ท่านเจ้าสัวสุรเดชจะไม่มีวันยอมให้หลานสาวของตัวเองกลับไปอยู่ในวงโคจรนรกแบบนั้นอีกแล้ว! หลานสาวของเขาจะต้องเจอคนที่ดีกว่านี้ เจอคนที่ไม่ทำให้แกต้องเสียใจ เจอคนที่สามารถดูแลและทะนุถนอมความรู้สึก ความรัก ความศรัทธาของแกจริงๆ!
“ท่านเจ้าสัว ผมขอเจอหน้าน้ำหนึ่งจะได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับน้ำหนึ่ง ผมขอเถอะนะครับท่านเจ้าสัว” สิงห์คุกเข่าลงตรงหน้าท่านเจ้าสัวสุรเดชเพื่อร้องขอความเห็นใจให้เขาเมตตาผู้ชายคนนี้สักนิด...ให้เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับน้ำหนึ่งสักหน่อย “ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกจริงๆ ไอ้สิงห์ แกทำให้หลานสาวฉันต้องเสียใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันก็ยังออมมือไม่เอาเรื่องเอาราวเพราะน้ำหนึ่งขอเอาไว้! แต่นี่แกมันโง่ แกดันเล่นชู้กับเพื่อนสนิทของหลานสาวฉัน! ฉันไม่ทำให้ชีวิตแกพังก็บุญแค่ไหนล่ะ!! อันที่จริงถ้าฉันจะยึดบริษัทซื้อหุ้นส่วนทั้งหมดให้หลานสาวฉันเป็นคนดูแลบริหารก็ยังได้เลย! นี่ถือว่าฉันยังเห็นแก่คุณปู่ของแก ฉันเลยไว้หน้าอยู่บ้าง นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ไสหัวไปซะ! อย่ามายุ่งวุ่นวายกับหลานสาวฉันอีกแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ท่านเจ้าสัวสุรเดชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูสุขุมนุ่มลึกน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก สายตาของเขาเกรี้ยวกราดแสดงความไม่พึงพอใจแผ่รังสีออกมา “ผมไม่ไปครับ! ผมจะคุยกับหนึ่ง” เขายังคงยืนหยัดกับความคิดแรก “งั้นก็ตามใจ!” ท่านเจ้าสัวสุรเดชสุดจะทน “เฝ้ามันเอาไว้อย่าให้คลาดสายตาหรือเข้าไปในบ้านสร้างความรำคาญใจให้แก่หลานสาวฉันเด็ดขาด” บอดี้การ์ดทุกคนพยักหน้า แล้วจัดการยืนเรียงรายเพื่อเฝ้าผู้ชายคนนี้ตามคำสั่งของท่านเจ้าสัวสุรเดช! “หนึ่ง!!” สองชั่วโมงผ่านไป...แสงแดดเปรี้ยงๆ ร้อนระอุจากดวงอาทิตย์ค่อยๆ อ่อนล้าเปลี่ยนเป็นท้องฟ้ามืดสนิทมีเมฆสีดำเทาเคลื่อนเข้ามาปกคลุมแทนที่คลับคล้ายคลับคลาว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าอาจมีสายฝนโหมกระหน่ำลงมา ต่อให้เขาจะนั่งร้องห่มร้องไห้คุกเข่าอยู่หน้าบ้านนานร่วมชั่วโมงแต่น้ำหนึ่งก็ยังคงใจดำ ใจไม้ไส้ระกำไม่มีแม้กระทั่งเดินลงมาดูหรือให้บอดี้การ์ดหยิบร่มให้เขาสักคัน... ดวงตาคมของเขาคลุกเคล้าแปดเปื้อนเต็มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า แฝงความรู้สึกแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็นทั้งๆ ที่เมื่อก่อนพยายามรักษาภาพพจน์ของตัวเองยืนยันเอาไว้เหนือสิ่งอื่นใดมาโดยตลอด อาการผิดหวังและกล่าวโทษตัวเองที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสชาติทำให้เขารู้สึกทรมานจวนเจียนแทบจะขาดใจดิ้นกระแด่วกระแด่วชักงออยู่ตรงนั้นเสียให้ได้ เปรี๊ยง!! และแล้วสายฟ้าร้องคำรามดังสนั่นหวั่นไหว...