LOGIN"สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน
"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว
"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี
"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ
"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง
"ครับ"
ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้มารดาของเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่าสามปีชายหนุ่มจะมีผู้หญิงมากมายดาหน้ามาให้เลือกแต่ก็ไม่มีใครสามารถเปิดประตูหัวใจที่ปิดตายของเขาได้สำเร็จ ชายหนุ่มทุ่มเทกับงานเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงอดีตคนรักอย่างปารวตี แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ได้รู้ว่าปารวตีไม่เคยหายไปจากหัวใจเขาแม้แต่วินาทีเดียว เพราะทุกครั้งยามหลับตาเขาก็ยังคงพบเธออีกครั้งในความฝันของทุกค่ำคืน
"คุณหมอกคะ พอดีว่าเมื่อสองวันก่อนคุณสินได้รับพนักงานคนใหม่เข้ามา ไม่ทราบว่าคุณหมอกจะให้เข้ามาได้เลยไหมคะ"
"หืม พนักงานใหม่??" ชายหนุ่มทำท่าแปลกใจเพราะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่ชายอย่างสินสมุทรจะหาพนักงานใหม่มาแทนคนเก่าได้ไวอย่างนี้
เหมันต์ที่รับหน้าที่มาดูแลกิจการแทนพี่ชายเป็นการชั่วคราวอีกครั้ง เพราะพี่ชายอย่างสินสมุทรเกิดอารมณ์ศิลปินเบื่องานขึ้นมาเสียดื้อๆ และหันไปให้ความสนใจกับงานอดิเรกอย่างการถ่ายภาพแทน
"ให้เข้ามาได้" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองกับพนักงาน ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับตัวเลขตรงหน้าอีกครั้ง
พนักงานคนใหม่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของผู้เป็นเจ้านายด้วยความตื่นเต้นแต่ทว่ากลับรู้สึกใจสั่นเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เธอเฝ้าฝันจะพบมาแสนนานอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่คืบเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นแรงยิ่งกว่าคือการที่จะได้พูดกับเขาตรงๆ หลังจากไม่ได้พบกันอีกเลยตั้งแต่วันนั้น
"สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อปารวตีเป็นพนักงานใหม่ที่คุณสินสมุทรรับเข้ามาทำงานค่ะ"
เสียงหวานที่คุ้นหูกับชื่อที่ยังคงตรึงอยู่ในหัวใจฉุดให้คนที่กำลังดูตัวเลขมากมายบนกระดาษให้เงยหน้าขึ้นมาพบกับเจ้าของเสียงได้อย่างง่ายดาย
ลูกชายคนเล็กของภักดีดำรงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่เขาทั้งรักทั้งเกลียดอย่างปารวตีจะยืนอยู่ตรงหน้าจริงๆ ในสมองมีแต่ความคิดที่จงเกลียดจงชังแต่ทว่าในหัวใจกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้พบเธออีกครั้ง
"เคยทำงานที่ไหนมาบ้างหรือเปล่า" เหมันต์ปั้นหน้านิ่งเอ่ยถามราวกับว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"ไม่เคยค่ะ"
"แล้วทำไมถึงเลือกมาทำงานที่นี่ แล้วคุณมีคุณสมบัติอะไรที่ทำให้พี่ชายผมรับคุณเข้าทำงาน"
"ไม่ทราบค่ะ แต่ดิฉันมั่นใจว่าจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถค่ะ" ปารวตีเองก็ตอบคำถามอย่างห่างเหินเช่นกัน
"ก็ดี ทำงานให้คุ้มเงินเดือนล่ะ"
"ค่ะ เอ่อ..ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าบ้านพักพนักงานอยู่ตรงไหนเหรอคะ"
"ตามมาสิ เดี๋ยวจะพาไป"
