บทที่ 27
บุษยาเสียวแผ่นหลังวาบเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูตามหลัง มองร่างแกร่งเดินกลับยังหน้าโต๊ะพยักหน้าให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม
สาวร่างผอมบางเดินอย่างไม่มั่นใจตามคำสั่งของนายหัว ใจกระวนกระวายด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ทันทีเมื่อบุษยานั่งลง พสุธาเดินอ้อมมาด้านหลัง เท้าฝ่ามือลงบนโต๊ะด้านหน้าคล้ายโอบกอด
“ไหนเปิดดูแผนการชำระหนี้สิ”
มือเล็กหยิบเอกสารออกมาพยายามไม่เพ่งความสนใจไปยังใบหน้าคมเข้มที่โน้มต่ำลง กลิ่นบุหรี่เบาบางและกลิ่นฟีโรโมนเพศชายกรุ่นกำจายไปทั่วโพรงจมูก
บุษยายื่นเอกสารขึ้นให้เขาแต่มือแกร่งดันลงแล้วกางบนโต๊ะใช้ลำตัวดันเก้าอี้ล้อเลื่อนให้เธอไปอยู่ชิดกับขอบโต๊ะ กักขังเธอด้วยวงแขนกำยำ
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวดั่งมีชีวิตขึ้นอีกครั้งหลังจากตายด้านมาหลายปี มือทั้งสองกุมแน่นบนตักตัวเองบีบให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ฝันไป จมูกใหญ่งองุ้มเล็กน้อยเฉียดแก้มนวลแดงซ่าน ถ้าเธอได้ยินไม่ผิด เขาแอบสูดลมหายใจอยู่ด้านหลัง
“สามสิบปี พี่ว่ามันนานเกินไปหน่อยนะบัว”
เสียงมือแกร่งพลิกหน้ากระดาษตรงหน้าแทรกเข้ามาในห้วงอารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิง ร่างเล็กเอนกายถอยจนหน้าอกชิดขอบโต๊ะแต่กายสูงใหญ่ยังโน้มส่งน้ำหนักลงบนแผ่นหลังบอบบาง
แผ่นอกแกร่งร้อนระอุไปทั่วทั้งผืน ไฟปรารถนาคุโชนจนแทบหักห้ามตัวเองไม่ได้ เขาดันอกแกร่งรัวเต้นกระหน่ำราวกลองตีทาบไปบนหลังอันบอบบาง
จมูกปัดผ่านพวงแก้มชมพูระเรื่อ เขาเหลือบดวงตาสีฟ้ามองริมฝีปากกว้างเผยออ้า ลมหายใจของคนร่างเล็กขาดห้วงและทรวงอกเต้นถี่
“นะ นายหัวอยากให้ฉันชำระหนี้สักกี่ปี”
“พี่ว่า ปีเดียวก็พอ”
หน้าหวานหันขวับด้วยอาการตกใจ ปีเดียว! และทันทีเมื่อเธอหันใบหน้ามาทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่อยู่ใกล้กัน สัมผัสถึงลมหายใจอุ่นเป่ารดลงมา กระพริบตาคมรีหนึ่งครั้งแล้วเหลือบสายตาขึ้นมอง
บางครั้งบุษยาก็ยอมรับกับตัวเองว่ามักเป็นคนที่คิดอะไรสั้นเสียจนทำร้ายตัวเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ร่างเล็กกำลังถูกดึงขึ้นจากเก้าอี้วางไว้บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ตกอยู่ในห้วงหวามไหว ดวงตาคมรีไม่อาจละไปจากนัยน์ตาสีฟ้าเข้มข้นที่มองเธอด้วยความปรารถนาทั้งหมด
ร่างระหงแอ่นโค้งยามฝ่ามือแกร่งสัมผัสแผ่นหลังดันให้หน้าอกอวบอิ่มพุ่งชูชันเข้าหาอกร้อนแน่นหนั่น ความรู้สึกบางอย่างหวนคืนมาสู่เธอ ราวกับว่าเวลาสิบปีไม่ได้หายไปไหนเมื่อริมฝีปากกว้างเย้ายวนเผยออ้ารับจูบแผ่วเบาในคราแรก ค่อยแทะเล็มทีละนิดจนในที่สุดกลายเป็นหนักหน่วงเร่าร้อน
มือใหญ่ชอนไชดึงรั้งท้ายทอยไว้ ตรึงให้รับจูบร้อนแรงที่คนร่างโตปลดปล่อยออกมา กดริมฝีปากหนาลงบดขยี้ด้วยแรงอารมณ์ดิบเถื่อน ทั้งบังคับให้เธอเปิดปากรับลิ้นสากร้อนลวก ลิ้นเขากวาดไล้ไปทั่วทั้งโพรงปาก ลิ้มรสชาติของหญิงสาวที่เขาโหยหามาเนิ่นนาน
ทาบมือลงบนทรวงอกคลึงเคล้นแรงจนเสียงหวานร้องประท้วง แต่เขาไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งนั้น กายชายบ้าคลั่งเพียงแค่ได้จูบเธออีกเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมาสิบปี ลำแกร่งแข็งชันจนต้องบรรเทาลงด้วยการดึงร่างเล็กมาขอบโต๊ะแล้วแทรกกายแกร่งไปตรงกลางหว่างขา ดันจนท่อนเนื้อชูชันได้สัมผัสกับเนินเนื้อสาว
ร่างเล็กในอ้อมกอดสะดุ้งก่อนครางเสียงหวานลอดลำคอระหง แขนเรียวยาวเกาะเกี่ยวบ่ากำยำของเขาไว้แน่น ยอมรับความร้อนแรงที่เขาถาโถมเข้าใส่เธอ
ก๊อก ก๊อก!!