สายลมพายุโบกสะบัดพัดต้นไม้โอนเอนหวั่นไหวคล้ายกับคลื่นลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำซัดถาโถมเข้ามาตอกย้ำเย้ยหยันชะตาชีวิตอันแสนบัดซบที่เขาดันทำมันพังทลายด้วยสองมือของตนเอง “ฮะ…ฮึก…ฮื่อ!!” เขาแผดเสียงร้องไห้คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เกรงใจสายตาของเหล่าบอดี้การ์ดที่เต็มไปด้วยความสมเพชเวทนาซึ่งยืนอยู่บริเวณที่ร่มเลยสักนิด เปลือกตาคมขนยาวรำแพนค่อยๆ พริ้มปิดลงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับปลดปล่อยหยดน้ำตาอุ่นร้อนแห่งความเจ็บปวดหลังรินอาบสองพวงแก้มบนใบหน้าซูบเซียวในขณะเดียวกันสายฝนก็โหมกระหน่ำพรำตกลงมาชะล้างคราบน้ำตาที่แปดเปื้อนอยู่จนเลือนลางจางหายไปกลางอากาศ...แต่ทว่าก็ไม่สามารถลบล้างความปวดหนึบที่ซ่อนอยู่ภายในใจได้ “ฮื่อ...พะ...พี่ขอโทษ” เขานั่งนิ่งอาบน้ำฝนอันแสนเย็นยะเยือกอยู่เป็นระยะเวลานานนับชั่วโมงก็ว่าได้ ส่งผลให้เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่ประพรมจนไม่เหลือสภาพเคาน์เตอร์แบรนด์อันหรูหรา...ส่งผลให้คนตัวโตไหวสะท้านสั่นงกด้วยพิษของความหนาวเหน็บ มันไม่เหลือโอกาสให้ผู้ชายอย่างเขาจริงๆ หรือ... มันหมดแล้วใช่ไหมโอกาสที่จะได้เริ่มต้นใหม่... แน่นอนว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ ตรงที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนจนฝนซา...และเกือบครึ่งค่อนวัน ด้วยความที่ว่าภายในกระเพาะอาหารไม่มีสิ่งใดตกค้างลงไปเลยแม้แต่อย่างเดียวนอกจากพวกแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ บวกกับสภาพอากาศผันแปรเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวจนทำให้ร่างกายของเขาปรับจูนไม่ทันจึงค่อยๆ ทรุดลงตรงนั้น... ท่านเจ้าสัวสุรเดชได้รับรายงานจากบอดี้การ์ดก็ไม่ได้กล่าวเรื่องนี้ให้แก่หลานสาวได้ทราบ ออกคำสั่งให้คนของตนไปหิ้วพยุงร่างของสิงห์ส่งกลับไปยังบ้านของคุณหญิงกนกนุชและคุณก้องเกียรติเพื่อช่วยดูแลบุตรชายเอาเอง จะหาว่าเขาใจไม้ไส้ระกำหรืออย่างไรก็ช่าง...แต่คนพวกนั้นทำกับหลานสาวของเขาก่อน … สิงห์สะลึมสะลือตื่นมาอีกทีก็ปรากฏว่าเวลาเย็นจนตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มทีแล้ว...ภาพแรกที่ฉายเข้ามาในแววตานั่นก็คือเพดานสีสุภาพ ไล่ต่ำลงมาเฟอร์นิเจอร์รอบๆ ห้องที่กำลังเด่นหราฉายให้เห็นชัดว่าบัดนี้เขากำลังนอนอยู่ในบ้านของตนเอง... ร่างหนาค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง...เสื้อผ้าของเขาถูกผลัดเปลี่ยนเป็นชุดใหม่เอี่ยมอ่องสะอาดแวววับนอนคลุมโปงมิดชิด...สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิมันร้อนรุ่มที่ฉายขึ้นมาบริเวณผิวหนัง ใช่...