เข้าสู่ระบบ“ค่ะ” นันท์นลินยอมทำตามที่ป้าแม่บ้านแนะนำ รออยู่ในห้องของเขาก็ดีเหมือนกัน สาวใช้หรือคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา จะได้ไม่แอบมองเธอและสงสัยว่านันท์นลินมาทำอะไรที่นี่
ร่างบางเดินตามป้าแม่บ้านขึ้นไปยังชั้นบนของคฤหาสน์หลังใหญ่ ดวงตากลมโตกวาดไปยังบริเวณรอบๆ ที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ความหรูหราของมันบ่งบอกถึงฐานะเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
“นี่ค่ะ...เชิญตามสบายเลยนะคะ ถ้าคุณธัญญ์เธอยังไม่กลับมา หนูนอนรอเลยก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เมื่อยที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่แบบนี้ หนูต้องการอะไรเพิ่มอีกมั้ยคะ”
แววดาวรู้สึกสงสารเด็กสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก ลูกสาวนายเจนภพช่างไม่เหมือนนายเจนภพเอาเสียเลย แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เด็กคนนี้ดูอ่อนต่อโลกนัก ใบหน้าจิ้มลิ้มฉายแววชัดเจนถึงความกังวลที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่อึดใจข้างหน้า
“ไม่ค่ะ...ขอบคุณป้าแววดาวมากๆ นะคะ...หนู...เอ่อ”
นันท์นลินไม่รู้จะเริ่มจากสิ่งไหนก่อน เมื่อเธอเข้ามายังห้องนอนใหญ่ของเจ้าหนี้เธอ บริเวณรอบห้องนั้นดูอึมครึม ของตกแต่งทุกชิ้นล้วนออกแนวโทนสีเทาดำ ทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
“เอ่อ...ป้าขอถามกับหนูตรงๆ เลยล่ะกันนะ หนูอย่าหาว่าป้าละลาบละล้วงนะ คือป้าอยากรู้ว่าที่หนูทำแบบนี้ คุณพ่อของหนูเห็นด้วยเหรอคะ ที่จะให้หนูมาทำอะไร...เอ่อ...แบบนี้ค่ะ”
“ค่ะ...คุณพ่อทราบค่ะ...คุณพ่อก็ห้ามหนูแล้วค่ะ แต่ตัวหนูยังยืนยันที่จะใช้หนี้ด้วยวิธีนี้ค่ะคุณป้า...จริงแล้วหนูก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยค่ะ แต่หนูไม่มีทางเลือกไหนอีกแล้ว...”
หยาดน้ำเอ่อขึ้นมาคลอดวงตาคู่งามอีกครั้ง ความรู้สึกโหวงหวิวอ้างว้างเกาะกุมหัวใจ นันท์นลินรู้สึกเวทนาตัวเองเหลือเกิน
“ป้าเข้าใจหนูนะคะ...หนูต้องสู้ๆ นะลูก คุณธัญญ์เธอไม่ได้เป็นคนใจร้ายอะไร ถ้าหนูทำตัวน่ารัก คอยเอาใจคุณธัญญ์ ป้าคิดว่าคุณธัญญ์เธออาจจะเอ็นดูหนูก็ได้นะ หนูอย่าคิดมากเลยนะ...”
แววดาวรู้สึกเห็นใจเด็กสาวคนนี้เป็นอย่างมาก เธอเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่ได้มีนิสัยร้ายกาจแบบพ่อของเธอเลยสักนิด กลับกันเธอดูน่ารักและอ่อนน้อมถ่อมตนมากๆ นอกจากรูปลักษณ์งดงามสะสวยแล้วมารยาทของเธอยังงามอีกด้วย
“ค่ะ...ขอบคุณป้านะคะ”
“เอาล่ะ...หนูอยู่ในห้องนี้รอคุณธัญญ์แล้วกันนะคะ ป้าจะต้องไปแล้ว ถ้าหนูต้องการอะไรอีกล่ะก็ กดโทรภายในสั่งได้เลยค่ะ...ไม่ต้องเครียดนะ...ป้าขอเป็นกำลังใจให้หนูนะคะ”
“ค่ะคุณป้า”
นันท์นลินพยายามข่มความตื่นเต้นเอาไว้ ความรู้สึกตอนนี้ยากจะอธิบาย นัยน์ตาหญิงสาวเต็มไปด้วยความกังวล นันท์นลินคิดว่าตัวเองเตรียมตัวเตรียมใจมาเรียบร้อย แต่เอาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลยตอนนี้
เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง...
