ฉันค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ ห้องโถงเกล็ดน้ำแข็ง —
ห้องโถงพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์มังกร สถานที่ที่ว่ากันว่า...แม้แต่มังกรเฒ่าพันปีก็ต้องสงบนิ่งเมื่อยืนอยู่กลางลาน
แต่วันนี้...
มันไม่ได้ถูกใช้สำหรับประชุม หรือทำพิธีสำคัญใด ๆ ห้องโถงขนาดมหึมาอาบไปด้วยแสงจากโคมเวทบนเพดาน ที่สะท้อนกับผลึกน้ำแข็งบนพื้นจนเกิดประกายแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาว
และตรงกลางห้อง...
โต๊ะเล็ก ๆ เพียงสองที่นั่ง
ถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันทุกจุด โต๊ะหินน้ำแข็งเคลือบเงาใสสะอาด จานแกะสลักลายมังกรหิมะ ข้างจานมีช้อนส้อมสีเงินวางคู่กับผ้าเช็ดปากสีอ่อน
แสงสะท้อนจากเกล็ดน้ำแข็งรอบตัวแต่งแต้มให้บรรยากาศดู...อบอุ่นอย่างประหลาด แม้อยู่กลางอุณหภูมิเยือกแข็ง
ฉันมองภาพนั้นตาค้าง รู้สึกเหมือนกำลังฝัน
“…นี่ สำหรับฉันเหรอคะ?” เสียงฉันเบาเกินจะเรียกว่าถาม
หลงอวิ๋นเดินเข้ามาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แววตาเขานิ่งสงบดังเดิม แต่คำตอบกลับอบอุ่นเกินกว่าที่ฉันคาด
“เจ้าคือมนุษย์&
บรรยากาศในห้องโถงเกล็ดน้ำแข็งที่เคยสงบเงียบ...พลันเปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อประตูน้ำแข็งเปิดออกเบา ๆ พร้อมแรงลมที่พัดเข้ามา ร่างของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม สูงส่ง ดุดัน และเปล่งรัศมีสีทองรอบกายจาง ๆ ดวงตาสีทอง ของเขาคมกริบจนน่าหวาดหวั่นแค่เขาเหลือบมองมาที่ฉัน...ฉันก็เหมือนถูกมองทะลุไปทั้งร่าง“น้องสาม... เจ้าไม่เคยสนใจมนุษย์มาก่อน” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้น พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่ฉันไม่อาจตีความได้ว่าอบอุ่น หรือแฝงคมดาบ“ข้าสงสัย...ว่ามีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่หรือไม่”ฉันหันไปมองหลงอวิ๋นทันที เขายังคงนิ่งเงียบ ยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยแต่ฉันกลับรู้สึกได้...ว่าความเย็นรอบตัวเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ละอองน้ำแข็งแผ่ขยายออกจากเท้าของเขาไปทั่วพื้นห้องมังกรน้ำแข็ง กับ มังกรเพลิงทองคำยืนเผชิญหน้ากันในห้องเดียวกันแม้พวกเขาจะไม่ได้เอ่ยวาจาร้ายแรง แต่ก็ทำให้...วิญญาณรับใช้ทั้งหมดหายตัวไปในทันที เหลือแค่ความว่างเปล่า และแรงก
