Share

บทที่ 10 เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม

ถูซินเยว่รูปร่างอ้วนท้วน ท่าวิ่งเหมือนลูกขนุนกลิ้งได้ ตามความจะเป็นควรจะวิ่งได้ช้า

แต่ชาติก่อนเธอเป็นแพทย์ทหารจากหน่วยรบพิเศษ มักจะได้รับการฝึกฝนต่าง ๆ ในกองทัพ

แม้ว่าตอนนี้เธอจะอ้วน แต่ศักยภาพภายในนั้นไม่ด้อย ขณะที่หมูป่ากำลังจะวิ่งหนีมาทางเธอ ทันใดนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปขวางอีกฝ่าย

หมูป่าชะงักไปชั่วขณะ ถูซินเยว่เองก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน

ดีมากไอ้หนู หมูป่าตัวนี้ถึงจะตัวไม่ใหญ่ แต่หน้าตาดุดัน

นี่คือหมูป่าสีเทาดำ เขาบนหัวสึกกร่อน หนังแข็ง ๆ ปกคลุมไปด้วยขนเล็กแข็งบางตา ขนแผงที่คอด้านหลังทั้งยาวและแข็ง ที่น่าหวาดเสียวที่สุดก็คือปากของมันมีเขี้ยวขนาดใหญ่สองอันดูคมกริบ ขณะที่กีบหน้าทั้งสองของหมูป่าจิกโคลนที่อยู่ข้างหน้าอย่างกระวนกระวาย เขี้ยวที่แหลมคมของมันก็แยกเข้าแยกออก ราวกับว่าพร้อมที่จะกินคนที่อยู่ข้างหน้ามันทุกเมื่อ

ถูซินเยว่เลียริมฝีปาก

ซูจื่อหังก็ดูตึงเครียด เดิมทีเขาคิดว่าหมูป่าจะวิ่งมาทางเขา นึกไม่ถึงว่ากลับวิ่งไปทางถูซินเยว่ แม้ว่าซินเยว่จะอ้วน แต่ยังไงเธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง ต้องมาเผชิญหน้ากับหมูป่าเช่นนี้...

เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ เขาก็เห็นว่าหมูป่าหมดความอดทนลงแล้วเมื่อถูกขนาบสองข้างโจมตี จึงพุ่งกระโจนเข้าใส่ถูซินเยว่ในฉับพลัน

"ซินเยว่!" ซูจื่อหังตะโกน ดวงตาของเขาฉายแววตื่นตระหนกโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

"อย่าเข้ามา หมูป่าตัวนี้ดุมาก!" ถูซินเยว่ตะโกนใส่ ทันทีที่หมูป่ากระโจนเข้าใส่ เธอก็หมอบลงไปบนพื้นทันที ฉวยโอกาสตอนที่หมูกำลังจะโจมตีกลิ้งร่างที่อวบอ้วนแต่คล่องแคล่วไปด้านข้าง จากนั้นจึงกระโดดขึ้นคร่อมหลังหมูด้วยความเร็วสูงสุด คว้าหมับเข้าเขี้ยวที่โผล่ออกมานอกปาก

เมื่ออาวุธแหลมคมถูกจับไว้ หมูป่าตัวน้อยก็กระโดดขึ้นลงอย่างร้อนรน พยายามจะเหวี่ยงถูซินเยว่ให้หลุดออก

ถูซินเยว่หยิบเสียมเล็ก ๆ ทุบเข้าไปที่หัวหมูป่าสุดแรง ทันใดนั้นหมูป่าก็ดิ้นอย่างบ้าคลั่งแรงขึ้นไปอีก ถึงขนาดสามารถเหวี่ยงตัวเองไปยังลำธารที่อยู่ด้านข้างได้

ร่างกายที่อวบอ้วนของถูซินเยว่ต้องมีน้ำหนักอย่างน้อยเก้าสิบกิโลกรัม แต่ก็ยังถูกหมูป่าสะบัดเหวี่ยงจนล้มลงบนพื้น

หมูป่าตัวนั้นดูเหมือนจะถูกยั่วโมโหสุดขีด หลังจากที่เหวี่ยงถูซินเยว่จนล้มลง ไม่เพียงแต่ไม่วิ่งหนีไป กลับอ้าปากแยกเขี้ยววิ่งเข้าใส่เธอ

