เธอนั่งเกวียนมาอีกสักพักก็ถึงร้านผ้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้ใกล้มืดแล้วร้านค้าเก็บของกันไปหมด มีเหลือไม่กี่ร้านเท่านั้น เธอได้สังเกตภายในเมืองแต่ก็มองไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะแสงไฟในเมืองไม่ค่อยมี เอาไว้คราวหน้าถ้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้อีกเธอจะต้องเดินดูสิ่งของภายในตลาดแห่งนี้บ้างแล้ว
“เจ้าเข้าไปเลือกสิ่งของที่เจ้าต้องใช้มาเถอะ ที่บ้านของข้านั้นมีของใช้แค่ชุดเดียวเท่านั้น” ตัวเธอมาแค่ตัวเปล่าๆ ไม่มีสิ่งของอะไรติดตัวมาด้วย มีแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอยืมเงินท่านซื้อของพวกนี้ไปก่อน รอข้าหาเงินได้ ข้าจะนำมาคืนท่าน” “เจ้าคิดว่าข้าหน้าเงินมากหรือไรของพวกนี้ข้าให้เจ้า เพราะเจ้าต้องช่วยงานข้า” เธอคิดว่ามันสมเหตุผลแล้ว จึงตกลงและเดินเข้าไปเลือกซื้อสินค้าภายในร้านผ้า ร้านผ้าแห่งนี้เป็นร้านผ้าไม่ใหญ่มากนัก และเป็นร้านผ้าร้านเดียวที่ยังเปิดขายอยู่ “ร้านผ้าซิ่วอิง ยินดีต้อนรับ ท่านต้องการซื้อสิ่งใดสอบถามกับข้าได้” เธอเดินเข้ามาในร้านผ้า ก็พบเข้ากับเจ้าของร้าน เป็นผู้หญิงอายุน่าจะสี่สิบกว่าแล้ว แต่นางยังดูสวยอยู่ แต่งตัวสะอาดหน้าตาดูใจดี “อยากดูผ้าห่มสำเร็จรูป และเสื้อผ้า” “ทางร้านเรามีผ้าห่มที่นุ่มเหมาะกับหน้าหนาวที่จะถึงนี้อย่างมาก เสื้อผ้าของทางร้านเราก็เพิ่งเข้ามาใหม่” เธอฟังที่เจ้าของร้านพูดขายสินค้า และเธอก็มองตามสินค้าชิ้นนั้นไปด้วย เป็นผ้าห่มธรรมดาไม่ได้ดีอะไรมากมาย ผ้าห่มที่เธอลองจับของทางร้านว่าดีที่สุดแล้ว ก็ยังเป็นของธรรมดาสำหรับเธออยู่ดี หรือที่แห่งนี้ จะไม่รู้จักผลนุ่นกัน จึงไม่มีผ้าห่มยัดนุ่นเลย “ผ้าห่มผืนนี้ดีที่สุดแล้วใช่หรือไม่” “ผ้าห่มผืนนี้ดีที่สุดของทางร้านแล้ว” ที่แห่งนี้คงยังไม่ก้าวหน้าในหลายๆ อย่าง ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็มีหนทางหาเงินแล้วน่ะสิ เธอคิดแล้วก็ดีใจ เธอจะใช้ความรู้ในโลกอนาคต นำมาทำของขายในโลกนี้ เธอจะรวยแล้ว เธอเอาผ้าห่มสีทึบมาสองผืน และหมอนสำเร็จรูปอีกหนึ่งลูก เธอยังดูชุดเอาไปเปลี่ยนอีกสองชุดพร้อมกับผ้าผืนยาวธรรมดาสองผืนแต่คนละสีกัน เสื้อผ้าที่นี่ สีสดจะขายดี สีอ่อนๆ จะขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และที่ขายดีสำหรับชาวบ้านที่ยากจน ก็จะเป็นผ้าหยาบสีทึบธรรมดา รูปแบบเสื้อผ้าก็จะเหมือนๆ กัน เหมือนกับชุดที่เธอใส่ไม่มีลวดลายอะไร เธอจึงเลือกเสื้อผ้าสีทึบมาสองตัว เอาไว้เปลี่ยนตอนอยู่ที่บ้าน