บทที่ 26
“อันที่จริง เราคุยกันก่อนก็ได้นะคะ น่าจะใช้เวลาไม่นาน นายหัวจะได้ทานข้าวอย่างสบายใจ”
“ไม่มีเรื่องไหนที่เกี่ยวกับบัวแล้วพี่จะสบายใจหรอก”
มือเรียวบางชะงักหยุดชั่วครู่ก่อนหยิบเอกสารออกมาจากซอง หน้าคมเข้มลอบยิ้มชื่นชมที่คนร่างเล็กสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแม้ว่าโดนเขาพูดกระทบหลายครั้ง เขาแสร้งเหลือบตามองไปทางอื่นอย่างไม่สนใจเอกสารที่เธอพยายามดันมาตรงหน้า
“นายหัวไม่ดูสักหน่อยหรือคะ อันนี้เป็นแผนชำระหนี้ที่ฉันทำมา”
“มันไกลไป”
ปากหนาลอบยิ้มเมื่อได้ยินเสียงคนตัวเล็กถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเบาะด้านข้างพลันยุบตัวลงจนเขารู้สึกถึงไอร้อน เสียงหวานนุ่มดั่งน้ำผึ้งดังขึ้นใกล้ตัว เขาขยับตัวแกล้งเอามือขึ้นเท้าบนโต๊ะแต่ยิ่งทำให้ตัวเองจุกเลยจำต้องเอนตัวไปด้านหลัง
“นายหัวนั่งดีดีสิคะ แบบนี้จะมองเห็นได้ยังไง”
เสียงหวานเริ่มแหลมขึ้นอย่างไม่พอใจ เขาเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้าง จมูกโด่งปลายรั้นรับกับหน้าละมุน เธอเอี้ยวหน้ากลับมาทางเขา ดวงตาคมรีปรากฎรอยขุ่นเคือง
“พี่จุก สงสัยจะหิวมาก เลยต้องนั่งเอนตัว”
เขาบอกเธอตรง ๆ หากแต่อาการจุกมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาหารเลย พสุธาวางมือลงข้างตัวซึ่งอยู่ด้านหลังของร่างเล็กพอดี ปลายนิ้วของเขาเฉียดกางเกงเนื้อผ้าสีเข้ม ถ้าเขาขยับมือเข้าไปอีกนิดคงกอบกุมบั้นท้ายเล็กแต่ผายออกอย่างหญิงสาวพอดี
จินตนาการเพริศแพร้วที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เสียงหวานกำลังพูด หัวสมองของเขาอื้ออึ้งจากอารมณ์ที่ตีขึ้นมาอีกครั้ง จินตนาการชั่วร้ายบนเบาะโซฟากลางร้านอาหาร
“นายหัว!!”
คราวนี้น้ำเสียงหวานแหลมตวัดขึ้นไม่อ่อนหวานอีกต่อไป ร่างเล็กกำลังเหลืออดกับพฤติกรรมของผู้ชายร่างโตที่เอาแต่หลุบตาต่ำและทำเหมือนไม่สนใจว่าเธอมีตัวตนอยู่หรือไม่
บุษยาทำตามที่เขาสั่งโดยการนั่งลงที่เบาะข้างตัวเขา ทั้งที่ยังมีพนักงานเดินไปมา ทุกคนต่างจับจ้องเธอและบอสคนใหม่เป็นตาเดียว เธอยังเห็นบางคนซุบซิบกันอยู่ตรงมุมเสาด้านในคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม
นายหัวยังเอนกายไปด้านหลังเธอแล้วนิ่งเงียบ เธอเอี้ยวหน้าเพียงเล็กน้อยคล้ายส่งสัญญาณไม่พอใจแต่เขายังเงียบเฉย
“ถ้าคุณจะกรุณาช่วยดูเอกสาร..”
เสียงหวานหยุดลงทันทีเมื่อเห็นพนักงานบริการนำอาหารเข้ามาจัดเสิร์ฟที่โต๊ะ รีบดึงกระดาษลงใต้โต๊ะ ดวงตาคมรีมองอาหารตรงหน้าหลายอย่างพลันคิดว่าหรือเขาจะมีคนอื่นมาร่วมโต๊ะด้วย โดยไม่ทันได้คิดจึงโพล่งคำถามออกไป
“นายหัวเชิญแฟนมาทานด้วยหรือคะ?”
“แฟน?”