ร่างสูงโปร่งยืดกายขึ้นเต็มความสูงและละความสนใจจากการทำงานในทันทีเมื่อได้พบหน้าพนักงานใหม่ของฟาร์มก่อนจะเดินนำหน้าหญิงสาวออกมาอย่างทะมัดทะแมงแต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าหญิงสาวไม่ได้มาที่นี่เพียงลำพังหากแต่ยังมีเด็กชายและเด็กหญิงวัยกำลังน่ารักติดตามมาด้วย แถมท้ายด้วยบุคคลที่เขาไม่อยากจะเจอที่สุดอย่างเอกภพด้วย
"นี่คิดจะยกโขยงมาทั้งครอบครัวเลยหรือไง" ชายหนุ่มบ่นอุบ
"หมดธุระของเราแล้ว เรากลับก่อนนะป่านสัญญากับเจ้าตัวแสบเอาไว้" ทันทีที่ได้พบหน้าเหมันต์เอกภพก็รู้ได้ทันทีว่าวัตถุประสงค์ของเขาบรรลุแล้ว
"เดี๋ยวสิเอก" ไม่ทันได้ทัดทานเพื่อนที่ดีอย่างเอกภพก็ขอเดินลิ่วออกไปทิ้งให้พ่อแม่ลูกได้อยู่กันตามลำพัง
เอกภพพยายามทุกหนทางที่จะทำให้ปารวตีและเหมันต์สมหวังหลังจากที่เขากลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ความรักของทั้งสองต้องพังทลาย ชายหนุ่มจึงพยายามติดต่อกับเพื่อนรักเพื่อปรับความเข้าใจและอธิบายความจริงแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่หลบหน้าจนไม่สามารถทำได้อย่างใจคิด ประกอบกับเรื่องเศร้าที่น้องสาวของเขาก่อเหตุเอาไว้ทำให้เขาต้องกลายเป็นคุณพ่อวัยเฟี้ยวเลี้ยงหลานชายวัยแบเบาะอย่างอธิหรืออ้นอย่างทุลักทุเลแม้ว่าย่าอย่างกรองแก้วจะช่วยเหลือก็ตามทำให้เรื่องคาราคาซังมาหลายปีจนกระทั่งวันที่ฟาร์มมุกของสินสมุทรเปิดรับสมัครพนักงานมาถึงเขาจึงฝากฝังปารวตีให้สินสมุทรรับเข้าทำงานโดยหวังว่าซักวันสองคนนี้จะได้พบกันอีกครั้ง
"ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาก็แล้วกัน" เจ้านายเฉพาะกิจรูปหล่อเดินจ้ำอ้าวไปอย่างหัวเสียเมื่อเห็นความสนิทสนมของหญิงสาวและอดีตเพื่อนรักกับตา
"รอด้วยค่ะ" ปารวตีเอ่ยเรียกพร้อมกับหอบกระเป๋าเดินทางสองใบอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้เด็กฝาแฝดที่เหนื่อยและเพลียจากการเดินทางเริ่มงอแงกันแล้ว
"อย่ามัวโอ้เอ้สิ ผมไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ" คนตัวโตหันกลับมาต่อว่าอย่างหงุดหงิดแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของหญิงสาว
"รอสักครู่นะคะคุณเหมันต์" คำขอร้องของหญิงสาวทำไมยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดอะไรอย่างนี้ดูที่เธอเรียกเขาสิ คุณเหมันต์อย่างนั้นหรือ น่าหมั่นไส้ชะมัดเรียกเขาซะห่างเหินทั้งที่ความจริงแล้วเขากับเธอรู้จักกันแทบจะ ทุกซอกทุกมุมอยู่แล้ว
"วุ่นวายอะไรนักหนา นี่แค่วันแรกนะ แล้ววันต่อไปจะขนาดไหนบอกเอาไว้ก่อนนะว่าที่นี่ไม่ใช่สถานรับเลี้ยงเด็ก อย่าเอาเด็กสองคนนี้มาวุ่นวายเชียวตกน้ำตกท่าขึ้นมาไม่รู้ด้วยหรอกนะ อีกอย่างที่คุณควรจะรู้คือผมไม่ ชอบเด็ก"
คำพูดพ่อของลูกเหมือนฟ้าผ่าลงกลางหัวคนเป็นแม่อย่างเธอไม่มีผิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหมันต์ที่รักเด็กมากเสียจนอยากจะมีลูกเป็นของตัวเองจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้แล้วเธอจะทำอย่างไรดี หากว่าความจริงว่าเด็กสองคนนี้คือลูกของเขา หากว่าเขาผลักไสลูกให้เสียใจเธอจะทำอย่างไรดี
"ถ้าอย่างนั้นข้าวของเอาไว้ที่นี่ก่อนได้ไหมคะ ขอพาเด็กๆ ไปนอนก่อน แกคงจะเพลีย"
"ตามใจสิ แล้วอุ้มสองคนอย่างนั้นจะไหวเหรอ"
"แม่ป่านครับ พี่เรนเดินเอง" ลูกชายพูดอย่างขึงขังเมื่อเห็นว่าคุณลุงคนนี้ไม่ได้ใจดีกับแม่คนสวยของเขาเหมือนลุงเอก
