Share

บทที่ 9 ฉงเป่าผู้เยี่ยมยอด

ถูซินเยว่โบกกำปั้นเล็ก ๆ ของเธอ

ภายใต้แสงแดด ดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยแววเจ้าเล่ห์ พูดจาคล่องแคล่วเสียงสดใส ทำให้เหล่าฝีหนองบนหน้าเธอถูกลืมไปโดยปริยาย

จู่ ๆ ซูจื่อหังก็รู้สึกว่าถูซินเยว่ไม่ได้อัปลักษณ์ขนาดนั้นแล้ว

พวกเขาทั้งสองทำข้อตกลงกันโดยปริยายว่าจะไม่พูดถึงเรื่องของถูหมิงซวนและเหลียงปินอีก ด้วยกลัวว่ามันจะมืดค่ำเสียก่อน ทั้งสองจึงรีบก้าวเดินขึ้นภูเขา

หมู่บ้านต้าเย่อยู่ด้านหน้าภูเขาใหญ่ ด้านหลังเป็นภูเขาลึกและป่าเก่าแก่ที่มีใบไม้และพุ่มไม้เขียวชอุ่มอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ทั้งสองกำลังเดินขึ้นไปบนภูเขา ถูซินเยว่ก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า "เจ้าจะไปเก็บอะไร? หรือว่าจะล่าสัตว์กลับไป?"

ซูจื่อหังซึ่งปกติอยู่แต่ในห้องหนังสือท่าทางองอาจผ่าเผยตอนนี้ขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย ที่จริงแล้วตั้งแต่จำความได้ นางหยูให้เขาอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือตลอด ปกติไม่เคยให้เขาต้องทำงานเหล่านี้เลย

ขึ้นเขามาครั้งนี้ ก็แค่เพราะเขาเคยเห็นคนในหมู่บ้านขึ้นมาล่าสัตว์ได้กลับไปเป็นครั้งคราว ดังนั้นเขาจึงอยากลองมาเสี่ยงโชคดูบ้าง

"บนเขานี้มีเลียงผา แต่ปกติไม่ค่อยได้เห็น ข้าลองมาเสี่ยงดวงดูน่ะ" ซูจื่อหังบอกความจริง

งั้นก็ตามนั้นเถอะ ถูซินเยว่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้จึงหัวเราะออกมา

ซูจื่อหังหางตากระตุก เขาก็ไม่อยากเสียหน้าเช่นนี้ แต่เขาไม่มั่นใจจริง ๆ ว่าจะสามารถล่าอะไรกลับไปได้

ทั้งสองเดินขึ้นไปบนภูเขาได้สักพัก พื้นทางไม่เรียบทั้งยังลาดชัน ถูซินเยว่ที่ร่างกายเต็มไปด้วยไขมัน เดินไปได้ชั่วครูก็เหนื่อยจนหายใจหอบ

กัดฟันเดินต่ออย่างยากลำบากอยู่พักหนึ่ง แต่เธอไม่สามารถฝืนได้อีกต่อไป จึงนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ข้าง ๆ

"ไม่ไหวแล้ว ๆ ข้าขอพักก่อน" ถูซินเยว่โบกมือ มองดูรูปร่างซูบผอมของซูจื่อหังแต่กลับไม่มีอาการเหนื่อยหอบเลยแม้แต่น้อย จึงรู้สึกหงุดหงิด นึกดูหมิ่นตัวเองอยู่ในใจอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันก็คิดแผนอยู่ในใจ

ในเมื่อตอนนี้เธอได้รับช่วงต่อร่างกายมาจากเจ้าของคนก่อนแล้ว ต่อไปเธอจะต้องขยันออกกำลังกายอย่างขันแข็งเพื่อลดไขมันในร่างกายให้หมดไป ไม่เช่นนั้นต่อไปเดินก้าวสองก้าวก็เหนื่อยหอบแบบนี้ เธอคงทนไม่ไหวแน่ อีกทั้งยังไม่ดีต่อสุขภาพด้วย

หายใจเข้าลึกอยู่สองที ในที่สุดถูซินเยว่ก็รู้สึกดีขึ้น รับกาน้ำมาจากซูจื่อหังกำลังจะดื่ม จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแทรกเข้ามาในหู

"ยายอ้วน ๆ ! มีหมูป่าอยู่ในลำธารทางซ้ายแน่ะ รีบไปเร็วเข้า!"