น้ำหนึ่งไม่ได้สนใจใยดีเขาสักนิดว่าตอนนี้เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร...เขานั่งง้อขอคืนดีตั้งแต่ตอนเช้าตรู่จนกระทั่งฝนซาแล้วเป็นลมเป็นแล้งไปเนื่องจากร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทัน เธอก็ไม่เคยชะเง้อคอออกมาเหลียวแลด้วยความเป็นห่วงเป็นใยตามประสาคนเคยรักกันเลยสักนิด เขานอนคลุมโปงไข้จับตัวสั่นงกร้อนจี๋ราวกับน้ำเดือดที่กำลังต้มอยู่บนเตาแก๊ส แล้วไหนล่ะคนที่ต้องคอยดูแลเช็ดเนื้อเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำเหมือนครั้งที่ผ่านมา... บัดนี้มันเหลือเพียงเขาโดดเดี่ยวเดียวดายนั่งทำงานอยู่ในห้องตามลำพังทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเคยมีน้ำหนึ่งคอยดูแลประคบประหงมนอนเฝ้าข้างๆ เตียงไม่เคยหายไปไหน … กลับมายังปัจจุบัน “คุณคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว มันคงเหลือแค่ความผูกพันและความเคยชินที่เราเคยมีกันอยู่ทุกๆ วัน แต่สันดานแย่ๆ ของคุณที่มันสั่งสมทับถมอยู่ในใจฉันมาโดยตลอดก็ค่อยๆ เพิ่มพูนจนแปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชาและเคยชินไปในที่สุด ฉันขอโทษด้วยนะคะหากจะต้องปฏิเสธหักหน้าความมั่นใจของคุณให้ลดลงเหลือศูนย์” น้ำหนึ่งอยากจะหัวเราะออกมาว่านี่น่ะหรือผู้ชายที่เคยทำร้ายจิตใจเธอสารพัดเพียงแค่ช่วงชีวิตหนึ่ง แต่วันนี้กลับไม่เหลือสภาพจำต้องคลานกลายเป็นหมากลับมาขอร้องอ้อนวอนคืนดี กลืนน้ำลายตัวเองเสียอย่างนั้น แต่ก็ต้องสงบเสงี่ยมรักษาภาพพจน์เอาไว้เสียก่อน “หนึ่ง! พี่ขอโอกาสได้ไหมหนึ่ง เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ…พี่สัญญาว่าพี่จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว พี่ขอโทษหนึ่ง” น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไม่ได้เกิดจากการแสดงหรือเสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้นหลั่งรินหยดอาบสองพวงแก้มเมื่อเห็นความชินชาและแข็งกระด้างผ่านแววตาที่เคยอบอุ่นคู่นั้น การกระทำเย็นชาของน้ำหนึ่งราวกับเราทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์ดีๆ ร่วมกันมาก่อนทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบเย็นเฉียบไปเสียครึ่งดวง...อยากจะเอาไม้หน้าสามฟาดศีรษะตัวเองแรงๆ สักสามสามทีแล้วใช้เท้าเหยียบกดย้ำซ้ำซ้อนถามว่ามึงทำบ้าอะไรลงไปถึงปล่อยผู้หญิงดีๆ อย่างน้ำหนึ่งหลุดมือไปได้ “มันสายเกินไปแล้วค่ะ หนึ่งหมดศรัทธาและไม่เหลืออะไรในตัวพี่อีกแล้ว” เธอผุดใบหน้าเหนื่อยหน่าย ดูท่าจะยิ้มเล็กน้อยคล้ายกับกำลังขบขันการสำนึกผิดที่ดูใช้ระยะเวลายาวนานกว่ารู้ตัว “หนึ่ง...