แผนการที่วางไว้รัดกุมไม่น้อยยากที่ชงไฉ่องค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนจะคาดเดาได้เหอหยวนเดินออกจากตำหนักของจิวซินจนลับตาจิวซินรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ยินเช่นไรถึงเรียกว่าในเหอตงหยวนแห่งนี้ใครกล้านินทาว่าร้ายองค์หญิงรอง“ชงไฉ่ยิ้มแย้มสมใจคิดว่าอย่างไรเสียต้องเปิดเผยโฉมหน้าของจิวซินให้ได้“เห็นไหมเล่าทุกอย่างช่างเป็นใจเหลือเกินเจ้ากับข้าเราสองต้องได้ทำความคุ้นเคยกันมากกว่าจริงเหอจิวซิน”“องค์ชายคิดว่าอย่างไรจิวซินคงไม่มีทางเลือกหรือคิดว่าอย่างไรเสียจิวซินก็เป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ แต่องค์ชายลองทบทวนดูเถิดว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกไก่ในกำมือที่นี่เหอตงหยวนหาใช่ไห่ตงหยวนที่องค์ชายเป็นถึงองค์รัชทายาทไม่” ชงไฉ่หาได้สนใจคำกล่าวของจิวซินไม่ยังคงมองดูจิวซินที่สารวนอยู่กับการดึงผ้าปิดปากปิดจมูกให้แน่นขึ้นกว่าเดิม เขาต้องรู้ให้ได้ว่าภายใต้ผ้าแพรผืนนั้นใบหน้าที่ซ่อนอยู่จะงดงามหรืออัปลักษณ์เพียงใด“คำพูดของเจ้าอันไหนจริงอันไหนเท็จข้าชงไฉ่ไม่อาจแยกแยะ”“เช่นนั้นจงรู้ไว้เถิดว่าข้าจิวซินคนนี้ไม่ใช่ลูกไก่”“ข้ากลับไปคราวนี้เห็นทีต้องทูลขอเสด็จพ่อประทานอนุญาตให้ส่งเกี้ยวมารับตัวเจ้าไปดัดนิสัยในตำหนักชงหยวนเสียทีเ
“ข้าคิดว่าควรจะค่อยเป็นค่อยไปกับองค์หญิงดีกว่าเมื่อถึงเวลาที่องค์หญิงแต่งกับข้าชงไฉ่ไปแล้วข้าเห็นที่ต้องสั่งสอนว่าฝ่ามือนุ่มๆ ขององค์หญิงมันใช้ลูบไล้ให้คนเป็นสามีเท่านั้นมิใช่มีไว้แสดงว่าองค์หญิงมีวรยุทธ์” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นจิวซินดึงผ้าแพรออกจากในหน้าสวยด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองโมโหตัวเองทีเสียทีให้กับชงไฉ่ เผยให้เห็นใบหน้าหวานสวยจนไร้ที่ติปากคอคิ้วคางที่รับกับใบหน้าและเครื่องสำอางที่แต่งแต้ม ขย้ำผ้าแพรปาทิ้งด้วยความหงุดหงิดยังไม่ทันให้เขาได้รู้ว่าเหอตงหยวนมีเคล็ดวิชาที่น่ากลัวเพียงใดกับโดนเขาย้อนรอยกอดรัดไม่เป็นท่าและที่น่าโมโหกว่านั้นคือจิวซินรู้สึกอบอุ่นในอ้อมกอดของเขาแม่ปากจะปฏิเสธแต่ใจเจ้ากรรมกลับบอกว่าอยากลิ้มลองมากกว่านั้นเลือดสาวซูบฉีดจนน่ากลัวไม่สิเขามีชายาออกมากมายคงทำไปเพราะความเคยชินไม่ได้รู้สึกกับจิวซินพิเศษอย่างสัมผัสของเขาจิวซินบอกตัวเองไม่ให้หลงเตลิดไปกับสัมผัสอ่อนโยนนั้น คิดวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้เขาไม่ชอบจิวซินจนถึงกับต้องถอนหมั้นเพื่อยุติเรื่องราววุ่นวายต่างๆ ให้จบสิ้นไปอากาศข้างนอกหนาวเหน็บจิวซินเผลอหลับใหลภายใต้อากาศเย็นยะเยือกจิวซิน ฟุบหน้าลงบนโต๊ะผมยาวสลวยบดบังใบหน้