“นายหัว”
เสียงทัดทองแทรกเข้ามาระหว่างพายุพิศวาสกำลังพัดพา ร่างแกร่งต้องจำใจถอนริมฝีปากออกจากความฉ่ำหวาน มองใบหน้าหวานแดงซ่านยังหลับตาพริ้ม
“รอก่อน!”
เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้คนร่างเล็กหลุดออกจากห้วงฝันกลางวันดวงตาเบิกกว้าง กวาดตามองหน้าคมเข้มที่ยังเปี่ยมด้วยแรงปรารถนา
“หนึ่งปีบัว ย้ายมาอยู่กับพี่หนึ่งปีแล้วทุกอย่างจะกลับไปเป็นของบัว”
“นะ นายหัว”
“พี่ไม่ใช่นายหัว อย่าเรียกพี่ด้วยคำนั้นอีก”
เสียงกร้าวกระด้างพูดลอดไรฟัน กายแกร่งถอยห่างออกมาช่วยบุษยาลงจากโต๊ะ เดินกลับไปยังหลังโต๊ะทำงาน เท้าแขนลงบนโต๊ะเงยหน้าขึ้นจ้องเธอด้วยนัยน์ตาสีฟ้าสด
“เก็บเอกสารนั่นไปสะ มันไม่มีประโยชน์เพราะพี่ไม่ได้ต้องการมัน พี่ต้องการบัวบนเตียง ตลอดเวลาหนึ่งปี บัวต้องพร้อมให้พี่เสมอไม่ว่าที่ไหน”
ร่างเล็กผงะออก เอื้อมมือออกไปเก็บเอกสารที่ร่วงหล่นพื้นยามที่ทั้งคู่กำลังตกอยู่ในห้วงเสน่หา ยืดกายขึ้นแล้วเอี้ยวตัวเพื่อกลับออกไปด้วยความอับอาย
“พี่ให้เวลาถึงแต่วันอาทิตย์ก่อนสามทุ่ม ตัดสินใจสะ”
เท้าเล็กชะงักก่อนก้าวเท้าเดินต่อแต่ต้องหันหลังกลับไปมองหันควันเมื่อได้ยินประโยคต่อไป
“อีกเรื่อง พี่ไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่เอาค่อนข้างรุนแรงและป่าเถื่อน พี่อยากให้บัวรู้ไว้ ถือสะว่า...ประกอบการตัดสินใจ”
น้ำเสียงทุ้มนาบเนิบ ส่งบรรยากาศภายในห้องอุณหภูมิพุ่งสูง ดวงตากลมเบิกกว้างกระชับเอกสารแนบอกสาวเท้าตรงไปที่ประตู
ร่างเล็กจ้ำเท้าไม่เงยหน้ามองใคร ก้มหน้างุดออกจากห้องตรงเข้าลิฟต์ให้เร็วที่สุดจนทัดทองที่ยืนรออยู่หน้าประตูทำหน้าแปลกใจ
“ไง นายดูท่าทางอารมณ์ดี”
ทัดทองนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวเดียวกับที่บุษยาเพิ่งลุกไป ร่างแกร่งของชายวัยกลางสี่สิบนั่งเอนกายหมุนเก้าอี้เล่น ปกติทัดทองไม่เข้ามาในสำนักงานถ้าเขาไม่เรียก
“มีเรื่องอะไร”
“เสี่ยรังสรรส่งคนเข้ามาในโรงแรม ค่อนข้างหลายคน นายหัวจะให้ทำยังไงกับพวกนี้ดีครับ”
“จัดการออกไปสะ”
“แล้วเรื่องของบุษยา”
“ผมจะจัดการเอง”
ร่างแกร่งหันหน้ากลับไปทางหน้าต่าง มองออกไปด้านนอก แว่วเสียงประตูเปิดและปิดลง ทัดทองกลับออกไปแล้วหลังจากรายงานและรับคำสั่ง
อกแกร่งสะท้านขึ้นลงจากห้วงอารมณ์แรงร้อน เธอผอมบางแต่ยังคงเป็นผู้หญิงไปทุกสัดส่วน เขาสัมผัสได้ว่าเธอเองก็กระหายและโหยหาเขาเช่นกัน
ใจนึกถึงนายหัวบัญชร เขาเสียดายเหลือเกินที่กลับมาไม่ทันได้อยู่ดูหน้ายามนายหัวเห็นผืนดินของตัวเองตกอยู่ในกำมือของเขา แต่นายหัวบัญชรเองก็ไม่ได้ตายดีเช่นกัน ฉะนั้นเขาถือว่านายหัวได้ชดใช้ให้เขาหมดแล้ว
ส่วนลูกสาวของนายหัว หนี้หัวใจที่เธอทำกับเขายังเจ็บแปลบในบางครั้งยามนึกถึง เขาจะขยำขยี้เธออย่างที่ต้องการ หน้าคมเข้มหยักยิ้มมุมปาก นึกภาพที่เขาจะทำกับเธอบนเตียง ไม่รู้ว่าบุษยาจะเคยลิ้มรสชาติรสสวาทดิบเถื่อนมาบ้างหรือเปล่า แต่อย่างแรกเลยเขาต้องขุนเธออีกสักหน่อย ให้เธอแข็งแรงมากกว่านี้ เต็มไม้เต็มมือสักหน่อย เขาจะได้เล่นสนุกดั่งใจ
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง