แม่ทัพใหญ่สบตาคู่งามแล้วไม่อาจโกหกได้
เขากล่าวเนิบช้า “เสด็จพ่อของเจ้าคิดเล่นเล่ห์กับข้า”
หนิงซินตกใจ
“มิใช่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกหรือ ท่าน...ท่านตรวจสอบดีแล้วหรือยัง”
“ไม่มีสิ่งใดต้องตรวจสอบทั้งนั้น ข้ายื่นข้อเสนอที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายที่สุดไปแล้ว บิดาเจ้าอิดเอื้อนไม่ทำตาม เรื่องก็มีเท่านี้”
“เช่นนั้น...พวกท่านจะทำสงครามกันอีกหรือ” นางถามหน้าเผือดสี
ไม่นะ! นางจะยอมให้เกิดเรื่องเสียเลือดเนื้อเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาด
หนิงซินเปลี่ยนจากจับแขนเสื้อเป็นจับแขนเขา
ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด นางก็จะต้องทำให้คนผู้นี้ให้โอกาสเสด็จพ่อของนางได้คิดอีกสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จพ่อของนางจะหน้ามืดตามัวจนมองไม่เห็นความเป็นจริงเช่นนั้น!
ก่อนอื่น...ก่อนอื่นนางต้องรั้งเขาไว้ ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องแต่งกำลังทหารเตรียมการรบเสียก่อน!
“เมื่อครู่ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ...อย่าไปเลยนะ”
แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ไม่เข้าใจ
“ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อทำให้ท่านและเหล่าแม่ทัพนายกองขุ่นเคือง ทว่า ดังที่ท่านแม่ทัพได้พบเห็นมา ผู้มีอำนาจฟาดฟันกัน ที่ตกทุกข์ได้ยากก็คืออาณาประชาราษฎร์ เห็นแก่...เห็นแก่คนบริสุทธิ์เหล่านั้น อย่างน้อยก็อีกสักครั้ง ได้โปรดช่วยรออีกสักหน่อย ขอให้ข้าได้เขียนสารอีกสักหน ข้าจะพยายามเกลี้ยกล่อมเสด็จพ่ออีกที ครั้งนี้...”
เขาตัดบททันที “ยืนยังแทบไม่ไหว ที่ลุกเมื่อครู่ก็ฝืนตนเองมากแล้วกระมัง ยังจะมีแก่ใจคิดเขียนสารอีกหรือ”
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว” หนิงซินจ้องลึกลงในตาคู่นั้น แววตายิ่งกว่าเว้าวอน…
แต่เขาหาเชื่อถือไม่
“เช่นนั้น...เช่นนั้นท่านก็ประคองข้านั่งเขียนสารอีกที ครั้งนี้พวกเราช่วยกันเขียนโน้มน้าวเสด็จพ่อของข้า รับรองว่า...”
หยางหยางพลันหัวเสียหนัก
“เพิ่งรู้ว่าองค์หญิงรองแคว้นป๋ายก็มีด้านที่ดื้อรั้นเช่นนี้” เขากดนางลงกับฟูก เอ่ยกึ่งเยาะ “เจ้าดีขึ้นมากแล้วเช่นนั้นหรือ เช่นนั้นพวกเราก็สามารถ...” เขามองไล่ลงตามลำคองามระหง ก่อนไล่สายตากลับขึ้นมาสบตานาง
หนิงซินเผยอริมฝีปาก กลืนน้ำลายลงคอ น้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้ตัวสักนิดว่าทางทางเช่นนี้กลับกระตุ้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนของบุรุษที่ค้ำร่างอยู่ด้านบนเข้าเต็มๆ
ก่อนที่หนิงซินจะตั้งสติได้ ริมฝีปากหยักได้รูปก็ทาบทับริมฝีปากนาง
เขาทั้งขบเม้มเล็มลิ้ม ตักตวงความหวานจากริมฝีปากน้อยๆ จนคนด้านล่างแทบจะหายใจไม่ทัน ยังดีที่ยังอุตส่าห์ปรานีถอนริมฝีปากออก หันไปหยอกเย้าซอกคอนางอยู่บ้าง
หนิงซินอยากจะพูดว่าอย่า แต่...พูดออกไปแล้วอย่างไร คนผู้นี้จะยอมหยุดหรือ อีกอย่าง...เป็นนางเองไม่ใช่หรือที่ต้องการรั้งเขาไว้ ไม่ให้ออกไปสั่งการกองทัพ เตรียมออกรบ
คิดได้ดังนี้ นางก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย ปล่อยให้แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์กระทำเอาตามใจ
“อ๊ะ...”
เสียงหวานผะแผ่ว ทำให้ไฟปรารถนาในใจหยางหยางลุกโชน
ทีแรกเขาคิดเพียงจะข่มขู่นางเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าเพียงริมฝีปากสัมผัสกัน สติเขาก็พลันหลุดลอย คิดแต่อยากจะแนบชิดนางกว่านี้ สัมผัสนางให้มากกว่านี้
ในตอนที่สติสัมปชัญญะใกล้จะถูกความรู้สึกแปลกประหลาดครอบงำจนสมองด้านชา หนิงซินคล้ายได้ยินเขากระซิบถามทุ้มต่ำแหบพร่า
“เจ้า...แน่ใจนะว่าดีขึ้นมากแล้ว...”
นางจำไม่ได้ว่าตอบไปอย่างไร กว่าจะรู้ตัวริมฝีปากร้อนระอุก็เลื่อนลงสัมผัสจุดอ่อนไหวที่สุดในกายนาง เขาเริ่มจากการโลมเลียอย่างอ่อนโยน ราวกับจะใช้ลิ้นอุ่นร้อนตรวจสอบทุกซอกทุกมุมว่าหายดีแล้วจริงหรือไม่ จากนั้นก็ละเลงลิ้นลงบนจุดที่ทำให้นางรู้สึกร้อนวูบ หัวใจเต้นแรง และเกร็งไปทั่วทั้งตัว ภายในช่วงล่างก็เต้นตุบตับบีบรัดแปลกประหลาด ปั่นป่วนไปหมด
นางไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอกดศีรษะเขาลงแนบส่วนล่างของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
นี่นาง...นี่นางทำอะไรลงไป!
คาดไม่ถึงว่าแม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์จะพึงพอใจ หลังจากทรมานนางด้วยลิ้นและริมฝีปากอุ่นร้อนอยู่ครู่ใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นสบตานาง ยกมุมปากยิ้ม ดูชั่วร้าย
“ขะ ข้า...คือว่า...”
นางรู้สึกว่าสมควรแก้ตัวสักคำ ทว่าในหัวกลับปั่นป่วนไปหมด
ยามนี้เสื้อผ้านางคลายออกจนแทบจะไม่เหลืออาภรณ์ปิดร่างอยู่รอมร่อ เปิดทางให้เขาจูบไล้จากหน้าท้องแบนราบขึ้นมาหยอกเย้าเคล้นคลึงอกอิ่มทั้งสองข้าง ก่อนพรมจูบไซร้ซอกคอไล่ขึ้นจูบริมฝีปาก รุกเร้ารุนแรง พร้อมๆ กับที่แท่งหยกแข็งเกร็งและใหญ่โตมาจรดจ่อที่ส่วนอ่อนนุ่มบอบบางของนางอย่างรอคอย
“ไม่เจ็บเหมือนครั้งแรกหรอก” เขาหว่านล้อมกึ่งปลอบ “ถ้าเจ็บก็รีบบอก...ครั้งนี้ข้าจะระวัง”
หนิงซินแทบไม่ทันได้คิดอะไร ยามนี้นางทั้งกระดากอายจนหูอื้อตาลาย ทั้งติดจะหวาดหวั่น แต่ร่างกายกลับเรียกร้องต้องการจนจิตใจปั่นป่วน สับสน
เห็นท่าทีอึกอักกระดากนั้น หยางหยางค่อยๆ ขยับกายเข้าแนบชิดร่างนุ่มนิ่มบอบบาง กดเจ้า ‘สิ่งนั้น’ เข้าช่องทางคับแคบแน่นตึงอย่างนุ่มนวลใจเย็น ผิดกับริมฝีปากที่ปล้นจูบนางอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน มือที่กอดรัดเอวนางไว้ก็ค่อยๆ กอดรัดร่างน้อยๆ เข้าแนบชิดจนแทบจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน
“ดะ...เดี๋ยว...ช้าก่อน...ดะ...เดี๋ยว...อ๊ะ!” นางอดตกใจไม่ได้ ในจังหวะสุดท้ายที่สิ่งนั้นผลุบเข้ามาทั้งลำ
“มะ...ไม่ได้นะ...”“ข้ารับปากว่าจะไม่สังหารผู้ใดหากไม่จำเป็น”“แต่เหล่าทหารของทั้งเฮยเซ่อเย่ว์และแคว้นป๋ายก็ต้องเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่หรือ” นางจ้องตาวิงวอนไม่ยอมแพ้อาจเพราะความกังวล มือที่ทาบทับแผงอกแกร่งพลันแข็งเกร็ง ขยับเหมือนหนึ่งจะกำ ท้องน้อยเองก็หดเกร็งเช่นกันหยางหยางสะดุ้งเล็กน้อยเพราะการกระทำนั้น ทำเอาหนิงซินสะดุ้งตาม แต่เพราะนางพยายามข่มใจไม่ให้รามือโดยง่าย มือที่ควรผละออกจึงกลายเป็นเคลื่อนไหวอยู่บนแผงอกแกร่งเหมือนหนึ่งแตะไล้หยอกเย้าจู่ๆ ส่วนที่ยังค้างคาอยู่ในกายนางส่วนนั้นก็ขยายตัวขึ้นอีกคราหนิงซินหน้าแดงจัด รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าทั้งตัว มือน้อยที่ทาบบนแผงอกกว้างยิ่งสั่นระริกไปกันใหญ่อา... นางช่าง...น่ารัก...หยางหยางพลันตื่นตัวเต็มที่อีกครั้ง ทำเอาเคร่งเครียด คิดหนัก...เมื่อครู่เพิ่งรังแกนางหนักหน่วงถึงเพียงนั้น หากลงมือซ้ำ เกรงว่าร่างกายเล็กๆ บอบบางใต้ร่างเขาอาจล้มป่วยลงอีกหน...“นะเจ้าคะ...ท่านแม่ทัพ ได้โปรด...” นางขอร้อง
เขากอดร่างนางไว้แน่น กระแทกแรงๆ อีกหลายครั้ง ก่อนดันอาวุธร้ายเข้าลึก จากนั้นบางอย่างก็ระเบิดโพลงอยู่ข้างในนั้น ทำเอาในกายนางอุ่นร้อนชุ่มแฉะไปหมดเขา...ปลดปล่อยสิ่งนั้นข้างในอีกแล้ว? หนิงซินเสียวซ่านสุดจะหาคำบรรยาย ส่วนอ่อนนุ่มกระตุกเกร็ง สองขาหนีบเข้าหากันแน่นโดยไม่รู้ตัวหยางหยางฟุบตัวลง กอดร่างนางไว้แน่น เนิ่นนานนักถึงเลื่อนมือขึ้นลูบศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างเบามือ ก่อนเคลื่อนตัวขึ้นจูบหน้าผากทั้งที่บางส่วนยังคงค้างคากันอยู่ แล้วลูบหลังปลอบโยนอย่างแผ่วเบาสำหรับบุรุษเช่นเขาแล้ว ความสัมพันธ์ทางกายกับความรักนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ทว่าครั้งนี้ กับองค์หญิงน้อยผู้นี้ เขากลับรู้สึกต่างออกไปเขาไม่เคยเอ็นดูใส่ใจ เฝ้าถนอมและหวงแหนผู้ใดเท่าสตรีในอ้อมกอดร่างน้อยนี้มาก่อน“เมื่อครู่...เจ็บหรือไม่” หยางหยางถามอย่างไม่มั่นใจนักตัวเขาเองก็พยายามยั้งมือ ยับยั้งชั่งใจมากแล้ว ทว่า...ช่วงสุดท้ายนั้น มันสุดจะระงับจริงๆหนิงซินได้ยินคำถามแล้วใบหน้าตึงและเห่อร้อนขึ้นทันทีนางก้มหน้างุด ซุกแผงอกแกร่ง ส่ายหน้าน้อยๆ“ท
จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เข้ามาในกายนางมันทั้งใหญ่โตมโหฬาร ทั้งดุนดันหน้าท้องนางจนอึดอัดคับแน่นไปหมด!สิ่งที่ทั้งร้อนและแข็ง ทั้งใหญ่ยาวเช่นนี้ เข้ามาในกายนาง!มิน่าเล่าครั้งแรกนั่นนางถึงได้...หนิงซินกระถดถอยหนีโดยสัญชาตญาณ แต่เขาขยับตาม“อา...” เขาครางอย่างพึงพอใจ ก่อนจะจับร่างนางขึ้นนั่งคร่อมร่างตนเองไว้ตอนแรกว่าตกใจแล้ว ตอนนี้หนิงซินกลับตกใจยิ่งกว่านางทั้งตกใจทั้งรู้สึกอับอายจนไม่อายนั่งตัวตรงอยู่ได้ ได้แต่หมอบกายลงกอดเกาะเขาไว้แน่น“แบบนี้น่าจะดีกว่า...” เขาบอกเสียงแหบห้าวหนิงซินหูอื้อตาลาย ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรไม่ทันจะได้ถาม หยางหยางก็ค่อยๆ จับสะโพกนางขยับยก“ฮึก...!” เพียงเขาขยับมือเล็กน้อย เลือดลมในกายนางก็พลันแล่นพล่าน ความเสียวซ่านแปลกประหลาดแล่นปลาบจากปลายเท้าขึ้นสู่ศีรษะ ทำเอาตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนกอ่อนแอยามแรกฟักจากไข่หยางหยางเห็นท่าทางนั้นแล้วยิ่งกว่าคันยิบๆ ในหัวใจ เขาทั้งเอ็นดูทั้งอยากรังแกนาง เอาคืนที่บังอาจมายั่วยวนบุรุษเช่นตน
แม่ทัพใหญ่สบตาคู่งามแล้วไม่อาจโกหกได้เขากล่าวเนิบช้า “เสด็จพ่อของเจ้าคิดเล่นเล่ห์กับข้า”หนิงซินตกใจ“มิใช่ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรอกหรือ ท่าน...ท่านตรวจสอบดีแล้วหรือยัง”“ไม่มีสิ่งใดต้องตรวจสอบทั้งนั้น ข้ายื่นข้อเสนอที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายที่สุดไปแล้ว บิดาเจ้าอิดเอื้อนไม่ทำตาม เรื่องก็มีเท่านี้”“เช่นนั้น...พวกท่านจะทำสงครามกันอีกหรือ” นางถามหน้าเผือดสีไม่นะ! นางจะยอมให้เกิดเรื่องเสียเลือดเนื้อเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาดหนิงซินเปลี่ยนจากจับแขนเสื้อเป็นจับแขนเขาไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด นางก็จะต้องทำให้คนผู้นี้ให้โอกาสเสด็จพ่อของนางได้คิดอีกสักครั้ง นางไม่เชื่อหรอกว่าเสด็จพ่อของนางจะหน้ามืดตามัวจนมองไม่เห็นความเป็นจริงเช่นนั้น!ก่อนอื่น...ก่อนอื่นนางต้องรั้งเขาไว้ ทำให้เขาหยุดคิดเรื่องแต่งกำลังทหารเตรียมการรบเสียก่อน!“เมื่อครู่ท่านจะออกไปไหนอีกหรือ...อย่าไปเลยนะ”แม่ทัพเฮยเซ่อเย่ว์ไม่เข้าใจ“ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อทำให้ท่านและเหล่าแม่ทัพนายกองขุ่น
