัวนอกลู่นอกทางจนท้องโย้ทั้งที่ขาดคนรับผิดชอบจนไม่ยอมพูดยอมจาด้วย แต่เขาก็เป็นคนแรกที่น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวดที่เห็นลูกสาวตัวเองร้องโอดโอยจากความเจ็บปวดจากการให้กำเนิดเหมวิชและเหมภัส อุมาจึงไม่มีข้อกังขาใดๆ เลยที่จะขัดขวางลูกสาวคนเดียวเพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะเป็นกังวลมากที่สุดก็หาใช่ใครอื่นนอกจากศิวะ

“ขอบคุณมากนะคะ พ่อ” คุณแม่วัยยี่สิบห้าโผเข้าสวมกอดบิดาด้วยความซาบซึ้งในหัวใจ

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนี่นา”

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พ่อทำให้ป่านนะคะ เมื่อก่อนป่านไม่ค่อยจะเข้าใจมันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ป่านรู้และเข้าใจดีเลยค่ะว่าเพราะอะไร”

“ถ้าไม่ลำบากมากไปก็พาเจ้าเรนกับเจ้ารุ้งมาเยี่ยมพ่อกับแม่บ้าง”

“แล้วจะเดินทางไปเมื่อไหร่ล่ะ ให้พ่อไปส่งเถอะ อย่างน้อยแม่ก็จะได้สบายใจด้วยว่าลูกไม่ได้ลำบาก”

นั่นปะไร ขาดคำของอุมาเสียเมื่อไหร่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากบ้านผู้เป็นบิดาก็ห่วงลูกสาวเสียแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 8

    เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 7

    ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 6

    เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 5

    ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 4

    "หมอก!! ป่านอาจจะขอมากไปแต่ว่าป่านอยากจะได้ที่นอนหลังใหม่ แล้วก็อีกอย่างขอเริ่มงานอาทิตย์หน้าได้หรือเปล่า ป่านยังต้องจัดการเรื่องที่พักกับโรงเรียนของเด็กๆ อีก" เมื่ออยู่กันแค่สองคนหญิงสาวก็เรียกเขาด้วยสรรพนามที่เคยเรียกทันที"อย่ามาเรียกอย่างสนิทสนมนะป่าน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านาย ป่านเป็นแค่ลูกน้อง""ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันบังอาจทำตัวสนิทสนมกับคุณให้เคือง แต่ว่าเรื่องที่ดิฉันขอไปนั้นคุณเหมันต์ว่ายังไงคะ" หญิงสาวถึงกับเสียงอ่อยเมื่ออีกคนแสดงความห่างเหินชัดเจนแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เหลือไว้ให้"วันนี้คงไม่ได้ งานผมยุ่ง แต่พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ ส่วนเรื่องเริ่มงานก็เป็นไปตามที่คุณขอ เพราะเห็นว่ามีลูกเล็กหรอกนะถึงหยวนให้ได้" เจ้านายหนุ่มวางมาดยโสเสียจนน่าหมั่นไส้"ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเรื่องที่นอนคงรอไม่ได้ ดิฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบายรบกวนคุณเหมันต์ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ดิฉันด้วยค่ะ" ฝ่ามือบางยื่นไปเพื่อรับของของตัวเองคืนเหมันต์หยิบโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอย่างลังเลเมื่อเห็นว่ามันทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายจนไม่น่าจะใช้การได้อีก"ทำไมไม่ซื้อใหม่ซะ ดูสภาพแล้วอ

  • สามีร้ายเกี้ยวรัก   ตอนที่ 3

    "สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง"ครับ"ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้ม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status