ฉันค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ ห้องโถงเกล็ดน้ำแข็ง —ห้องโถงพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์มังกร สถานที่ที่ว่ากันว่า...แม้แต่มังกรเฒ่าพันปีก็ต้องสงบนิ่งเมื่อยืนอยู่กลางลานแต่วันนี้...มันไม่ได้ถูกใช้สำหรับประชุม หรือทำพิธีสำคัญใด ๆ ห้องโถงขนาดมหึมาอาบไปด้วยแสงจากโคมเวทบนเพดาน ที่สะท้อนกับผลึกน้ำแข็งบนพื้นจนเกิดประกายแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาวและตรงกลางห้อง...โต๊ะเล็ก ๆ เพียงสองที่นั่งถูกจัดไว้อย่างเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความพิถีพิถันทุกจุด โต๊ะหินน้ำแข็งเคลือบเงาใสสะอาด จานแกะสลักลายมังกรหิมะ ข้างจานมีช้อนส้อมสีเงินวางคู่กับผ้าเช็ดปากสีอ่อนแสงสะท้อนจากเกล็ดน้ำแข็งรอบตัวแต่งแต้มให้บรรยากาศดู...อบอุ่นอย่างประหลาด แม้อยู่กลางอุณหภูมิเยือกแข็งฉันมองภาพนั้นตาค้าง รู้สึกเหมือนกำลังฝัน“…นี่ สำหรับฉันเหรอคะ?” เสียงฉันเบาเกินจะเรียกว่าถามหลงอวิ๋นเดินเข้ามาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ แววตาเขานิ่งสงบดังเดิม แต่คำตอบกลับอบอุ่นเกินกว่าที่ฉันคาด“เจ้าคือมนุษย์&
ตั้งแต่วันที่ฉันก้าวเท้าเข้าสู่วังน้ำแข็งอีกครั้ง —ชีวิตก็เปลี่ยนไปจาก ‘ผู้ส่งอาหาร’ เป็น ‘ผู้ช่วยส่วนตัวขององค์ชายมังกร’ อย่างเต็มรูปแบบ...โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนและจุดเริ่มต้นของภารกิจใหม่นี้...ก็คือสถานที่ตรงหน้าห้องสมุดน้ำแข็งโบราณประตูบานสูงเบื้องหน้า สูงไม่ต่ำกว่าสิบเมตร พื้นผิวโปร่งแสงสีฟ้าอ่อน คล้ายแผ่นน้ำแข็งชั้นลึกที่สุดในธารน้ำแข็งโบราณ รอบขอบประตูมีเส้นเวทหมุนวน ราวกับลมหิมะที่กำลังเต้นระบำช้า ๆ ไม่มีวันจบเพียงแค่ยืนใกล้...ฉันก็รู้สึกถึงพลังเวทเก่าแก่บางอย่างไหลซึมเข้ามาในกระดูก ทั้งขลัง ทั้งหนาว และทั้งน่าหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูกหลงอวิ๋นยกมือขึ้น ปลายนิ้วของเขาวาดเวทกลางอากาศด้วยท่วงท่าเรียบง่าย แสงเวทสีฟ้าสว่างจาง ๆ ส่องวาบจากปลายนิ้ว แล้วแทรกตัวเข้าสู่เส้นเวทบนประตูอย่างแม่นยำคลิ๊ก...เสียงเปิดประตูนั้นเย็นเฉียบ ราวกับเสียงน้ำแข็งพันปีร้าวเบา ๆเมื่อประตูเปิดออก ฉันก็ได้เห็น...โลกอีกใบ
[Long Yun’ s Part]พระจันทร์สีน้ำเงินลอยนิ่งเหนือยอดปราการของวังน้ำแข็ง เกล็ดหิมะโปรยปรายไม่หยุด ราวกับฤดูที่ไม่มีวันจบสิ้นตรงระเบียงของ หอจันทรา —ชายหนุ่มผมยาวสีน้ำเงินเข้มยืนพิงเสาหินเงียบ ๆชุดคลุมสีเทาเงินของเขาปลิวเบา ๆ ใต้สายลมหลงอวิ๋น — องค์ชายผู้ถือครองมิติแห่งความหนาวเหน็บตลอดกาล กำลังปล่อยให้แสงจันทร์ทาบทับร่างเงียบ ๆ ในคืนที่เหมือนทุกคืนแต่คืนนี้...หัวใจของเขาไม่ได้เงียบเช่นเคยอีกต่อไปดวงตาสีฟ้าเยือกแข็งทอดมองไปยังขอบฟ้าไร้สี เหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน —ใครบางคนที่ไม่ควรมีอิทธิพลกับหัวใจของเขา แต่กลับ ‘ฝากบางอย่างไว้’ และเดินจากไปผู้หญิงจากโลกอีกฟาก...ผู้ที่มอบกล่องราเมนอุ่น ๆ ให้เขาถ้วยหนึ่ง —พร้อมกับความอบอุ่นที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไรในตอนนั้น ...และนับจากวันนั้น ความเย็นในหัวใจก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลยหลังจากการพูดคุย ‘ลับสุดยอด’ กับพ่อค้าข้ามมิติผู้ยิ้มเก่งเกินเหตุ แผนการก็เริ่มขึ้นหลงอวิ๋นไม่