แกร๊ก! เสียงประตูใหญ่ถูกเปิด
ร่างบางทะลึ่งพรวดลุกขึ้นแทบไม่ทัน นันท์นลินตกใจอย่างที่สุด ดวงตากลมโตจ้องร่างสูงที่กำลังย่างกรายเข้ามา ใจของเธอเต้นโครมครามผิดจังหวะ ทันทีที่ตาคมดุหันมาที่เธอ ใบหน้าสวยซีดไม่เหลือสีเลือด นันท์นลินยืนเงอะงะทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างโซฟา เมื่อเขากำลังเดินใกล้เข้ามา
“คิดว่านายเจนภพจะมาส่งลูกสาวด้วยตัวเองซะอีก”
วาจาเย้ยหยันถูกสาดใส่คนตรงหน้าทันที ริมฝีปากหนายกยิ้มราวกับถือชัยชนะในมือ พริษฐ์ไม่คิดว่านายเจนภพจะยอมปล่อยลูกสาวสุดที่รักของตัวเองมาอย่างง่ายดาย สงสัยจะหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ดิฉันตกลงกับคุณไปเมื่อวานแล้ว และดิฉันคิดว่าสิ่งที่ดิฉันพูดไปมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ค่ะ ดิฉันรักษาสัญญาเสมอค่ะ”
“อืม...เก่งนี่...โอเค...งั้นผมคงไม่ต้องพูดอะไรแล้วสินะ เดี๋ยวขอตัวไปอาบน้ำก่อน ผมชักอยากจะรู้แล้วสิ ว่าคุณจะเก่งอย่างที่พูดจริงๆ หรือเปล่า”
พูดจบร่างสูงก็เดินตรงไปยังห้องน้ำใหญ่
เงียบ...
ความรู้สึกเสียวสันหลังโจมตีเข้ามาทันใด นันท์นลินจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้จงได้ มือบางบีบเข้าหากันแน่น ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นันท์นลินก็ต้องยอมรับ
เวลาผ่านไปราวยี่สิบนาที...
แกร๊ก! เสียงประตูห้องน้ำใหญ่เปิดออก
ร่างของชายหนุ่มเดินออกมาด้วยท่าทีที่สบายอารมณ์ ในมือถือผ้าขนหนูผืนเล็กกำลังเช็ดผมดกดำที่เปียกปอน ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่พันรอบเอวสอบเอาไว้ เผยแผงอกกว้างกำยำ ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ สายตาคมกริบเหลือบมองร่างอวบอิ่มที่นั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้างห้อง ริมฝีปากหนายกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของอีกฝ่ายแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“มาทำหน้าที่ของคุณสิ”
พริษฐ์เอ่ยพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้เธอ เพื่อบอกให้รู้ว่าเธอควรจะเริ่มจากอะไรก่อน
“เอ่อ...คะ-คุณ...จะ...ให้ฉันเช็ดผมคุณใช่ไหมคะ”
นันท์นลินถามอย่างลังเล พร้อมกับสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เบิกตามองไปยังร่างแกร่ง สติสัมปชัญญะของเธอเริ่มเลือนหาย และดูท่าจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วตอนนี้ มันกระเจิดกระเจิงไปหมด เขาทำให้เธอตื่นตระหนกอย่างที่สุด ชีวิตของนันท์นลินต้องขึ้นอยู่กับเขาแล้วสินะ
“เริ่มใช้หนี้ผมไง...”
พริษฐ์ชูผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้น พร้อมกับสาวเท้าเข้าไปนั่งรอหญิงสาวอยู่บนเตียงใหญ่กลางห้อง
“ค่ะ” นันท์นลินจำใจเดินเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ร่างเล็กเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าๆ ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่ชายหนุ่มอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีซับเลือด เมื่อเห็นแผ่นอกกำยำแข็งแกร่งของชายหนุ่ม ถึงแม้ว่านันท์นลินกับกวินกานต์จะเป็นแฟนกันมาหลายปี มีความสนิทสนมกัน แต่ว่าระหว่างเธอกับกวินกานต์ยังไม่เคยเกินเลยกันสักครั้ง นอกจากกอดและหอมแก้มเท่านั้น แต่ชายคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ นันท์นลินไม่รู้จักสักนิด และเธอจะต้องมีอะไรกับเขาเนี่ยนะ...