เสียงนั้นดังราวกับฟ้าร้อง ถูซินเยว่ตกใจจนเกือบสำลักน้ำ

"ใคร ใครพูดน่ะ?!"

เธอผลุนผลันลุกขึ้นยืน

ซูจื่อหังมองดูถูซินเยว่พูดพึมพำ ก็พูดขึ้นด้วยความงุนงง "ไม่มีใครพูดอะไรนี่"

"ไม่มีใครพูด?"

ไม่ใช่แล้ว! เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่ามีคนตะโกนอยู่ข้างหูเธอนี่นา เสียงดังจนเกือบทำให้เธอหูหนวก

ถูซินเยว่ที่กำลังสงสัยอยู่ จู่ ๆ เสียงเมื่อครู่ที่ได้ยินก็ดังขึ้นอีกรอบ "ช่างเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาเสียจริง รู้แบบนี้ข้าไม่พูดกับเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว ข้าก็คือฉงเป่ายังไงเล่า ข้าเพิ่งคุยกับเจ้าเมื่อเช้า ลืมข้าง่ายขนาดนี้เลยรึ"

"ฉงเป่า?" ถูซินเยว่นึกอยู่นานกว่าจะจำได้ว่าเป็นแมลงอ้วนตัวใหญ่ที่เจอเมื่อเช้าตอนที่เข้าไปในมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนจะเรียกตัวเองว่าฉงเป่าอะไรนี่แหละ

ว่าแต่มันอยู่ที่ไหนกันล่ะ ทำไมถึงมาคุยกับตนได้?

"ข้าสื่อสารกับเจ้าผ่านทางจิต ดังนั้นสามีโดยบังเอิญของเจ้าจึงไม่ได้ยิน เจ้านี่มันโง่จริง ๆ " ฉงเป่าพูดด้วยท่าทางรังเกียจ

ถูซินเยว่บุ้ยปากถามอย่างหมดคำพูด "เมื่อกี้เจ้าจะบอกอะไรกับข้านะ?"

เมื่อครู่เสียงของฉงเป่าดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อีกทั้งยังดังก้องเต็มหู ถูซินเยว่จึงไม่ทันได้ฟังถนัดนัก

ฉงเป่าพูดซ้ำอย่างรำคาญ "มีหมูป่าตัวหนึ่งอยู่ในลำธารทางด้านซ้าย... หมูป่าตัวนั้นได้รับบาดเจ็บและวิ่งไม่ได้ไกล รู้งี้ข้าไม่บอกเจ้าดีกว่า ความโง่ของเจ้าทำข้าหงุดหงิดจะแย่...."

ฉงเป่ายังคงบ่นพึมพำต่อไป แต่ถูซินเยว่กลับลุกขึ้นอย่างหุนหันพลันแล่น ตะโกนด้วยความตื่นเต้น "หมูป่า!"

ซึ่งทำให้ซูจื่อหังที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจ ตั้งแต่เมื่อครู่ก็พึมพำกับตัวเองคนเดียว พูดอะไรเขาก็ฟังไม่เข้าใจ มาตอนนี้ก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น คงไม่ใช่โรคบ้ากำเริบหรอกนะ?

ก่อนที่เขาจะได้ทันตั้งตัว ถูซินเยว่ก็เอื้อมมือไปคว้ามือของซูจื่อหัง วิ่งไปทางซ้ายพลางพูดว่า "สามีโดยบังเอิญ เจ้ารีบหยิบขวานออกมาเร็วเข้า มีหมูป่าอยู่ตรงนั้นแน่ะ"

เธอตื่นเต้นมาก ตะโกนบอกตามคำของฉงเป่า

สามีโดยบังเอิญ?

