ชงไฉ่อยู่ในภาวะสงสารจับใจยามนี้แม้ฟ้าที่มัวหม่นเช่นนี้ยังไม่อาจเทียบได้กับความเศร้าสลดภายในจิตใจ“หากเจ้าคิดหวังปลดเปลื้องทุกอย่างให้หลุดพ้นไม่อาจกระทำได้” ชงไฉ่เอ่ยคำปลอบใจ“พสุธาแม้กว้างใหญ่ไพศาลแต่ไม่มีที่ให้ยืนหยัดทรงกาย” จิวซินน้ำเสียเศร้าสร้อย“ความสุขมักหลบซ่อนอยู่หลังฉากความอ้างว้างหากเจ้าหันมองรอบกายใยจะอ้างว้างอีกในเมื่อ...มีข้าไห่ชงไฉ่” จิวซินหลับตาลงช้าๆ“ข้าจิวซินไม่เคยคิดเกาะกุมหัวใจบุรุษ” ชงไฉ่อยากตวัดอ้อมแขนรัดรอบกายจิวซินแต่ไม่อาจทำคว้ามือบางมากุมไว้แน่นใบหลิวระเรี่ยลงลู่ลมลงบนผิวน้ำเย็นยะเยือก“เจ้าบางครั้งก็มองโลกให้อยู่ในความโศกเศร้าบางครั้งก็มองโลกให้อยู่ในความสุขได้ไม่มีบิดพลิ้ว ยามที่มองโลกเป็นสุขข้าชงไฉ่เลื่อมใสยิ่งนัก”“ยามเมื่อท่านตึงเครียดเกินไป หากสามารถหลีกหนีสักคราก็ไม่เลว” จิวซินควบม้าทะยานสู่ทุ่งหญ้าเขียวขจีนำหน้าชงไฉ่ไปชงไฉ่กระตุกบังเหียนม้าให้ตามไป“เนื่องด้วยปัญหามิใช่จะคลี่คลายโดยการหลีกหนีด้านเดียว เจ้าอาจพักผ่อนได้ระหว่างหลบหนีแต่ห้ามตายระหว่างหลบหนี” ชงไฉ่ตะโกนไล่หลังจิวซิน“คารวะพ่อบุญธรรม” รอยยิ้มอ่อนโยนที่พยายามเสแสร้งให้ออกมานั้นไม่น่ามองนั
“ก็นั่นอย่างไรล่ะข้าเห็นสหายท่านจากไปเมื่อครู่” จิ่นเกอส่ายหัวระอากับความคิดของเจียวซืออยากจะบอกเหลือเกินว่าเป็นเพราะเจียวซือจิ่นฉินถึงหนีไป“เสี่ยวเอ้อยกสุราอาหารมา” องค์หญิงสิบสี่ตะโกนลั่นร้านถือวิสาสะนั่งลงแทนที่จิ่นฉินจิ่นเกอไม่อาจปฏิเสธจำต้องนั่งอยู่ตรงนั้นไม่อาจลุกหนีไปได้ใจหนึ่งรู้สึกรำคาญเจียวซือแต่อีกใจกลับนึกสงสารว่าทำไมองค์หญิงต้องลงทุนมาขอบคุณเขาด้วยตัวเองทั้งๆ ที่เขาเกือบลืมไปแล้วว่าเคยช่วยเหลือองค์หญิงสิบสี่ของไห่ตงหยวน ด้วยกิตติศัพท์ที่เคยได้ยินมาว่าองค์หญิงเพียงคนเดียวของไห่ตงหยวนที่ เป็นคนเอาแต่ใจและถูกตามใจจนเคยตัว ทำให้เขามีอคติกับเจียวซือตั้งแต่ยังไม่พบหน้าและเมื่อลู่ชิงเข้ามาในชีวิต หญิงงามที่เพียบพร้อมอ่อนหวานช่างเอาใจเขาพร้อมขัดบัญชา พาลู่ชิงหนีไปใช้ชีวิตสันโดษแต่ในเมื่อจิวซิน กลับไม่ยอมให้เรื่องที่เขาก่อขึ้นเป็นชนวนเหตุทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงในฐานะพี่ชายเขาจำเป็นต้องมาที่นี่และพบกับคู่หมั้นที่เขาไม่เคยคิดจะใกล้ชิดด้วยเจียวซือรินสุราลงถ้วยใบเล็กทั้งของตนเองและของจิ่นเกอ ยกขึ้นเบื้องหน้า สาวใช้ดึงมือไว้ไม่ยอมให้ดื่มเจียวซือหันไปทำตาดุ“เจียวซือคารวะคุณชายหนึ่งจอ