“จะอีกนานไหม!”
เขาตะคอกด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้งออกมาเบาๆ สายตาคมกริบจ้องเธอเขม็ง เมื่อเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีอันเชื่องช้าของเธอ
“เอ่อ...ค่ะๆ”
หญิงสาวรีบจ้ำอ้าวไปทันที ประสาทสัมผัสทุกส่วนตื่นตัวระวังภัยเต็มที่ เธอเหลือบมองเสี้ยวด้านข้างของเขาอย่างตื่นตะลึง มือบางรีบคว้าผ้าขนหนูจากมือของเขา พร้อมกับบรรจงเช็ดไปที่ผมเปียกปอนดกดำ ร่างบางใกล้ชิดร่างใหญ่ กลิ่นกายของบุรุษเพศอวบอวลกระทบเข้ากับจมูกโด่งเรียวเล็กอย่างจัง ทำให้นันท์นลิน ตื่นเต้นแกมประหม่าเข้าไปอีก
“ไม่นะ! ปล่อยฉัน! แก!”ในเมื่อข้อมือของเธอถูกมัดเอาไว้ รมิตาก็ใช่ว่าจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ เท้าของเธอทำงานแทบจะทันที ทั้งเตะทั้งถีบแบบทุลักทุเลภายในรถยนต์คันหรูสีดำที่ติดฟิล์มดำสนิททั้งคันกับแอร์เย็นฉ่ำ “เธอนี่มันวอนหาเรื่องจริงๆ พับผ่าสิ!!” เสียงของภรัณยูคำรามออกมา เขาไม่คิดว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของเขา จากนี้ไปเขาคงหลีกหนีผู้หญิงไปสักพัก “แกก็ปล่อยฉันสิ!”เสียงหอบหายใจกระเส่า รมิตาเริ่มหมดแรงตอนนี้สภาพของเธอที่นั่งอยู่ตักของชายแปลกหน้า อกกระเพื่อมไหวภายใต้บราตัวจิ๋ว ทำให้สายตาคมจ้องมาที่เต้าใหญ่คู่นั้นทันที “ปากดีขนาดนี้โดนสักที ก็คงจะดีนะ!” ภรัณยูเริ่มมีความคิดใหม่แทรกเข้ามา สายตาคมกวาดไปทั่วเรือนร่างอันขาวโพลนที่อยู่บนตักของเขา ลมหายใจร้อนสะดุดเข้าที่สองเต้าขาวที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาตามแรงหายใจของเจ้าตัว “ไอ้แมงดา! อย่างแก! ฉันไม่เอาหรอก! อย่าได้แม้แต่จะคิด!” “อ่อ...ปากดีให้ตลอดล่ะกัน! ไอ่แมงดาคนนี้แหละ! จะทำให้เธอร้องไม่หยุด!”สิ้นประโยค มือหนาก็ยกร่างของเธอคร่อมกับบนตักเขาในสภาพที่เขานั่งพิงอยู
ภรัณยูเห็นด้วยกับเพื่อนหมดแล้วตอนนี้ เขามองไม่เห็นทางที่จะกลบเสียงร้องของยัยม้าพยศนี้ได้ยังไง “กรี๊ดดดด! ฉันไม่ไป! แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ธัญญ์! ธัญญ์คะ”เสียงหวีดร้องคร่ำครวญพร้อมกับความเสียใจที่มีต่อคนรักของเธอตอนนี้มันชัดเจนแล้ว พริษฐ์ไม่ได้รักเธอแล้ว คนรักของเธอเลือกอีนังผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้รักรมิตาอีกแล้ว... “มานี่! หยุดร้องได้แล้ว! ผมเหนื่อยแล้วนะ” “แกก็ปล่อยฉันสิ! ไอ้แมงดา!”รมิตาใช้คำพูดหยาบคายด่าทอผู้ชายที่จับเธอไว้แน่น เพื่อหวังให้ชายหนุ่มนี้หมดความอดทน “ยัยผู้หญิงปากปลาร้า! อึ่ม!”ภรัณยูพยายามนับหนึ่งถึงร้อย กลั้นความโกรธอย่างที่สุด มือหนาบีบแขนของเธอเอาไว้แน่น เกิดมาก็ไม่เคยเจอ ผู้หญิงอะไรบ้าชะมัด “รัณ! แกพาเธอเข้าไปเถอะ ฉันจะรออยู่ข้างนอก ไม่ไหวจริงๆ แก้วหูจะแตกแล้ว”นารารัตน์ขับรถมาจอดตรงหลังคลับ ที่ห่างไกลผู้คนพอสมควร พร้อมกับร้องเรียกเพื่อนของเธอ วิธีนี้อาจจะช่วยกลบเสียงยัยหมาบ้านี้ได้ “โอเค เส้นด้าย! แก้วหูฉันระเบิดแล้วเหมือนกัน!” “อีนังบ้า! แกเป็นเพื่อนกับอีนังหน้าด้าน พวกแกกักขังหน่วงเหนี่ยวฉัน! อย่
