ก๊อก ๆ
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้หลับนานอย่างที่คาดไว้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นปลุกเธอตื่นจากภวังค์ หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันแต่วริษาก็ไม่คิดจะขานรับ เธอลุกขึ้นจากอ่างไปอาบน้ำอย่างปกติ
คงจะเป็นแม่บ้านสักคนที่มาตามเธอไปหาคนบ้านใหญ่ตามคำสั่ง ฉะนั้นก็รอไปก่อนแล้วกัน วันนี้เธอไม่พร้อมจะทำอะไรตามใจใครอีกแล้วทั้งนั้น
กว่าหญิงสาวจะอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จก็ใช้เวลากว่าสิบห้านาที ทำเอาคนที่รออยู่หน้าห้องถึงกับต้องยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วกระแทกลมหายใจหลายครั้ง จากนั้นจึงตัดสินใจไม่คิดจะรอต่อไปแล้ว
วริษาออกจากห้องแต่งตัวมาด้วยชุดเสื้อยืดคอวีสีขาวตัวบางแบบโอเวอร์ไซซ์ กับกางเกงขาสั้นสีขาว
ฉับพลันดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง เมื่อพบว่าบนเตียงของเธอมีชายหนุ่มร่างสูงกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงอย่างถือวิสาสะ
ขายาวไขว่ห้าง ความสูงของเขาเมื่อมาอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ของเธอ ขนาดเขานั่งขายังยาวเกือบจะถึงปลายเตียงอยู่แล้ว
“คุณศิ” เธอไม่ได้ตกใจถึงขั้นกรีดร้องโวยวาย หากหญิงสาวทำเพียงขมวดคิ้วแล้วถามเสียงขุ่นว่า...
“คุณเข้ามาได้ยังไง” เธอจำได้ว่าเธอล็อกประตูทุกครั้ง ที่นี่เป็นเซฟโซนเดียวเท่านั้น เธอไม่เคยเปิดมันมั่วซั่วตั้งแต่จำความได้
“ฉันเคาะแล้ว” แต่เธอไม่เปิดเอง ศิระพูดต่อในใจ ดวงตาคู่คมสบมองตาคู่สวยนิ่งนานก่อนจะไล่สำรวจเรือนร่างเพรียวสวย สูงยาวเข่าดี หุ่นราวกับซูเปอร์โมเดลแต่สะโพกเธออวบอัด
“เคาะ แต่ฉันยังไม่เปิดไง คุณเข้ามาได้ไงกัน อย่าบอกนะ ว่า...” วริษาหันไปมองทางหน้าต่างห้องที่เปิดอ้ากว้าง
แต่นี่มันชั้นสองของบ้าน !
“ฉันไม่พยายามขนาดนั้น” เขาไม่ปีนขึ้นบ้านใครให้เหนื่อยหรอก แค่มีดพกเล่มเดียวก็เปิดได้แล้ว ห้องนี้ระดับรักษาความปลอดภัยโคตรจะหละหลวม หลวมจนแปลกใจว่าคนอย่างท่านณรงค์ยอมให้ลูกสาวตัวเองมาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร
“ทำไมเธอถึงไม่อยู่บ้านใหญ่” ศิระถามคู่หมั้นหมาด ๆ อย่างที่สงสัย
“นี่บ้านคุณย่า” วริษาตอบเพียงเท่านั้นศิระก็พยักหน้าอย่างเหมือนจะเข้าใจ
คงติดย่าสินะ เรือนหลังนี้คุณหญิงนวลปรางท่านอาศัยมานานจนวันสุดท้ายของชีวิตเลยด้วยซ้ำ สมัยยังเด็กเขาเองก็เคยมากราบท่านตามประสาคนรู้จักกัน และเมื่อสิบกว่าปีก่อนเขาก็เคยมาที่นี่อีกสองสามครั้ง และทุกครั้งก็มักจะเจอเด็กผู้หญิงผิวคล้ำผอมกะหร่องผมหยิกหัวฟูที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานคนเล็กป้วนเปี้ยนพะเน้าพะนออยู่ใกล้กับคุณหญิงนวลปรางราวกับหมากฝรั่ง
ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเด็กมอมแมมคนนั้นจะโตมาเป็นคู่หมั้นจำเป็นของเขาในวันนี้
“สรุปคุณศิมาที่นี่มีธุระอะไรเหรอคะ” วริษาเลิกเซ้าซี้ถามว่าเขาเข้ามาได้อย่างไรเพราะเธอเหลือบไปเห็นประตูมีรอยงัดแงะจนลูกบิดหลุด
อยากจะกราดด่าแล้วแจ้งความเอาผิดเสียให้เข็ดแต่เธอไม่มีทางทำอะไรเขาได้ หญิงสาวสงบอารมณ์เดือดพล่านในใจแล้ว
“พี่สาวเธอหายหัวไปไหน” เสียงทุ้มราบเรียบเอ่ยถามราวกับไม่ได้ยี่หระ
“ฉันไม่รู้”
“โกหก!” ชายหนุ่มเสียงดังขึ้นอีกหนึ่งระดับ ก่อนจะลุกยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวแล้วคว้าแขนเรียวเสลาเอาไว้ข้างหนึ่ง
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เมื่อเห็นเขาเข้ามายืนประจันหน้าอย่างไม่ทันได้ตั้งรับ เธอไม่สามารถพอที่จะสลัดมือแข็งแรงราวกับคีมเหล็กของเขาออกไปได้
“หนีออกมาไวดีนี่” เขามองเหยียดเธอด้วยหางตาแล้วมุมปากก็หยักลึกเป็นรอยยิ้ม หากทว่ารอยยิ้มนั้นกลับให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกมากกว่าชวนหวั่นไหว แม้เขาจะดู... หล่อ สูง ล่ำ ลุคแบดบอยนิด ๆ มีอายุหน่อย ๆ เรียบนิ่ง กร้าวใจ แต่ก็ถือดีจนเธอนึกหมั่นไส้
“เป็นเธอก็ดีนะ ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา แต่สุดท้ายก็ได้ทุกอย่างไป”
“พูดอะไรของคุณ” วริษาชักไม่พอใจ ถือวิสาสะบุกรุกเข้ามาห้องเธอก็ทีหนึ่งแล้ว ยังมีหน้ามาต่อว่ากันอีก
ลอยตัวเหนือปัญหาห่าอะไรล่ะ พูดออกมาได้!
งานนี้เธอนี่แหละที่อยู่ต่ำสุดในห่วงโซ่อาหารเลยรู้ไว้! ส่วนคนที่ลอยตัวเหนือทุกอย่างจริง ๆ คือพี่สาวของเธอโน้น! คนรักของเขานั่นแหละ
“คุณศิ อย่า อ๊า!” จากเสียงห้ามกลับกลายเป็นเสียงครางเมื่อมือหยาบใหญ่บุกรุกมาที่กึ่งกลางกายสาวอย่างอุกอาจ ท้องนิ้วสากกดลงบนปุ่มกระสันอย่างชำนิชำนาญ แม้จะสัมผัสผ่านเนื้อผ้าลูกไม้ตัวบาง หากทว่าคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์อย่างเธอก็ตกใจมากและตั้งตัวไม่ทัน ขนอ่อนในกายสาวพาลลุกชันเธอปัดป้องเขาเท่าที่มีเรี่ยวแรงและสติมากพอจะทำได้ แต่ศิระก็ไม่สนคำทัดทานและสองมือเรียวที่ปัดป่ายแต่อย่างใด เขาแทบจะฉีกทึ้งเสื้อยืดตัวบางของเธอออกจากร่างสาว ความช่ำชองทำให้ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นวริษาก็แทบจะเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขาหญิงสาวยกสองแขนกอดอกปิดบังทรวงอกสร้างอวบใหญ่ แม้ไม่ได้ใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่มันพอดิบพอดีกับรูปร่าง ตั้งเต้าสวยมากจนคนมองกดยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจพอดีมาก พอดีกับมือเขานี่แหละ ปกติก็ดูดแค่หัว นมใหญ่ไปก็ใช้การอะไรไม่ค่อยได้“อย่านะคะคุณศิ” วริษาวอนขอเสียงอ่อน น้ำตาคลอเบ้า เธอมองเขาอย่างไม่เข้าใจ“ฉันแค่หมั้นกับคุณเพราะความจำเป็น ฉันถูกบังคับ ไม่ได้เต็มใจเลยคุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นน้องพี่ฟ้านะ”“เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้นวริษา” ใครมันจะมาบังคับคนอายุยี่สิบแปดที่ไอคิวสูงลิ่วมีดีกรีเป็นถึงแพทย์หญิงอ
“เชิญออกไปเถอะค่ะ นี่มันห้องส่วนตัว มันดูไม่ดีนะคะ มีอะไรไปคุยกันข้างนอกดีกว่า”“เข้ามาในห้องของคู่หมั้น... ไม่ได้?” ศิระเลิกคิ้วถามพลางค่อย ๆ เดินหน้ามาหาจนเธอต้องถอยหลังไปอย่างเลี่ยงไม่ได้เขาตัวสูงมากกว่า 180 หุ่นล่ำ ตัวใหญ่ กล้ามเนื้อหนั่นแน่นที่แม้แต่เสื้อก็ไม่อาจปกติได้ ดูกำยำสมกับเป็นชายชาติทหาร เป็นนักรบที่ผ่านมาแล้วแทบจะทุกหลักสูตรเลยก็ว่าได้ในตอนที่เขากดหน้าลงมองเธอที่อยู่ในระดับต่ำกว่า แม้วริษาจะสูงเกินมาตรฐานหญิงไทยส่วนใหญ่ รูปร่างเพรียวสวยในแบบที่สามารถเป็นซูเปอร์โมเดลได้สบาย หากทว่าออร่าและรังสีบางอย่างจากตัวเขาที่เปล่งประกายออกมากลับทำเอาเธอรู้สึกว่าตัวเองหดเล็กลง จนต้องแหงนคอมองแผ่นหลังบอบบางชนเข้ากับฝาผนังหินอ่อนเย็นเฉียบ แขนกำยำสองข้างก็ยกขึ้นมาค้ำยัน กักขังร่างของหญิงสาวเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน“ทำอะไรของคุณ” ญานิศาขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ“พี่สาวเธอทำแสบไว้มากเลยรู้ไหม”รู้สิ! เธอรู้ดีกว่าใคร!“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน” เขามองกันราวกับเธอเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก็ไม่ปาน “ฉันก็ตกเป็นผู้เสียหายเหมือนกันนะ”“เหรอ...” ศิระเอียงคอถามแล้วโน้มหน้าลงมาใกล้วริษาย่นคอถอยหนีแต่หัวก
ก๊อก ๆยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้หลับนานอย่างที่คาดไว้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นปลุกเธอตื่นจากภวังค์ หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันแต่วริษาก็ไม่คิดจะขานรับ เธอลุกขึ้นจากอ่างไปอาบน้ำอย่างปกติคงจะเป็นแม่บ้านสักคนที่มาตามเธอไปหาคนบ้านใหญ่ตามคำสั่ง ฉะนั้นก็รอไปก่อนแล้วกัน วันนี้เธอไม่พร้อมจะทำอะไรตามใจใครอีกแล้วทั้งนั้นกว่าหญิงสาวจะอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จก็ใช้เวลากว่าสิบห้านาที ทำเอาคนที่รออยู่หน้าห้องถึงกับต้องยกมือขึ้นเท้าสะเอวแล้วกระแทกลมหายใจหลายครั้ง จากนั้นจึงตัดสินใจไม่คิดจะรอต่อไปแล้ววริษาออกจากห้องแต่งตัวมาด้วยชุดเสื้อยืดคอวีสีขาวตัวบางแบบโอเวอร์ไซซ์ กับกางเกงขาสั้นสีขาวฉับพลันดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้าง เมื่อพบว่าบนเตียงของเธอมีชายหนุ่มร่างสูงกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงอย่างถือวิสาสะ ขายาวไขว่ห้าง ความสูงของเขาเมื่อมาอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ของเธอ ขนาดเขานั่งขายังยาวเกือบจะถึงปลายเตียงอยู่แล้ว“คุณศิ” เธอไม่ได้ตกใจถึงขั้นกรีดร้องโวยวาย หากหญิงสาวทำเพียงขมวดคิ้วแล้วถามเสียงขุ่นว่า...“คุณเข้ามาได้ยังไง” เธอจำได้ว่าเธอล็อกประตูทุกครั้ง ที่นี่เป็นเซฟโซนเดียวเท่านั้น เธอไม่เคยเปิดมันมั่วซั่วตั้งแต
พิธีหมั้นจบลงอย่างรวดเร็วในช่วงสาย และมื้อเที่ยงที่จัดเตรียมอาหารจากเชฟมิชลินชื่อดังไว้ต้อนรับก็แทบไม่มีใครอยากจะแตะมันด้วยซ้ำ เหล่าเจ้าภาพก็กระเดือกไม่ลง สุดท้ายแล้วเหล่าแขกเหรื่อผู้ทรงศักดิ์ในวงสังคมก็พากันแยกย้าย เหลือไว้เพียงคนของสองตระกูลเท่านั้น ส่วนเหล่าคนรับใช้และออแกไนซ์ที่มีหน้าที่มาเก็บงานกลับโดนไล่ตะเพิดกระจุยกระจายด้วยอารมณ์โทสะของท่านสันต์ ผู้นำตระกูลลีละวีระพันธุ์“พวกคุณทำแบบนี้ หักหน้าตระกูลเราชัด ๆ” ท่านสันต์ผู้ทรงอิทธิพล อดีต ผบตร.