หนึ่งจะให้พี่ทำอะไรพี่ยอมทำหมดทุกอย่างขอแค่หนึ่งกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม” มันคงเป็นคำถามที่แสนโง่งมเพราะหากสังเกตจากสายตาของเธอตอนนี้มันว่างเปล่าแทบไม่หลงเหลือความรักอยู่เลย “นะคะหนึ่ง” ร่างหนาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นกระเบื้องท่ามกลางสายตาของผู้คนในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูแหงนหน้าขึ้นไปร้องขอเธออย่างโหยหา โหยหวน เขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ ... “หนึ่งคะ พี่ขอโทษ พี่ขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม แค่ครั้งเดียวเท่านั้นจริงๆ” ยอมรับเลยว่าไม่เคยลงทุนลดศักดิ์ศรีของตัวเองแล้วต้องมาร้องขออ้อนวอนความรักจากใครมาก่อน...แต่นี่เพราะเป็นน้ำหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ารักเธอมากแต่ก็ได้ทำผิดต่อเธอไปอย่างมหันต์ “มาสำนึกได้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วค่ะ ขอโทษนะคะเพราะมันไม่เหลือโอกาสให้ผู้ชายอย่างพี่อีกแล้ว แล้วตอนนี้หนึ่งก็อยากจะให้พี่รับรู้เอาไว้ว่า” น้ำหนึ่งเหลือบขึ้นไปมองหน้านนทกานต์แล้วเข้าแนบประชิดข้างกายพร้อมกับคล้องแขนเขาเอาไว้คล้ายกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ “ตอนนี้หนึ่งกับคุณนนท์เราสองคนกำลังคุยกันๆ อยู่ หรือจะเรียกว่ากำลังศึกษาดูใจก็ได้ค่ะ” คราวนี้เหมือนสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางหัวใจชายหนุ่มอย่างสิงห์ให้เหน็บหนาวไปทั้งเรือนร่าง ความรู้สึกผิดหวังและความรู้สึกโทษตัวเองถาโถมเข้ามาอย่างโหมกระหน่ำไม่มีบันยะบันยัง มองภาพของสองคนเดินควงแขนสนิทสนมแนบประชิดเดินออกไปจนสุดลูกหูลูกตาแล้วค่อยๆ เลือนลางหายไปด้วยความปวดใจชายหนุ่มเก็บร่างกายอันบอบช้ำและอ่อนแอเต็มทีประคองตัวขึ้นมาบนรถสปอร์ตคันหรูของตนเองในใบหน้าที่แปดเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาซบลงบนพวงมาลัยอย่างหมดเรี่ยวแรง...ที่ผ่านมาเขามันโง่งมเอง...เขาทำร้ายผู้หญิงที่รักเขามากที่สุดในชีวิตมาโดยตลอด เธอคิดว่าเธอคือของตาย จะอย่างไรเสียหันกลับไปเมื่อไหร่ก็คงจะเจอ...แต่เปล่าเลยทุกคำพูดและทุกการให้อภัยที่เกิดขึ้นเปอร์เซ็นต์ความศรัทธาและเปอร์เซ็นต์ที่อยากจะอยู่ต่อมันค่อยๆ เลือนหายและลดหลั่นลงไปตามลำดับจนไม่หลงเหลืออยู่เลย...เพิ่งมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ต้องสูญเสียแล้วไม่สามารถเรียกร้องกลับคืนมาได้อีกยิ่งได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังศึกษาดูใจกับผู้ชายคนใหม่…มันทำให้ความหวังที่เธอจะให้โอกาสเขาอีกครั้งหนึ่งเริ่มร่อยหรอและค่อยๆ ลดน้อยลงไปทุกทีทุกที“ฮึก!! หนึ่ง พะ...พี่ขอโทษ ขอโทษจริงๆ” สิงห์พูดอย่างติดๆ ขัดๆ พลางเสียงสะอื้นแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ ท่าทีแสดงอาการเย็นชาและคำพูดเปิดตัวคนรู้ใจใหม่จากภรรยาสาวแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธไร้รูปร่างเชือดเฉือนก้อนเนื้อหัวใจของเขาจนไม่เหลือชิ้นดีจบแล้วใช่ไหม...เจ็บปวดเหลือเกิน...หากขอพรจากฟ้าได้ข้อหนึ่ง...เขาไม่ต้องการเงินทองเป็นร้อยเป็นพั