นอนกอดอกแน่นไม่กล้ากระดิกตัวกลัวว่าจิวซินจะสะดุ้งตื่นอากาศหนาวช่างหนาวเหน็บแผลที่อกสร้างความเจ็บปวดแต่ใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะ เผลอหลับไปกอดก่ายร่างบางของจิวซิน หลับใหลในนิทรารมด้วยความสุขสม เมื่อสำนึกได้ว่าคนที่ข้างเคียงกายนั้นเหมือนเป็นคนที่ตามหามาแสนนาน ฝันดีจิวซินจิวซินตื่นขึ้นมาบนแท่นนอนอบอุ่น ข้างกันนั้นชงไฉ่ใช้แขนแข็งแรงกอดรัดไว้เหมือนกลัวว่าจิวซินจะจากไป จิวซินนอนนิ่งไม่กล้าขยับตัวลำดับเหตุการณ์ว่าเมื่อคืนนอนอยู่เบื้องล่างแล้วเหตุไฉนขึ้นมานอนร่วมเตียงกับชงไฉ่ได้เสี่ยวถังเข้ามาในห้องพร้อมกับอาภรณ์ชุดใหม่สำหรับจิวซินเปิดประตุเข้ามาด้วยความเคยชิน“องค์หญิงตื่นหรือยัง” อ้าปากค้างกับภาพตรงหน้ารีบถอยออกไปทันทีวิ่งกลับเข้ามาวางอาภรณ์ไว้บนโต๊ะชงไฉ่บิดขี้เกียจหันมองรอบตัว สายตาประสานเข้ากับสายตาของจิวซินที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่กล้าขยับตัวชงแอมยิ้มใช้แขนข้างที่ที่วางดึงร่างบางเข้ามาซบอกกว้าง“หลับสบายไหมเหอจิวซิน” จิวซินไม่เอ่ยคำใด“เชื่อเถอะภายใต้อ้อมแขนของข้าชงไฉ่อบอุ่นยามเจ้าต้องการผ้าห่มคลุมกาย”“ไม่ใช่ข้าเหอจิวซินที่จะต้องการผ้าห่มของคนอื่น”“เช่นนั้นเรามาพิสูจน์กันภายใต้อ
ชงไฉ่ กำร่มในมือของจิวซินใช้มือของเขากำมือจิวซินแน่นจิวซินพยายามดึงมือออกแต่ชงกับกำมันไว้แน่นมือเล็กเย็นเฉียบฝามือของชงไฉ่กลับอบอุ่นอย่างประหลาด เงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่มองอย่างมีความหมายลึกซึ้งจิวซินหลบตาวุ่นวายด้วยความเขินอายเสี่ยวถังอมยิ้มก้มหน้ามองพื้น“ไปได้หรือยังองค์หญิง” เสียงอ่อนโยนจนจิวซินสัมผัสได้ออกเดินนำไปทันทีดอกไม้สองข้างทางถูกหิมะเกาะจนกลีบซ้ำจิวซินเฝ้ามองด้วยความเสียดายแต่ก็นับว่ายังเหลือความงดงามอยู่มากทีเดียววังหลัง ฮองเฮานั่งกึ่งนอนในด้วยท่าทีผ่อนคลายข้างๆ กันนั้นหญิงงามนามหลิงเหอนั่งเคียงข้างยกแก้วน้ำชายื่นส่งให้อย่างเอาใจ“จิวซินถวายพระพรฮองเฮา” หลิงเหอเหลือบตามองจิวซินเพียงข้ามผ่านก่อนที่สายตาจะสะดุดลงบนใบหน้าหล่อเหลาของชงไฉ่รอยยิ้มหวานหยดผุดขึ้นที่มุมปากชงเพียงแต่ปลาตามองเพียงแวบเดียวตามมารยาท“ไห่ชงไฉ่ถวายพระพรฮองเฮา” ฮองเฮาลุกขึ้นนั่งจ้องมองชงไฉ่แบบเต็มตา“องค์รัชทายาทช่างสง่างามสมคำร่ำลืออีกไม่นานเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ที่งดงามไม่แพ้ไห่หยวนฮ่องเต้เป็นแน่..หลิงเหอยกน้ำชาให้องค์รัชทายาท” หลิงเหอหงายถ้วยน้ำชารินน้ำชาลงถ้วยด้วยท่าทีนอบน้อม รอยยิ้มแย้มที่ฉาบทานั้น