“ทวยเทพช่างส่งท่านมาโปรดข้าโดยแท้” หนิงซินแย้มยิ้มงดงามดั่งบุปผา ทำเอาหญิงหม้ายสกุลอวี๋ที่เข้าใจผิดไปคนละเรื่องขวยอายจนแทบตัวลอยหนิงซินที่หาได้รู้อันใดสักนิด เผลอเลื่อนมือข้างหนึ่งลงลูบท้องน้อยแม้แต่สัตว์ยังรักลูกของมัน แล้วประสาอะไรกับนาง...ใช่ว่านางไม่ต้องการลูก สำหรับนางแล้ว ไม่ว่าลูกจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุใด ลูกก็ย่อมเป็นลูก เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง...ทว่าการตั้งครรภ์กับผู้นำทัพฝ่ายศัตรูในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมมิต่างอะไรไปจากการตบหน้าราชวงศ์สกุลอิ๋ง ยังไม่นับอีกว่านางคือผู้ถือพรหมจรรย์แม้ข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไร นางก็ไม่ต้องการให้ผู้อื่นล่วงรู้ความจริงน่าอับอายที่ว่าองค์หญิงศักดิ์สิทธิ์แคว้นป๋ายถูกข่มเหงรังแก และ...นางมั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องเช่นในคืนนั้นอีกมากกว่าหนึ่งครั้ง โดยที่นางไม่อาจห้ามปรามขัดขืนได้เลยวัดจากเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด ยามนี้นางไม่กลัวบุรุษผู้นั้นอีกต่อไป สิ่งที่นางหวาดกลัว และทำให้กังวลเสียมากมาย ก็คือตัวนางเองพอได้รู้จักรสสัมผัสที่ชวนให้ใจสั่นและสุขสมอย่างน่าพิศวงนั้นแล้ว นางก็เปลี่ยนไป
นึกถึงสิ่งที่นางต้องประสบ หยางหยางก็ยิ่งโกรธคนเหล่านั้น ที่โกรธยิ่งกว่าคือโกรธที่ตนเองโทสะโมหะบังตาจนหน้ามืดตามัว ใจทราม ขาดสติ กระทำเรื่องหยาบช้าป่าเถื่อนเช่นนั้นลงไปราวกับไม่ใช่มนุษย์ปึง!!!เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น ทำเอาเหล่าขุนศึกนายกองร่างใหญ่ยังอกสั่นขวัญผวาท่ามกลางความเงียบงัน แม่ทัพใหญ่เข่นเขี้ยวคำราม ออกคำสั่งเสียงเข้ม นัยน์ตาแดงก่ำเหมือนโลหิต“ส่งคนไปจับตาดูในจุดที่สำคัญ หากพบพิรุธแม้แต่น้อย ก็ไม่ต้องคิดแสดงความเมตตาเจรจาอะไรแล้ว! ระหว่างนี้ก็เฝ้าระวังค่ายพักทัพให้ดี หลายวันมานี้พักผ่อนกันพอแล้ว นับจากวันนี้เริ่มฝึกซ้อมไพร่พล เตรียมแผนการรบเผื่อเอาไว้ อย่าให้บกพร่อง!” เหล่าแม่ทัพนายกองฟังแล้ว บ้างแย้มยิ้มพยักหน้าเออออ บ้างก็ลูบหนวดเคราชอบอกชอบใจเห็นนายตนขึงขัง เอาจริงเอาจัง มีไฟในการสู้รบเช่นนี้ พวกเขาก็พลอยฮึกเหิมไปด้วยถูกแล้ว! ต้องอย่างนี้สิ จึงจะสมกับที่เป็นท่