ถูซินเยว่ตื่นตระหนก หากถูกกัดเข้าล่ะก็ มีหวังมีรูเพิ่มมาบนหัวแน่

เธอหยิบเสียมขึ้นมาอย่างรีบร้อนเพื่อที่จะมาขวางมันไว้ แต่เห็นร่างสูงพุ่งเข้าใส่บนตัวเธอ

หมูป่าที่กำลังจะกัดหน้าเธอ ฝังเขี้ยวลงไปบนร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนตัวเธอ ซูจื่อหังกระอัก แล้วขบฟันพูดว่า "หนีเร็ว"

"ซูจื่อหัง!" ถูซินเยว่หวาดหวั่น เธอไม่คาดคิดว่าสามีโดยบังเอิญของเธอคนนี้จะเข้ามาขวางเพื่อช่วยเธอไว้ เมื่อเห็นว่าหมูป่ากัดเข้าไปแล้วหนึ่งทีและกำลังจะอ้าปากกัดอีกรอบ เธอก็คว้าขวานของซูจื่อหังมา กระโจนใส่หมูป่าและฟันเข้าที่ท้องเต็มแรงหนึ่งที

หนังของหมูป่านั้นแข็งมาก ถูซินเยว่ก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน หลังจากฟันเข้าหนึ่งที เธอก็เงื้อมือฟันเข้าไปอีกหนึ่งครั้งที่คอ ทันใดนั้นหมูป่าที่ดุร้ายเมื่อครู่ก็ตัวหดลงราวกับลูกโป่งที่มีรูรั่ว นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น

หลังจากพิชิตสัตว์ร้ายได้ ถูซินเยว่ก็รีบลุกขึ้นยืนเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของซูจื่อหัง และเห็นว่าที่หลังของชายหนุ่มถูกกัดจนเป็นโพรง เลือดไหลนองออกมาอย่างไม่คิดชีวิต

แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ยังดูน่ากลัวมาก

"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม" ถูซินเยว่พูดอย่างจนปัญญา "เจ้าวิ่งมาทำไม ไม่กลัวตายหรือไง?"

ซูจื่อหังลุกขึ้นนั่ง มองถูซินเยว่ แล้วพูดน้ำเสียงเรียบ ๆ "ข้าเลียนแบบเจ้าน่ะ"

"เลียนแบบข้า" ถูซินเยว่ชะงัก รู้สึกงงงัน

ซูจื่อหังกล่าวต่อว่า "เมื่อกี้เจ้าก็ไม่กลัวตายเหมือนกันไม่ใช่หรือ ตัวคนเดียวยังกล้าวิ่งเข้าใส่หมูป่า"

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของชายหนุ่ม ถูซินเยว่เม้มปาก รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอประเมินศักยภาพตัวเองสูงเกินไปจริง ๆ หากเป็นชาติก่อน เธอคงพอสู้กับหมูป่าได้ แต่ตอนนี้เธออ้วนเกินไป จับหมูป่าไม่อยู่ แถมยังเกือบถูกมันกินเป็นอาหาร...

"เจ้าอย่าพึ่งขยับ ข้าจะล้างแผลให้ก่อน" เขี้ยวของหมูป่ามีพิษ ในสมัยโบราณไม่มีเครื่องมือฆ่าเชื้อ เลยทำได้แค่ล้างด้วยน้ำในลำธาร ถูซินเยว่ฉีกเสื้อออก และนำไปจุ่มน้ำในลำธาร และกลับมาทำความสะอาดบาดแผลให้ซูจื่อหัง

"ทนเจ็บหน่อยนะ"

"อืม" ซูจื่อหังพยักหน้า

หลังจากทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวังแล้ว ถูซินเยว่ก็หันหลังกลับเข้าไปในพุ่มไม้ทำท่าก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังหาอะไรอยู่

ซูจื่อหังดวงตาฉายแววสงสัย

รออยู่พักหนึ่ง ในที่สุดถูซินเยว่ก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ถือหญ้าจำนวนหนึ่งไว้ในมือแล้ววางหญ้าลงในลำธารเพื่อชำระล้างให้สะอาด จากนั้นใช้หินก้อนเล็ก ๆ ทุบหญ้าจนละเอียด