แต่ผ้าที่เธอเลือกเป็นผ้าฝ้ายเนื้อผ้าจะดีกว่าผ้าหยาบมาก “ทางร้านเราจัดเตรียมสิ่งของให้ท่านไว้แล้ว ราคารวมทั้งหมด หนึ่งตำลึงเงิน” เธอเอาเงินจ่ายให้กับเจ้าของร้าน และให้เจ้าของร้านขนของที่เธอซื้อนำไปไว้บนเกวียน “ขนของไว้ให้บนเกวียนหมดแล้ว ถ้าท่านจะเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ อย่าลืมมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านผ้าซิ่วอิงของเรานะเจ้าค่ะ” เธอยิ้มตอบกลับไปแล้วก็ขึ้นมาบนเกวียนวัวที่จอดรออยู่ “เจ้ายังขาดสิ่งของใดอีกบ้าง ถ้าจะซื้อตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว พวกเราจะกลับบ้านมืดเสียก่อน” “ข้าไม่ต้องการอะไรแล้ว ท่านไม่ซื้อของใช้ของท่านบ้างหรือ” “ข้าเป็นผู้ชายไม่จำเป็นต้องใช้ของอะไรที่มันมากมายนักหรอก ที่บ้านของข้าก็มีของครบหมดแล้ว” “แล้วที่บ้านของท่าน ท่านอยู่กับใคร ญาติพี่น้องของท่านมีหรือไม่” “ข้าอยู่คนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เจ้าสบายใจได้ ถ้าข้าตายไป สมบัติทุกอย่างของข้าจะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน” “พูดเรื่องตายอะไร ท่านจะรีบตายไปไหน ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากท่านอีกเยอะ” “ถึงเจ้าอยากให้ข้าตาย ข้าก็ไม่ตายง่ายๆ หรอก” เขาชอบแกล้งนาง เพราะนางชอบทำแก้มป่องเวลาโดนเขาแกล้ง เธอมองค้อนอี้เฉิงไปหนึ่งรอบ จากการเดินทางกับเขา ทำให้เธอเริ่มมีความสนิทและไว้ใจเขามากขึ้น เธอถามในสิ่งที่เธอไม่รู้กับอี้เฉิงอีกหลายอย่าง รถเกวียนวัวก็ขับมาถึงหน้าบ้านของเขาพอดี “ถึงแล้วขอรับ” ลุงเจ้าของเกวียนวัวช่วยขนของลงจากรถ และเอาไปวางไว้หน้าบ้านให้พวกเธอ อี้เฉิงจ่ายเงินให้ลุงไปสองตำลึง เธอเห็นสีหน้าของลุงดูดีใจเป็นอย่างมาก และลุงก็ขับเกวียนวัวจากไป เธอหันกลับมามองบ้านของชายหนุ่ม มันช่างมืดมาก เธอมองไม่เห็นอะไรเลย เธอเลยไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้หน้าตาเป็นแบบไหน รู้แค่ว่ากำแพงบ้านสูงและก็แข็งแรงมาก เขาทำไมต้องสร้างกำแพงบ้านที่สูงมากขนาดนี้ด้วย เขาเปิดประตูบ้าน เธอเข้ามาในบริเวณของตัวบ้าน ก็เห็นว่าด้านในกำแพงนั้น มีบ้านอิฐหลังไม่ใหญ่เท่าไหร่ บริเวณโดยรอบเธอมองไม่ค่อยชัดเพราะมันมืดมาก พรุ่งนี้เธอค่อยออกมาสำรวจรอบๆ อีกครั้ง เธอเดินตามเขาเข้ามาภายในบ้าน ก็เห็นว่าเป็นบ้านอิฐธรรมดาที่สะอาด มีหนึ่งห้องนอน และมีห้องทำกับข้าวเท่านั้น แล้วเขาจะให้เธอนอนที่ไหนกัน “ท่านจะให้ข้านอนตรงไหน” เพราะเธอเห็นว่ามีห้องนอนแค่ห้องเดียวเท่านั้น “เจ้าก็นอนภายในห้อง” เขาให้เธอนอนภายในห้องนอน “แล้วท่านจะนอนที่ไหนกัน “ข้าก็นอนในห้องเหมือนกัน” “ท่านจะให้ข้านอนกับท่านหรือ เราตกลงกันไว้ไม่ใช่แบบนี้นี่น่า” เธอเริ่มที่จะกลัวเขาขึ้นมาแล้วสิ “เจ้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าก็อยากจะคุยเรื่องที่เราตกลงกันไว้อยู่พอดี” เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะให้เธอช่วยทำอะไร “ท่านจะให้ข้าช่วยทำสิ่งใดกัน” “สิ่งที่ข้าอยากให้เจ้าช่วยไม่ยากหรอก ข้าอยากให้เจ้าแกล้งมาเป็นภรรยาของข้า เจ้าทำได้หรือไม่” แกล้งเป็นภรรยา ถ้าแค่แสดงเฉยๆ เธอก็พอจะทำได้ “ถ้าแค่แกล้งเฉยๆ ข้าพอช่วยท่านได้ แต่เราต้องตกลงกันก่อน ว่าจะไม่มีการร่วมหลับนอนหรือทำไม่ดีต่อตัวข้า” “ตกลง ตามที่เจ้าว่า ข้าแค่อยากหาใครสักคนมาเป็นภรรยาก็แค่นั้น” ที่เขาต้องการภรรยา ก็เพราะว่ามีหญิงสาวบางคนที่เคยเห็นหน้าตาของเขาตอนที่เขายังไม่มีหนวดเคราอยู่ และเขาก็เป็นนายพรานที่หาเงินได้เยอะ ชาวบ้านแถวนี้จึงพยายามยัดเยียดลูกหลานตัวเองให้เขา เขารำคาญเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ที่เขาต้องสร้างกำแพงบ้านสูงก็เพราะมีหญิงสาวบางคนใจกล้าเคยแอบเข้ามานอนในบ้านของเขา ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวผู้หญิงในหมู่บ้านแห่งนี้มาก “เหตุผลที่ท่านอยากมีภรรยาเพราะเหตุใด ท่านน่าจะหาภรรยาได้ไม่ยาก เพราะท่านหาเงินได้มาก” “ข้าแค่พอใจเจ้าก็แค่นั้น เจ้ามีหน้าที่กันผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาหาข้า และเจ้าต้องแกล้งทำเป็นภรรยาของข้าให้ดี อย่าให้ผู้อื่นจับได้” “ข้าตกลง ข้าจะแกล้งเป็นภรรยาให้ท่านเอง แต่ท่านต้องสัญญาว่าจะไม่ห้ามข้า ถ้าข้าต้องการทำสิ่งใดเพื่อหาเงินให้ตัวของข้าเอง และข้าจะคอยช่วยท่านดูแลบ้านและทำอาหารให้ท่านเป็นการตอบแทน” “ได้ข้าตกลง เจ้าเอาผ้าห่มเข้าไปปูบนเตียงในห้องเถิด”เวลาผ่านไปหนึ่งปีที่เธออยู่เมืองหลวง ตอนนี้ลูกชายของเธอหัดเดินได้สองสามเดือนแล้ว เขาพูดเรียกแม่และพ่อได้เก่งขึ้น แต่ก็ยังพูดไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาซนเป็นอย่างมากในช่วงนี้ เดือนหน้าอี้เฉิงจะพาเธอไปไหว้หลุมศพพ่อกับแม่ของเขา และยังจะพาไปหาท่านลุงของเขาที่เป็นเจ้าสำนักเงาดารา อี้เฉิงได้เล่าให้เธอฟังว่า เขาได้สละตำแหน่งเจ้าสำนักให้ท่านลุงของเขาดูแลไปแล้ว เขาแค่ดูแลสำนักคุ้มภัยทั้งหมดเท่านั้น เขาอยากมีเวลาอยู่กับครอบครัวให้มากขึ้น เขาไม่อยากทำเรื่องที่มันเสี่ยงอันตรายมากเกินไปนักเวลาผ่านมาอีกหนึ่งเดือน