Share

บทที่ 56 ลมหนาวของเหมันต์มาเยือน

last update Last Updated: 2025-08-13 17:22:18

สายลมพัดเฉื่อยยามราตรีหอบร่างหญิงอัปลักษณ์ให้เดินกลับบ้านเพียงลำพัง โดยในมือถือตะเกียงนำทางให้มีแสงสว่าง ขาตึงและเมื่อยจนแทบลากขาไม่ขึ้นกำลังประคองครรภ์น้อย ๆ ไปอย่างอดทน

ลี่หลินใช้ชีวิตี่แสนเอื่อยเฉื่อยมาร่วมเดือน นางจึงปรับตัวได้อย่างมิต้องเป็นกังวล แต่ถึงเยี่ยงไรในใจก็ยังอยากกลับบ้านที่จากมาอยู่ดี แม้ไม่รู้ว่าต้องหาหนทางใดแต่ลึก ๆ แล้วก็ยังมีหวังอยู่

ดวงตาเศร้าทอดไปมองเบื้องหน้า ในยามนี้มิมีผู้ใดออกมาเดิน แต่คนที่ทำงานในโรงเตี๊ยมเยี่ยงนางออกมาเดินในที่แห่งนี้ก็มิแปลก

ความคิดถึงบ้าน คิดถึงบิดามารดา และ คิดถึงเพื่อน ทำให้ดวงตาของนางมีน้ำตาไหลออกมา ถึงแม้ฟู่ฟู่กับจางเหว่ยจักต้อนรับเสมือนครอบครัว แต่ใจพลัดถิ่นก็ยังรู้สึกเปลี่ยวเหงาอยู่ดี สตรีกำลังเศร้าเหลือบมองหยาดหิมะที่ค่อย ๆ โปรยปรายพลันคลี่ยิ้มจาง ๆ และหยุดมองมัน มือเรียวยกขึ้นมารองรับหิมะให้ร่วงหล่นมากระทบ

“ฤดูเหมันต์มาถึงแล้วสินะ”

จู่ ๆ ใจเหงาก็ได้ยินเสียงผ่านสายลมหนาวแผ่วเบาราวกระซิบ มันคือเสียงขลุ่ยจากที่ใดมิอาจทราบได้ แต่เมื่อได้ยินมันเสียงหวานที่บาดลึกมาถึงขั้วหัวใจทำให้นางรู้
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Latest chapter

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 57 พบเจออีกครั้ง

    เช้าตรู่ได้นำพาลมหนาวและหยาดหิมะมาเยือน จึงทำให้พื้นที่เต็มไปด้วยสีขาว ในวันนี้อากาศยังมิหนาวเกินไปนักร่างกายที่ถูกสวมด้วยชุดหนาจึงพอให้อุ่นกาย จางเหว่ยเร่งขนผ้าห่มผืนใหม่ใส่ไว้บนเกวียนตามมาด้วยสตรีทั้งสองนางที่ขนของชิ้นเล็กเพื่อนำไปขายที่ตลาดด้วย “เจียเจี่ยท่านหนาวรึไม่” ฟู่ฟู่เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะพี่สาวกำลังอุ้มท้อง ลี่หลินส่ายหน้าพร้อมยิ้มจาง ๆ ให้เป็นการตอบรับ “ข้าว่าวันนี้พวกเราคงขายผ้าห่มได้ทุกผืน” ฟู่ฟู่พูด “ข้าก็ว่าเช่นนั้น” หญิงอัปลักษณ์พูดก่อนหันไปมองข้างทาง ซึ่งตอนนี้แสงอรุณแรกยังไม่โผล่ขึ้นมา เมื่อถึงตลาดในเวลาไม่ช้า พวกนางจึงช่วยกันจัดหน้าร้าน และขายผ้าห่ม ถึงแม้จักหนาวแต่ก็ยังมีน้ำชาร้อน ๆ ให้จิบ ลี่หลินรู้สึกสนุกและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่แสงของวันใหม่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้น “ผ้าห่มจ้า ผ้าห่มหนา ๆ ผืนสวย ๆ ห่มแล้วอุ่นกายนะเจ้าคะ” ลี่หลินตะโกนเรียกลูกค้า แข่งกับพ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ ไม่นานก็เริ่มมีผู้คนหันมาสนใจผ้าห่มในร้านของเธอ “เท่าไรกันรึ” “สิบตำลึงเท่านั้น