ชงไฉ่อยู่ในภาวะสงสารจับใจยามนี้แม้ฟ้าที่มัวหม่นเช่นนี้ยังไม่อาจเทียบได้กับความเศร้าสลดภายในจิตใจ“หากเจ้าคิดหวังปลดเปลื้องทุกอย่างให้หลุดพ้นไม่อาจกระทำได้” ชงไฉ่เอ่ยคำปลอบใจ“พสุธาแม้กว้างใหญ่ไพศาลแต่ไม่มีที่ให้ยืนหยัดทรงกาย” จิวซินน้ำเสียเศร้าสร้อย“ความสุขมักหลบซ่อนอยู่หลังฉากความอ้างว้างหากเจ้าหันมองรอบกายใยจะอ้างว้างอีกในเมื่อ...มีข้าไห่ชงไฉ่” จิวซินหลับตาลงช้าๆ“ข้าจิวซินไม่เคยคิดเกาะกุมหัวใจบุรุษ” ชงไฉ่อยากตวัดอ้อมแขนรัดรอบกายจิวซินแต่ไม่อาจทำคว้ามือบางมากุมไว้แน่นใบหลิวระเรี่ยลงลู่ลมลงบนผิวน้ำเย็นยะเยือก“เจ้าบางครั้งก็มองโลกให้อยู่ในความโศกเศร้าบางครั้งก็มองโลกให้อยู่ในความสุขได้ไม่มีบิดพลิ้ว ยามที่มองโลกเป็นสุขข้าชงไฉ่เลื่อมใสยิ่งนัก”“ยามเมื่อท่านตึงเครียดเกินไป หากสามารถหลีกหนีสักคราก็ไม่เลว” จิวซินควบม้าทะยานสู่ทุ่งหญ้าเขียวขจีนำหน้าชงไฉ่ไปชงไฉ่กระตุกบังเหียนม้าให้ตามไป“เนื่องด้วยปัญหามิใช่จะคลี่คลายโดยการหลีกหนีด้านเดียว เจ้าอาจพักผ่อนได้ระหว่างหลบหนีแต่ห้ามตายระหว่างหลบหนี” ชงไฉ่ตะโกนไล่หลังจิวซิน“คารวะพ่อบุญธรรม” รอยยิ้มอ่อนโยนที่พยายามเสแสร้งให้ออกมานั้นไม่น่ามองนั
“ก็นั่นอย่างไรล่ะข้าเห็นสหายท่านจากไปเมื่อครู่” จิ่นเกอส่ายหัวระอากับความคิดของเจียวซืออยากจะบอกเหลือเกินว่าเป็นเพราะเจียวซือจิ่นฉินถึงหนีไป“เสี่ยวเอ้อยกสุราอาหารมา” องค์หญิงสิบสี่ตะโกนลั่นร้านถือวิสาสะนั่งลงแทนที่จิ่นฉินจิ่นเกอไม่อาจปฏิเสธจำต้องนั่งอยู่ตรงนั้นไม่อาจลุกหนีไปได้ใจหนึ่งรู้สึกรำคาญเจียวซือแต่อีกใจกลับนึกสงสารว่าทำไมองค์หญิงต้องลงทุนมาขอบคุณเขาด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเคยช่วยเหลือองค์หญิงสิบสี่ของไห่ตงหยวน ด้วยกิตติศัพท์ที่เคยได้ยินมาว่าองค์หญิงเพียงคนเดียวของไห่ตงหยวนที่ เป็นคนเอาแต่ใจและถูกตามใจจนเคยตัว ทำให้เขามีอคติกับเจียวซือตั้งแต่ยังไม่พบหน้าและเมื่อลู่ชิงเข้ามาในชีวิต หญิงงามที่เพียบพร้อมอ่อนหวานช่างเอาใจเขาพร้อมขัดบัญชา พาลู่ชิงหนีไปใช้ชีวิตสันโดษแต่ในเมื่อจิวซิน กลับไม่ยอมให้เรื่องที่เขาก่อขึ้นเป็นชนวนเหตุทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงในฐานะพี่ชายเขาจำเป็นต้องมาที่นี่และพบกับคู่หมั้นที่เขาไม่เคยคิดจะใกล้ชิดด้วยเจียวซือรินสุราลงถ้วยใบเล็กทั้งของตนเองและของจิ่นเกอ ยกขึ้นเบื้องหน้า สาวใช้ดึงมือไว้ไม่ยอมให้ดื่มเจียวซือหันไปทำตาดุ“เจียวซือคารวะคุณชายหนึ่งจอ
“ท่านไม่เพียงปฏิเสธไมตรียังไม่มีแม้สักนิดที่จะอ่อนข้อให้กับข้า” เจียวซือตัดพ้อ“เมามายเพียงนี้กลับวังหลวงเถิดข้าไปส่งองค์หญิงเอง” น้ำเสียงปลอบประโลม“ท่านต้องสัญญาว่าจะมาพบข้าเมื่อข้าต้องการพบท่าน” จิ่นเกอหลับตาลงส่ายหน้าระอาใจเขาไม่เพียงแต่จะใจอ่อนแล้วเท่านั้นยังรู้สึกว่าองค์หญิงสิบสี่คนนี้ ช่างต่างจากหลายคนที่เขารู้จักแม้กระทั่งลู่ชิงที่เอาแต่ตามใจเขา อ่อนหวานงดงามไม่มีแม้สักนิดที่จะต่อรองหรือยื่นข้อเสนอแขนเรียวยกโอบรอบลำคอจิ่นเกอ จิ่นเกอพยายามแกะมือออก“ตกลงข้าตามใจองค์หญิงหากธุระใดให้คนส่งข่าวข้าพร้อมไปพบองค์หญิงทุกเมื่อ” เจียวซือยิ้มหน้าบาน ลู่ชิงยืนอยู่ ณ.