ท่านเจ้าสัวสุรเดชจะไม่มีวันยอมให้หลานสาวของตัวเองกลับไปอยู่ในวงโคจรนรกแบบนั้นอีกแล้ว! หลานสาวของเขาจะต้องเจอคนที่ดีกว่านี้ เจอคนที่ไม่ทำให้แกต้องเสียใจ เจอคนที่สามารถดูแลและทะนุถนอมความรู้สึก ความรัก ความศรัทธาของแกจริงๆ!“ท่านเจ้าสัว ผมขอเจอหน้าน้ำหนึ่งจะได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับน้ำหนึ่ง ผมขอเถอะนะครับท่านเจ้าสัว” สิงห์คุกเข่าลงตรงหน้าท่านเจ้าสัวสุรเดชเพื่อร้องขอความเห็นใจให้เขาเมตตาผู้ชายคนนี้สักนิด...ให้เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับน้ำหนึ่งสักหน่อย“ฉันไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกจริงๆ ไอ้สิงห์ แกทำให้หลานสาวฉันต้องเสียใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฉันก็ยังออมมือไม่เอาเรื่องเอาราวเพราะน้ำหนึ่งขอเอาไว้! แต่นี่แกมันโง่ แกดันเล่นชู้กับเพื่อนสนิทของหลานสาวฉัน! ฉันไม่ทำให้ชีวิตแกพังก็บุญแค่ไหนล่ะ!! อันที่จริงถ้าฉันจะยึดบริษัทซื้อหุ้นส่วนทั้งหมดให้หลานสาวฉันเป็นคนดูแลบริหารก็ยังได้เลย! นี่ถือว่าฉันยังเห็นแก่คุณปู่ของแก ฉันเลยไว้หน้าอยู่บ้าง นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ไสหัวไปซะ! อย่ามายุ่งวุ่นวายกับหลานสาวฉันอีกแล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ท่านเจ้าสัวสุรเดชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดูสุขุมนุ่มลึกน่าเก
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ”“ก็ผมกลัวว่าผมจะล้ำเส้นน้ำหนึ่งมากเกินไป เราสองคนตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีสถานะอะไรนอกจากกำลังคุยๆ คุยดูใจกันอยู่” เขาให้เกียรติน้ำหนึ่ง...เขาไม่อยากทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียงและถูกนำไปนินทาเสียๆ หายๆ“ก็ถ่ายในฐานะเพื่อนคนรู้จักหรือคนที่กำลังคุยกันอยู่ก็ได้” ในเมื่อคิดจะเปิดใจแล้วเธอก็ลุยเต็มที่!อย่างว่าเธอเป็นคนทุ่มเทกับความรัก! ตอนรักก็รักและให้ไปสุดใจอย่างไม่คิดจะเผื่อเปอร์เซ็นต์ไว้เจ็บปวด แต่ตอนเลิกเนี่ยสิทรมานจวนเจียนหมดลม!“ดูหัวเราะคิกคักมีความสุขกันมากเลยนะ” เสียงของแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้น “ดูหนึ่งแฮปปี้และเอ็นจอยมากเลยนะคะไม่เหมือนคนที่เพิ่งหย่ากับสามีไปหมาดๆ”แขกไม่ได้รับเชิญคนนั้นนั่นก็คืออดีตสามีห่วยแตก...แต่สภาพสิงห์แทบจะดูไม่เป็นผู้เป็นคนและดูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ...ใบหน้าของเขาทรุดโทรมซูบเซียวคล้ายกับคนขาดสารอาหารพร้อมทั้งดวงตาอ่อนล้ารอบๆ หมองคล้ำอย่างกับอดหลับอดนอนมาเป็นระยะเวลาหลายคืน...“สวัสดีค่ะคุณสิงห์” น้ำหนึ่งยังคงให้เกียรติเขาเช่นเดิม“สวัสดีครับคุณสิงห์” นนทกานต์เองก็สวัสดีผู้ที่มีอาวุโสกว่าเขา เนื่องจากเขาอายุไล่เลี่ยกับน้ำหนึ่ง...ห่างกันเพียงแค่สอ
