บทที่ 28
วันหยุดยามบ่ายของวันอาทิตย์ ฝนตกยังพรำลงมาตั้งแต่เช้ามืด ร่างบอบบางยืนนิ่งตรงหน้าต่างห้องนอน มองบ้านเก่าหลังเล็กของพสุธา
สภาพภายนอกทรุดโทรมจนแทบเข้าไปไม่ได้ มือเรียวกำขอบหน้าต่างครุ่นคิดข้อตกลง ประโยคยังดังก้องอยู่ในหัวไม่สามารถสลัดมันออกไปได้
รุนแรงและป่าเถื่อน! ระยะเวลาหนึ่งปี!
และที่เธอแปลกใจอีกอย่างคงจะความร่ำรวยของพสุธาที่เขาต้องแลกมาเพื่อให้ได้ตัวเธอ ซึ่งอันที่จริงมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเธอเองก็รู้ตัวดีว่าเธอพร้อมเสมอสำหรับพี่แทน
ร่างเล็กโอบกอดตัวเอง ริมฝีปากหนาร้อนแรงแผดเผา ไม่มีความอ่อนหวานหลงเหลือ ตอนนี้เธออายุยี่สิบเจ็ด เธอรู้ว่าพสุธาต้องการอะไร
ร่างบอบบางนั่งลงที่ขอบเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มาจากบนโต๊ะเล็ก เลื่อนเบอร์โทรศัพท์ที่เธอขอมาจากป้าพรพิศแล้วพิจารณาอีกครั้ง
ถ้าเธอกดเบอร์โทรออกนั่นหมายความว่าบางอย่างกำลังเปลี่ยนเธอไปตลอดกาล แต่ถ้าเธอเลือกที่จะไม่กด เธอจะอยู่ที่เดิมกับความเปลี่ยวเหงาในยามค่ำคืน
ใจนึกภาพในอีกหนึ่งปีนับจากนี้ ข้างกายเธอจะมีพี่แทนอยู่เคียงข้างให้ความอบอุ่นบนเตียง เธออาจเก็บเกี่ยวความทรงจำไว้เพื่อในวันที่เธอเปลี่ยวเหงาเธอจะมีบางสิ่งให้ระลึกถึง
ติ๊ด ติ๊ด!!
ฝ่ามือชื่นเหงื่อกำโทรศัพท์แน่น พยายามควบคุมสติไว้ให้มากที่สุด
“สวัสดีครับ”
เสียงทุ้มต่ำในโทรศัพท์ก้องกังวาลกว่าปกติ
“ฉันเองค่ะ ฉันโทรมาบอกว่าเรื่องที่คุยไว้..”
“ว่าไง”
“ฉันตกลง”
“ดี พรุ่งนี้ย้ายของมาอยู่ที่โรงแรมได้เลย”
“ไม่ ไม่ได้ ฉันมีป้าพิศและน้องสาวที่ต้องดู”
“ไม่ บัวต้องย้ายออกมา พี่ไม่ยอมให้แม่พี่รู้เด็ดขาดว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่”
เธอเม้มปากนิ่งไม่พอใจ แต่อำนาจต่อรองของเธอช่างน้อยนิด
“ถ้างั้นบัวขอกลับมานอนบ้านอาทิตย์ละครั้ง”
“ได้ อ้อ บัวต้องออกจากงานแล้วมาอยู่กับพี่เต็มเวลา”
“แต่ฉันต้องทำงาน ฉันมีรายจ่ายที่ต้องจ่าย!”
“บ้าน่ะสิ นี่บัวคิดว่าพี่จะยอมให้ผู้หญิงของพี่ต้องออกไปทำงานอย่างนั้นเหรอ สิ่งที่พี่ต้องการจากบัวคือ เต็มเวลา นั่นหมายความว่าเมื่อไรที่พี่แข็งโด่ขึ้นมาอย่างเช่นตอนนี้แค่ได้ยินเสียงบัว พี่ก็แข็งจนเจ็บเป็นบ้าแล้ว พี่ยังต้องรอให้บัวทำงานเสร็จแล้วถึงค่อยเอากันอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง!! บัวต้องออกจากงาน พี่จะจัดการค่าใช้จ่ายในบ้านเอง”
เสียงทุ้มดังก้องพูดยืดยาวจนเธอแทบจับใจความไม่ได้ แต่โดยรวมที่เขาหมายถึงก็คือให้เธออกจากงานและเขาจะออกค่าใช้จ่ายของบ้านหลังนี้เอง
“ฉันไม่อยากรบกวนคุณ เอาแบบนี้แล้วกัน ฉันทำงานบนสำนักงานก็ได้”
“บัว!! พี่ไม่ใช่พวกสมภารกินไก่วัดหรอกนะ ที่พอพักเที่ยงก็รีบพาเลขาสาวขึ้นห้องอย่างเร่งรีบ ออกจากงานสะ! แล้วพรุ่งนี้เก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่โรงแรม พี่พูดแค่นี้”
ตากลมโตมองโทรศัพท์ที่พสุธาวางสายไปแล้วหลังจากทิ้งคำสั่งสุดท้ายไว้
บ้าจริง
คนร่างเล็กสบถในใจอีกแล้วทั้งที่ไม่เคยทำ เพราะเขาคนเดียว พี่แทน
แต่ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว เธอควรออกจากเกราะกำบังที่ใช้ป้องกันตัวเอง ในเมื่อเวลานี้ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ว่าชื่อเสียงหรือเงินทอง มีแต่ได้กับได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะเดินหน้าต่อไปเป็นไงเป็นกัน
เวลาเดิมของเช้าวันจันทร์ที่บุษยามักมาทำงานเป็นประจำไม่เคยขาดมาหลายปีแล้ว เพียงแต่วันนี้เธอหอบหิ้วกระเป๋ามาด้วยหนึ่งใบสำหรับการอยู่หนึ่งสัปดาห์แล้วตั้งใจว่าจะกลับไปซักที่บ้านในวันอาทิตย์
“อ้าว พี่บัวคะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
ใบหน้าหวานแดงซ่านเมื่อเดินมาถึงหน้าแผนกต้อนรับ เธอโทรศัพท์ขึ้นไปหาพสุธาแล้วแต่เขาไม่รับสาย
“พะ พี่มีธุระกับคุณพสุธา รู้ไหมเขาอยู่ห้องไหน”
บุษยากัดฟัน ซึ่งอันที่จริงคราแรกเธออยากจะเข้ามาอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อคิดไปคิดมาอย่างไรเสียคนในโรงแรมย่อมรู้อยู่ดี ฉะนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามเลยจะดีกว่า
“อ้อ นายหัวสั่งไว้แล้วค่ะ”
มือเล็กรับกุญแจมาจากน้องแผนกต้อนรับพวงแก้มแดงก่ำ แล้วรีบเดินตรงไปยังลิฟต์ทันที มองเลขบนกุญแจห้องแบบคีย์การ์ด เป็นห้องชั้นบนขนาดใหญ่มีห้องรับแขกในตัว
ก้าวเท้าเข้าลิฟต์หัวใจเต้นรัวจนต้องยกมือขึ้นทาบตรงหน้าอกด้านซ้ายขณะที่กดชั้นบนแผงควบคุมภายในลิฟต์ เลือดสูบฉีดทั่วร่างเมื่อลิฟต์พาเธอขึ้นสู่ที่สูง
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์เปิดออกเธอจึงพาร่างผอมบางและกระเป๋าเดินไปห้องพัก หยุดยืนหน้าห้องเพียงครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเคาะประตูแทนการใช้คีย์การ์ด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!