มุมหนึ่งเฝ้ามองจิ่นเกอและเจียวซือด้วยความรู้สึกบาดลึกในจิตใจจิวซินเหนี่ยวคันธนูจนโค้งงอสุดกำลังลูกดอกพุ่งออกจากเป้ายังไก่ป่าตัวใหญ่ที่กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารกิน แม่นเหมือนจับวางไก่ตัวใหญ่ดิ้นทุรนทุรายสักพักก็สิ้นฤทธิ์ชงไฉ่ปรบมือดังสนั่น นึกทึ่งในความสามารถของจิวซินว่าช่างไม่แตกต่างจากทจิ่นเกอที่เขารู้จักจิ่นเกอคงจะฝึกฝนการแม่นธนูให้จิวซินเป็นแน่“ไม่น่าเชื่อเจ้าสองคนพี่น้องช่างมีความเหมือนอย่างประหลาด” จิวซินสะดุ้งกับคำพูดของช
“ข้าไม่สนใจแล้วว่าน่าตาเจ้าจะอัปลักษณ์เพียงใดขอเพียง...เจ้ามีใจให้กับข้าได้ไหมจิวซิน” จิวซินกัดฟันแน่นความน้อยใจขึ้นมาจุกอยู่ที่อกชงไฉ่เห็นเพียงจิวซินเป็นตัวแทนของ..ไม่สิ มันคือความในใจหรือคำสารภาพรักขององค์ชายสิบสองผู้นี้ความจริงจิวซินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชงไฉ่คิดอย่างไรกับจิ่นเกอในตำหนักบูรพาคนนั้นแม้จะไม่จงเกลียดจงชังเหมือนเมื่อแรกพบแต่ก็ไม่อาจรู้ใจได้ ความน้อยใจกลายเป็นความปลาบปลื้ม“องค์ชายรู้จักกับจิวซินได้ไม่นานจะแน่ใจขนาดนั้นรู้ใจตัวเองเพียงนั้นเชียวหรือไม่แน่อาจเป็นเพียงความมากรักขององค์ชาย”“ข้า...อาจเห็นเจ้าเป็นตัวแทนของจิ่นเกอคนนั้นจริงและชมชอบหญิงงามแต่เชื่อเถอะจิวซินว่าใจของข้าบัดนี้ไม่อาจไม่แยแสเจ้าได้แล้ว”“เช่นนั้นองค์ชายจงไปก่อกองไฟให้ข้าองค์หญิงรอง” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยรู้สึกว่าใจดวงน้อยเริ่มสั่นไหวกับคำพูดของชงไฉ่ ผลักอกชงไฉ่ออกห่างตัวผุดลุกขึ้นคว้าไก่ป่าวิ่งไปที่ลำธารชงไฉ่นั่งมองเมฆบนฟ้าที่ไหลเรื่อยไปตามสายลม“การกระทำผิดในสภาพที่ไม่อาจต่อต้านขัดขืนความผิดพลาดในรักครั้งนี้นับเป็นความผิดพลาดหรือไม่”ชงไฉ่รำพึงกับตัวเอง มองดูจิวซินในชุดสวยพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ
“ข้ามาลาท่านทั้งสอง บัดนี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยกงกง ถูกตัดสินโทษประหาร ขุนนางทั้งหลายสวามิภักดิ์กับฝ่าบาทอย่างจริงใจ ขุนนางนอกลู่นอกทางถูกกำจัด ฮุยเจินไม่ใช่พี่ห้าฮุยโม๋ที่จากไปไร้คำล่ำลา” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบาง“น้องสิบสามเจ้าช่างเหน็บพี่ห้าหากเขายังอยู่ที่นี่ไม่สู้เจ้าต้องโดนฝ่ามือซัดเข้าเป็นแน่”“ฝ่าบาท และฮองเฮา ฮุยเจินขอให้ท่านทั้งสองครองคู่กันตราบนิรันดร์มีองค์ชายน้อยเมื่อไหร่ส่งข่าวให้ ข้าทราบด้วย” ชงไฉ่ประคอง จิวซินให้หันหน้าไปทางฮุยเจิน“เจ้าสิบสามเจ้าดูสะใภ้ เจ้าสิ เอาแต่เมินเฉยไม่สดใสเช่นนี้นางจะมีแก่ใจมีประสูติกาลองค์ชายน้อยให้ข้าหรือ”“ฮุยเจินเชื่อว่าท่านทั้งสองเพียงแค่ใกล้ชิดกันอีกไม่นานเหกินรอ จริงไหมพี่สะใภ้”จิวซินยิ้ม“ข้าขอเวลาลืมเรื่องเจ็บช้ำทั้งหมดที่ไม่อาจปล่อยวางรวมทั้งเรื่องของเสด็จพ่อ และเหอตงหยวน”“หลายอย่างแม้จะขุ่นเคืองแม้จะยังไม่เข้าใจแต่อีกไม่นาน ข้าเชื่อว่าด้วยความจริงใจและความรักที่ฝ่าบาทมีต่อพี่สะใภ้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย”“ข้าต่อแต่นี้สัญญาว่าจะดูแลและรักเจ้า เพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าเสียไป” สบตาจิวซินนิ่งไม่สนใจว่าฮุยเจินอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฮุยเ
กงกงเฒ่าแสยะยิ้มน่าเกลียด“ดีดีฝ่าบาท พระทัยกว้างดั่งแม่น้ำ เช่นนั้นแล้วข้ากงกงคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกแล้ว” กระชากผมของจิวซินให้ลุกขึ้นจิวซินกัดฟันแน่นแม้จะรู้สึกเจ็บปวด จินฉิ่นและชงไฉ่สะอึกเข้าใส่“ไม่มีเหตุผลใด ที่ข้าจะปล่อยนางไปรวมทั้งฝ่าบาทและเจ้า” ชี้มือไปที่จินฉิ่น“เจ้าคนทรยศ” มีดสั้นถูกจ่อที่คอหอยของจิวซิน“กงกงท่านปล่อยนางเสีย ข้าพร้อมแล้ว” จินฉิ่นปาดกระบี่คมกริบลงบนคอของตัวเองอย่างไม่รอช้า ชงไฉ่ถลาเข้าแย่งกระบี่เสียงอึกอักแววตาเศร้าสร้อยเหลือบมองจิวซินชึ่งบัดนี้ดิ้นรนสะบัดตัวพร้อมกับเสียงร้องห้ามไม่ให้จินฉิ่นทำเรื่องที่คาดไม่ถึง” กงกงปล่อยจิวซินลงไปกองกับพื้นจิวซินทรุดตัวลงข้างจินฉิ่นที่นอนนิ่งส่งเสียงอึกอักฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาร่วงรินจากดวงตาของจิวซินเป็นสายจินฉิ่นฝืนยิ้ม“องค์หญิงจินฉิ่นผิดจนไม่อาจอภัย อยุ่ข้างกายท่านเพื่อคอยส่งข่าวคราวให้กับกงกงความผิดนี้มีเพียงโทษตายเท่านั้น”“ไม่ไม่ไม่ ข้าแทบไม่เหลือใครแล้วท่านยังทิ้งข้าได้ลงคอ”“องค์หญิงมีฝ่าบาทมี จิ่นเกอพี่ใหญ่ของท่าน ฮุยโม๋และฮุยเจินที่รักหวังดีกับท่านความเจ็บปวดและแค้นเคืองใดใดขององค์หญิงของให้ตายไปกับจินฉิ่น ข้ารู้ด
“ท่านประเมินเราต่ำไปหรือเปล่า” กงกงเฒ่าขมวดคิ้วองครักษ์ที่เคยภักดีบัดนี้กลับแปรพักตร์ ล้อมกรอบใกล้ชงเข้ามาเรื่อยๆ บุรุษร่างกายกำยำกระชากลากถูร่างหนึ่ง เข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าชงไฉ่ เขม่นมอง จิวซินอ้าปากค้างนึกสงสารเยว่ฉีขึ้นมาทันใด เยว่ฉีที่ถูกปิดปากสนิทไม่ให้ส่งเสียงกงกงเฒ่าแสยะยิ้มกระชากผม เยว่ฉีให้เงยหน้า“ฝ่าบาท พระชายาที่ฝ่าบาทลืมเลือนที่ฝ่าบาทไม่ต้องการข้ากงกงอาสาจัดการนางให้แล้วขอเพียงฝ่าบาท มอบบัลลังก์สูงส่งของไห่ตงหยวนแก่ข้า” เยว่ฉีน้ำตาไหลพราก มองชงไฉ่ด้วยความรู้สึกเจ็บซ้ำ“เจ้าก็รู้ว่าข้าชงไฉ่ไม่เคยมีใจให้นางมาก่อน” ขอเพียงถ่วงเวลาไว้ก่อนแม้ไม่มีใจก็ใช่เขาต้องการให้นางตายแต่ช้าไปเสียแล้วมีดสั้นคมกริบในมือตวัดเพียงสายลมผ่าน เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากลำคองามระหงไร้การร่ำลาใดใดจากเยว์ฉี ชงไฉ่เบิกตาโพลงคาดไม่ถึงว่ากงกงเฒ่าจะกล้าลงมือทั้งๆ ที่เลี้ยงดูเยว่ฉีมาแต่เล็ก เยว่ฉีทรุดกายลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลรินชงไฉ่ซ้อนร่างของเยว่ฉีไว้ จิวซินเผลอตัวลุกขึ้นผลักกงกงเฒ่าเต็มแรงจนเซทรุดลงไป ดีที่องครักษ์ชั่วหลายคนรับไว้ทันมือสั่นเทาด้วยความโกรธชี้หน้าจิวซิน“จับนางไว้ ข้าจะให้นางไ