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา...ทุกออเดอร์จากหลงอวิ๋นไม่ว่าจะเป็นวันธรรมดา วันหิมะตก หรือวันแมวพูดได้ปิดประตูใส่หน้าทุกคำสั่งก็จะปรากฏชื่อฉันขึ้นมาคู่กันอย่างเสมอต้นเสมอปลาย[ออเดอร์พิเศษจากลูกค้า: ราเมนเพลิงจันทร์ลาวา][รีเควส: ผู้ส่งต้องเป็น “เอลาเรีย เวลเลนไฮม์” เท่านั้น]ฉันเบิกตากว้างทุกครั้งที่เห็นข้อความนั้น ก่อนที่ริมฝีปากจะเผลอยิ้มออกมาเองโดยไม่ต้องสั่งการจากสมอง“…วันนี้ก็เหมือนเดิมอีกแล้วสินะ”ไม่มีลังเล ไม่มีชั่งใจ ไม่มีหันซ้ายขวาฉันกดรับงานทันทีเหมือนคนที่รู้แน่ชัดว่ากำลังจะกลับไปยังสถานที่…ที่หัวใจยังคงรอคอยแต่แล้ว...สิ่งที่ทำให้ฉันแทบล้มทั้งยืนยิ่งกว่าพายุเวทระเบิดพอร์ทัล ก็คือ...ตอนที่ฉันส่งราเมนเสร็จเรียบร้อย และเตรียมตัวจะกลับสิ่งหนึ่ง...ถูกส่งกลับมาที่มือฉันมันหนักเล็กน้อย เปล่งแสงสีฟ้าอ่อน ๆ มีตราสลักรูปมังกรโบราณขดเป็นวง&ldquo
วันที่เจ็ด…เช้าวันที่หิมะยังคงโปรยปรายไม่ขาดสาย —เกล็ดขาวบางเบาตกลงมาเงียบ ๆ จากฟ้าเหนือวังน้ำแข็ง ราวกับไม่มีวันสิ้นสุดแม้ภาพตรงหน้าแทบไม่เปลี่ยนไปจากหกวันที่ผ่านมาเลย แต่หัวใจของฉันในวันนี้กลับ วูบโหวง อย่างประหลาด เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะหลุดมือไปและฉัน…ก็ไม่รู้จะไขว่คว้าไว้อย่างไรติ๊ง!เสียงแจ้งเตือนเบา ๆ ดังขึ้นจากนาฬิกา Omnibite บนข้อมือ ฉันชะงัก ก่อนรีบก้มลงดูด้วยหัวใจที่เริ่มเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ[Omnibite: ระบบเชื่อมต่อกลับมาออนไลน์แล้ว][พร้อมสำหรับการส่งตัวกลับมิติต้นทาง]ข้อความบนหน้าจอชัดเจนราวกับคำพิพากษา ฉันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ราวกับเพิ่งรู้ตัว…ว่า การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้แค่ชั่วคราวฉันเดินออกไปที่ลานหน้าวัง —ที่เดิม…ที่ฉันเคยยืนส่งราเมนร้อน ๆ ให้ชายผู้เย็นเยียบราวน้ำแข็งพันปี และที่นั่นเองหลงอวิ๋นก็ยืนรออยู่แล้วเงาร่างของเขาแน่วแน่ดั่งประติมากรร
คืนนี้...พระจันทร์สีน้ำเงินเต็มดวง ลอยเด่นสง่าอยู่เหนือยอดหลังคาแหลมสูงของวังน้ำแข็งแสงจันทร์นวลเย็นไหลรินลงมาราวกับสายน้ำสีฟ้าซีด ทาบทับผนังน้ำแข็งที่ใสวาวเหมือนกระจก พื้นน้ำแข็งสะท้อนเงาแสงนั้นแตกกระจายเป็นระลอกระยิบระยับ เหมือนทางช้างเผือกไหลผ่านโถงวังอันเงียบงันฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนสัตว์หนานุ่ม แม้ร่างกายจะเหนื่อยล้าเต็มที แต่เปลือกตากลับปฏิเสธที่จะปิดลงอย่างดื้อดึงความหนาวและความเงียบไหลซึมเข้าในอก เหมือนมือที่มองไม่เห็นกำลังเกาะกุมหัวใจไว้แน่นฉันลุกขึ้นนั่ง ดวงตาหรี่ลงมองเจ้าหยกหิมะตัวน้อยในกรงน้ำแข็งที่ขดตัวนอนหลับปุ๋ย มันส่งเสียงหายใจแผ่วเบา นุ่มนวล ราวกับเสียงลมหิมะอ่อน ๆฉันยิ้มบาง ๆ อย่างเหนื่อยล้า แล้วถอนหายใจยาว...