มุมปากของซูจื่อหังกระตุก แม้ว่าเขาจะรู้สึกฉงน แต่เขาก็ยอมหยิบขวานออกมา ขณะที่วิ่งตามถูซินเยว่ก็เอ่ยถามไปด้วยว่า "เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามีหมูป่า?"

"ลางสังหรณ์น่ะ"

เรื่องของฉงเป่าและมิติแห่งน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถบอกคนนอกได้ ถูซินเยว่จึงตอบไปเรื่อย

เมื่อครู่ยังหอบแฮ่ก ๆ แต่ตอนนี้พอได้ยินว่ามีหมูป่า ไม่ต้องบอกเลยว่าหญิงสาวจะตื่นเต้นดีใจขนาดไหน รีบจ้ำสี่คูณร้อยไปเลย

หมูป่า!

หมูป่าเลยนะโว้ย!

ต้องบอกก่อนว่าบรรดาชาวนาเหล่านั้นที่ขึ้นเขามา จับเลียงผาได้ก็นับว่ายากแล้ว แต่หมูป่ามีค่ากว่าเลียงผามาก เมื่อเช้ากินโจ๊กผักเข้าไป ถูซินเยว่ก็ผิดหวังเต็มทน หากจับหมูป่าตัวนี้ได้ล่ะก็ เธอก็มีหวังจะได้กินเนื้อบ้าง

แน่นอนว่าถูซินเยว่ต้องตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นเสียจนเกือบจะบินไปจับหมูตัวนั้น

เธอดึงซูจื่อหัง และกระโจนเข้าไปในพุ่มไม้ราวกับเสือภูเขา ซูจื่อหังถึงกับตกตะลึงกับพละกำลังของเธอ

"ซินเยว่ เจ้าวิ่งช้าหน่อยเถอะ"

พุ่มไม้หนา และก้อนหินมากมาย หากสะดุดล้มคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่

เพิ่งจะพูดจบ ถูซินเยว่ก็หยุดวิ่งกระทันหัน จากนั้นจึงยื่นมือออกมา ส่งสัญญาณบอกให้เงียบ บอกใบ้ซูจื่อหังให้เดินเบา ๆ

แม้ว่าหญิงสาวจะยังคงเป็นลูกบอลกลม ๆ ฝีหนองเต็มหน้า แต่ดวงตาเล็กหยีคู่นั้น กลับดูเฉียบคม ราวกับนักล่ามืออาชีพที่กำลังดักซุ่มโจมตี ท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจัง

หรือว่าซินเยว่จะเป็นพวกมีครูรู้วิชา?

ซูจื่อหังรู้สึกงุนงงกับความคิดของตัวเอง ทำไมเขาถึงมีความคิดเช่นนี้ไปได้?

ในตอนนี้เอง ถูซินเยว่ก็ยื่นนิ้วออกมาอย่างกระทันหัน ชี้ไปนอกพุ่มไม้อย่างเงียบ ๆ

ซูจื่อหังมองตามนิ้วของเธอไป ทันใดนั้นความประหลาดใจก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา เมื่อเห็นว่ามีหมูป่าตัวหนึ่งนอนอยู่ข้างลำธาร

"นี่ นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว!"

ซินเยว่พูดถูกจริง ๆ ด้วย

หมูป่าตัวนั้นดูตัวไม่ใหญ่ ขาข้างหนึ่งไม่รู้ว่าถูกตัวอะไรกัด กำลังเลียบาดแผลตัวเองอยู่ ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีคู่สามีภรรยากำลังแอบสอดแนมอยู่ในพุ่มไม้

ถูซินเยว่ชี้ไปทางด้านหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่ซูจื่อหัง จากนั้นก็ชี้ไปที่ตัวเอง แล้วก็ชี้ไปที่ด้านหลังอีกทีหนึ่ง

ซู่จื่อหังเข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ คือให้เขาไปสกัดข้างหน้าหมูป่า แล้วจู่โจมจากทั้งสองฝั่ง

เขาพยักหน้า และส่งเสียมเล็ก ๆ ในมือให้กับถูซินเยว่

เมื่อเห็นว่าหมูป่าคลายความระวังตัวแล้ว ทั้งสองก็กระโจนออกจากพุ่มไม้ทันที

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status