“ท่านไม่เพียงปฏิเสธไมตรียังไม่มีแม้สักนิดที่จะอ่อนข้อให้กับข้า” เจียวซือตัดพ้อ“เมามายเพียงนี้กลับวังหลวงเถิดข้าไปส่งองค์หญิงเอง” น้ำเสียงปลอบประโลม“ท่านต้องสัญญาว่าจะมาพบข้าเมื่อข้าต้องการพบท่าน” จิ่นเกอหลับตาลงส่ายหน้าระอาใจเขาไม่เพียงแต่จะใจอ่อนแล้วเท่านั้นยังรู้สึกว่าองค์หญิงสิบสี่คนนี้ ช่างต่างจากหลายคนที่เขารู้จักแม้กระทั่งลู่ชิงที่เอาแต่ตามใจเขา อ่อนหวานงดงามไม่มีแม้สักนิดที่จะต่อรองหรือยื่นข้อเสนอแขนเรียวยกโอบรอบลำคอจิ่นเกอ จิ่นเกอพยายามแกะมือออก“ตกลงข้าตามใจองค์หญิงหากธุระใดให้คนส่งข่าวข้าพร้อมไปพบองค์หญิงทุกเมื่อ” เจียวซือยิ้มหน้าบาน ลู่ชิงยืนอยู่ ณ.มุมหนึ่งเฝ้ามองจิ่นเกอและเจียวซือด้วยความรู้สึกบาดลึกในจิตใจจิวซินเหนี่ยวคันธนูจนโค้งงอสุดกำลังลูกดอกพุ่งออกจากเป้ายังไก่ป่าตัวใหญ่ที่กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารกิน แม่นเหมือนจับวางไก่ตัวใหญ่ดิ้นทุรนทุรายสักพักก็สิ้นฤทธิ์ชงไฉ่ปรบมือดังสนั่น นึกทึ่งในความสามารถของจิวซินว่าช่างไม่แตกต่างจากทจิ่นเกอที่เขารู้จักจิ่นเกอคงจะฝึกฝนการแม่นธนูให้จิวซินเป็นแน่“ไม่น่าเชื่อเจ้าสองคนพี่น้องช่างมีความเหมือนอย่างประหลาด” จิวซินสะดุ้งกับคำพูดของช
“ข้าไม่สนใจแล้วว่าน่าตาเจ้าจะอัปลักษณ์เพียงใดขอเพียง...เจ้ามีใจให้กับข้าได้ไหมจิวซิน” จิวซินกัดฟันแน่นความน้อยใจขึ้นมาจุกอยู่ที่อกชงไฉ่เห็นเพียงจิวซินเป็นตัวแทนของ..ไม่สิ มันคือความในใจหรือคำสารภาพรักขององค์ชายสิบสองผู้นี้ความจริงจิวซินไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชงไฉ่คิดอย่างไรกับจิ่นเกอในตำหนักบูรพาคนนั้นแม้จะไม่จงเกลียดจงชังเหมือนเมื่อแรกพบแต่ก็ไม่อาจรู้ใจได้ ความน้อยใจกลายเป็นความปลาบปลื้ม“องค์ชายรู้จักกับจิวซินได้ไม่นานจะแน่ใจขนาดนั้นรู้ใจตัวเองเพียงนั้นเชียวหรือไม่แน่อาจเป็นเพียงความมากรักขององค์ชาย”“ข้า...อาจเห็นเจ้าเป็นตัวแทนของจิ่นเกอคนนั้นจริงและชมชอบหญิงงามแต่เชื่อเถอะจิวซินว่าใจของข้าบัดนี้ไม่อาจไม่แยแสเจ้าได้แล้ว”“เช่นนั้นองค์ชายจงไปก่อกองไฟให้ข้าองค์หญิงรอง” จิวซินเปลี่ยนเรื่องพูดด้วยรู้สึกว่าใจดวงน้อยเริ่มสั่นไหวกับคำพูดของชงไฉ่ ผลักอกชงไฉ่ออกห่างตัวผุดลุกขึ้นคว้าไก่ป่าวิ่งไปที่ลำธารชงไฉ่นั่งมองเมฆบนฟ้าที่ไหลเรื่อยไปตามสายลม“การกระทำผิดในสภาพที่ไม่อาจต่อต้านขัดขืนความผิดพลาดในรักครั้งนี้นับเป็นความผิดพลาดหรือไม่”ชงไฉ่รำพึงกับตัวเอง มองดูจิวซินในชุดสวยพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำ
“เตรียมตัวออกเดินทาง” ชิงซาคารวะเบื้องหน้าก่อนจะถอยออกไปชงไฉ่กำลังคิดว่าจิวซินจะรุ้สึกอย่างไรหากเขาจะกลับไห่ตงหยวนอย่างเร่งรีบอย่างนี้“องค์หญิงข้าชงไฉ่มากล่าวลา”“จะกลับไห่ตงหยวนแล้วหรือ” จิวซินยิ้มหน้าบาน“ข้าเพียงแต่ไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่นานไม่ช้าไม่นานหากองค์หญิงคิดถึงข้าชงไฉ่จะจัดขบวนเกี้ยวมารับองค์หญิงทันที”“ไม่ต้องรีบไม่ต้องรีบข้าจิวซินกำลังคิดว่าขอเวลาอีกเล็กน้อยเพื่อ....