ปล่อยให้เสียงลมหายใจของตัวเองล่องลอยหายไปในความเงียบ'นอนไม่หลับเลย...'เสียงลมหนาวที่พัดเฉื่อยผ่านกระจกน้ำแข็งดังแผ่วเบามีชีวิต มีเสียงของมันเอง —เป็นเพลงโศกที่ไหลเวียนอยู่ทั่ววังแห่งนี้มาเนิ่นนานกว่าฉันจะมาเยือนเสียอีกสุดท้าย...ฉันก็สวมเสื้อคลุมขน
เช้าวันใหม่ในวังน้ำแข็งเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด แสงเงินบาง ๆ จากดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยส่องแรงเกินไปในดินแดนหิมะ ทอผ่านหน้าต่างน้ำแข็งหนาเป็นลำแสงอ่อน ๆ คลี่ตัวลงบนพื้นพรมขนสัตว์หนานุ่มฉันขยับตัวใต้ผ้าห่มขนสัตว์ สูดกลิ่นอุ่น ๆ ของไฟเวทย์ที่ยังคงลุกโชนในเตาผิงก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นอย่างสุภาพ“คุณผู้มาเยือน...”เสียงอ่อนโยนของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากหลังบานประตู“ข้ามีนามว่า เสี่ยวหนิง มาดูแลท่านตามบัญชาขององค์ชาย”ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบลุกขึ้นจากเตียง กอดผ้าห่มขนสัตว์แนบอกด้วยความเคยชินของคนแปลกที่แล้วตอบเสียงเบา ๆ“เข้ามาได้ค่ะ”บานประตูเปิดออกเบา ๆ อย่างนุ่มนวลหญิงสาวร่างเล็กในชุดสีขาวสะอาดก้าวเข้ามาใบหน้าของเธออ่อนหวาน ดวงตากลมโค้งรับรอยยิ้มสุภาพ ทำให้บรรยากาศแข็งกร้าวของวังน้ำแข็งดูนุ่มนวลลงทันทีที่เธอปรากฏตัว“ข้ามีหน้าที่นำอาหาร เครื่องใช้ และช่วยดูแลท่านระหว่างที่พักอยู่ที่นี่เจ้าค่ะ”เสี่ยวหน
วังน้ำแข็งเบื้องหน้าเงียบสงบเหมือนความฝันผนังน้ำแข็งใสราวกระจกสะท้อนแสงคริสตัลระยิบระยับ ดั่งหมื่นดวงดาวแขวนอยู่ในคืนหนาวแต่หัวใจของฉัน...กำลังเต้นสับสนและร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหลังจากส่งราเมนเสร็จ ฉันคิดว่างานจบแล้วแค่กดเปิดระบบ Omnibite แล้วกลับบ้านเหมือนทุกครั้งฉันกวาดนิ้วลงบนหน้าจอนาฬิกาอย่างคล่องแคล่วด้วยความเคยชิน ใจเฝ้าฝันถึงห้องเช่าอันคับแคบ ผ้าห่มขาด ๆ และกลิ่นกาแฟที่เก่าจนขมขื่นแต่...[Error: ไม่สามารถเชื่อมต่อมิติปกติ][ระบบเสียหาย: โปรดรอการรีเซ็ตพลังงานใน 7 วัน]ฉันกะพริบตาปริบ ๆมองข้อความนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับมันจะเปลี่ยนคำตอบได้ถ้าฉันจ้องนานพอ“...หา?”มือไม้เย็นเฉียบจนแทบไม่รู้ตัวฉันกดรีเซ็ต กดสแกน กดทุกอย่างที่จำได้จากคู่มือฉุกเฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไร...ข้อความเดิมก็ยังคงสว่างอยู่บนหน้าจอ[คุณติดอยู่ในโลกนี้ 7 วัน]“...ฉันติดอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?”เสียงตัวเองเบาเสียย