เงียบสนิท
คิ้วเรียวสวยขมวดครุ่นคิด หรือว่าเขาจะไม่อยู่ข้างในห้อง บุษยาจึงใช้คีย์การ์ด เวลาห้านาฬิกายังเช้ามืดเกินกว่าที่พระอาทิตย์จะตื่นนอน แสงภายในห้องแทบไม่มี เครื่องปรับอากาศเดินเงียบ แต่เธอได้ยินเสียงลมหายใจแผ่วเบามาจากทางห้องนอน
พี่แทนหลับสนิท!
บุษยาวางกระเป๋าลงที่พื้นหน้าห้องแล้วปิดประตูถอดรองเท้าออก เดินเท้าเปล่าตรงไปยังห้องนอนที่อยู่ถัดไปแบบไม่มีประตูกั้นห้อง
ร่างของชายร่างสูงใหญ่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง กายแกร่งนอนกระสับกระส่ายไปมา เธอเห็นแผ่นหลังเขาขยุกขยิกและมีเสียงร้องในลำคอ
เพ่งมองให้ดีจึงเห็นว่าร่างแกร่งกำลังละเมอและค่อนข้างฝันร้าย ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ด้วยความอยากรู้กระทั่งใกล้กับตัวเขา ผ้าห่มเลื่อนลงจากลำตัวคลุมสะโพกสอบเปลือยเปล่า แผ่นหลังกว้างสีเข้มเลือนลางท่ามกลางความมืดสลัว
มือเล็กเปิดไฟหัวเตียง หน้าคมเข้มบิดเบี้ยวคล้ายเจ็บปวด คิ้วขมวดเป็นปม ไรผมชื้นเหงื่อแม้ว่าเครื่องปรับอากาศทำงานจนเย็นฉ่ำ ไหล่กว้างของเขาสะท้านขึ้นลง ดวงตาหวานคมกวาดสายตามองเหงื่อไหลลงบนบ่าไปบนแผ่นหลังที่มีแต่รอยแผลเป็น
มือเล็กยกขึ้นอุดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องตกใจ ก้มลงไปใกล้ดูให้ถนัดตา รอยแผลเป็นริ้วใหญ่เล็กจำนวนมากแสดงว่าตอนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีหรืออาจจะปล่อยให้มันเป็นแผลติดเชื้อรุนแรง
นิ้วสั่นเทายกขึ้นแตะที่รอยแผล ใจเจ็บปวดเมื่อเห็นและรู้ว่าแผลพวกนี้คงเกิดขึ้นเมื่อตอนที่เขาลงเรือเถื่อน พ่อของเธอทำให้เขาเจ็บปวดซึ่งมันสมควรแล้วที่เขาจะโกรธแค้น
“ว้าย!!”
ร่างบางถูกคนร่างโตโอบเข้าเอวเหวี่ยงกลับลงที่นอนพร้อมกับมีดที่ยกขึ้นจ่อตรงลำคอระหง ตากลมเบิกกว้างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก จ้องหน้าแกร่งบิดเบี้ยวตามแรงอารมณ์ มือสีเข้มกำมีดเล็กแน่นจนขึ้นเส้นเอ็น ฝ่ามืออีกข้างกดไหล่เล็กของเธอไว้จมลงฟูก มือเล็กจับข้อมือแกร่งสบตาสีฟ้าจัดเข้มข้น
“นายหัว”
เธอจ้องดวงตาที่กระพริบถี่ก่อนที่คนร่างโตจะสบถออกมาแล้วถอยออกจากร่างเล็กวางมีดไว้ที่หัวเตียงดั่งเดิม
พสุธายังนัยน์ตาพร่าเลือน ฝันร้ายเหมือนเช่นเคย ฝันที่ตามหลอกหลอนจากการอยู่บนท้องทะเลมานานเกินไป ในฝันเขากำลังจ้วงแทงมีดพกกรีดลงเนื้อแน่นมัดกล้ามหนึ่งในคนบนเรือที่มีชะตาเช่นเดียวกันกับเขา แต่เขาต้องแทงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดต่อไป
“พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
คนร่างเล็กลุกนั่ง ใบหน้าหวานแม้ยังตกใจแต่เธอห่วงใยคนร่างโตมากกว่า ขยับเข้าไปใกล้เอื้อมมือสัมผัสท่อนแขนเปียกเหงื่อ
“ไม่เป็นไรค่ะ บัวหายตกใจแล้ว”
สติเริ่มกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาสีฟ้ากวาดตามองแสงจากพระอาทิตย์ยามเช้าสีทอง ลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติ ก้มลงมองมือเล็กบนท่อนแขนกำยำ มือเล็กค่อนข้างหยาบ เขาจับมือเธอดึงแรงเข้ามาใกล้
“เดี๋ยวค่ะนายหัว”
“เลิกเรียกว่านายหัวได้แล้ว ทำไมมือบัวเป็นแบบนี้”
คนร่างเล็กขืนแรงดึงมือกลับแต่สู้แรงไม่ไหว ดึงจนเธอเกือบขึ้นไปนั่งบนตัก
“ปล่อยได้แล้วค่ะ มันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ก็แค่ สากนิดหน่อย”
เขาเงยหน้าขึ้นจากมือเล็ก ลูบไล้ทั่วฝ่ามือของเธอ ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบฝ่ามือของเธอจนทั่ว
กายแกร่งเปลือยเปล่าทั้งตัว มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวที่ห่อหุ้มสะโพกสอบอยู่ หน้าหวานแดงซ่านจนถึงลำคอรีบเบี่ยงตัวออก แต่คนร่างโตกลับโถมน้ำหนักลงบนร่างเธอทันทีจนนอนหงาย
“เดี๋ยวค่ะ นายหัว นี่มันเช้าแล้ว คุณต้องไปทำงาน”
“บอกให้เลิกเรียกนายหัวได้แล้ว”
ดวงตากลมเบิกกว้างไหวระริกยามใบหน้าแกร่งลอยอยู่ด้านบน ลมหายใจรดกันและกัน ผมหยักศกสีเข้มย้อยลงมาปรกใบหน้าคม ผมเขายาวกว่าที่คาดไว้ จมูกหักทำให้หน้าแกร่งดูกร้าวกระด้างแต่กลับส่งให้ใบหน้าหล่อดิบเถื่อน
ทุกอย่างพร่าเลือนยามใบหน้าเคลื่อนลงมา แสงจากโคมไฟสีเหลืองนวลทำให้เกิดเงาพาดหน้าคมเข้ม
จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็หมุนวนด้วยอารมณ์พิศวาสแรงกล้า ยามริมฝีปากหนาอุ่นจนร้อนครอบครองเธอทั้งหมด
บทพิเศษบอดี้การ์ดร่างยักษ์และนายสาวบ้านจรัญทัดทองนอนเอนกายบนเตียงใหญ่ ปีนี้เขาอายุปาไปเกือบจะสี่สิบห้า เคยมีลูกมีเมียมาก่อนและไม่ไว้ใจใครมือคีบบุหรี่สูดอัดเข้าปอดก่อนพ่นควันขาวเป็นทาง มองไปยังด้านข้างสาวใหญ่อวบอิ่มหน้าตาคมสวยร่ำรวยของเมืองใครจะรู้ว่าแท้จริงเธอไม่ได้ช่ำชองอย่างที่คาดไว้แม้แต่น้อย ออกไร้เดียงสาด้วยซ้ำ เมื่อคืนตอนที่ชำแรกครั้งแรกเขารู้ได้เลยว่าเธอแทบไม่เคยได้ใช้งานถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนแรกยิ้มกวนอารมณ์อย่างที่พสุธาชอบแซวผุดขึ้นมุมปากหนา