เพื่อประเมินองค์ชาย” พอถึงเวลากลับไม่กล้าพูดสิ่งที่จะทำให้เขาไม่ชอบใจจิวซินนึกโมโหตัวเอง“ข้าชงไฉ่พร้อมที่จะให้องค์หญิงประเมินข้าเพียงแต่อยากรู้ใจนักว่าเหอจิวซินคนนี้จะอาวรณ์ข้าบ้างหรือไม่” ชงไฉ่เผลอหลุดปากพูดความในใจที่อยากรู้ เดินเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายอย่างยากจะห้ามใจ จิวซินขมวดคิ้วดกดำเข้าหากัน“องค์ชายห้ามใจมิให้อาวรณ์จิวซินไม่ได้ใช่หรือไม่” ชงไฉ่เลิกคิ้วสูงใบหน้าหมดจดหล่อเหลา“องค์ชายไม่ต้องสงสัยระแวงสิ่งใดจิวซินยังคงยืนยันคำเดิมพร้อมที่จะแต่งเป็นชายาเอกทุกเมื่อเพียงแต่องค์ชายกลับไปแล้วจะไม่ลืมจิวซินหลงเพลินไปกลับสาวงามในไห่ตงหยวน” จิวซินแกล้งทอดเสียงอ่อนหวาน ชงไฉ่กุมมือจิวซินแน่นความอบอุ่นซาบซ่านถึงหัวใจหน้
“เจ้าห้ามาแล้วหรือ กงกงบอกว่าเจ้าห้าอยู่เฝ้าคอยดูแลเรื่องยาของพ่อ”“เสด็จพ่ออาการดีขึ้นลูกก็วางใจน้องสิบสองไม่อยู่ในวังหลวงขาดคนคอยปรนนิบัติเสด็จพ่อลูกเป็นลูกเช่นกันหากไม่ทำหน้าที่หากตายไปก้มอาจมีหน้าไปพบบรรพชนได้”“กล่าวได้ดี กล่าวได้ดีแล้วมีใครส่งข่าวเจ้าสิบสองหรือยัง”“มีการส่งข่าวไปบ้างแล้วโดยคนของลูก แต่เห็นว่าน้องสิบสองยังคงสำราญกับเหอตงหยวนและองค์หญิงรองของเหอตงหยวนนับว่าน้องสิบสิงถูกใจนางนัก” ไห่หยวนยิ้ม“ดี นับว่าไม่เสียทีข้าอยากให้เจ้าสิบสองกับองค์หญิงรองของเหอตงหยวนผูกสมัครรักใคร่กันเพราะเป็นสิ่งที่ข้าอยากจะเห็นมานานแล้ว”ฮุ่ยโม๋ยิ้มเจื่อนๆ จนป่านนี้เขายังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าคนที่อยู่ที่ตำหนักบูรพาเป็นองค์หญิงรองของเหอตงหยวนหรือไม่ แวะเวียนไปคราวใดก็ไม่เคยพบจิ่นเกอผู้นั้นมีแต่นางกำนัลหมิงหลินที่บอกว่าจิ่นเกอไม่สบายไม่ยอมพบใครให้มาใหม่ในคราวหลังแล้วองค์หญิงรองที่อยู่กับชงไฉ่ที่เหอตงหยวนเล่าเป็นใครกันแน่ความจริงเขาพอจะเดาเรื่องราวต่างๆ ได้ดี อยากจะเดินทางไปดูหน้านางให้รู้กันไปเลยแต่ติดที่ไห่หยวนประชวร ขันทีเฒ่ากงกงมากระซิบกระซาบให้เขาอยู่ปรนนิบัติละจัดการเรื่องโอสถไม่ให้บกพ
ไห่หยวนชำเลืองมองฮุ่ยโม๋ด้วยแววตาใคร่ครวญ หากแต่ยังไม่ถึงเวลาทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาและตั้งใจจะมอบให้แก่ชงไฉ่ยังไม่สมควรไปอยู่ในมือคนอื่นจิวซินปล่อยให้เสี่ยวถังสางผมเกล้าเก็บผมในแบบที่ต้องการอยู่หน้ากระจกอาภรณ์บุรุษสีฟ้าครามถูกวางพาดไว้เตรียมพร้อม“องค์หญิงคราวนี้จะไปนานไหม”“ข้ายังให้คำตอบไม่ได้ความจริงข้าอยากให้เจ้าไปด้วยเสี่ยวถังแต่ที่นู้น มีหมิงหลินคอยปรนนิบัติอยู่แล้วหากเจ้าไปตอนนี้องค์รัชทายาทต้องสงสัยอย่างแน่นอน” เสี่ยวถังพยักหน้าทำหน้ามุ่ย“ฮ่องเต้เสด็จจจจจจจจ” เหอหยวนเดินมือไพล่หลังเข้ามาภายใน“ถวายพระพรเสด็จพ่อ” ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ลุกขึ้น“ไม่จำเป็นต้องเดินทางอีกแล้วจิวซิน” จิวซินมีสีหน้างุนงง“เสด็จพ่อหมายความว่าอย่างไร”“ก็หมายความว่าข้าส่งมือสังหาร ตามติดองค์รัชทายาทของไห่ตงหยวนไปแล้ว” จิวซินรู้สึกตกใจหากแต่ไม่แสดงอาการ“เสด็จพ่อทำการเช่นนี้ไม่กลัวว่าความสัมพันธ์สองแคว้นจะยิ่งย่ำแย่ลงไปหรืออย่างไร”“เจ้าบังอาจมาสั่งสอนข้า บัญชาข้าไม่อาจคืนคำ”“ขอประทานอภัยจิวซินมิบังอาจ เสด็จพ่อไม่วางใจลูกหรืออย่างไร”“ให้เจ้าลำบากพ่อยิ่งรู้สึกผิด แต่ความแค้นเคืองที่ไห่หยวนได้ทำกับพ่
บาดแผลใหม่บาดแผลเก่าเจ็บปวดปะปนทรุดกายลงเลือดหยดรินทั่วร่างก่อนสติจะดับวูบพลันร่างอรชรในอาภรณ์บุรุษทะยานมุ่งมามาหยุดอยู่เบื้องหน้าประคองร่างใหญ่ที่เปรอะไปด้วยเลือด“จิ่นเกอ” คำพูดแผ่วเบาหลุดออกมายากเย็นจิ่นฉินทะยานออกมาจากพุ่มไม้ กวัดแกว่งกระบี่ปกป้องทั้งสามด้วยเคล็ดวิชาสุดอยอดของเหอตงหยวนแม้จะลับสุดยอดแต่ท่วงท่าไม่ต่างกันกับมือสังหารเหล่านั้นมือสังหารหลายคนชะงักพิศมองจิวซินและจิ่นฉินป้ายหยกของเหอตงหยวนคุ่กายของจิวซินแกว่งไกว กระบี่คู่กายมีตราของราชสำนักเหอตงหยวนแม้ไม่เป็นที่ประจักษ์ทว่ารู้กันดีผู้มาใหม่ทั้งสองเป็นคนของเหอตงหยวนมือสังหารล่าถอยด้วยเกรงกลัวความผิดที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดจนไม่อาจรับผิดชอบได้ จิวซินพยุงชงไฉ่ให้ลุกขึ้นทว่าชงไฉ่กลับหมดสติในบัดดลจิ่นฉินลดกระบี่ลงประสานมือคารวะจิวซิน“ข้าน้อยจิ่นฉินหวังว่ามิได้มาช้าไป”“ขอบใจเจ้ามากจิ่นฉินที่ไม่เพิกเฉยต่อคำร้องขอของข้า” จิวซินยิ้มหวาน“องค์รัชทายาทอาการสาหัสแต่นับว่าไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ด้วยการที่มีวรยุทธ์สูงส่งทำให้บาดแผลไม่เข้าจุดสำคัญแต่เราจำเป้นต้องนำองค์รัชทายาทเข้าวังหลวงให้เร็วที่สุด”“เช่นนั้นรีบเดินทางเถิด” ดวงตาหวานม
“ข้ามาลาท่านทั้งสอง บัดนี้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยกงกง ถูกตัดสินโทษประหาร ขุนนางทั้งหลายสวามิภักดิ์กับฝ่าบาทอย่างจริงใจ ขุนนางนอกลู่นอกทางถูกกำจัด ฮุยเจินไม่ใช่พี่ห้าฮุยโม๋ที่จากไปไร้คำล่ำลา” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากบาง“น้องสิบสามเจ้าช่างเหน็บพี่ห้าหากเขายังอยู่ที่นี่ไม่สู้เจ้าต้องโดนฝ่ามือซัดเข้าเป็นแน่”“ฝ่าบาท และฮองเฮา ฮุยเจินขอให้ท่านทั้งสองครองคู่กันตราบนิรันดร์มีองค์ชายน้อยเมื่อไหร่ส่งข่าวให้ ข้าทราบด้วย” ชงไฉ่ประคอง จิวซินให้หันหน้าไปทางฮุยเจิน“เจ้าสิบสามเจ้าดูสะใภ้ เจ้าสิ เอาแต่เมินเฉยไม่สดใสเช่นนี้นางจะมีแก่ใจมีประสูติกาลองค์ชายน้อยให้ข้าหรือ”“ฮุยเจินเชื่อว่าท่านทั้งสองเพียงแค่ใกล้ชิดกันอีกไม่นานเหกินรอ จริงไหมพี่สะใภ้”จิวซินยิ้ม“ข้าขอเวลาลืมเรื่องเจ็บช้ำทั้งหมดที่ไม่อาจปล่อยวางรวมทั้งเรื่องของเสด็จพ่อ และเหอตงหยวน”“หลายอย่างแม้จะขุ่นเคืองแม้จะยังไม่เข้าใจแต่อีกไม่นาน ข้าเชื่อว่าด้วยความจริงใจและความรักที่ฝ่าบาทมีต่อพี่สะใภ้จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย”“ข้าต่อแต่นี้สัญญาว่าจะดูแลและรักเจ้า เพื่อชดเชยสิ่งที่เจ้าเสียไป” สบตาจิวซินนิ่งไม่สนใจว่าฮุยเจินอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งฮุยเ
กงกงเฒ่าแสยะยิ้มน่าเกลียด“ดีดีฝ่าบาท พระทัยกว้างดั่งแม่น้ำ เช่นนั้นแล้วข้ากงกงคงไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกแล้ว” กระชากผมของจิวซินให้ลุกขึ้นจิวซินกัดฟันแน่นแม้จะรู้สึกเจ็บปวด จินฉิ่นและชงไฉ่สะอึกเข้าใส่“ไม่มีเหตุผลใด ที่ข้าจะปล่อยนางไปรวมทั้งฝ่าบาทและเจ้า” ชี้มือไปที่จินฉิ่น“เจ้าคนทรยศ” มีดสั้นถูกจ่อที่คอหอยของจิวซิน“กงกงท่านปล่อยนางเสีย ข้าพร้อมแล้ว” จินฉิ่นปาดกระบี่คมกริบลงบนคอของตัวเองอย่างไม่รอช้า ชงไฉ่ถลาเข้าแย่งกระบี่เสียงอึกอักแววตาเศร้าสร้อยเหลือบมองจิวซินชึ่งบัดนี้ดิ้นรนสะบัดตัวพร้อมกับเสียงร้องห้ามไม่ให้จินฉิ่นทำเรื่องที่คาดไม่ถึง” กงกงปล่อยจิวซินลงไปกองกับพื้นจิวซินทรุดตัวลงข้างจินฉิ่นที่นอนนิ่งส่งเสียงอึกอักฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตาร่วงรินจากดวงตาของจิวซินเป็นสายจินฉิ่นฝืนยิ้ม“องค์หญิงจินฉิ่นผิดจนไม่อาจอภัย อยุ่ข้างกายท่านเพื่อคอยส่งข่าวคราวให้กับกงกงความผิดนี้มีเพียงโทษตายเท่านั้น”“ไม่ไม่ไม่ ข้าแทบไม่เหลือใครแล้วท่านยังทิ้งข้าได้ลงคอ”“องค์หญิงมีฝ่าบาทมี จิ่นเกอพี่ใหญ่ของท่าน ฮุยโม๋และฮุยเจินที่รักหวังดีกับท่านความเจ็บปวดและแค้นเคืองใดใดขององค์หญิงของให้ตายไปกับจินฉิ่น ข้ารู้ด
“ท่านประเมินเราต่ำไปหรือเปล่า” กงกงเฒ่าขมวดคิ้วองครักษ์ที่เคยภักดีบัดนี้กลับแปรพักตร์ ล้อมกรอบใกล้ชงเข้ามาเรื่อยๆ บุรุษร่างกายกำยำกระชากลากถูร่างหนึ่ง เข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าชงไฉ่ เขม่นมอง จิวซินอ้าปากค้างนึกสงสารเยว่ฉีขึ้นมาทันใด เยว่ฉีที่ถูกปิดปากสนิทไม่ให้ส่งเสียงกงกงเฒ่าแสยะยิ้มกระชากผม เยว่ฉีให้เงยหน้า“ฝ่าบาท พระชายาที่ฝ่าบาทลืมเลือนที่ฝ่าบาทไม่ต้องการข้ากงกงอาสาจัดการนางให้แล้วขอเพียงฝ่าบาท มอบบัลลังก์สูงส่งของไห่ตงหยวนแก่ข้า” เยว่ฉีน้ำตาไหลพราก มองชงไฉ่ด้วยความรู้สึกเจ็บซ้ำ“เจ้าก็รู้ว่าข้าชงไฉ่ไม่เคยมีใจให้นางมาก่อน” ขอเพียงถ่วงเวลาไว้ก่อนแม้ไม่มีใจก็ใช่เขาต้องการให้นางตายแต่ช้าไปเสียแล้วมีดสั้นคมกริบในมือตวัดเพียงสายลมผ่าน เลือดสีแดงฉานทะลักออกมาจากลำคองามระหงไร้การร่ำลาใดใดจากเยว์ฉี ชงไฉ่เบิกตาโพลงคาดไม่ถึงว่ากงกงเฒ่าจะกล้าลงมือทั้งๆ ที่เลี้ยงดูเยว่ฉีมาแต่เล็ก เยว่ฉีทรุดกายลงพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไหลรินชงไฉ่ซ้อนร่างของเยว่ฉีไว้ จิวซินเผลอตัวลุกขึ้นผลักกงกงเฒ่าเต็มแรงจนเซทรุดลงไป ดีที่องครักษ์ชั่วหลายคนรับไว้ทันมือสั่นเทาด้วยความโกรธชี้หน้าจิวซิน“จับนางไว้ ข้าจะให้นางไ
สวมกอดอีกครั้งทว่าครั้งนี้หยาดน้ำตานองหน้าคราวนี้ชงไฉ่ไม่แกะมือออก“เจ้าไม่คู่ควรกับหัวใจรักของข้าในเมื่อทุกสิ่งที่เจ้าทำล้วนทำไปด้วยความริษยาและเห็นแก่ตัว”“ฝ่าบาทยังไม่ตอบหากเยว่ฉี....หายไป”“หากเจ้าหายไป ในหัวใจข้าไม่เคยโกหกความรู้สึกตัวเอง ข้า...ไม่เคยรู้สึกอะไร” เยว่ฉีหยุดสะอื้นไห้ประเมินคำตอบที่ได้รับผิดไป ผู้คนบางคนเขาดีกับเราเพียงแค่ เขาเป็นคนดีหาใช่เขารู้สึกดีกับเราไม่“ปล่อยข้าเถิดเยว่ฉี ในเมื่อข้าไม่มีใจให้เจ้าเหตุใดต้องเหนี่ยวรั้งข้าให้หัวใจเจ้าเจ็บปวด” คราวนี้เยว่ฉีกับสะอื้นหนักกว่าเดิมชงไฉ่ยกมือขึ้นโอบไหล่เยว่ฉี“ข้าไม่กล่าวโทษไม่ตำหนิไม่ลงโทษเพียงแค่เจ้า หยุดคาดหวังในตัวข้า...หยุดรอ...หยุดทำทุกอย่างเพื่อให้ข้าไม่พอใจมากไปกว่านี้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าจะปล่อยมันไปกับความทรงจำที่หายไป” จิวซินเดินเลาะเลีบยออกมาข้างนอกมือข้างหนึ่งชูขึ้นรองรับเกล็ดหิมะบางเบามือบางสีแดงระเรื่อด้วยความหนาวเย็น เสื้อคลุมสีงาช้างงดงามขับผิวนวล บรรยากาศรอบตัวแม้ชวนให้ล่องลอยทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าชงไฉ่โอบกอดเยว่ฉีที่สะอื้นไห้กับทำให้จิตใจห่อเหี่ยว ไม่มีวาจาใดใดหลุดออกมามีเพียงการหันหลังเดินกลับไปยังท
"ไม่ช้าเจ้าก็จะได้รู้ว่าทุกอย่างที่ข้าทำ หาใช่การจงใจไม่แต่เป็นเพียงความโง่งมที่ไร้ซึ่งเจ้าคอยบงการ"ชงไฉ่ไม่อาจหลีกหนีคำว่า ผิดต่อจิวซินไปได้ก็ในเมื่อเขาเองที่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในวังวนของความทุกข์จนเปิดโอกาสให้เยว่ฉีสามารถทำให้เขาตกเป็นทาสของพิษลืมเลือนได้อย่างไม่ยากอาภรณ์บุรุษของจิวซินที่เขาเก็บไว้อย่างดีถูกเยว่ฉีนำไปเผาทำลายความคับแค้นใจนี้ชงไฉ่ไม่อาจให้อภัยเป็นสามีภรรยยากันเจ็ดชาติต้องรอถึงอีกร้อยปีกว่าจะได้เป็นภรรยากันอีกครั้งชงไฉ่คิดว่าเขากับเยว่ฉีหมดวาสนาต่อกันแล้ว คงต้องรออีกร้อยปีถึงจะกลับมาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้งเรียกว่าสิ้นรักหรือไร? ....หรือว่าเขาไม่เคยรักนางความรักกับหลงต่างกันอย่างไรความหลงอยากครอบครองยึดเหนี่ยวเป็นเจ้าของ ไม่สนใจคำห้ามปรามหรือทัดทานหากความรักคือการ ยอมทุกอย่างเพื่อให้เขาเป็นสุขและอยากเห็นรอยยิ้มของคนที่รัก รอยยิ้มนั้นย่อมทำให้เขามีความสุขความรักคือการ ทนรอคอยแม้เขาไม่แยแส ความรักทำให้โลกที่หม่นเศร้าสดใส ความรักทำให้ใบหน้าอมทุกข์กลับกลายเปี่ยมสุขในชั่วพริบตาความรักไม่อาจบรรยายได้ภายในเวลาอันสั้นหากแต่เขารับรู้ว่ามันมากมายจนคณานับได้ท่วมท้นอยู