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 56 ลมหนาวของเหมันต์มาเยือน

    สายลมพัดเฉื่อยยามราตรีหอบร่างหญิงอัปลักษณ์ให้เดินกลับบ้านเพียงลำพัง โดยในมือถือตะเกียงนำทางให้มีแสงสว่าง ขาตึงและเมื่อยจนแทบลากขาไม่ขึ้นกำลังประคองครรภ์น้อย ๆ ไปอย่างอดทน ลี่หลินใช้ชีวิตี่แสนเอื่อยเฉื่อยมาร่วมเดือน นางจึงปรับตัวได้อย่างมิต้องเป็นกังวล แต่ถึงเยี่ยงไรในใจก็ยังอยากกลับบ้านที่จากมาอยู่ดี แม้ไม่รู้ว่าต้องหาหนทางใดแต่ลึก ๆ แล้วก็ยังมีหวังอยู่ ดวงตาเศร้าทอดไปมองเบื้องหน้า ในยามนี้มิมีผู้ใดออกมาเดิน แต่คนที่ทำงานในโรงเตี๊ยมเยี่ยงนางออกมาเดินในที่แห่งนี้ก็มิแปลก ความคิดถึงบ้าน คิดถึงบิดามารดา และ คิดถึงเพื่อน ทำให้ดวงตาของนางมีน้ำตาไหลออกมา ถึงแม้ฟู่ฟู่กับจางเหว่ยจักต้อนรับเสมือนครอบครัว แต่ใจพลัดถิ่นก็ยังรู้สึกเปลี่ยวเหงาอยู่ดี สตรีกำลังเศร้าเหลือบมองหยาดหิมะที่ค่อย ๆ โปรยปรายพลันคลี่ยิ้มจาง ๆ และหยุดมองมัน มือเรียวยกขึ้นมารองรับหิมะให้ร่วงหล่นมากระทบ “ฤดูเหมันต์มาถึงแล้วสินะ” จู่ ๆ ใจเหงาก็ได้ยินเสียงผ่านสายลมหนาวแผ่วเบาราวกระซิบ มันคือเสียงขลุ่ยจากที่ใดมิอาจทราบได้ แต่เมื่อได้ยินมันเสียงหวานที่บาดลึกมาถึงขั้วหัวใจทำให้นางรู้

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 55 คลาดกัน

    หลังจากที่ลี่หลินทำงานจนครบเวลานางจึงถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วปัดเศษแป้งสองสามหน ก่อนที่นางจักเดินออกจากครัวในเวลานี้ช่างคึกครื้นมากนัก เหล่านักเที่ยวกลางคืนต่างก็มาเสวยสุขในโรงเตี๊ยมแห่งนี้หญิงอัปลักษณ์ปรายตามองโถงกว้างซึ่งถูกประดับด้วยม่านผ้าสีแดงระย้าที่ถูกโปรยลงมาจากเพดานด้านบน ริ้วผ้าถูกจับจีบและจัดทรงไว้อย่างสวยงาม ทั้งยังมีโคมไฟซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประดับไว้กับหมู่มวลดอกไม้ที่ถูกปักไว้กับแจกันทรงยาว พร้อมทั้งมีนางรำกำลังร่ายรำพัดตามจังหวะเพลง ผู้คนก็ต่างอภิรมย์และชมชอบทว่านางมองเพียงครู่เดียวเพราะเห็นจนชินตาเสียแล้ว ก่อนนางรีบขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อไปหาเถ้าแก่เนี้ยตามที่สั่งใบหน้าที่ถูกปิดเสี้ยวหนึ่งมิทันได้สังเกตว่ามีใครเห็นเข้า นางจึงเดินไปอย่างมิทันระวังตัวขณะที่สายตาคมกำลังจ้องอย่างสงสัยเมื่อปลายเท้าของลี่หลินเหยียบขึ้นบันได คนอยู่ชั้นล่างจึงหุนหันตามนางมาติด ๆมู่หยางเดินจ้ำตามหาสตรีที่คิดว่าเป็นหญิงอัปลักษณ์แน่ ๆ เขาเดินไปจนเสื้อปลิว และต้องคอยหลบหลีกคนเมาและนางคณิกาที่เดินสวนทางมา ทำให้ฝีเท้าต้องหยุดชะงัก โดยที่ดวงตายังคงชะเง้อมองหาสตรีผู้นั้นเมื่อพอมีทางให้เดินออกมาได้ มู่