อี้เฉิงก็พาเธอ และลูกรวมทั้งป้าลี่ซือเดินทางไปที่สำนักเงาดาราครั้งแรก เธอให้พี่ลี่หลินคอยช่วยงานหลีชางดูแลร้านค้าเครื่องหอมเหมยฮวาที่เมืองหลวง และมีบ่าวรับใช้อีกหลายคนที่เป็นงานแล้วคอยสลับกันไปช่วยอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องการทำสินค้าเธอให้พี่ลี่หลินเป็นคนดูแลทั้งหมด เธอจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเดินทางไปที่อื่นได้อย่างสบายใจเดินทางอยู่สิบห้าวัน เธอก็มาถึงสำนักเงาดารา ท่านเจ้าสำนัก ซึ่งก็คือลุงของอี้เฉิงได้ออกมาต้อนรับพวกเธอ“อี้เฉิง หลานกลับมาแล้ว ลุงได้ข่าวมาว่าหลานได้ลูกชายใช่หรือ
“ข้าไม่ใช่คนที่โลกใบนี้หรอก ข้าเป็นคนที่อยู่ในโลกอนาคตที่แสนไกล ในอีกหลายร้อยปี ข้าเป็นคนที่มาจากประเทศอื่น ที่ไม่ใช่ประเทศจีนแห่งนี้ ที่นั่นข้าพูดอีกภาษาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ข้าพูดอยู่ในตอนนี้ และที่นั้นข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่ตัวคนเดียว จนวันหนึ่งข้าได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง” “เหตุผลอะไรหรือ” เขาตั้งใจฟังที่เหมยฮวาพูดให้เขาฟัง เรื่องที่นางเล่าให้เขาฟังมันเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก“ข้าโดนเพื่อนที่ข้าไว้ใจทำร้าย ข้าคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ข้าก็ได้โอกาสกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่แห่งนี้ ท่านว่าแปลกหรือไม่ เราอยู่คนละที่กันเลย แต่ก็มาพบเจอกันได้ ท่านอาจเป็นคู่ที่ท่านแม่และท่านพ่อของข้า เลือกให้ข้าก็ได้” “ท่านแม่ของเจ้าอาจจะเห็นความดีของข้าก็ได้” “แต่ข้ารู้มาว่า สำนักของท่านเป็นนักฆ่าไม่ใช่หรือ ท่านก็ไม่น่าจะใช่คนดีเท่าไหร่นัก” “แต่ตอนที่เจ้าเจอข้า ข้าเป็นแค่พรานป่าตัวน้อยๆ เท่านั้น” “อี้เฉิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตัวใหญ่กว่าหมีเสียอีก” เธอขำคำพูดของเขาที่บอกว่าตัวของเขาเล็ก ตอนเจอเขาครั้งแรก เขาน่ากลัวมาก เธอนึกว่าเขาเป็นโจรป่าเสียอีก“ข้าตัวน้อยเสมอเมื่ออยู่กับ
ตอนนี้ลูกชายของเธออายุได้หนึ่งเดือนแล้ว แผลที่เกิดจากการคลอดลูกก็ดีขึ้นมากแล้ว เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอฟื้นฟูกับมาเกือบเป็นปกติแล้ว เธอนั่งเล่นกับลูกน้อยของเธอ ในตอนที่ทุกคนไม่อยู่กับเธอ เธอก็จะเอากล้องที่ใช้แต้มซื้อมาถ่ายรูปเธอและลูกชายของเธอ เธอต้องขอบคุณคุณยายท่านนั้นที่ช่วยให้เธอกลับมาคลอดลูกของเธอได้ ถ้าไม่มีคุณยายในวันนั้น เธอและลูกน้อยก็คงเสียชีวิตไปแล้วลูกชายของเธอที่กินนมจากเต้าของเธอก็แข็งแรงมากขึ้นทุกวัน ตัวเขาอ้วนนัก ใครเห็นก็อยากกอด และเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้ อี้เฉิงอยากให้เธอไปกราบไหว้หลุมศพพ่อ และแม่ของเขา เธอคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ฮุ่ยหมิ่งจะได้พบ และกราบไหว้หลุมศพคุณตาคุณยาย ให้พวกท่านทั้งสองคุ้มครองครอบครัวของเธอ“เจ้าทำอะไรกันหรือ” อี้เฉิงเดินเข้ามาในห้องเห็นเหมยฮวานั่งเล่นอยู่กับลูกชาย“ข้าก็กำลังเล่นกับลูกอยู่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ทำงานเหนื่อยหรือไม่” ตั้งแต่เขากลับมา เธอก็แทบไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเขาจะเป็นคนดูแลครอบครัวทั้งหมด เขาไม่อยากให้เธอไปลำบาก มีบางครั้งที่เธอเข้าไปดูร้านและออกสินค้าใหม่ๆ ออกมาบ้าง“ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ข้าก็แค่เข้าไปดูบัญชีเท่านั้น” เขา
“ทุกคนปลอดภัยแล้วเจ้าคะ ทั้งเด็กและก็แม่เด็ก” หมอทำคลอดตบก้นเด็กทารกที่เพิ่งคลอดออกมา จนมีเสียงร้องออกมา“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าคะ ร่างกายแข็งแรงดีทั้งแม่และลูก” หมอทำคลอดพูดบอกกับคนที่รอฟังข่าวอยู่หน้าห้องเหมยฮวาหลังจากที่ได้ยินเสียงร้องของลูกเธอแล้ว เธอก็หลับลงไปอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการคลอดลูก“เจ้าไปตามหมอมาดูภรรยาของข้า นางหลับไปอีกแล้ว นางจะเป็นอะไรหรือไม่” อี้เฉิงที่อยู่ข้างเหมยฮวาตลอด เขาเห็นว่านางตื่นขึ้นมาและหลับลงไปอีกครั้งหมอทำคลอดที่อยู่ใกล้ ก็จับชีพจรของนายหญิง เธอเห็นว่าปกติดี“นายหญิงเพียงแค่หลับไปเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกายเท่านั้นเจ้าคะ ตอนนี้นายหญิงปลอดภัยแล้ว” เธอบอกอาการของนายหญิงให้นายท่านได้ฟัง เพื่อคลายความเป็นกังวลอี้เฉิงหลังจากที่รับรู้ว่าภรรยาของเขาปลอดภัยแล้ว เขาก็ให้คนเข้ามาเอาผ้าเช็ดตามเนื้อตัวของเหมยฮวา เหมยฮวาไม่ชอบให้ร่างกายตัวเองสกปรกเท่าไหร่นัก หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว เขาก็อุ้มนางไปอีกห้อง เพื่อรอให้นางตื่น และทำการอยู่ไฟหลังคลอดหนึ่งเดือน“นายท่านอยากดูนายน้อยหน่อยไหมเจ้าคะ หน้าตาของเขาเหมือนนายหญิงยิ่งนัก” อี้เฉิงได้ยินแ