@สามเดือนผ่านไปในส่วนของสิงห์ได้รับผลกระทบจากการกระทำของตัวเองพอสมควร...นั่นก็คือถูกปลดออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่! เนื่องจากทำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาจนถึงบริษัทจนลูกค้าเกิดความไม่ไว้วางใจและขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากกับพฤติกรรมของเขาจึงมีคนยกเลิกออเดอร์กันไปเป็นขบวน สร้างความเสียหายหลายล้าน ทั้งยังถูกประนามจากสังคมผ่านโลกโซเชียลวิเคราะห์ถึงนิสัยใจคอที่ไม่สามารถรับได้ จะไปจะมาที่ไหนก็ล้วนมีแต่คนซุบซิบนินทา...แต่ก็ได้ข่าวว่าเขาชอบชีวิตอิสระของตัวเอง จะทำอะไร จะไปที่ไหนก็ไม่ต้องแคร์ใคร! สิงห์ที่คั่วผู้หญิงเป็นว่าเล่น เข้าผับทุกคืนซ้ำยังได้ผู้หญิงติดไม้ติดมือมาล้วนงานดีทั้งนั้น! นี่มันสวรรค์ที่เขาใฝ่หาชัดๆ! ข่าวลือหนาหูพาดหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์และโลกโซเชียลกระหน่ำไม่เว้นวัน...บ้างก็ข่าวกับดาราคนนู้น บ้างก็ข่าวกับนางเอกคนนี้ บ้างก็เขากับไฮโซคนนั้น...ส่วนชะเอมเองก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน หล่อนถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักมาก ถูกตัดช่องทางการทำมาหากินทุกอย่างจนแทบจะต้องมุดหัวอยู่ในกระดองเพราะไม่กล้าออกไปเผชิญหน้ากับสังคม เนื่องจากโดนด่า โดนว่าจนอับอายขายขี้หน้า บางวันก็เล่นใ
น้ำหนึ่งเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้ายชำเลืองตามองเพื่อนสนิทที่พร้อมจะเหยียบย่ำเธอให้จมดินสลับกับอดีตสามีเฮงซวยซึ่งคิดทำร้ายทั้งจิตใจและความรู้สึกเธอสารพัด“หนึ่ง...” สิงห์ส่ายศีรษะเพื่อห้ามปรามให้เธอหยุดพูด เพราะในตอนนี้เขาแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีให้ยืนหยัดในแท่นผู้บริหารได้อย่างมีเกียรติแล้วแต่มันกลับเปล่าประโยชน์...“หนึ่งจับได้ว่าพี่สิงห์มีผู้หญิงคนอื่นค่ะ” กล่าวประโยคนี้จบเสียงฮือฮาซุบซิบนินทาก็เริ่มหนาหูขึ้น ส่วนเพื่อนสนิทเธอนั้นเมื่อรู้ตัวว่าไฟใกล้จะลามมาถึงขาตนก็ทำทีท่าจะก้าวย่องออกไปอย่างเงียบๆ ทว่าอันนาไหวตัวทันก็เลยรั้งแขนหล่อนเอาไว้“จะไปไหนเหรอเพื่อนรัก?” คนอย่างชะเอมคบไม่ได้ ฉะนั้นอันนาก็ไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่ต้องเก็บเอาไว้ ต่อให้คบหารู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนเรียน แต่นั่นมันก็เป็นเครื่องช่วยย้ำเตือนอีกอย่างหนึ่งว่าเวลาไม่ได้ช่วยขัดเกลาทำให้จิตใจคนสูงส่งขึ้นมาได้เลยหากวันหนึ่งหล่อนทำอะไรที่ไม่เข้าตาชะเอมเข้า ชะเอมก็คงจะใช้มูลเหตุนั้นชักจูงให้ตัวเองกระทำความผิดแล้วใส่ไม่ยั้งกับหล่อนเหมือนที่กระทำกับน้ำหนึ่งแน่นอน“โดยปกติแล้วคุณสิงห์ก็มีผู้หญิงคนอื่นอยู่เรื่อยไม่ใช่เหรอคะ?”