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 54 โชคชะตานำพา

    ก่อนที่มู่หยางจักกลับไปรับงานราชการที่เขาเหลียงซาน เขาได้ขี่ม้ามาอยู่ที่หุบผา คนตัวสูงกระโดดจากหลังม้าดวงตาคมหลุบมองต่ำด้วยใจเหม่อลอย เขาคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่แสนขมขื่นน้ำมือทั้งสองของเขาผลักหญิงอัปลักษณ์ลงเหวไปต่อหน้าต่อตา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาเอ่อ เสียงเพรียกหาอย่างอาวรณ์ยังตรึงอยู่ในใจมู่หยางกำลังสับสนตีกับตัวเอง ทั้งที่เจ็บเจียนตายถึงเพียงนี้ก็ยังหวังอยู่ลึก ๆ ว่าเหมยลี่จักอยู่รอดปลอดภัย นางมิน่าคบชู้กับเซียวจ้านสหายรักของเขา มิเช่นนั้นเรื่องคงไม่ลงเอยเฉกเช่นนี้บุรุษย่างกรายไปอย่างเชื่องช้า ผ่านแมกไม้รกร้างก่อนหยุดยืนที่ขอบเหว ดวงตาคมหรี่มองท้องฟ้าอันไกลโพล้นยามซื่อที่มีดวงอาทิตย์ส่องจ้าอยู่บนนั้น ก่อนก้มคออย่างหมดอาลัยเพื่อมองหาซากศพที่อาจหลงเหลือไว้ให้ดูต่างหน้ามู่หยางมิเห็นสิ่งที่ค้นหา เขาเห็นแต่เพียงลำธารไหลซึ่งอยู่เบื้องล่าง น้ำใสไหลเชี่ยวคดโค้งไปมาเหมือนกับใจของบุรุษในตอนนี้ที่ไหวติงไปตามกระแสของความคำนึงหามิรู้สิ่งใดดันใจให้มู่หยางชำเลืองมองลำธารนี้ จู่ ๆ เขาก็ได้เห็นแสงกระพริบแสบตาที่เบื้องล่าง ซึ่งมันน่าสงสัยยิ่งนักจนทำให้ความอยากรู้เอาชนะให้เขาลงไปค้นหาท่านแม่

