“คุณหนูอยากจะพบท่านอ๋องหรือเจ้าค่ะ”
"ข้า…ข้าแค่รู้สึกว่าเหมือนอยู่บ้านเดียวกันกับท่านพี่อ๋องฟู่แต่ก็เหมือนไม่อยู่บ้านเดียวกัน"อี้เหลียวถอนหายใจ
"ไปรับท่านอ๋องกันเถิดค่ะป่านนี้คงใกล้จะถึงจวนอ๋องแล้ว"พยุงร่างอ้วนไปที่หน้าจวน
จริงดังคาด ฟู่อ๋องลงจากเกี้ยวแล้วยื่นมือรอรับ จิงชินที่ค่อยๆ ลงจากเกี้ยวชายกระโปรงที่ยาวเกี่ยวเข้ากับม้าตัวยาวที่ทำจากไม้ที่เสี่ยวฝานวางไว้แทนบันได ฟู่อ๋องรับร่างอ้อนแอ้นไว้ในอ้อมแขนตาคมจ้องมองดวงตาหวานของจิงชิน
"น้องรองเจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”
จิงเชียวเอ่ยปากทักด้วยรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ
"ปล่อยเถอะค่ะ"จิงชินส่งเสียงหวานหยด
"เจ้ายืนเองได้ไหม หรือจะให้ข้าอุ้มหวางเฟยไปส่งที่ห้อง"จิงชินหลุบตามองอกกว้างฟู่อ๋องวางจิงชินลงกับพื้น
จิงเชียวก้มหน้า เดินหันหลัง
"พี่สาว ข้าเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับฮองเฮาทั้งสองพระองค์ทรงมอบของขวัญมากมาย พี่สาวข้าแบ่งให้ท่าน อย่าเพิ่งไป"จิงเชียวยิ้มแก้มยุ้ย
"หือ เจ้าแบ่งข้าด้วยหรือเจ้าช่างใจดีเสียจริงน้องรอง แต่ข้าไม่รับดีกว่าขะขะ ข้าตอนนี้ขะขะขอตัวจะดีกว่านะเพราะทั้งสองคน. เอ่อ ทั้งสองคน…"ฟู่อ๋องกำมืออ้วนของจิงเชียวไว้แน่น
"วันนี้ต้องเสวยร่วมกัน เพราะฝ่าบาทกำชับให้ข้าดูแลเจ้า กลัวว่าเจ้าจะน้อยใจข้าก็เลยต้องทำตามบัญชาฝ่าบาท"
จิงเชียว นิ่งงันไม่ฉลาดแต่ก็ไม่โง่ ต้องให้ฝ่าบาทเป็นคนบัญชาอ๋องฟู่เพียงทำตามบัญชา
"มะมะไม่เป็นไรข้ากินจุ แล้วก็กินเยอะแล้วข้าก็อยากนั่งกินตามสบายไม่อยากให้พวกท่านเห็นข้าเวลาที่กิน”
“ท่านอ๋องปล่อยพี่สาวไปเถิดนางปกติใช้เวลาในการกินอาหารนานนับชั่วยาม”อ๋องฟู่ถอนหายใจ
ยอมปล่อยจิงเชียวไปเสียแต่โดยดี แต่ทว่าพอก้าวขา จิงเชียวกับเซถลาด้วยน้ำหนักตัวที่มากมายทำเอาซวนเซจะล้มไม่ล้ม ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน อี้เหลียวไวกว่าใครรรีบเข้ามาดันแผ่นหลังใหญ่ไม่ให้ล้มลงมา
“ขะขะขอบใจอี้เหลียว”
“พี่สาวท่านเล่นอะไรของท่านตั้งใจทำแบบนี้อยากจะให้ท่านอ๋องรับท่านเหมือนที่รับข้าหรือไร ที่นี่ไม่ใช่บ้านฉิน ที่จะมีคนคอยตามไม่ให้ท่านได้รับอันตรายยามเดินต้องประคองยามกินต้องมีคนคอยยืนเฝ้า”
จิงชินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขบขัน
“ขะขะข้าเปล่านะข้าจะล้มจริงๆ ข้าหมุนตัวเร็วไปหน่อยแล้วอีกอย่างท่านพี่อ๋องฟู่ก็ปล่อยมือจากข้าเร็วไปหน่อยข้าเลยเสียหลัก”