“ไม่ไม่ไม่..ไม่ ข้าคือเลี่ยงเฟิ่งที่สามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเอง....ไม่ใช่จิวซิน” ลืมตาตื่นเวลาดึกสงัดชงไฉ่ฟุบหน้าข้างๆ แท่นนอนกุมมือของจิวซินไว้แน่น อากาศข้างนอกหนาวเหน็บชงไฉ่ขยับตัวกอดอกด้วยความหนาวลืมตามองจิวซิน“เจ้าได้สติแล้ว” ชงไฉ่ลนลานรินชาใส่ถ้วย พยุงจิวซินลุกขึ้น จ่อถ้วยชาที่ริมฝีปากจิวซินเหลือบตามองก่อนจะจิบชาช้าๆ ชงไฉ่ยิ้มใช้มือปัดเส้นผมที่ลงมาละใบหน้างาม“นอนไปเสียนานจนข้าใจหายว่าเจ้าจะไม่ฟื้น จิวซินยังคงนิ่ง“เจ้ารู้ไหม ฟู่โม๋ติดตามมาที่นี่เพื่อ มาหาเจ้าโดยเฉพาะ” แววตาเป็นประกายตื่นเต้นชงไฉ่หลุบตามองพื้นรู้สึกน้อยใจ“ฟู่โม๋อยู่ที่ไหน ฟู่โม๋แต่เดิมเป็นคนของไห่ตงหยวนบัดนี้เมื่อเจ้าไม่สบายเขากำลังต้มยาให้เจ้าอยู่” จิวซินพยักหน้าชงไฉ่คิดถึงคำพูดของฮุยโม๋ที่ให้เขาปิดบังตัวตนของฮุยโม๋เพื่อว่าจะได้ขุดรากถอนโคนขันทีเฒ่าที่มีอำนาจล้นมือในตอนนี้และค่อยๆ พยายามฟื้นความทรงจำของจิวซินไปพร้อมกับยาของฮุ่ยโม๋“ฟู่โม๋ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา จะคิดค้นยาถอนพิษชนิดต่างๆ โดยที่ฮุยเจินคอยสนับสนุน เราอยู่ที่เหอตงหยวนแม้จะไม่สบายนักแต่ว่าก็มีสุขไม่น้อยสหายแสนดีอย่างฮุยเจิน คอยสนับสนุนเราสองคนทุกอ
“ฝ่าบาทหยู่เยียนอยู่ที่นี่แล้ว” ชงไฉ่ลืมตาขึ้นขึ้นช้าๆ จ้องมองหยู่เยียน ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งดึงมือออกจาการเกาะกุม หยู่เยียนตกใจ“เจ้าเป็นใครชิงซา นำนางออกไป” เสียงประตูเปิดออกตามแรงตวาดของชงไฉ่ที่บงบอกอารมณ์ว่าโมโห ชิงซาลนลานเข้ามาข้างในเมื่อเห็นว่าหยู่เยียนอยู่ตรงนั้นก็คุกเข่าลงทันที“ฝ่าบาทข้าน้อยสมควรตาย”“นำนางออกไปเดี๋ยวนี้”“นางผิดอะไรอย่างรังแกนางอีกเลย” เลี่ยงเฟิ่งปกป้องหยู่เยียนซึ่งบัดนี้มองมาที่เลี่ยงเฟิ่งเพื่อขอให้ช่วยชงไฉ่หันหน้ามองไปที่เลี่ยงเฟิ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ห่างออกไป ชงไฉ่ถลาเข้าไปโอบกอดเลี่ยงเฟิ่งด้วยความรู้สึกรักและถวิลหา“จิวซินเจ้าอยู่นี่แล้ว เจ้ายังไม่ตายข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” เลี่ยงเฟิ่งตัวแข็งทื่อ ยังงงงันกับคำกล่าวของชงไฉ่“ใครกันจิวซิน” แววตาขมขื่น“จิวซินก็คือเลี่ยงเฟิ่ง เจ้าคือจิวซินของข้า” เลี่ยงเฟิ่งถอยห่างออกมาช้าๆชงไฉ่ยังคงกอดเลียงเฟิ่งไม่ยอมปล่อย“เจ้าลืมเลือนข้าไปเสียสิ้นแล้ว บอกข้าทีว่าเจ้าคือจิวซินคนเดิม ของข้า”“ข้าเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเลี่ยงเฟิ่งที่ถูกฝ่าบาทหลอกลวง หาใช่แม่นางจิวซินที่แม้แต่ยามไม่ได้สติฝ่าบาทยังพร่ำเพ้อถึงนางคนนั้นไม่”“ไย