เสียงทักทายอย่างไม่เป็นมิตรแฝงไปด้วยความเย้ยหยันเมื่อร่างของรมิตาเดินมาถึงที่โต๊ะ สายตาเหยียดมองจ้องหาเรื่องเต็มร้อย แม้แฟนหนุ่มของเธอจะห้ามเท่าไหร่รมิตาก็ไม่ยอมฟัง เพราะภายในร่างกายของรมิตานั้นร้อนเป็นไฟ บวกกับแอลกอฮอร์ผสมอยู่พอสมควร เธอจะต้องปิดเกมบ้าบอนี้ให้ได้ “แล้วคุณคิดว่าจะเจอดิฉันที่ไหนหรือคะ...ที่นอกจากเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของคุณพริษฐ์แล้ว...ดิฉันเองก็ไม่ค่อยจะมีที่ไปสักเท่าไหร่เลยค่ะ...ช่วยแนะนำหน่อยสิคะ”นันท์นลินก็มีฤทธิ์ของแอลกอฮอร์อยู่ในร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว บวกความกล้าที่มีอยู่ทุนเดิมอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหมือนสุมไฟเพิ่มเข้าไปอีก “แก! มันจะมากเกินไปแล้วนะ...แกคิดเหรอว่าธัญญ์เลี้ยงแกไว้และปล่อยให้อยู่สุขสบายแบบนี้...แล้วแกจะมากล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน!”ความโกรธแล่นปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเจอความพูดตอกกลับจากอีกฝ่าย “แล้วดิฉันจะต้องพูดแบบไหนกับคุณล่ะคะ...ในเมื่อคุณกลับไปถามแฟนของคุณแล้ว คำตอบที่ชัดเจนแบบนั้น คุณก็น่าจะรู้แล้วนะคะ จะต้องให้ดิฉันตอบแบบไหนถึงจะตรงใจคุณคะ”ใบหน้าสวยเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ความมึนตึงเพราะฤทธิ์ของเครื่องดื่มทำให้นันท์น
“อะไรของแกรัณ! อยู่ดีๆ ก็พูดอะไรบ้าๆ ขึ้นมา”นารารัตน์มองเพื่อนชายสุดเฮ้วของเธอ ภรัณยูเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมุทะลุ บ้าดีเดือด ผิดกับรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง หล่อ ขาว คม ริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ รูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ถึงกับผอม อกแกร่งกำยำ หุ่นค่อนข้างไปทางสำอางมากกว่าที่ออกแนวชายชาตรี ทำให้ผู้หญิงนับร้อยนับพันมองเพื่อนของนารารัตน์เป็นเกย์มาตลอด “ก็หมายถึงเธอคนนั้น ที่เป็นแฟนของนายพริษฐ์นั่นไง ก่อนหน้านี้เธอจะหาเรื่องพระพายอยู่ไม่ใช่เหรอ...ฉันจะอาสาจัดการให้ เธอจะได้ไม่มายุ่งกับพระพายอีก” “รัณ! นี่แกจะบ้าหรือไง คิดอะไรไม่ออกแล้วใช่มั้ย แกถึงใช้วิธีแบบเผด็จการของแกน่ะ” “พระพายไม่เป็นอะไรหรอกรัณ...ขอบคุณรัณมากเลยนะที่จะช่วยพระพาย...จริงๆ เธอจะโมโหก็ไม่แปลกหรอก เพราะเธอก็ต้องหึงหวงแฟนของตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใครก็ต้องโกรธกันทั้งนั้นพระพายเข้าใจ” “โอเค...ถ้าพระพายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...รัณเองจะได้สบายใจ เอ้า...ดื่มกันบ้างสิ...ไหนๆ วันนี้เราก็มาเจอกัน...ในรอบเท่าไหร่นะ...รอบสองเดือนน่าจะใช่...มาๆ ชนแก้ว!” “นานจนจำไม่ได้แล้วสิรัณ...โอเค...ด