ไม่น่าเชื่อว่าทั้งเขาและเธอกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเมื่อคืนเพราะความเมาจากงานแต่งของนายหัวพสุธาร่างผิวเข้มจากการตากแดดดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาแนบกายพร้อมกับพ่นควันยาว เขานอนอยู่ในห้องพักโรงแรมนายหัวโดยที่สาวลูกเจ้าของบริษัทดังของท้องถิ่นแนบกายเขาจะรออีกสักหน่อยเพื่อปลุกเธอมาต่อสักรอบ อันที่จริงถ้าระยะยาวเลยจะดีมาก เขาชอบหุ่นแสนทรมานใจ เสียงใสหวีดร้องขณะที่ขยับบนร่างเขา เธอปลดปล่อยอารมณ์ได้สวยงามและไม่เสแสร้ง“อือ”เสียงครางแผ่วเบาลอดออกมาจากลำคอเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนขยับกาย เขาจ้องมองดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาโน้มตัวใกล้ และเขาเห็นว
บทที่ 49**จบเปรี้ยง! ซ่า! ซ่า!บุษยารีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่างช่วยป้าพรพิศในชั้นล่างก่อนวิ่งขึ้นชั้นบนเพื่อไล่ปิดตามห้องพสุธาหายไปเกือบอาทิตย์แล้วนับจากวันที่เขาตกน้ำ หน้าหวานคมขุ่นมัว แค่จะง้อเธอยังทำไม่ได้เลยปัง! ปัง!มือเล็กกระแทกหน้าต่างปิดอย่างแรกทีละบานกระทั่งมาถึงห้องนอนของเธอ บุษยาไล่ปิดหน้าต่างไม้ แต่พอถึงบานข้างโต๊ะเขียนหนังสือมือเรียวชะงักไปท่ามกลางสายฝนพัดกระหน่ำจนขาวโพลน ชานบ้านพักหลังเล็กกลับมีผู้ชายคนหนึ่งร่างสูงใหญ่ผิวคล้ำยืนอยู่ ลมกรรโชกแรงจนพัดร่างของเขาเปียกปอน ปากเย้ายวนเม้มแน่นกระแทกบานหน้าต่างปัง!!ภาพร่างสูงใหญ่ยังติดตาจนเธอสะท้านถึงข้างในทรวง อาการเจ็บแปลบที่เป็นมาเกือบสิบวันมลายหายไป ตอนนี้หัวใจดวงน้อยกลับเต้นถี่รัวด้วยความตื่นเต้นเธอหันหลังให้หน้าต่างบานนั้น เสียงลมและฝนยังสาดซัดกระทบหน้าต่างเสียงดังสนั่นจนเธอต้องหันตัวกลับไป มองร่องกลางหน้าต่างบานไม้ของบ้านหลังนี้ที่สร้างมานานนับหลายสิบปีก่อนเธอจะเกิดความเก่าแก่ร่องรอยไม้ซีดจาง ที่จับหน้าต่างทำจากเหล็กสลักลายเก่าขึ้นสนิทเล็กน้อยแต่ยังใช้งานได้ดี ตอนที่ยังเด็กเตี้ยกว่านี้ เธอต้องปีนเก้าอี้เพื่อจับด้ามหน้
บทที่ 48“แม่ครับ”“อ้าวแทน มาทำอะไร ต้องพาหนูบัวไปโรงพักเหรอ”“เปล่าครับ นี่ขนมที่บัวชอบ”พรพิศยื่นมือออกไปรับถุงขนมแล้วเปิดดูก่อนจะยิ้มออกมา“มีแต่ของชอบ รู้ใจคุณบัวเสียจริงลูกแม่”“แล้วบัวล่ะครับ”พรพิศวางถุงขนมลงบนโต๊ะในครัวแล้วพยักหน้าไปยังทิศทางที่เห็นร่างบอบบางเดินออกไป“โน้น