สวมกอดอีกครั้งทว่าครั้งนี้หยาดน้ำตานองหน้าคราวนี้ชงไฉ่ไม่แกะมือออก“เจ้าไม่คู่ควรกับหัวใจรักของข้าในเมื่อทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนทำไปด้วยความริษยาและเห็นแก่ตัว”“ฝ่าบาทยังไม่ตอบหากเยว่ฉี....หายไป”“หากเจ้าหายไป ในหัวใจข้าไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ข้า...ไม่เคยรู้สึกอะไร” เยว่ฉีหยุดสะอื้นไห้ประเมินคำตอบที่ได้รับผิดไป ผู้คนบางคนเขาดีกับเราเพียงแค่ เขาเป็นคนดีหาใช่เขารู้สึกดีกับเราไม่“ปล่อยข้าเถิดเยว่ฉี ในเมื่อข้าไม่มีใจให้เจ้าเหตุใดต้องเหนี่ยวรั้งข้าให้หัวใจเจ้าเจ็บปวด” คราวนี้เยว่ฉีกับสะอื้นหนักกว่าเดิมชงไฉ่ยกมือขึ้นโอบไหล่เยว่ฉี“ข้าไม่กล่าวโทษไม่ตำหนิไม่ลงโทษเพียงแค่เจ้า หยุดคาดหวังในตัวข้า...หยุดรอ...หยุดทำทุกอย่างเพื่อให้ข้าไม่พอใจมากไปกว่านี้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าจะปล่อยมันไปกับความทรงจำที่หายไป” จิวซินเดินเลาะเลีบยออกมาข้างนอกมือข้างหนึ่งชูขึ้นรองรับเกล็ดหิมะบางเบามือบางสีแดงระเรื่อด้วยความหนาวเย็น เสื้อคลุมสีงาช้างงดงามขับผิวนวล บรรยากาศรอบตัวแม้ชวนให้ล่องลอยทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าชงไฉ่โอบกอดเยว่ฉีที่สะอื้นไห้กับทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ไม่มีวาจาใดใดหลุดออกมามีเพียงการหันหลังเดินกลับไปยังท
"ไม่ช้าเจ้าก็จะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ข้าทำ หาใช่การจงใจไม่แต่เป็นเพียงความโง่งมที่ไร้ซึ่งเจ้าคอยบงการ"ชงไฉ่ไม่อาจหลีกหนีคำว่า ผิดต่อจิวซินไปได้ก็ในเมื่อเขาเองที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในวังวนของความทุกข์จนเปิดโอกาสให้เยว่ฉีสามารถทำให้เขาตกเป็นทาสของพิษลืมเลือนได้อย่างไม่ยากอาภรณ์บุรุษของจิวซินที่เขาเก็บไว้อย่างดีถูกเยว่ฉีนำไปเผาทำลายความคับแค้นใจนี้ชงไฉ่ไม่อาจให้อภัยเป็นสามีภรรยยากันเจ็ดชาติต้องรอถึงอีกร้อยปีกว่าจะได้เป็นภรรยากันอีกครั้งชงไฉ่คิดว่าเขากับเยว่ฉีหมดวาสนาต่อกันแล้ว คงต้องรออีกร้อยปีถึงจะกลับมาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้งเรียกว่าสิ้นรักหรือไร? ....หรือว่าเขาไม่เคยรักนางความรักกับหลงต่างกันอย่างไรความหลงอยากครอบครองยึดเหนี่ยวเป็นเจ้าของ ไม่สนใจคำห้ามปรามหรือทัดทานหากความรักคือการ ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นสุขและอยากเห็นรอยยิ้มของคนที่รัก รอยยิ้มนั้นย่อมทำให้เขามีความสุขความรักคือการ ทนรอคอยแม้เขาไม่แยแส ความรักทำให้โลกที่หม่นเศร้าสดใส ความรักทำให้ใบหน้าอมทุกข์กลับกลายเปี่ยมสุขในชั่วพริบตาความรักไม่อาจบรรยายได้ภายในเวลาอันสั้นหากแต่เขารับรู้ว่ามันมากมายจนคณานับได้ท่วมท้นอยู