"ให้แม่ป่านอุ้มดีกว่าครับ" คนเป็นแม่เอ่ยอย่างโอบอ้อมเพราะตอนนี้ตากลมโตของลูกชายเริ่มส่งสัญญาณว่าง่วงเต็มแก่แล้ว ส่วนเด็กหญิงเหมภัสนั้นหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณลุงคนนั้นจะมาว่าแม่ป่านอีก พี่เรนไม่ชอบ" เด็กชายใช้นิ้วเล็กๆ ชี้ไปยังคนเป็นพ่ออย่างจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลาที่แกะพิมพ์ออกมาจากเหมันต์จ้องมองคนที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกับคนเป็นพ่อ
"ก็ได้ครับ" เมื่อลูกชายไม่ยินยอมคนเป็นแม่ก็จนใจได้แต่ยอมทำตามความต้องการของลูกอย่างไม่มี ข้อแม้
เด็กชายเหมวิชไม่ยอมปริปากบ่นแม้แต่คำเดียวแม้ว่าอากาศข้างนอกจะร้อนมากจนเหงื่อไหลไคลย้อย เด็กชายยังคงเดินเคียงข้างมารดาไปเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย สภาพที่พักทำให้ปารวตีถึงกับถอนหายใจเพราะมัน ห่างหายจากการทำความสะอาดมานานจนฝุ่นและหยากไย่เต็มไปหมด แต่จะให้ทำอย่างไรได้เธอไม่ได้มีทางเลือกมากนัก หญิงสาวจึงคว้าเอาด้ามไม้กวาดขึ้นมาเคาะฝุ่นบนที่นอนให้สะอาดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
"แม่ป่านครับ ลุงเอกบอกว่าพ่อหมอกจะมาหาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ" ทั้งปารวตีและเหมันต์ต่างก็ตกใจกับคำพูดของเด็กชาย ปารวตีไม่คิดเลยว่าเอกภพจะบอกลูกทั้งสองของเธอแบบนี้
"เอ่อ..." คนเป็นแม่สีหน้าปั้นยาก ไม่รู้จะบอกลูกอย่างไรดีว่าพ่อหมอกที่ลูกชายหมายถึงก็ยืนอยู่ตรงหน้านี่แล้วในเมื่อเจ้าตัวประกาศเสียงชัดขนาดนั้นว่าไม่ชอบเด็ก
"พี่เรนว่าแล้วว่าลุงเอกต้องโกหก พ่อหมอกมีจริงซะที่ไหน ถ้ามีอยู่จริงคงไม่ทิ้งเราไปหรอกจริงไหมครับ" เด็กสามขวบตอกหน้าบิดาที่ยืนตัวแข็งทื่อซะนิ่งเป็นหิน
"นอนดีกว่าครับ ถ้าตื่นกันแล้วแม่ป่านสัญญาว่าจะไปเล่นน้ำทะเลพร้อมพี่อ้นตกลงไหมครับ"
"ครับ"
คุณแม่ยังสาววางลูกสาวลงบนฟูกนุ่มเก่าๆ มองดูลูกฝาแฝดนอนหลับสนิทอย่างสงสารจับใจ เธอรู้สึกเหมือนพาลูกมาลำบากทั้งที่ไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
"เอก ป่านมีเรื่องจะรบกวนเอกอีกแล้ว..." ไม่ทันได้พูดต่อมือหนาของเจ้านายก็คว้าเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอมามาอย่างวิสาสะและตัดสายทิ้งไปอย่างเสียมารยาท
"รบกวนคุณเหมันต์คืนโทรศัพท์ดิฉันมาด้วยค่ะ ดิฉันมีความจำเป็นต้องใช้เดี๋ยวนี้" ใบหน้าสวยหวานจ้องมองพ่อของลูกอย่างเอาเรื่อง
"ผมเป็นเจ้านายของคุณ ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกมาไม่จำเป็นต้องรบกวนคนนอก" เจ้านายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทางเอาเรื่องไม่แพ้กัน
"เอกไม่ใช่คนนอกค่ะ เขาเป็นเหมือนพ่อแท้ๆ ของเรนกับรุ้ง" ดวงตากลมโตจ้องคนตรงหน้าอย่างหาความหมายเธออยากจะรู้นักว่าเขาจะว่าอย่างไร
"ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ไปทำงานกับมันเลยล่ะ บ้านมันก็มีกิจการร้านค้าเหมือนกัน จะดิ้นรนมาสมัครงานที่นี่ทำไมให้เปลืองแรง" ลูกชายคนสุดท้องของบ้านภักดีดำรงโวยวายเสียงดัง ก่อนจะถูกมือบางปิดเอาไว้อย่างทันทีทันใด
"อย่าส่งเสียงดังสิคะ ถ้าไม่พอใจอะไรดิฉัน รบกวนไปคุยด้านนอกค่ะ" พูดจบร่างบางก็จัดการลากคนตัวโตเท่าตึกออกมาด้านนอกบ้านพักอย่างโมโห นี่เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นพ่อคนกันนะ!!
เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณพ่อลูกสองก็ได้แต่นอนแกร่วอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้านภักดีดำรงเหมือนหมดสิ้นซึ่งความหวังในชีวิต"เป็นอะไรไอ้หมอก นอนซมเชียวหรือว่าไม่สบาย แล้วเมื่ื่อคืนแกหายหัวไปไหนไม่กลับบ้าน" นายตำรวจรูปหล่อพี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขณะเดินลงมาจากห้องนอน"พี่ตะวัน ไม่ทำการทำงานหรือไงเดี๋ยวเขาก็ไล่ออกหรอก สายป่านนี้เพิ่งจะตื่น" น้องชายคนสุดท้องกรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์"นี่ๆ ไม่ต้องมาย้อน แกยังไม่ได้บอกเลยว่าหายหัวไปไหนมา""ไปหาป่านมา""ป่าน?? ใช่ผู้หญิงที่ทำให้แกซมซานกลับบ้านมาเมื่อสามปีก่อนน่ะหรือ" ร้อยตำรวจเอกตะวันฉายรีบจ้ำเท้าเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าน้องชายและเอ่ยถามอย่างใคร่รู้"อืม" เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างรำคาญใจเพราะหากว่าเรื่องนี้ถึงหูตะวันฉายเมื่อไหร่ไม่นานเกินรอพี่ชายคนกลางอย่างสินสมุทรแน่"จะไปหาเขาทำไมวะ เขาหักหลังแกได้ถึงขนาดนั้น" พี่ชายคนโตยังรู้สึกเคืองผู้หญิงที่ไม่รู้จักหน้าคร่าตาคนนี้ไม่หายเมื่อเธอกลายเป็นต้นเหตุให้น้องชายคนเล็กของบ้านถึงกับไม่เอาการเอางานอะไรจนเกือบจะเรียกได้ว่าตรอมใจตั้งไม่รู้กี่เดือนกว่าที่เหมันต์
ร่างกายบอบบางถูกคนตัวโตกว่าจับรวบเอาไว้ในอ้อมกอดที่แสนแน่นหนาไม่ต่างจากปราการเหล็กที่กักขังนักโทษ เธออยากจะโวยวายและดิ้นรนให้พ้นนักแต่รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังก็วางแนบลงไปบนที่นอนนุ่มเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะมีโอกาสรอดเงื้อมมือเขาหรือฝ่ามือหยาบกร้านตามสภาพบุรุษเริ่มป่ายปีนตามไหล่มนลาดของอีกคนอย่างชำนิชำนาญค่อยๆ ปลดชุดนอนสายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนให้ร่วงหล่นไปตามเรียวแขนบอบบางอย่างอ้อยอิ่งปลดปล่อยให้ผิวนุ่มนิ่มพ้นจากพันธนาการของอาภรณ์อย่างลื่นไหลให้อกอิ่มคู่สวยเบียดเสียดอยู่กับแผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาอย่างจง ใจ"ปล่อยนะคนขี้โกง" หญิงสาวต่อว่าต่อขานคนตรงหน้าทันทีที่ริมฝีปากถูกคลายผนึกที่แสนหวานจากเขา ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเขินอายไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าช่วงขณะหนึ่งนั้นเธอหลงใหลไปกับรสจุมพิตของเขาอย่างง่ายดายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด"บอก...ว่า...ให้...ปล่อย"ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อพ่อของลูกให้ริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาสำรวจเรือนร่างของเธออย่างไม่ขออนุญาต ลมหายใจร้อนแผ่ลงบนผิวเนียนสวยรับรู้ถึงความอุ่นจากริมฝีปากหยักสีสุขภาพดีของเหมันต์อย่างแจ่มแจ้ง ตอ
เช้าวันต่อมาดูเหมือนว่าน้องรุ้งกับพี่เรนจะหายจากพิษไข้เป็นปลิดทิ้งเพราะต่างก็ตื่นขึ้นมารับแสงอาทิตย์และลมทะเลกันแต่เช้าด้วยความร่าเริงและตื่นเต้นราวกับว่าไม่เคยเจ็บป่วยเสียอย่างนั้น"อย่าเพิ่งออกไปตากแดดสิคะ เดี๋ยวไม่สบายต้องกินยากันอีกนะ" คุณแม่คนสวยรีบร้องห้ามเมื่อเห็นว่าเด็กๆ อยากจะออกไปท้าความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ยอมกลับเข้ามาในบ้านพัก"ค่ะ/ครับ" เด็กจอมซนเชื่อฟังคำของมารดาอย่างว่าง่ายเพราะยังเข็ดหลาบกับรสชาติของยาที่ได้กินเข้าไปเมื่อคืนไม่หายเมื่อเข้ามาในบ้านสองพี่น้องก็นั่งล้อมคนตัวโตที่นอนหลับเหงื่อท่วมไม่รู้เรื่องอยู่บนที่นอนด้วยความสงสัยใคร่รู้"แม่ป่านคะ คุณลุงคนเมื่อวานมาทำอะไรที่บ้านเราคะ""พี่เรนไม่ชอบคุณลุงคนนี้เลยครับ" เมื่อคนพี่เอ่ยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้านายของแม่คนน้องก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นพ้องต้องกัน"ไม่เอานะเด็กๆ ต้องขอบคุณคุณลุงนะลูกที่เมื่อวานพาพี่เรนไปหาหมอ""น้องรุ้งว่าคุณลุงหน้าเหมือนพี่เรนนะ" เด็กหญิงช่างพูดก้มมองคุณลุงที่นอนหลับตาพริ้มพลางใช้ดวงตากลมสวยสำรวจใบหน้าของเขาจนถ้วนทั่วก่อนจะเงยหน้าไปทางพี่ชายฝา
ปารวตีเฝ้าเช็ดตัวให้ลูกชายจนเปลี่ยนน้ำไปหลายกะละมังแต่เหมวิชก็ไม่มีทีท่าว่าไข้จะลดลงเลยแม้แต่น้อย แถมยังโยเยเพราะไม่สบายตัวอีกยิ่งทำให้คนเป็นแม่อย่างเธอเสียใจนักที่พาลูกมาที่นี่"แม่ป่าน ร้อนๆ" ลูกชายคว้ามือบอบบางของคุณแม่เข้าไปกอดทั้งที่ยังหลับตา ทำให้หญิงสาวสงสารลูกเหลือเกิน นี่แค่วันแรกยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเกิดคนน้องเจ็บไข้ขึ้นมาอีกคนเธอคงจะลำบากไม่น้อย ถ้าพ่อกับแม่ของเธออยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีอย่างน้อยก็เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอได้"พี่เรน อดทนหน่อยนะลูกเดี๋ยวลุงเอกก็มาแล้ว" คุณแม่ยังสาวเอ่ยปลอบโยนพลางเช็ดตัวลดไข้ให้อย่างไม่ขาด"ร้อน แม่ป่าน ร้อน" พูดจบเด็กชายก็ร้องงอแงขึ้นมาทันทีจากความร้อนที่ไม่ยอมลดลงจนทำให้ไม่สามรถนอนหลับต่อไปได้"ป่าน ลูกเป็นยังไงบ้าง" เหมันต์เปิดประตูเข้ามาด้วยความร้อนใจ ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดหนึบหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ภาพที่ปารวตีอุ้มเด็กชายกล่อมเอาไว้บนตักส่วนมืออีกข้างนั้นก็คอยพัดวีให้ลูกสาวอย่างไม่รู้จักเหนื่อย วินาทีนั้นเขารู้ได้ทันทีว่าปารวตีเก่งและเข้มแข็งแค่ไหน ต่างกับเขาที่ทำตัวเป็นคนอ่อนแอแถมยังเป็นพ่อที่ไม่ได