“หนึ่ง...”“พี่สิงห์รีบเซ็นเถอะค่ะ เราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งอยู่ตรงนี้นานมาก เพราะหนึ่งมีธุระต้องไปทำต่อ” น้ำหนึ่งเลื่อนเอกสารไปตรงหน้าของสิงห์ซ้ำยังใช้ประโยคบีบบังคับให้เขาลงลายมือชื่อโดยเร็ว“...” สิงห์ค่อนข้างลังเล ภายในหัวใจมันวูบวาบร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหนึ่งก็อยากเซ็นให้จบๆ เพื่อคืนอิสรภาพให้แก่ตนเองหลังจากนี้จะได้คั่วผู้หญิงอย่างตามใจโดยไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่น แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเสียดายเธออยู่ไม่ใช่น้อย...อยู่ด้วยกัน คุยกัน ทำความรู้จักกันมาตั้งนาน หากวันหนึ่งน้ำหนึ่งไปมีผู้ชายคนอื่นจริงๆ เขาจะต้องทำตัวอย่างไรนะ?น้ำหนึ่งทั้งสวย เพียบพร้อม ฉลาด มีคุณสมบัติครบด้านซะขนาดนี้เธอจะมีผู้ชายอีกสักกี่ร้อยกี่พันคนที่คัดเลือกเข้ามาอยู่ในวงโคจรก็ยังได้เลย...ของของเขา ของที่เขาเคยสัมผัสทุกกระเบียดนิ้วในเรือนร่างนี้ ในอีกไม่ช้ามันอาจจะต้องกลายเป็นคนอื่นมาซ้ำรอยแค่คิดก็จุกอก!!!เขาอยากให้น้ำหนึ่งเป็นของเขาเพียงแค่คนเดียว! แต่...เขาจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนก็ย่อมได้ นี่คงเป็นความคิดของคนที่เห็นแก่ตัวสินะ...แต่เขาไม่อยากเสียน้ำหนึ่งไปให้ใครจริงๆ น้ำหนึ่งเป็นของเขา เป็นผู้หญิงของส
“ฮือ” เธอเข้าไปกอดท่านเจ้าสัวสุรเดชซ้ำเป็นครั้งที่สอง “เจ็บ...เจ็บเหลือเกินค่ะคุณปู่ หนึ่งทั้งรัก ทั้งดูแลและจงรักภักดีต่อพี่สิงห์มาโดยตลอด มอบให้เขาเป็นโลกทั้งใบแต่เขากลับทำกับหนึ่งแบบนี้...ต่อให้เขามีพวกผู้หญิงคนอื่นอีกสักร้อยสักพันคนหนึ่งก็ไม่รู้สึกจุกอกเท่าที่เห็นเขากำลัง...อยู่กับเพื่อนหนึ่ง เขาทำแบบนี้กับหนึ่งได้ยังไงอ่ะ”มันเป็นความรู้สึกสูญเสียทั้งเพื่อนสนิทและคนรักในเวลาเดียวกัน...ทั้งสองคนคือคนที่เธอรัก คือคนที่เธอไว้ใจแต่กลับมาหักหลังทรยศแล้วเล่นกันเองเสียอย่างนั้น...“เพราะไอ้สาระเลวนั่นมันหน้าตัวเมียไง หนึ่งโชคดีแล้วหลานที่ออกมาได้ ต่อจากนี้ชีวิตของหลานจะมีแต่ความสุข ความสงบสุขและเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ หลานจะเจอคนที่เขารักหลานได้มากกว่านี้ หลานจะเจอคนที่เขาพร้อมพอในการดูแลหลาน ในการรักหลานและไม่ทำให้หลานเสียใจเหมือนผู้ชายคนนี้อีก หลานสาวของปู่ทั้งสวย ทั้งเก่งขนาดนี้ ผู้ชายดีๆ เพอร์เฟคยังมีอีกเยอะที่รอต่อแถวกดบัตรคิวกันเป็นขบวน” สิ่งที่ท่านเจ้าสัวสุรเดชกล่าวออกมานั้นล้วนเป็นความจริง...ตั้งแต่ที่ไฮโซน้ำหนึ่งเปลี่ยนโฉมปรับลุคการแต่งตัวก็มีชายหลายคนทั้งไฮโซ ทั้งเซเลบ ทั้งดารา