เยว่ฉีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโมโหสุดขีดทว่าไร้การโต้ตอบ ชิงซาเสียอีกกลับสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ แววตาดั่งเปลวไฟของเยว่ฉีไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลี่ยงเฟิ่งเข้าไปข้างใน ฟู่โม๋ใช้ผ้าปิดหน้าไม่ให้เห็นใบหน้าส่วนล่างมีเพียงตาคมกริบที่ให้เห็น แสดงอาการดีใจที่เห็นเลี่ยงเฟิ่ง แต่เลี่ยงเฟิ่งหาสนใจเขาไม่ถลายังแท่นนอนซึ่งบัดนี้ชงไฉ่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงนั้น ใจของฟู่โม๋ไหววูบ เลี่ยงเฟิ่งไม่แม้แต่ชายตามองเขา“ฝ่าบาท ท่านเป็นอะไร” ประโยคคำถามที่ไม่ได้คำตอบ ฟู่โม๋ขยับตัวจะตอบแต่ทว่าบางอย่างบอกเขาให้เงียบเดินหลบออกมาช้าๆ ดวงตาเศร้าหมอง ชิงซามองด้วยสายตาที่เข้าใจบางอย่างแจ่มแจ้ง หากจะเห็นใจใครสักคนคนนั้นควรจะเป็น ฝ่าบาท หรือว่าเขาควรจะเห็นใจทุกผู้ทุกคนรอบกายชิงซาถอนใจเบาๆเลี่ยงเฟิ่งกุมมือ ชงไฉ่แน่นน้ำตาร่วงกราว ชงไฉ่หลับตาสนิทไม่มีทีท่าจะได้สติกลับมา“แม่นางเลี่ยงเฟิ่งฝ่าบาททรงพระประชวรด้วยฤทธิ์ยาถอนพิษร้ายในตัวฝ่าบาท ที่สะสมมานาน”“พิษอะไร”“พิษชนิดนี้เราเรียกมันว่าพิษลืมเลือนทำให้ผู้ที่ถูกพิษไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตได้ หากไม่ได้รับยาถอนพิษแต่พิษชนิดนี้อยู่ในร่างกายฝ่าบาทมานานการถอนพิษจึง
หันมองชิงซาที่พยักหน้าสนับสนุนคำพูดของฮุยโม๋“ข้ากลัวเหลือเกิน ว่าจะลืมเลือนใครบางคน” ชิงซายิ้มอ่อนโยน“ฝ่าบาทเชื่อใจพี่ห้าของพระองค์เถิด ครั้งนี้ทุกอย่างจะต้องจบลงโดยดี”“ทุกอย่างที่ทำเพราะพี่ห้าหวังดีฝ่าบาทโปรดวางพระทัยและเชื่อใจในพี่ห้าคนเดิมของฝ่าบาทด้วย”ชงไฉ่กรอกยาลงไปในลำคออย่างรวดเร็วเหมือนกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ ต่อจากนั้นบังเกิดความปั่นป่วนจนแทบทนไม่ไหว สมองเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใช้มือกุมศีรษะจนล้มลงทั้งยืนความทรงจำเก่าใหม่วิ่งแล่นอยู่ในหัว ฮุยโม๋สกัดจุดให้ชงไฉ่คลายความเจ็บปวดทรมาน ชิงซาช่วยพยุงตัวชงไฉ่ยังแท่นบรรทม“ตามหมอหลวงชิงซา ปกปิดการกลับมาของข้าเสียด้วย ต่อแต่นี้ให้เจ้าเรียกข้าว่าฟู่โม๋จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย บอกกล่าวแก่ทุกคนแค่เพียงฝ่าบาทร่างกายอ่อนเพลียต้องการพักผ่อนและยาบำรุง” ชิงซารับคำโดยดี รีบรุดออกไปตามหมอหลวง“พระชายาฝ่าบาททรงพระประชวร”“ดีอย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมีเวลาจัดการกับนางงูพิษ หยู่เยียน ก่อนที่ฝ่าบาทจะแต่งตั้งให้นางเป็นสนม”“พระชายา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทรงไป ดูแลฝ่าบาท” หยู่เยียน เดินนวยนาดใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้า