“ก็ผู้หญิงคนนั้น .. ช่างเถอะ! ถือว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน”
ร่างแกร่งเอนตัวขึ้นตั้งตรง จดจ้องใบหน้าแดงซ่านขึ้นทันตา ปากกว้างเม้มนิ่ง
“คนนั้นไม่ใช่แฟน”
“ฉันบอกว่าช่างเถอะไงคะ อาหารมาแล้วทานเถอะ ไหนนายหัวบอกว่าหิว”
เสียงหวานพูดเลี่ยงไปยังเรื่องอาหาร รอจนเขาขยับขึ้นมาหยิบช้อนจึงได้กล้าหยิบช้อนขึ้นมาเช่นกัน ร่างกายเธอบอกอาการหิวโหยทันทีเมื่อกลิ่นของอาหารโชยมา
บุษยาลงมือทานอาหารโดยที่ไม่รอให้เขาเริ่มก่อน ไหน ๆ เขาจะเลี้ยงข้าวเธออยู่แล้ว อย่างน้อยเธอจะได้กินอาหารดีระดับมาตรฐานโรงแรมสี่ดาว ร่างเล็กมองกุ้งซอสมะขามที่วางลงบนจานโดยคนร่างโตตักมาใส่ให้
“กินเยอะ ๆ ผอมบางขนาดนี้ระวังจะปลิวลม”
ปากกว้างเม้มตึงใช้ส้อมเสียบลงบนตัวกุ้งอย่างแรงแล้วใช้ช้อนตัดมันให้ขาดออกจากกัน จิ้มตัวกุ้งขึ้นมาเตรียมใส่ปากแต่ยังไม่ทันเอาเข้าปากก็โพล่งคำพูดที่ทำให้ตัวเธอเองนั่นแล่ะที่ใบหน้าแดงซ่าน
“ฉันจะปลิวลม จะผอมบางก็เป็นหุ่นของฉัน ไม่เกี่ยวกับนายหัว ทำไมนายหัวไม่เอาเวลาไปดูแลผู้หญิงของนายหัวเอง”
บ้าฉิบ บัว!
หน้าหวานกัดริมฝีปากทันทีและสบถในใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน การมีพสุธาอยู่ใกล้ทำให้เธอเผยแต่นิสัยเลวร้ายออกมา เขามันจอมปีศาจที่หลอกแต่ให้เธอทำตัวร้ายกาจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกบัว พี่ดูแลผู้หญิงของพี่ทุกคนอย่างดี”
มือเรียวสั่นเล็กน้อยแต่ยังฝืนทานต่อไป รีบทานให้จบสิ้นมื้ออาหารนี้ให้เร็วที่สุดแล้วพูดธุระ จากนั้นเธอจะได้กลับไปทำงานเสียที
แค่ก แค่ก แค่ก!!
อารามรีบร้อนทำให้บุษยาทานแกงส้มจนพริกหลุดลงคอ วางช้อนหยิบน้ำขึ้นมาดื่มโดยเร็ว พลันรู้สึกถึงฝ่ามือใหญ่อุ่นที่ทาบมาบนแผ่นหลังบอบบาง เขาลูบขึ้นลงให้เธอและชะโงกตัวเข้ามาใกล้
ดวงหน้าเล็กเรียวเอี้ยวหน้าไปมอง เห็นดวงตาสีฟ้าจัดจับจ้องเธออยู่เช่นกัน มือเขาหยุดชะงักวางทาบไว้ ฝ่ามือแผ่ความร้อนผ่าวออกมาจนร่างของเธอสั่นไหว
“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ นายหัวเอามือออกไปเถอะค่ะ”
ฝ่ามือร้อนเลื่อนลงออกเชื่องช้าอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคล้ำมีสีเข้มขึ้น มือแกร่งตักอาหารใส่จานของเธอต่อไม่พูดอะไร ความเงียบเกิดขึ้นปกคลุมมื้ออาหารกลางวันจนกระทั่งนายหัวทานเสร็จ
“ขึ้นไปคุยกันที่ห้อง”
“นายหัว ฉันต้องทำงาน”
ดวงตาหวานมองตามแผ่นหลังกว้างที่ลุกเดินจากไปคล้ายไม่ใส่ใจ คนร่างเล็กลอบถอนหายใจยาวอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหยิบเอกสารใส่ซองเดินแกมวิ่งเข้าไปในลิฟต์ทันก่อนที่ประตูจะปิดลง มือหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ค่ะหัวหน้า บัวนะคะ บัวอยากจะลางานสักชั่วโมงค่ะ ค่ะ ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
นัยน์ตาฟ้าเข้มข้นหลุบตามองสาวร่างเล็กกว่า บุษยาทานอาหารกลางวันแล้วอย่างอิ่มหมีพีมัน ใบหน้าเธอค่อยมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย
มองมือที่กำซองเอกสารแน่นดั่งเป็นชีวิตเดียวของเธอแล้วลอบยิ้ม เขาจะทำให้แน่ใจเลยว่าหนี้ทุกบาทเธอจะต้องได้ชดใช้อย่างแน่นอน
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง