เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง
“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”
เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรัก
ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้น
แม่กำลังเฉไฉ
แต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาด
กำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงัก
ก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่า
รัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ
“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”
“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”
“กีฬาคนพิการน่ะซิ”
เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้มของรัฐยาคือสิ่งที่เขาได้เห็น เมื่อยิ้มนั่นเปิดปากปกว้าง
น่ารัก
วัยด้วยที่ทำให้ดูไร้เดียงสานัก ความเศร้าหมองยังฉาบฉายอยู่ในแววตาลึก ๆ นั่น ดวงตาสวยเรียวยาวแล้วรอบ ๆ ดวงตาคือแพขนตาที่หนาสีเข้ม ยามกะพริบตาเหมือนปีกฝีเสื้อยามขยับก่อนจะออกโบยบินสู่อากาศ
“พี่จะเป็นสปอนเซอร์ให้เอง” เขาบอก ขจัดความกังวลของตัวเองออกไปให้หมด เขาไม่อยากคิดมาก “เดินเก่งแล้วนี่”
“เทียนอยากไปโรงเรียนไว ๆ กลัวเรียนไม่ทัน เทียนจะต้องสอบเอนฯ ปีนี้ด้วยนะฮะ”
เขาค่อนข้างจะกังวล “แม่หวังเอาไว้มาก” บอกต่อ เสียงเบาลงไปทุกยามที่นึกถึงแม่ จะมีอาการเหมือนบาดเจ็บจนเขาเวทนา และหาไม่ติดว่าต่างเพศกัน รัฐยากำลังเติบโตเป็นหนุ่มด้วย เขาก็คงจะดึงร่างบาง ๆ นั่นเข้ามากอดให้ความอบอุ่น
แต่เพราะภากรถูกอบรมมาให้รู้ถึงการควรไม่ควร เขาจึงหักใจไม่ทำแบบนั้นจนได้นอกจากเอื้อมมือไปแตะมือนั่นเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ
“ได้ซิ พี่ว่าเทียนทำได้แน่ ๆ เลย พี่จะติวให้ด้วยดีไหม เราคุยกันเรื่องเรียนกันเสียที อยากเรียนคณะไหน”
“เทียนอยากเรียนบัญชี”
“ทำไม”
“จะได้หางานทำง่าย ๆ ไงล่ะฮะ เคยตกลงกับแม่เอาไว้ด้วย เราสองคนแม่ลูกไม่ค่อยจะมีเงิน เทียนจะเรียนให้จบไว ๆ แล้วออกมาทำงาน แม่จะได้สบายขึ้น”
หยุดพูดตาเริ่มช้ำ ๆ ทันทีเหมือนกัน
“แม่ก็สบายแล้ว” เขาปลอบ รู้สึกผิดหากคืนนั้นเขาเข้มแข็งพอจะกำราบภคินีไม่ให้คึกคะนองขับรถของเขาด้วยความเร็วจัด แม้จะมีฝนตกหนัก เหตุการณ์ที่พรากแม่ลูกจากกันชั่วชีวิตก็คงจะไม่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
เขาจึงลงโทษตัวเองในเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันจะเป็นความผิดที่เขาไม่อาจจะยกโทษให้ตัวเองได้เลย
“เชื่อพี่เถอะ” มือเขาเลื่อนไปแตะเส้นผมนั่น “อย่าคิดมากเลย เข้มแข็งเข้าไว้ เทียนจะต้องสอบเอนฯ ได้ แล้วเรียนจบมีงานทำ”
“เทียนคงจะช่วยตัวเองได้เมื่อถึงวันนั้น เทียนเกรงใจเหลือเกินที่มาอยู่ที่นี่”
“อย่าคิดอะไรมาก พ่อคิดว่าเทียนเป็นลูกชายของพ่ออีกคนหนึ่งนะ” เขาก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดช่วยประคองพารัฐยากลับไปห้อง และนั่นทำให้คุณนายแสงเดือนขึ้นมาเห็นพอดี เธอเม้มปากเข้าหากัน