เสียงร้องครวญอย่างเจ็บปวด พรินทร์ไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ในหัวของเธอก่อนหน้านี้คิดว่ามันคงสุขสมและเสียวซ่าน แต่ทว่ามันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด หัวใจของพรินทร์เริ่มเต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อยๆ อาการบางอย่างของเธอกำลังจะตามมา ริมฝีปากบางกัดเม้มเอาไว้เพื่ออดกลั้นกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น “ไม่!! โอ๊ะ! ผมก็ปวด! ธารา!”เสียงทุ้มรอดไรฟันออกมา เอวหนายกขึ้นสูงกดเน้นสะโพกกระแทกแท่งเหล็กฝ่าความคับแคบเข้าไปอย่างแรง! จนทำให้แท่งร้อนแกร่งนั้นทะลุทะลวงเยื้อกั้นเข้าลึกจนสุดลำ! สวบ! มังกรใหญ่กระแทกกระทั้นเสียงดังสนั่น! “กรี๊ดดดด! ไม่นะ! ปล่อย! ฮึก!”เสียงร้องของเธอดังพร้อมกับแท่งร้อนกระแทกเข้ามาช่องทางรักของเธอจนจุก “โอวว์ ซี๊ดดดด...อึ้มมม์ ปล่อยตัวตามสบายธารา!”เสียงหอบกระเส่าสั่งคนตัวเล็ก เมื่อเรือนร่างงามพยายามจะเด้งร่างตัวเองออก จนมือหนาต้องจับล็อคเอวบางเอาไว้แน่น! ตั่บ! เสียงมังกรใหญ่กระทุ้งกระแทกเสียงดังสนั่นจนร่างบางสั่นสะท้านสะเทือน “ฮึก! แต่มันจะ- เจ็บ!”เสียงร้องของหญิงสาวดังลั่นห้อง ช่วงล่างของเธอเจ็บปวดจนแทบแตกสลาย มือบ
คำหวานถูกหยอดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นความจริง กวินกานต์ไม่ได้โกหกตรงที่เธอเป็นคนสวยและน่ารักเลย เพราะเธอคนนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ ใบหน้าขาวนวลเนียนใส ดวงตากลมโตหวานซึ้ง ริมฝีปากบางอวบอิ่มสีชมพู มันทำให้กวินกานต์แอบหลงใหลเคลิบเคลิ้ม แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะชั่วครู่ เพราะว่า กวินกานต์นั้นรักนันท์นลินเกินกว่าที่จะมองหญิงอื่น เขารักนันท์นลินเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาแสดงตอนนี้คือการแก้แค้นเอาคืนนายพริษฐ์ ชายที่พรากคนที่รักไปจากเขา เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง... “อื้อออ...” พึมพําอย่างเคลิบเคลิ้มของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อริมฝีปากร้อนกำลังดูดดุนปากบางอย่างดุเดือด ร่างของพรินทร์ลอยเคว้งขึ้นไปในอากาศ กลุ่มผีเสื้อน้อยใหญ่โบยบินไปทั่วช่องท้อง อันเรียบแบนของเธอ ลิ้นหนาชอนไชเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวกวัดรัดลิ้นบางอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่กำลังกระเพื่อมไหว “ธะ-ธารา ผะ-ผม โอววว์”เสียงทุ้มครวญครางอย่างเจ็บปวด กวินกานต์ไม่คิดว่าร่างงามจะให้ความรู้กระสันถึงเพียงนี้ ความหวานอันดูดดื่มจากเรียวปากสวย ทำให้กวินกานต์ตกอยู่ในห้วงอารมณ์หวามอย่างง่ายดาย “คะ?” ใ