เก่าเพิ่งทราบว่าจะมีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก่อนหน้างานจะเริ่มแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น“ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะท่าน เห็นรักกันอยู่ดี ๆ ใครจะคิดว่ายายฟ้าจะหายหัวไป” ณรงค์หันไปมองว่าที่ลูกเขยด้วยสายตาขุ่นเคืองแล้วเอ่ยถาม“ก่อนหน้านี้ทะเลาะอะไรกับน้องหรือเปล่าศิ ยายฝนถึงได้หนีไปแบบนี้ มีปัญหากันรึไง” แม้จะมองอย่างตำหนิ หากคำพูดก็ระมัดระวังอยู่ในที ศิระไม่ใช่คนที่ใครจะจิกหัวอย่างไรก็ได้คนเป็นว่าที่พ่อตาพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยของเนื้อความในจดหมายจนมิด ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นความผิดของลูกสาวเพียงผู้เดียว อย่างน้อยหากเป็นความผิดร่วมกันของสองหนุ่มสาวแ
ณรงค์เอ่ยพลางยกมือลูบหัวลูกสาวเบา ๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นห้อง โล่งใจไปหนึ่งเปราะ ไม่สนเสียงหวีดร้องอย่างโกรธเคืองของคนเป็นเมียและไม่สนความสมัครใจของบุตรสาวคนเล็กว่าเธอจะเต็มใจทำไหม“พ่อคะ!” อะไรกัน มาบอกว่าให้เธอเข้าพิธีหมั้นแทนพี่สาวพรุ่งนี้เนี่ยนะ! กับแฟนพี่ บ้าไปแล้วหรือยังไง!ยิ่งกว่าบทละครน้ำเน่าที่เคยดูกับคุณย่าตอนเด็ก ๆ เสียอีก ตอนนั้นดูไปยังเบ้ปากไป หากก็ไม่เคยคาดฝันว่า ณ ปัจจุบันชีวิตต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ บ้าชะมัดหญิงสาวหันกลับไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าแม่ที่นั่งอยู่ที่เดิมหลังจากกรีดร้องขึ้นมาเหมือนตบะแตก แต่เพียงไม่กี่นาทีใบหน้าสวยก็กลับมาปกติดังเก่าเย่อหยิ่งและถือดีเป็นปกติหากวริษารู้ดีว่าท่านกำลังน้ำตาตกในแม้ใบหน้าที่ยังสะสวยอ่อนเยาว์กว่าอายุจะไร้น้ำสีใสไหลริน ขนาดร้องไห้ยังไร้น้ำตา เชิดหน้าชูคอดุจนางพญาหงส์ ท่านยกปลายนิ้วเรียวสวยขึ้นกรีดตรงมุมหางตา กะพริบตาเบา ๆ ไล่หยาดน้ำแห่งความอ่อนแอแสนไร้ค่า ก่อนมันจะไหลลงมาให้ใครได้เห็น แล้วนางพญาหงส์ก็ผ่อนลมหายใจแผ่วเบาก่อนจะกลับมายืนไหล่ตั้งหลังตรงอีกครั้งท่านพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เป็นเสียงประกาศิตทรงพลังที่ทำใ
@เหตุการณ์เมื่อวาน...วริษาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังปึงปังจากนอกตัวบ้านผ่านหน้าต่างเข้ามา หากทว่าเธอก็ยังมีกะจิตกะใจลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่สนจะออกไปดูที่มาของเสียงพวกนั้น เพราะมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งเสียงดังมาจากบ้านข้าง ๆ แม้กว่าจะลอยผ่านลมมาเข้าหูเธอได้ก็ต้องเดินทางผ่านอากาศ หากกระนั้นความเงียบสงบของบ้านหลังเล็ก ๆ ของเธอก็ทำให้พอจะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายพวกนั้นหญิงสาวกดมุมปากเป็นรูปสระอิเบา ๆ อย่างเย้ยหยัน ขึ้นชื่อว่าบ้านผู้ดีมีตระกูลแต่ใครจะรู้ดีไปกว่าคนวงใน ว่าความจริงแล้วสันดานเน่าเฟะกันแค่ไหนแต่จนแล้วจนรอดคนที่เพิ่งใช้เวลาขัดสีฉวีวรรณตัวเองแล้วแช่น้ำอุ่นอยู่ราวชั่วโมงเศษก็ต้องขมวดหัวคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วแต่ก็ยังได้ยินเสียงปึงปังไม่หยุดหย่อน ล่าสุดมันดังอยู่ที่ประตูห้องเธอปึง ๆ ๆ ๆ“คุณฝน! คุณฝน! คุณหญิงให้มาตามค่ะ ได้ยินไหม!”“ตายหรือยังเถอะ เรียกกันคอแทบแตก” เสียงตะโกนเรียกจากสาวใช้ที่ไม่ได้ต่างจากคำก่นด่ากลาย ๆ ตามด้วยคำถามที่ราวกับเป็นคำสาปแช่งดังขึ้นทำเอาวริษาต้องกระแทกลมหายใจ หากกระนั้นก็ยังต้องรีบแต่งตัวให้เสร็จอย่างไวเสียงของหัวหน้าแม่บ้าน คนสนิทที่สุดข