นี่ก็เป็นเรื่องชวนหงุดหงิดใจอย่างที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง เธอไม่ชอบใจนักแต่หากพรวดพราดเข้าไปตอนนี้แน่นอนว่าเธอคงจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ การพูดต่อหน้าภากรอาจจะยิ่งทำให้แย่ลงไปอีก
เธออยากเป็นแม่พระไม่ใช่แม่พระเพลิงในสายตาของภากร
เธอจึงอดใจรอภากรกลับออกมาแล้วกลับไปห้องของเขา แน่ใจดังนั้นแล้วเธอจึงเดินเข้าไปในห้องนั้น
“ส้ม” เธอเรียกสาวใช้ด้วยเสียงเย็นชา ทำให้ส้มตัวลีบเล็ก “แกออกไปก่อนนะ”
ไม่อาจจะรออยู่ได้อีก เพราะการขัดใจเธอนั้นย่อมหมายถึงอาจจะกระเด็นไปจากบ้านนี้ได้ง่าย ๆ ที่อยู่สุขสบายที่กินอุดมสมบูรณ์ และเงินเดือนดี ๆ ปานนี้ส้มรู้อยู่แก่ใจว่าไม่อาจจะหาได้ง่ายนัก ส้มจึงแทบจะลนลานออกไปจากห้อง เหลือเพียงรัฐยาที่เพิ่งลงนั่งบนเตียง เขาก็ตัวสั่นไปเสียแล้ว
ไม่รู้ว่าจะถูกเอ็ดทำนองไหนอีก รัฐยารับได้ว่าคุณนายไม่พิศวาลเขา ไม่กรุณาต่อเขาเหมือนดังเช่นสามีและลูกชายของเธอ ความสุขที่ไขว่คว้าหาได้ในบ้านนี้อาจจะเต็มอิ่ม หากคุณนายไม่คอยตอกย้ำให้เขาเจ็บช้ำอยู่นั่นแล้ว
เพื่อน ๆ พารัฐยามาส่งถึงที่รถ เขาไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ และเขาก็อยากให้รัฐยาช่วยเหลือตัวเอง เด็กหนุ่มส่งยิ้มให้เขามาแต่ไกล การก้าวเดินโดยมีไม้คอยช่วยพยุงตัวนั้น รัฐยาทำได้ดีมากแล้วเขารับเพื่อนของรัฐยาอีกสองคนติดรถมาด้วย…เป็นหน้าที่ที่เขากระทำไม่มีตกหล่นมาเป็นเดือน ๆ แล้ว และเป็นสิ่งที่รัฐยาซาบซึ้งเป็นที่สุด ตนแรกก็คิดว่าเขาจะทำได้ไม่กี่วันแล้วก็เลิกราไป แต่ภากรเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายอย่างยิ่ง เมื่อเขาเริ่มต้นสิ่งใดแล้วเขาก็ปฏิบัติต่อไปได้โดยไม่ทิ้งขว้างไปเสียกลางคันเสียงพวกสาว ๆ คุยกันลั่นรถ ใหม่ ๆ ก็ไม่เคยได้ยินเสียงสักแอะ เดี๋ยวนี้อาจจะเป็นเพราะเริ่มคุ้นกับเขามากขึ้น เขามองดูทางกระจกแล้วก็อมยิ้ม…เขาเหงา…ชายหนุ่มรู้ว่าการเป็นลูกคนเดียวเป็นชีวิตเงียบเหงาและบางครั้งอับเฉาเหลือเกิน เขาอยากมีพี่น้องมานานแล้วเมื่อสบโอกาสตอนที่รัฐยาเข้ามาอยู่ร่วมบ้าน เขาจึงคิดว่านี่เป็นน้องชายของเขา น้องที่เขาเคยอยากได้เป็นนักหนาส่งพวกเพื่อน ๆ ของรัฐยาไปหมดแล้ว เขาก็หยิบกล่องเล็ก ๆ จากกระเป๋าเสื้อไปข้างหลัง รัฐยาทำตาโตมองดูอย่างงงงัน“อะไรฮะ คุณกร”“พี่ซื้อมาฝากเทียน รับไปซิ”รัฐยาพนมมือไหว้เขา รับไปถือไว้
หล่อนยังเปราะบางเกินกว่าจะไปรบรากันคุณนายแสงเดือนได้ คุณนายพูดแต่ละคำแสบไปถึงไหน ๆ ยังแววตาที่ดูถูกเหยียดหยามหล่อนปานนั้นทำให้ภคินีไม่ปรารถนาจะเข้าไปเป็นสะใภ้ ไม่อยากรับคุณนายมาเป็นแม่ผัวให้เกิดศึกสงครามยืดเยื้อแต่หล่อนก็ยังไม่อาจจะตัดภากรทิ้งไปได้ง่ายนัก ในระหว่างที่เขายังไม่เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ การมีเขาก็เท่ากับมีกระเป๋าเงินใบใหญ่ไว้เนรมิตแก้วแหวนเงินทองสารพัดนึกที่หล่อนปรารถนาจะได้ให้กับหล่อนภคินีไม่โง่…ไม่หยิ่งจะยอมรับของกำนัล…มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แถมภากรก็ยังไม่เคยล่วงเกินหล่อนอีกด้วย เขาทุ่มให้โดยไม่หวังของตอบแทน บางเวลาภคินีมองว่าภากรเป็นไอ้หนุ่มหน้าโง่คนหนึ่ง หล่อนเคยอยากให้เขาโดดเข้าใส่หล่อน…แต่เขาก็ไม่เคยทำ และหากหล่อนเริ่มก่อนภากรอาจจะลับลอยไปทันทีก็เป็นได้ เขาเป็นหนุ่มที่สมถะกับเรื่องทำนองนี้จนชวนฉงนว่าเขาเป็นปกติหรือเปล่า เลือดเนื้อของเขาไม่เคยเดือดพล่านเลยสักหน“กร...” น้ำเสียงของหล่อนอ่อนโยนลง “สั่งอาหารเถิด ค่ำแล้วเดี๋ยวจะพาไปดูแหวน…ผ่านไปเห็นวันก่อนซ้วยสวย…ไพลินจ้ะ”“ไปดูตอนค่ำ ๆ อย่างนี้น่ะหรือ”“ก็ไปดูเอาไว้ก่อนไง…ค่อยซื้อให้วันหลังก็ได้…คงไม่กี่ตังค์ล
รัฐยาทำให้เขาใจแป้ว และชายหนุ่มก็พยายามทดแทนให้อย่างมากที่สุด เขาพารัฐยาลงจากรถเข้าไปในโรงเรียน ออกจะเป็นภาพที่แปลกตาในสายตาของเพื่อน ๆ ร่วมโรงเรียนที่รู้จักรัฐยาเมื่อเขามาถึงด้วยรถยนต์คันใหญ่โก้หรู ยังจะผู้ชายที่ประคับประคองมาก็เป็นผู้ชายมาดโก้ที่พวกนักเรียนสาวรุ่นตาโตกิ๊วก๊าวกันได้อยู่ห่าง ๆ พอคล้อยหลังภากรแล้ว รัฐยาก็ได้ยินเสียงถามแซ่ดไปหมดเขายิ้มแย้มเมื่อพูดถึงภากร อดภาคภูมิใจแทนเขาไม่ได้ที่เขาเป็นหนุ่มซึ่งสาวน้อยเริ่มผลิเนื้อสาวพากันให้ความสนใจ“คุณภากร เป็นผู้มีพระคุณกับเรามาก ตอนนี้เราอยู่บ้านเขา พ่อเขารับอุปการะเรา จากอุบัติเหตุ”มีแต่ยกย่องเทิดทูนเขา ยิ่งภากรทำดีกับเขาเท่าไหร่ รัฐยาก็ทั้งเทิดทูนนับถือเขานักหนา เขาคิดว่าพร้อมจะตอบแทนในพระคุณที่เขามีเหนือหัวนี้ได้…แม้ชีวิตตัวเองก็สามารถให้กับเขาได้ โดยที่รัฐยามองไม่เห็นวันข้างหน้า วันที่คิดในสิ่งตรงกันข้ามนี้โดยสิ้นเชิง///////////////////////////////////////////////////////////////“คุณมาช้าอีกแล้ว”ภคินียกมือขึ้นมองเวลา จากนาฬิกาเรือนบอบบางราคาแพงลิบลิ่วเพราะนี่เป็นของขวัญชิ้นหนึ่ง ที่ภากรซื้อหาให้เป็นของกำนัลหล่อนง สีหน้าขอ
“เพราะลูกของเรา…”เพียงได้ยินเท่านี้ เธอก็ยกมือขึ้นเหมือนจะห้ามปรามไม่ให้เขาพูดต่อสีหน้ายังไม่สู้จะดีนัก“ก็เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ…ดิฉันถึงพูดไม่ออก แต่ดิฉันไม่อยากให้ลูกเข้าไปสนิทสนมอี๋อ๋อ นายเทียนไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เป็นหนุ่มแล้ว”“ก็ยังเพิ่งจะอายุสิบหก อีกอย่างหนุ่มแล้วไง ไม่ใช่สาว” เขาแย้ง“อุ๊ย…สิบหกนี่ไม่เด็กแล้วค่ะ คุณ กำลังใช้การใช้งานได้ดีทีเดียว อีกอย่างเดี๋ยวนี้ชายกับชายก็เยอะไป…ถมไป”“เฮ้ย...” นายดำรงแทบสำลัก “อย่าคิดนอกลู่นอกทาง”ริมฝีปากของคุณนายเชิดขึ้นเหมือนปราศจากความเชื่อถือโดยสิ้นเชิง“ดิฉันเคยเห็น ลูกเพื่อนมี ติดใจเด็กผู้ชาย นายเทียนทำตัวเป็นเด็กใส ๆ แต่ใจอาจจะกำลังคิดจับตากรอยู่ก็ได้”เขาเลยได้แต่ถอนใจ คุณนายแสงเดือนไม่รู้ว่าเอาความคิดทำนองนี้มาใส่ในหัวตั้งแต่เมื่อไหร่“ให้ไปจับผู้ชายคนอื่นเถอะนะคะ อย่ามาจับตากรเข้าเชียว ดิฉันเอาถึงแตกหักไปข้างแน่ ๆ”แต่เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องที่บังคับให้รัฐยาได้สาบาน แม้เป็นเพียงคำสาบานก็ยังทำให้เธออุ่นใจได้บ้างนิดหน่อยว่าหากรัฐยายังกล้าดีข้องเกี่ยวกับภากร รัฐยาก็จะมีอันต้องพินาศฉิบหายไปเอง เธอจะไม่ยอมเห็นเด็กข้างถนนขึ้นมาเสมอหน้ากับลู