“ไม่ไม่ไม่..ไม่ ข้าคือเลี่ยงเฟิ่งที่สามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเอง....ไม่ใช่จิวซิน” ลืมตาตื่นเวลาดึกสงัดชงไฉ่ฟุบหน้าข้างๆ แท่นนอนกุมมือของจิวซินไว้แน่น อากาศข้างนอกหนาวเหน็บชงไฉ่ขยับตัวกอดอกด้วยความหนาวลืมตามองจิวซิน“เจ้าได้สติแล้ว” ชงไฉ่ลนลานรินชาใส่ถ้วย พยุงจิวซินลุกขึ้น จ่อถ้วยชาที่ริมฝีปากจิวซินเหลือบตามองก่อนจะจิบชาช้าๆ ชงไฉ่ยิ้มใช้มือปัดเส้นผมที่ลงมาละใบหน้างาม“นอนไปเสียนานจนข้าใจหายว่าเจ้าจะไม่ฟื้น จิวซินยังคงนิ่ง“เจ้ารู้ไหม ฟู่โม๋ติดตามมาที่นี่เพื่อ มาหาเจ้าโดยเฉพาะ” แววตาเป็นประกายตื่นเต้นชงไฉ่หลุบตามองพื้นรู้สึกน้อยใจ“ฟู่โม๋อยู่ที่ไหน ฟู่โม๋แต่เดิมเป็นคนของไห่ตงหยวนบัดนี้เมื่อเจ้าไม่สบายเขากำลังต้มยาให้เจ้าอยู่” จิวซินพยักหน้าชงไฉ่คิดถึงคำพูดของฮุยโม๋ที่ให้เขาปิดบังตัวตนของฮุยโม๋เพื่อว่าจะได้ขุดรากถอนโคนขันทีเฒ่าที่มีอำนาจล้นมือในตอนนี้และค่อยๆ พยายามฟื้นความทรงจำของจิวซินไปพร้อมกับยาของฮุ่ยโม๋“ฟู่โม๋ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จะคิดค้นยาถอนพิษชนิดต่างๆ โดยที่ฮุยเจินคอยสนับสนุน เราอยู่ที่เหอตงหยวนแม้จะไม่สบายนักแต่ว่าก็มีสุขไม่น้อยสหายแสนดีอย่างฮุยเจิน คอยสนับสนุนเราสองคนทุกอ
“ฝ่าบาทหยู่เยียนอยู่ที่นี่แล้ว” ชงไฉ่ลืมตาขึ้นขึ้นช้าๆ จ้องมองหยู่เยียน ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งดึงมือออกจาการเกาะกุม หยู่เยียนตกใจ“เจ้าเป็นใครชิงซา นำนางออกไป” เสียงประตูเปิดออกตามแรงตวาดของชงไฉ่ที่บงบอกอารมณ์ว่าโมโห ชิงซาลนลานเข้ามาข้างในเมื่อเห็นว่าหยู่เยียนอยู่ตรงนั้นก็คุกเข่าลงทันที“ฝ่าบาทข้าน้อยสมควรตาย”“นำนางออกไปเดี๋ยวนี้”“นางผิดอะไรอย่างรังแกนางอีกเลย” เลี่ยงเฟิ่งปกป้องหยู่เยียนซึ่งบัดนี้มองมาที่เลี่ยงเฟิ่งเพื่อขอให้ช่วยชงไฉ่หันหน้ามองไปที่เลี่ยงเฟิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไป ชงไฉ่ถลาเข้าไปโอบกอดเลี่ยงเฟิ่งด้วยความรู้สึกรักและถวิลหา“จิวซินเจ้าอยู่นี่แล้ว เจ้ายังไม่ตายข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” เลี่ยงเฟิ่งตัวแข็งทื่อ ยังงงงันกับคำกล่าวของชงไฉ่“ใครกันจิวซิน” แววตาขมขื่น“จิวซินก็คือเลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคือจิวซินของข้า” เลี่ยงเฟิ่งถอยห่างออกมาช้าๆชงไฉ่ยังคงกอดเลียงเฟิ่งไม่ยอมปล่อย“เจ้าลืมเลือนข้าไปเสียสิ้นแล้ว บอกข้าทีว่าเจ้าคือจิวซินคนเดิม ของข้า”“ข้าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเลี่ยงเฟิ่งที่ถูกฝ่าบาทหลอกลวง หาใช่แม่นางจิวซินที่แม้แต่ยามไม่ได้สติฝ่าบาทยังพร่ำเพ้อถึงนางคนนั้นไม่”“ไย