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 53 ตรอมใจ

    “ท่านแม่ไยท่านมีสีหน้าเช่นนั้นเจ้าคะ” ต้าเหนิงเอ่ย พร้อมย่างกรายเข้าไปหาสตรีสูงวัยโดยมีผู้รับใช้ยกสำรับน้ำชาเดินตามหลังสะใภ้เอกซึ่งยามนี้ท้องของนางได้โตวันโตคืน เนื้อตัวก็อวบอิ่มมากกว่าเดิม ทอดสายตามองมารดาของสามีก่อนค่อย ๆ หย่อนกายลงนั่งฮูหยินชิงชิงยังคิดมิตกกับเรื่องที่ชินแสได้กล่าวไว้ แม้จักนานร่วมเดือนแล้วก็ตาม บุตรชายของนางก็เอาแต่เมามายมิเป็นอันทำงานเสียที นางจึงกลุ้มใจอยู่มิน้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงได้ถูกทางการสั่งลงโทษแน่“ข้าเป็นห่วงหลานของข้าน่ะสิ ท่านแม่ทัพนี่ก็เสียผู้เสียคนจนไม่มาดูแลเจ้าเลยสักนิด เยี่ยงนี้จักให้ข้าสู้หน้าเจ้าได้เยี่ยงไร”“ท่านแม่ ข้ามิเป็นอันใด” ต้าเหนิงพูดไปเยี่ยงนั้น ทั้งที่ในใจตรอมหนักมิต่างกัน ผ่านไปนานเป็นแรมเดือนแล้ว มู่หยางก็ยังอาลัยหญิงอัปลักษณ์มิเลิก“มีราชโองการ!” จู่ ๆ เสียงก็ดังขึ้นทั้งสองจึงรีบวิ่งออกไปแล้วหยุดคำนับบนพื้น ท่านเสนาบดีเดินทางมาถึงเรือนท่านแม่ทัพเยี่ยงนี้ย่อมมีรับสั่งเร่งด่วนเป็นแน่“ท่านแม่ทัพมู่หยางอยู่ที่ใด” ทว่าคนที่สมควรอยู่ต่อหน้าเสนาบดีดันไม่โผล่หัวมา ทั้งสองนางจึงเลิ่กลั่กเป็นการใหญ่“ขออภัยท่านเสนาบดี ท่านแม่ทัพป่วย

  • หญิงอัปลักษณ์เช่นข้าขอเกิดเป็นปลาเค็มดีกว่าเป็นภริยาของท่าน   บทที่ 52 ฝีมือเทพต้องประจัก

    เสียงจอแจดังขึ้นแทรกซ้อน แต่หญิงอัปลักษณ์หาสนใจไม่ เธอหยิบจับวัตถุดิบอย่างคล่องแคล่วทำอาหารให้ผู้คนในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้ชิมเสียหน่อยลี่หลินยิ้มเล็กน้อยอย่างอารมณ์ดีพร้อมฮัมเพลงไปด้วย ซึ่งนับว่าแปลกประหลาดชอบกล เพราะมิมีสตรีผู้ใดทำตัวเยี่ยงนี้ ในขณะเดียวกันจางเหว่ยก็ยืนเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ โดยที่ข้างกายเขาที่ห่างกันหนึ่งช่วงแขนเป็นเถ้าแก่เนี้ยซึ่งกำลังจับตามองมิห่างเช่นกันลี่หลินรีบจัดการกระดูกหมูเสียก่อน เธอนำไปต้มให้เดือดพร้อมใส่สมุนไพรดับกลิ่น หลังจากนั้นจึงมาปั้นแป้งเพื่อทำเสี่ยวหลงเปา“เธอดูชำนาญนัก” เสียงคนมุงพูดขึ้น“สตรีย่อมทำอาหารอยู่ก้นครัว แต่หาใช่ทำแล้วจักถูกปากใครได้” อีกคนหนึ่งพูด“จริงด้วย แค่หยิบจับเป็นคงทำอาหารได้ไร้รสชาติ” อีกคนเสริมเสียงพูดคล้ายแมลงตัวเล็กบินข้างหูลี่หลินมิอาจสนใจ เพียงแค่ปัดรำคาญไปสองสามหน ก่อนวางมือจากการนวดแป้ง และปล่อยไว้ให้ก้อนแป้งที่นวดอยู่ตัว จึงหันมาจัดการขอดเกล็ดปลาที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดเกลี้ยงแล้วล้างน้ำให้สะอาด“นางกำลังจะเริ่มทำปลาแล้ว” เสียงคนหนึ่งพูดคล้ายตื่นเต้นที่ได้เห็นลี่หลินปรายตามองไปหนึ่งครั้ง ก่อนหยิบเครื่องปรุงและซอยขิงให้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status