"หมอก!! ป่านอาจจะขอมากไปแต่ว่าป่านอยากจะได้ที่นอนหลังใหม่ แล้วก็อีกอย่างขอเริ่มงานอาทิตย์หน้าได้หรือเปล่า ป่านยังต้องจัดการเรื่องที่พักกับโรงเรียนของเด็กๆ อีก" เมื่ออยู่กันแค่สองคนหญิงสาวก็เรียกเขาด้วยสรรพนามที่เคยเรียกทันที"อย่ามาเรียกอย่างสนิทสนมนะป่าน ตอนนี้ผมเป็นเจ้านาย ป่านเป็นแค่ลูกน้อง""ขอโทษค่ะ ที่ดิฉันบังอาจทำตัวสนิทสนมกับคุณให้เคือง แต่ว่าเรื่องที่ดิฉันขอไปนั้นคุณเหมันต์ว่ายังไงคะ" หญิงสาวถึงกับเสียงอ่อยเมื่ออีกคนแสดงความห่างเหินชัดเจนแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็ไม่เหลือไว้ให้"วันนี้คงไม่ได้ งานผมยุ่ง แต่พรุ่งนี้ผมจะจัดการให้ ส่วนเรื่องเริ่มงานก็เป็นไปตามที่คุณขอ เพราะเห็นว่ามีลูกเล็กหรอกนะถึงหยวนให้ได้" เจ้านายหนุ่มวางมาดยโสเสียจนน่าหมั่นไส้"ขอบคุณนะคะ แต่ว่าเรื่องที่นอนคงรอไม่ได้ ดิฉันกลัวว่าลูกจะไม่สบายรบกวนคุณเหมันต์ช่วยคืนโทรศัพท์ให้ดิฉันด้วยค่ะ" ฝ่ามือบางยื่นไปเพื่อรับของของตัวเองคืนเหมันต์หยิบโทรศัพท์คืนให้หญิงสาวอย่างลังเลเมื่อเห็นว่ามันทั้งเก่าและเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายจนไม่น่าจะใช้การได้อีก"ทำไมไม่ซื้อใหม่ซะ ดูสภาพแล้วอ
"สบายดีเหรอ ป่าน" เอกภพที่มารอรับปารวตีและหลานๆ เอ่ยทักทายพร้อมกับย่อตัวลงกอดเด็กฝาแฝดที่หน้าตาบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นลูกหลานบ้านภักดีดำรงแน่นอน"สบายดีค่ะ ลุงเอก" เด็กหญิงตอบคำถามเจื้อยแจ้ว"ขอบคุณมากนะเอกที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด รวมถึงเรื่องงานด้วย ถ้าไม่ได้เอกเราก็คงไม่รู้จะทำยังไงดี" ปารวตีเอ่ยอย่างซาบซึ้งเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเพื่อนอย่างเขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอด้วยไมตรีที่ดีมาตลอดหลายปี"เรื่องเล็กน่า ถ้าเทียบกับเรื่องที่เราเคยทำให้ป่านกับเด็กๆ ต้องลำบาก อีกอย่างถ้าไม่ได้ป่านคอยช่วยเรากับเจ้าอ้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไง" เอกภพเอ่ยอย่างรู้สึกผิดถ้าไม่ใช่เพราะเขาที่ทำให้เหมันต์เข้าใจผิดป่านนี้เด็กๆ กับปารวตีคงจะมีรอยยิ้มที่สดใสกว่านี้แน่ๆ"ลุงเอกครับ เรนอยากเล่นน้ำทะเลแล้วครับ" ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันต่อเด็กชายตัวน้อยก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน"ไปสิครับ แต่ว่าเราต้องไปที่ทำงานแม่ป่านก่อนนะครับ" คนเป็นแม่อธิบายให้เด็กชายวัยสามขวบฟัง"ครับ"ทางด้านเหมันต์หลังจากเรียนจบเขาก็เลือกกลับมาช่วยกิจการที่บ้านโดยส่วนที่เขาได้รับผิดชอบคือส่วนของรีสอร์ทที่มารดาเป็นผู้ริเริ่มทำเอาไว้แม้ว่าในวันนี้ม