“ระวังหน่อย ชายา…เจ้ารู้ว่าตัวเองเวลาจะเดินจะนั่งก็ยากเจ้าต้องระวังให้มาก เจ้าไม่ได้รูปร่างผอมบางเหมือนจิงชินแม้ข้าอยากช่วยก็ไม่อาจช่วย”
“พี่สาว ข้าอยากจะช่วยท่านไม่ให้ล้มเหมือนกัน แต่ก็ไม่ไหว ตัวท่านหากข้าช่วยไม่แน่อาจจะโดนล้มทับ อย่าว่าแต่ข้าเลยท่านอ๋องก็อาจจะช่วยท่านไม่ไหว ”
“ข้ามะมะไม่ได้ว่าอะไรพวกเจ้าเสียหน่อย….ข้าไปดีกว่า”
อี้เหลียวส่ายหน้าไปคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นอี้เหลียวทำไมถึงเต็มใจช่วยในขณะที่พวกเขาไม่ยอมเข้าใกล้
หันหลังเดินตามจิงเชียวแปลกจริงวันนี้ทำไมคุณหนูถึงมีท่าทีเปลี่ยนไป ปกติไม่เป็นแบบนี้
“คุณหนูเจ้าขาน้อยใจท่านอ๋องหรือเจ้าค่ะ”
ในที่สุดก็ไม่หยุดไว้แค่ความสงสัย
“ข้า ข้ามองตัวเองที่อ้วนตุ๊ต๊ะ กับจิงชิน ข้าที่ล้มลงท่านพี่อ๋องฟู่ยืนนิ่ง นอกจากไม่รับข้าแล้วยังไม่สนใจว่าข้าจะลงไปกองกับพื้น ข้าเลยคิดว่าข้าควรจะตั้งใจอดอาหารทำให้ตัวเองผอมลงจริงจังเสียที ถึงเวลานั้นหากว่าข้าล้มลงไปแล้วท่านพี่อ๋องฟู่ไม่รับจึงจะถือว่าแปลก”
อี้เหลียวพยักหน้าขึ้นลงแบบนี้นี่เองคุณหนูมีอะไรในใจแล้วหรือไอ้อะไรที่ว่านี่คงเป็นความรู้สึกน้อยใจ หรือเพราะคุณหนูของอี้เหลียวเริ่มมีใจให้ท่านพี่อ๋องฟู่ของคุณหนูแล้วอย่างนั้นหรือ
“อาจเพราะท่านอ๋องกลัวว่าจะแบกคุณหนูไม่ไหวจึงไม่กล้าช่วยคุณหนูกลัวว่าจะยิ่งทำให้ล้มลงไปเสียทั้งคู่”
กลัวว่าจิงเชียวจะคิดมากจึงหาทางโน้มน้าวจิตใจ
ฟู่ฉวีช่ายอ๋องท่านอ๋องหนุ่มผู้ซึ่งเป็นน้องต่างมารดาของฮ่องเต้จึงได้เพียงตำแหน่งอ๋องมีแม่เป็นเพียงสนมที่ไม่เป็นที่โปรดปรานทว่าฮ่องเต้กลับรักราวกับลูกด้วยฟู่ฉวีชาย ช่วยงานราชสำนักหนักเบาได้ไม่น้อย มีความทรงจำที่งดงามในวัยเด็กร่วมกันกับจิงเชียวเรียกได้ว่าจิงเชียวคือรักแรกของเขาเช่นกัน แต่เป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่งมาก มีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยมากมาย แต่ก็พยายามที่จะชนะใจจิงเชียวให้ได้ฉินจิงเชียวหญิงอ้วนที่รักแรกรักเดียวคือฟู่ฉวีช่าย เป็นที่รักใคร่ของคนรอบข้างถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กแต่ก็นิสัยน่ารักสดใสไม่ได้มีนิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กที่ถูกตามใจทั่วไปจึงเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปแม้จะอ้วนก็ไม่มีใครมองว่าคือสิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ทุกคนมองข้าม