เยว่ฉีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโหสุดขีดทว่าไร้การโต้ตอบ ชิงซาเสียอีกกลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ แววตาดั่งเปลวไฟของเยว่ฉีไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลี่ยงเฟิ่งเข้าไปข้างใน ฟู่โม๋ใช้ผ้าปิดหน้าไม่ให้เห็นใบหน้าส่วนล่างมีเพียงตาคมกริบที่ให้เห็น แสดงอาการดีใจที่เห็นเลี่ยงเฟิ่ง แต่เลี่ยงเฟิ่งหาสนใจเขาไม่ถลายังแท่นนอนซึ่งบัดนี้ชงไฉ่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น ใจของฟู่โม๋ไหววูบ เลี่ยงเฟิ่งไม่แม้แต่ชายตามองเขา“ฝ่าบาท ท่านเป็นอะไร” ประโยคคำถามที่ไม่ได้คำตอบ ฟู่โม๋ขยับตัวจะตอบแต่ทว่าบางอย่างบอกเขาให้เงียบเดินหลบออกมาช้าๆ ดวงตาเศร้าหมอง ชิงซามองด้วยสายตาที่เข้าใจบางอย่างแจ่มแจ้ง หากจะเห็นใจใครสักคนคนนั้นควรจะเป็น ฝ่าบาท หรือว่าเขาควรจะเห็นใจทุกผู้ทุกคนรอบกายชิงซาถอนใจเบาๆเลี่ยงเฟิ่งกุมมือ ชงไฉ่แน่นน้ำตาร่วงกราว ชงไฉ่หลับตาสนิทไม่มีทีท่าจะได้สติกลับมา“แม่นางเลี่ยงเฟิ่งฝ่าบาททรงพระประชวรด้วยฤทธิ์ยาถอนพิษร้ายในตัวฝ่าบาท ที่สะสมมานาน”“พิษอะไร”“พิษชนิดนี้เราเรียกมันว่าพิษลืมเลือนทำให้ผู้ที่ถูกพิษไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตได้ หากไม่ได้รับยาถอนพิษแต่พิษชนิดนี้อยู่ในร่างกายฝ่าบาทมานานการถอนพิษจึง
หันมองชิงซาที่พยักหน้าสนับสนุนคำพูดของฮุยโม๋“ข้ากลัวเหลือเกิน ว่าจะลืมเลือนใครบางคน” ชิงซายิ้มอ่อนโยน“ฝ่าบาทเชื่อใจพี่ห้าของพระองค์เถิด ครั้งนี้ทุกอย่างจะต้องจบลงโดยดี”“ทุกอย่างที่ทำเพราะพี่ห้าหวังดีฝ่าบาทโปรดวางพระทัยและเชื่อใจในพี่ห้าคนเดิมของฝ่าบาทด้วย”ชงไฉ่กรอกยาลงไปในลำคออย่างรวดเร็วเหมือนกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ ต่อจากนั้นบังเกิดความปั่นป่วนจนแทบทนไม่ไหว สมองเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใช้มือกุมศีรษะจนล้มลงทั้งยืนความทรงจำเก่าใหม่วิ่งแล่นอยู่ในหัว ฮุยโม๋สกัดจุดให้ชงไฉ่คลายความเจ็บปวดทรมาน ชิงซาช่วยพยุงตัวชงไฉ่ยังแท่นบรรทม“ตามหมอหลวงชิงซา ปกปิดการกลับมาของข้าเสียด้วย ต่อแต่นี้ให้เจ้าเรียกข้าว่าฟู่โม๋จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย บอกกล่าวแก่ทุกคนแค่เพียงฝ่าบาทร่างกายอ่อนเพลียต้องการพักผ่อนและยาบำรุง” ชิงซารับคำโดยดี รีบรุดออกไปตามหมอหลวง“พระชายาฝ่าบาททรงพระประชวร”“ดีอย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมีเวลาจัดการกับนางงูพิษ หยู่เยียน ก่อนที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้นางเป็นสนม”“พระชายา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทรงไป ดูแลฝ่าบาท” หยู่เยียน เดินนวยนาดใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้า