"นี่คืออะไร?" เมื่อเห็นถูซินเยว่เดินมาหาเขาพร้อมกับหญ้าในมือ ซูจื่อหังก็กวาดสายตาไปมา

"นี่คือผักเป็ดแดง เป็นสมุนไพรห้ามเลือดและลดการอักเสบ ตอนที่เราผ่านมาเมื่อครู่พวกมันมีเยอะแยะอยู่ในพุ่มไม้" ถูซินเยว่ใช้สมุนไพรที่ทุบแหลกละเอียดทาลงบนบาดแผลของซูจื่อหัง แล้วพูดว่า "แปะสมุนไพรนี้ลงไป เลือดจะหยุดไหลเร็วขึ้น"

"ซินเยว่ เจ้าเป็นคนมีความรู้" ซูจื่อหังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เมื่อก่อนถูซินเยว่เป็นแค่คนสติไม่ดี ต่อให้เพิ่งจะหายจากอาการสติไม่ดี แต่ท่าทางที่ดูจะรู้เรื่องไปเสียทุกอย่างตอนนี้นั้น มันผิดปกติเกินไปจริง ๆ

ยาสมุนไพรที่แปะลงบนบาดแผลให้ความรู้สึกเย็น ๆ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ซูจื่อหังลืมความสงสัยในใจไปอย่างรวดเร็ว

เขาหันสายตาไปจับจ้องหมูป่าที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาทั้งสอง แล้วพูดขึ้นว่า "หมูป่าตัวนี้น้ำหนักอย่างน้อยสามสิบกิโลกรัม พอกลับบ้าน เราจะเก็บขาหมูไว้สองขา จากนั้นก็เอาส่วนที่เหลือไปขายที่ตลาด น่าจะขายได้เงินไม่น้อย"

ตอนนี้ชีวิตของนางหยูต้องใช้ยาประคับประคอง แม้ว่าเขาจะมีเงินอยู่สิบตำลึงที่ครอบครัวตระกูลถูให้มาซึ่งดูเหมือนจะเยอะ แต่ค่ายาและค่าอาหารของหลายคน ไม่ถึงสามเดือนก็คงหมด

ซูจื่อหังขมวดคิ้ว แต่กลับเห็นถูซินเยว่ที่นั่งอยู่บนพื้นมองดูบาดแผลของตนพลางหัวเราะคิกคัก ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เจ้าหัวเราะอะไร?"

มีอะไรน่าขำงั้นหรือ?

ขณะที่สงสัย ก็เห็นถูซินเยว่หันกลับมาเอ่ยว่า "ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าท่านแม่บาดเจ็บ ตอนนี้เจ้าก็บาดเจ็บเหมือนกัน ทั้งสองคนกินไข่ไม่ได้ ถ้างั้นไข่สองใบนั้นก็ต้องเป็นของข้าคนเดียวแล้วสินะ"

ดวงตาของหญิงสาวฉายแววเจ้าเล่ห์ พูดพร้อมกับทำหน้าบานเป็นกระด้ง

ซูจื่อหังชะงักไปพลางส่ายศีรษะ

แค่ไข่สองใบ ถูซินเยว่ต้องตื่นเต้นดีใจขนาดนี้เลยหรือ มันช่าง....

ทั้งสองช่วยกันจัดแจงเตรียมการ ซูจื่อหังใช้กระสอบป่านเอาหมูป่าใส่ในตะกร้า ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ถูซินเยว่กลับคว้าตะกร้าไปแล้วแบกมันไว้บนหลัง พูดอย่างจริงจังว่า "หลังของเจ้าได้รับบาดเจ็บ แบกของไม่ได้ ข้าจะแบกเอง"

พูดจบ ก็ไม่สนว่าซูจื่อหังจะมีสีหน้าเช่นไร แบกหมูป่าขึ้นหลังแล้วออกเดิน

ซูจื่อหังที่อยู่ด้านหลังมองดูร่างอ้วนกลมของหญิงสาว ดวงตาเป็นประกายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status