เพราะจิงเชียวน่ารักสดใสกับคนรอบข้างเสมอ อีกทั้งยังเป็นคนจิตใจดีมีเมตตากับคนทั่วไปโดยเฉพาะฉินจิงชิน ปัญหาคงไม่เกิดหากฟู่อ๋องไม่หมางเมินจนทำให้จิงเชียวกระโดดหน้าผาจนพบกับกัวหลงหลงผู้ที่จะมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างกัวหลงหลงองค์ชายเผ่าจิ้งจอกที่ชอบหนีเที่ยวแต่บังเอิญ วันนั้นหลงทางกับองครักษ์ (ลู่เยว่)และมาพบกับจิงเชียวที่มีเมตตาช่วยเหลือเขาโดยการนำตัวจิ
“แล้วหากข้าอ้วนขึ้นเล่า”“ความจริงข้าชอบจิงเชียวในแบบอ้วนนะอย่างน้อยนางก็มีสายตาไว้มองข้าคนเดียว ถึงความคิดของข้าจะเห็นแก่ตัวไปก็ตามแต่ข้าไม่ชอบให้ใครมองเจ้าไม่ชอบให้ใครชมเจ้าว่างดงามไม่ชอบให้เจ้า มองคนอื่น”“จิงเชียวก็ไม่ชอบให้ท่านพี่อ๋องฟู่มองคนอื่นเหมือนกัน”ตาสบตาฟู่อ๋องจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างอ่อนโยน กัวหลงหลงที่ยืนอยู่ด้านหลังห้องยกสุราขึ้นกรอกลงปากจนหมดถุง ยิ้มเศร้าๆ หมาเชาเชาตัวสีขาวส่งเสียงร้องงื๊ดง๊าด กัวหลงหลงก้าวเดินจากไป“ไปกันเถอะลู่เยว่”“โฮ่งๆๆ”ลู่เยว่ท้วง“ไม่ไม่จำเป็นต้องกล่าวลานางหรอก ข้าพร้อมจะไปแล้ว นางก็พร้อมที่จะยิ้มรับความสุขแล้ว”สายลมพัดผ่านพวงหางทั้งเก้า กัวหลงหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พรุ่งนี้จิงเชียวจะถามหาเขาไหมนะพรุ่งนี้นางจะ ยังมีเขาในความทรงจำไหมนะ“อย่าเพิ่ง ท่านพี่อ๋องฟู่จิงเชียวสงสัยว่าท่านทำไมไม่ร่วมแท่นนอนกับน้องรองจิงชินทั้งๆ ที่นางงดงามเพียงนั้น”ฟู่อ๋องถอนหายใจทั้งที่เขากำลังทาบทับร่างอุ่นของจิงเชียวแต่นางกับพูดเรื่องนี้ขึ้นมา“เพราะข้ารอเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียว เพราะข้ารักเจ้าอย่างไรเล่าจิงเชียวไม่ว่าจะกี่หญิงงามก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนใจ ข้ามีใจให้จิงเช
ก่อนหน้านั้น“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆ”จิงเชียวหรืออิงเอ่อร์นั่งบีบมือเย็นเฉียบอยู่บนแท่นนอน ใต้แท่นนอนมีกัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงู คอยระวังระไวหากจิงเชียวร้องขอความช่วยเหลือเขาคงต้องตัดใจกัดอู้หลงฮ่องเต้ให้จมเขี้ยวอย่างแน่นอน“จิงเชียวน้อย เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่”คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน กัวหลงหลงอ้าปากค้าง