“โอ๊ย!!” เสียงโอดโอยของสิงห์ร้องดังขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทอย่างกระทิงจิ้มจุ่มสำลีลงบนบาดแผลบริเวณมุมปากของเขาอย่างแรง “เจ็บนะเว้ยไอ้กระทิง”“สมน้ำหน้า!! ทำอะไรโง่ๆ นะมึงเนี้ย แล้วก็ลำบากกูกับไอ้เหยี่ยวต้องมานั่งเป็นเพื่อนมึงตีสองตีสามขนาดนี้” กระทิงล่ะเหลืออดกับเพื่อนคนนี้เสียจริง“ก็กูเดือดร้อนจริงๆ นี่!” เดือดร้อนจริงหรือเดือดร้อนเล่นๆ ก็ให้สังเกตจากใบหน้าอันหล่อเหลาที่เดิมทีเคยมีสง่าราศีของสิงห์ตัวพ่อคาสโนว่าระดับประเทศ แต่ทว่าตอนนี้มันถูกประดับประดาด้วยรอยจ้ำแดงๆ ที่มีเลือดสีแดงสดไหลซิบ ทั้งหัวคิ้ว กราม โหนกแก้มทั้งซ้ายขวา มุมปาก แล้วไหนจะรอยช้ำบริเวณแขนและขาหลายจุดอีกด้วย!ก็ไอ้รอยบ้าๆ พวกนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาขับรถออกมาจากผับได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่น้ำหนึ่งหายตัวไปนั่นแหละ...และมั่นคงจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกเสีย...“ก็มึงเล่นไปทำกับหลานท่านเจ้าสัวซะขนาดนั้น นี่เขาไว้ชีวิตมึงก็บุญหัวแล้วไอ้สิงห์! เอาจริงมึงนี่ไม่น่าชื่อสิงห์เลยนะ ทั้งนิสัยทั้งสันดานเหี้ยชัดๆ” กระทิงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำไม่ได้แลดูเห็นอกเห็นใจเพื่อนสนิทเลยแม้แต่น้อย“ไอ้กระทิง!!”“ก็กูพูดความจริงนี่หว่า ที่ผ่านม
เรือนร่างบางระหงวิ่งลงมาจากชั้นล่างของผับด้วยสภาพใบหน้าแปดเปื้อนหยาดน้ำตาโดยได้ยินเสียงเรียกร้องของสิงห์ตามหลังมาติดๆตุ้บ!! น้ำหนึ่งชนเข้ากับใครสักคน สายตาเล็กค่อยๆ แหงนขึ้นไปมองหน้าเขาแล้วรีบกล่าวคำขอโทษ“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”“หนึ่ง!! หนึ่ง!!!”ผู้ชายรูปหล่อเหลา ใบหน้าคมเข้มราวกับเทพบุตรที่ถูกวาดโดยพู่กันแต่งแต้มสีสันลงบนกระดาษร้อยปอนด์ด้วยช่างฝีมือดีระดับโลก คิ้วเป็นคิ้ว ปลายจมูกสันโด่งรับกับริมฝีปากที่มีสีสันสดใสคล้ายกับได้รับการแต่งแต้มด้วยลิปสติก“!!” เขาไหวตัวทันรีบดึงตัวร่างบางมาหลบเอาไว้แนบประชิดแผงอกแกร่งกำยำ ชำเลืองมองดูว่าสิงห์ผ่านออกไปจนแลไม่เห็นแล้วจึงค่อยๆ ผละออก“คุณหนีผู้ชายคนนั้นเหรอครับ?”“คุณช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ทีจะได้ไหมคะ” เธอไม่อยากพบหน้าใครทั้งนั้นแม้กระทั่งคีรินหรืออันนา แต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อเธอวิ่งออกมาตัวเปล่าไม่ได้หยิบแม้กระทั่งกระเป๋าสะพายที่ถูกบรรจุกุญแจรถเอาไว้ติดไม้ติดมือด้วย“ครับ” เขาไม่ปฏิเสธ..@ทะเลทั้งสองแล่นรถออกมาไกลพอสมควรจนถึงชายหาดแถบพัทยาใกล้ๆ กับกรุงเทพฯ ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งตัวลงบนหาดทรายขาวทอดมองทะเลอันกว้างขวางในยามค่