ลูกชายคงจะโมโหเขา ที่เขารังแกแม่ของเขาไปเสียนาน เขาใส่เสื้อผ้าให้เหมยฮวาและหอมแก้มของนาง และลูกน้อยที่อยู่ในท้อง เขานอนกอดเหมยฮวา และหลับไปพร้อมกันตอนสายของอีกวัน เหมยฮวาตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่เห็นคนที่นอนอยู่ด้านข้างเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกปวดเมื่อยร่างกาย และหิวมาก เธอจึงค่อยๆ ลุก และเดินออกมาด้านนอกห้องนอน“นายหญิงตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้ากำลังเตรียมเอาอาหารไปให้ท่านอยู่พอดี” ลี่หลินที่วันนี้ไม่ได้ไปที่ร้านเครื่องหอมถามนายหญิงที่เดินออกมาจากห้องนอนพอดี“พี่ลี่หลินเองหรือ ท่านไม่ได้ไปร้านเครื่องหอม” “วันนี้ข้าไม่ได้ไปเจ้าคะ เป็นบ่าวอีกคนหนึ่งไปแทนข้า นายหญิงหิวหรือไม่ ท่านตื่นสายเช่นนี้ต้องหิวเป็นแน่ ข้าทำอาหารไว้รอท่านตั้งหลายอย่าง” “ท่านช่างรู้ใจข้าเสียจริง ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ข้าขอไปล้างหน้า อาบน้ำเสียหน่อย ข้าจะออกไปกินอาหาร” เธอบอกพี่ลี่หลินเสร็จแล้วก็เดินเข้ามาในห้องนอน เพื่ออาบน้ำล้างหน้า เธอถอดเสื้อผ้าก็เห็นรอยแดงที่อี้เฉิงทำไว้เมื่อคืนนี้ เขานี่ไปอดอยากมาจากที่ไหนกัน แต่เธอยอมมีอะไรกับเขา ก็ดีกว่าให้เขาไปหาสาวอื่นมาปลดปล่อย ดีที่อี้เฉิงตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นก็ไม่เคยเห็นเขาชายต
ช่วงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนมากนัก แต่ละวันที่ผ่านไปเธอไม่กินก็จะนอน จนเธอจะอ้วนเป็นหมูแล้ว ตั้งแต่ที่เธอท้องก็ทำให้ร่างกายของเธอขยายมากขึ้นไปอีก จากตอนแรกที่เธอผอม ตอนนี้เธอมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น ที่จริงเธอก็เพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ก็ยังไม่ได้แก่เท่าไหร่นัก แต่คนยุคนี้จะแต่งงานกันตั้งแต่อายุสิบห้ากันแล้ว เกินสิบหกก็จะหาคู่ยาก ไม่เหมือนโลกเก่าของเธอ อายุสิบห้าถือว่ายังเด็กนัก แต่งตอนอายุยี่สิบห้าก็ยังไม่แก่เลยด้วยซ้ำ เธอนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เธอเพิ่งกินข้าวเสร็จ และเดินวนรอบบ้านไปหนึ่งรอบ โดยอยู่ภายในสายตาของบ่าวรับใช้ที่อยู่ภายในบ้าน และตอนนี้บริเวณรอบบ้าน อี้เฉิงก็ให้คนที่สำนักคุ้มภัยมาคอยเฝ้าที่หน้าร้านและหน้าประตูบ้านอยู่หลายคนเธอเดินจนเหนื่อยแล้ว เธอก็เข้ามาในห้องและนอนหลับไป ตอนที่เธอหลับอยู่เธอรู้สึกว่ามีใครมาจับหน้าอกของเธอ เธอจึงลืมตาตื่นขึ้นก้มลงไปมองตรงหน้าอกของเธอ ก็เห็นว่าเป็นอี้เฉิงนั่นเอง“ท่านทำอะไรอยู่ ใยท่านถึงได้มากวนข้า” เธอถามเขาหลังจากเห็นเขาเอาหน้ามุดเข้ามาในเสื้อของเธอ เพื่อดูดดึงยอดอกที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก“ข้าทำเจ้า