พึมพำเบาๆ“เจ้าอ๋องนั่นจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกอู้หลงฮ่องเต้แน่”“ฉินเกอลนลานเข้ามาพบข้าบอกว่าเจ้าคือจิงเชียวน้อย ที่กลับมาอีกครั้งจากความตาย”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ กัวหลงหลงส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้แล้ว”“ตั้งใจปิดบังฟู่อ๋อง ตามหารักแท้หรือไรฮ่าาาา”จิงเชียวก้มหน้ายิ้ม“ฝ่าบาท โปรดอภัยจิงเชียวไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงเบื้องสูง”คุกเข่าลงกับพื้น“ข้าเห็นเจ้าในครั้งแรกก็รู้สึกว่าดวงตาของเจ้าเหมือนของใครสักคนที่ข้ารู้จัก ในที่สึกจึงรู้ว่าเป็นของจิงเชียวน้อย บิดาเจ้ายินดีกว่าใครอยากจะเข้ามาพบเจ้าเสียให้ได้แต่ ข้าห้ามไว้ตั้งใจจะวางแผนจัดการกับคนปากแข็งเช่นฟู่อ๋อง ข้าส่งคนสอดแนมตอนที่เจ้าหายไป อยากรู้ว่าฟู่อ๋องเสียใจหรือไม่เมื่อเจ้าไม่อยู่”“แล้วท่านพี่อ๋องฟู่เสียใจไหมเพคะที่จิงเชียวไม่อยู่”กัวหล
เขย่าประตูแต่ทว่ากับใส่กลอนแน่นหนาฟู่อ๋องใช้ไหล่กระแทกประตูด้วยแรงทั้งหมดจนกระทั่งบานประตูหลุดออกจากกันพุ่งตัววิ่งเข้าหาจิงเชียวที่นอนบนแท่นนอนหนา“อิงเอ่อร์ ไม่สิจิงเชียวเจ้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น”จิงเชียวเงยหน้าขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาทว่ามีสีหน้าวิตกกังวล มองอ้อมแขนที่กอดรัดไว้แน่น“ท่านพี่อ๋องฟู่ท่านรู้ว่าเป็นข้าหรือ” ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“เมื่อกี้เจ้ากรีดร้องเป็นอะไรไป”“จริงด้วยงู มีงูในผ้าห่มของข้าข้าเอาหมอนฟาดมันจนตัวงอ แต่มันก็ไม่ยอมไปไหน”ฟู่อ๋องอุ้มจิงเชียวไปวางไว้ที่เก้าอี้“ข้าจะไล่งูให้” กัวหลงหลงที่กลายร่างเป็นงูตัวสีดำขมวดคิ้ว พุ่งตัวเข้าหาจิงเชียว“กรี๊ดดดด”ฟู่อ๋องเองก็ถลาเข้าหาจิงเชียวกอดรวบร่างบางไว้แนบอก“ฟู่อ๋องฉวีช่าย”เสียงดังราวกับอาญาสิทธิ์ดังขึ้นอู้หลงฮ่องเต้ก้าวขามาในห้องทันได้เห็นภาพที่ฟู่อ๋องกอดรวบจิงเชียวไว้ทั้งตัวพอดี“ฝะฝะฝ่าบาท”ฟู่อ๋องรีบปล่อยอ้อมกอดประสานมือตรงหน้าสำนึกผิด“ฟู่อ่องสมควรตายล่วงเกินพระสนม”“หือ พระสนม ใครบอกว่านางเป็นสนมของข้า”ฟู่อ๋องมีสีหน้างงงันกัวหลงหลงพุ่งตัวออกไปด้านนอกกลายร่างเป็นกัวหลงหลงใทันที“พิษรักเล่นงานจนถึงกับทนไม่ไ