“ขาเป็นไงมั่ง”“เทียนพอจะเดินได้มากแล้ว”“ก็ดีนี่เธอ ฉันอยากจะเตือนสักเรื่องหนึ่ง ภากรน่ะเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่เคยมีน้อง เขาอาจจะเอาใจใส่เธอมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไยดีเธอแบบสายเลือดแท้ๆ พี่น้องแท้ๆ เข้าใจไหม”รัฐยาร้อนไปทั่วกาย เขายังไม่เคยมีแฟน“เทียนสาบานได้ว่าไม่เคยคิดตีเสมอ”เขาละล่ำละลักบอกปากสั่นไปหมดแล้ว“เทียนนับถือคุณภากร”“ขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปเถิดนะ…ฉันน่ะกลัว…เพราะเห็นมาเยอะแล้ว และก็ไม่อยากให้ลูกชายมีพี่มีน้องที่เป็นคนนอก”“เทียนไม่ได้คิด”เขาบอกย้ำ….ดวงหน้าเผือด“นี่นายเทียน….”คุณนายเข้ามาใกล้อีกนิด….มื้อเอื้อมมาข้างหน้าแล้วแตะคางมองเด็กหนุ่มขึ้นมา รัฐยาตัวแข็งทื่อ เขารับรู้จากสัมผัสนั่นว่าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์…และแววตาของคุณนายที่เขามองเห็นก็ดูน่ากลัว ปราศจากความเป็นมิตร และก็ยังแปลความไม่ได้ว่านอกจากรังเกียจไม่เป็นมิตร ยังมีอะไรที่แอบซ่อนอยู่ เพราะรัฐยายังเยาว์วัยเกินไปนั่นเอง“ฉันขออะไรเธอสักอย่างนะ”“ครับ”เขารับคำด้วยเสียงแผ่ว ๆ รู้สึกแรงดันจากมือนั่นจะผลักคางของหล่อนให้แหงนเชิดขึ้น ดวงตาของเขาสาดกระทบไฟ เหมือนหวาดกลัว ไม่แน่ใจแต่คุณนายก็ยังไม่ปร
เธอเอื้อมมือมาแตะบ่าเขา จากสัมผัสบอกเธอว่าเขาทำตัวแข็งมากกว่าระดับปกติไปสักนิดหนึ่ง“เพราะลูกชายคนนี้ของแม่เป็นหนุ่มหน้าตาดี เรียนดี ฐานะก็ดีจะเอาอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า จริงไหมจ๊ะ”เขาเดินขึ้นมาข้างบนได้อย่างไร ภากรก็ไม่อยากจะแน่ใจเหมือนกัน เขารู้สึกสะเทือนใจกับคำพูดที่คุณนายแสงเดือนบอกว่าตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเคยเลิกคิดเรื่องนี้มาแล้ว ภคินีก็เคยทำให้เขาคิดมาก หล่อนดูแปลก ๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเรื่องนี้ บางครั้งหล่อนก็หวานฉ่ำกับเขา แต่บางครั้งหล่อนก็เฉยเมยเหมือนคนแปลกหน้าไม่ใช่คนรักชายหนุ่มสลัดศีรษะแรง ๆ เขาไม่อยากจะเก็บเอามาคิดมาก แม่ไม่ชอบภคินีต่างหากเล่า แม่ถึงพูดออกไปแบบนั้นแม่กำลังเฉไฉแต่เขาจะไม่เฉไฉตามแม่เป็นอันขาดกำลังเดินไปตามทางที่จะไปห้องของเขา ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงไม้กุกกักดังเป็นจังหวะ เขาชะงักก่อนจะเห็นรัฐยากำลังเดินมา ดึกแล้วน่าจะอยู่บนเตียงมากกว่ารัฐยายังไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เสียงแต่เสียงถามอยู่ใสๆ“พี่ส้ม อย่างนี้เรียกว่าเทียนเดินได้ดีหรือยัง”“ไปวิ่งแข่งได้เลยละค่ะ”“กีฬาคนพิการน่ะซิ”เขาเดินเข้าไป และรัฐยาก็เบือนหน้ามามองเห็น ยิ้มหวานให้กับเขา ลักยิ้