อยู่แพหอย”พรพิศพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ของลูกชายพลันก้าวลงจากพื้นห้องครัววิ่งแกมเดินไปยังแพหอยกลางน้ำรอยยิ้มของหญิงวัยกลางคนหุบลงเมื่อแผ่นหลังกว้างเดินออกไปไกลมากแล้ว หวนนึกถึงเรื่องที่คุยกับคุณปู่ของพสุธาเมื่อวานนี้วิลเลี่ยมพ่อของพสุธาเสียชีวิตลงไม่นานนักหลังจากที่เธอจากมาด้วยอุบัติเหตุพร้อมพ่อกับแม่ของวิลเลี่ยมด้วยเช่นกัน เธอไม่เคยบอกสาเหตุที่เธอทิ้งพ่อของพสุธามา แต่เธอเล่าให้ปู่ของเขาฟังวันที่วิลเลี่ยมพาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อกับแม่ของวิล เลี่ยมไม่พอใจมากถึงขั้นโต้เถียงรุนแรงและลงไม้ลงมือ ไหล่พรพิศสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกภาพอดีตของคืนเลวร้าย วิลเลี่ยมถูกส่งตัวไปทำแผลในโรงพยาบาลซึ่งต้องทิ้งเธอไว้ที่บ้านกับแม่ของวิลเลี่ยมชนชั้นสูงอย่างบ้านแบล็ครับไม่ได้ที่ลูกชายเพียงคนเดียวมีภรรยาคนละฐานะกัน ต
บทที่ 47กว่าจะได้กลับบ้านอีกครั้งบุษยาและบุหลันเองเพลียเต็มทน ต้องไปให้ปากคำที่กองกำกับการประจำอำเภอเพราะถนนเส้นนั้นเป็นเขตของอีกอำเภอทำให้เสียเวลาเดินทาง“คุณบัว คุณบุหลัน!!”ป้าพรพิศตาโตตกใจเมื่อเห็นคุณหนูทั้งสองสภาพไม่น่าดูนัก เหลือบตามองลูกชายที่ยังหน้าบึ้งเดินตามมาข้างหลัง“เดี๋ยวผมเล่าให้ครับแม่ แล้วคุณปู่ล่ะครับ”“แม่ทำความสะอาดห้องพักข้างบนให้ท่านขึ้นไปพักผ่อนแล้ว”ป้าพรพิศรีบเข้าไปช่วยเข็นรถของบุหลันแทนบุษยาแล้วพาเลี้ยวเข้าไปด้านหลังปล่อยบุษยาไว้กับพสุธาสาวร่างบางรีบก้าวเท้าขึ้นบนบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินตามหลังจึงหันไปมอง เห็นคนร่างสูงเดินขึ้นบันไดตามมาด้วย“พี่แทนกลับไปเถอะค่ะ”“พี่จะขึ้นไปหาคุณปู่”บุษยาเม้มปากสะบัดหน้ากลับก่อนแดงซ่านด้วยความอาย เพราะหลงเข้าใจผิดว่าเขาตามง้อเธอ รีบย่ำเท้าเร็วขึ้นแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังห้องเล็กผลัก! พสุธาใช้มือทาบยันประตูไว้ได้ทันก่อนที่คนร่างเล็กปิดลงแทรกร่างใหญ่โตเข้าไปโดยที่เธอสู้แรงไม่ได้“พี่แทน!! นี่มันห้องบัว”“แล้วยังไง พี่แค่อยากมาดูห้องเมีย”“บัวไม่ได้เป็นเมียพี่!!”ชายร่างโตไม่โต้เถียงเพียงเดินดูรอบห้องแล้วไปหยุดที่โต๊ะเขียนหน
บทที่ 46พรพิศมองตามหลังสองหนุ่ม แม้ว่าเธอไม่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองมากนักว่าหายไปไหนกับใครมาหลายปี รู้แค่ว่าเขาน่าจะไปอยู่กับพ่อผู้ให้กำเนิด แต่ชายชราร่างใหญ่ผิวคล้ำคนนี้ไม่ใช่คนรักเก่าของเธอ“สวัสดี ผมวิลเลี่ยมเป็นปู่ของวิล ดูท่าเราอาจต้องคุยกันยาวนะ”“สวัสดีค่ะ”หญิงวัยกลางคนตรงหน้าตอบเขาเป็นภาษาอังกฤษอย่างที่ชายชราเองก็ไม่อยากจะเชื่อ พรพิศเดินนำชายชราเข้าไปในบ้าน เธอเองก็อยากรู้ใจแทบขาดว่าผู้ชายคนรักเก่าของเธอเป็นอย่างไรบ้าง และเรื่องราวหลังจากที่พสุธาตามหาพวกเขาจนเจอนั่นเป็นอย่างไรเอี๊ยดดด!! โครม!!“โอ๊ย!!”ร่างบอบบางศีรษะโขกกับคอนโซลหน้ารถทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ รถคันเล็กของเป็นเอกถูกกระแทกจากการปาดหน้า จนต้องหักพวงมาลัยซ้ายสุดเพื่อให้รถลงไปยังไหล่ทางก่อนจะชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางบุษยารีบเอี้ยวตัวไปดูน้องสาวที่นั่งด้านเบาะหลังเห็นร่างผอมบางร่วงลงไปกองกับพื้นรถแต่ไม่เป็นอะไรมากกึก! ตึ้ง! หมับ!“ออกมานี่”คนร่างโตคล้ำดำผมหยิกปิดหน้าตาด้วยผ้าคลุมโหม่งสีดำฉุดร่างของบุษยาออกมาจากรถจนร่างบอบบางเอียงถลาเกือบล้มคว่ำ“พี่เอาไงนิ เป็นตากาลักกาลุย หัวเช้าวานยังแลงว่าคนเดียว[1]”“กูรู้?
บทที่ 45พสุธานั่งไขว้ห้างบนโซฟาในห้องทำงานกระดิกเท้าอย่างร้อนรน มองคุณปู่ผิวคล้ำใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาเพียงแต่สูงวัยกว่ามากและผมขาวจนเกือบทั้งศีรษะ“ปู่มาไม่บอกล่วงหน้า”“ถ้าฉันบอก ฉันจะเจอแกไหมแทน”เขามองรอยยิ้มกวนประสาทที่อยู่บนหน้าปู่ก่อนเบือนหนีไปยังด้านอื่นเพื่อปกปิดอาการผิดสังเกตของตัวเอง แต่ไม่รอดพ้นสายตาของผู้สูงวัยที่ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน“เป็นอะไร! ปกติไม่เป็นแบบนี้”ชายสูงวัยหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายรอยย่นรอบดวงตาหรี่ลงด้วยความสงสัย ตามปกติพสุธามักสงบนิ่งและควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี“ไม่มีอะไรมากหรอกครับมิสเตอร์แบล็ค แค่อาการอกหัก”“พี่ทัด!!”“ห๊า!!”เสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันของปู่กับหลานทำทัดทองยิ้มกว้างกว่าเดิมหันไปมองหน้าคนปู่ที่ใบหน้าคงฉงนฉงาย“พูดมาเดี๋ยวนี้เลย ผู้หญิงคนไหนกันปฏิเสธหลานของฉัน”“ฮ่า ฮ่า มิสเตอร์ต้องไม่อยากเชื่อแน่ถ้าเล่าให้ฟัง”“พี่ทัด หุบปากไปเลยดีกว่า”เสียงคำรามกร้าวยิ่งทำให้ทัดทองยิ้มอย่างกับคนบ้า เขาอยากจะให้ไอ้หมอนี้โดนคุณปู่อบรมสั่งสอนเรื่องการทะนุถนอมผู้หญิงเสียหน่อย“โฮะโฮ้ ไอ้เสือนี่ไปทำอีท่าไหนเขาถึงทิ้งไป”เสียงปู่ยังขยี้ไม่หยุดจ้อง