“รู้ได้อย่างไรว่าในเครื่องเสวยมียาปลุกกำหนัด”ถามทั้งที่ตัวเขาเองก็เอะใจอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างท่าทีของจิงชินเมื่อเห็นเครื่องเสวยร่วงเกลื่อนพื้นนางทำสีหน้าราวกับจะฆ่าจะแกงกัวหลงหลง“ก็นะข้ามีความสามารถพิเศษเรื่องที่สามารถ สัมผัสกลิ่นได้ดีกว่าคนทั่วไป”ฟู่อ๋องเลิกคิ้วสูง“ขอบคุณ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ในเมื่อท่านองครักษ์มีทีท่าว่าหมายปองจิงเชียวทำไมท่านองครักษ์ถึงยอม …ช่วยข้าหรือว่าตั้งใจจะให้ข้า ออกหน้าแทนชิงตัวจิงเชียวมาจากฝ่าบาทกันแน่”“ช่างจินตนาการมองคนอื่นในแง่ร้ายสิ้นดี คนอย่างอ๋องฟู่รูปงามทว่าช่างคิดเล็กคิดน้อย”ฟู่อ๋องถอนหายใจ“ไปกันเถอะ ข้าต้องรีบไปอารักขาจิงเชียวแล้ว”ก้าวเดินนำจวนฟู่อ๋อง“ไท่จือ ท่านท่านมาถึงนี่”อู้ตี้ไท่จือเดินเซด้วยความเมามาย หลบอยู่ในห้องบรรทมของจิงชิน“จิงชินข้าคิดถึงเจ้า”พุ่งตัวเข้ากอดรัดจิงชินที่เบี่ยงตัวหลบ“เจ้ารังเกียจข้าหรือหรือว่าเปลี่ยนเป้าหมายแล้วหรือเห็นท่านอาดีกว่าข้าใช่ไหม”จิงชินถอนหายใจ“ท่านจือที่นี่เป็นจวนอ๋องไท่จือกล้ามาถึงนี่ แล้วมาทำเรื่องแบบนี้หากใครมาเห็นเข้า”“ก่อนนั้นข้าก็มาพบเจ้าที่นี่เป็นประจำไม่เคยมีปัญหาทำไมวันนี้ถึงได้คิดจะมีปัญหาไม่
“อะฮ้า จวนท่านอ๋องฟู่นี่มีเครื่องเสวยแต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”กัวหลงๆ เปิดประตูเข้ามาราวกับบสนิทชิดเชื้อเสียเต็มประดาทรุดกายลงนั่ง“หือ แต่ละอย่างน่ากินทั้งนั้น”ก้มลงสูดดมกลิ่นอาหารก่อนจะขมวดคิ้ว หางทั้งเก้าปรากฏเลือนรางก่อนจะรีบร่ายมนตร์บังตาเสียใหม่“เจ้าเข้ามาได้อย่างไรผ่านองครักษ์เข้ามาได้อย่างไร”“หือข้าเป็นสหายลืมไปแล้วหรือท่านอ๋อง ข้ามาเพื่อจะมาเตือนว่าท่านจะต้องรีบไปอารักขาพระสนมคนใหม่ของฝ่าบาท”“ท่านองครักษ์ ท่านอ๋องเสวยเย็นแล้วจึงจะรีบไป”กัวหลงหลงยิ้ม เดินมาหยิบ กระบี่ที่วางไว้บนที่วางกระบี่ที่ทำจากงาช้าง“กระบี่นี่เนื้อดีอีกทั้งยัง เหมาะมือ”ไม่พูดเปล่าร่ายรำกระบี่ราวกับห้องนั้นเป็นสนามประลองตวัดคมกระบี่ไปด้านหน้าด้านหลัง“ระวังหน่อย เพล้งๆๆๆๆ”ฟู่อ๋องที่พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างสูงของกัวหลงหลงหันหลังกลับมาวาดกระบี่ในมือกวาดเอาเครื่องเสวยบนโต๊ะร่วงลงเกลื่อนพื้น“ขะขะข้าขอโทษ โอ๊ยแย่แล้วข้าผิดไปแล้วข้าทำมันพังอีกแล้วใช่ไหมข้าแย่จริงเชียว”รีบถลาเข้าไปเก็บชามและถ้วยเครื่องเสวยที่ร่วงเกลื่อนพื้น จิงชินกัดฟันจนเป็นสันนูนบ้านฉิน“ท่านพี่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างเรา”ฮูหยินจิงหรานป