LOGINEp.9 ยัยเด็กแสบ!
เวลา 1 ทุ่ม “ไอ้แมกซ์ มึงไปสืบประวัติของยัยเด็กแสบนั้นอย่างละเอียดมาให้กูที” ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานสั่งขึ้นมาอย่างงงๆ มือขวาของเขาถึงกับไม่เข้าใจว่าจะให้ไปหาประวัติเธอมาทำไม? “นายสนใจเธอหรอครับ? ” “อย่าเสือก!! กูให้มึงไปทำอะไร ก็ไปทำตามที่กูสั่งอย่างอื่นไม่ต้อง” มาเฟียหนุ่มรู้สึกเอือมระอากับไอ้มือขวาขี้เสือกนี้สะเหลือเกิน มันเหมือนกันกับไอ้มือซ้ายของเขาอีกคน และอดไม่ได้ที่จะด่ามัน เเถมมันยังทำให้เขานึกไปถึงพวกเพื่อนๆของเขาที่ชอบเสือกเรื่องของเขาอยู่บ่อยครั้ง เวลานัดพบปะกัน “เข้าใจแล้วครับนาย แฮร่ๆๆ” พอรู้ตัวว่าตัวเองเสือกเรื่องเจ้านายมากเกินไป แมกซ์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ เอามือมาปิดปากที่ชอบพูดจาไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาไว้ "หึๆ" “ไอ้สัส!!” ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนที่หัวเราะเยาะเขา มันคนนี้ก็คือ ไอ้มือซ้ายที่ชื่อแซมนั้นเอง เขาล่ะอยากเอาตีน เอ้ย เท้าถีบปากมันสะจริงๆ 1 ชั่วโมงผ่านไป ”นี่ครับนาย ประวัติของเธอ” มือขวาอย่างแมกซ์ ก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับผู้ที่เป็นนาย จากนั้นมาเฟียหนุ่มก็หยิบไป “นายต้องการอะไรอีกไหมครับ? ” “ถ้ากูต้องการจะถีบปากมึงล่ะ? ” “ผมหมายถึงอย่างอื่นคร๊าบบบ แต่เท้านายผมไม่เอาน่ะ ขอแต่เงินเดือนก็พอ” ไม่วายพูดด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนกับเด็ก เเรกเกิดเพื่อให้นายเอ็นดู แต่ในสายตามาเฟียหนุ่มนั้น มันไม่เคยดูกระจกหรือไง ตัวใหญ่เท่ากับยักษ์ แต่กลับทำท่าทางเหมือนตัวเองเป็นแมวเหมียวไปได้ “ไปให้พ้นตีนกูไป” มาเฟียพูดอย่างรำคาญ “แต่ว่านา” เมื่อไหร่มันจะรู้ตัวสักทีว่าพูดมากไป “จะไปดีๆ หรือในบัญชีไม่มีแม้แต่สลึงเดียว? ” สุดจะทนกับไอ้คนหน้ามึน เขาจึงขู่จะตัดบัญชีเงินเดือนของมัน “งั้นผมลาล่ะคร๊าบบ” ไม่ลืมยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นนายอย่างอ่อนน้อมถ่อมต้น เพราะกลัวบัญชีไม่มีตังค์ใช้นั้นเอง ฟิววว!! เสียงของปากกาหลายด้ามบนโต๊ะถูกโยนมาทางที่แมกซ์ยืนอยู่ จากนั้น เสียงเท้าหนาของไอ้มือขวาวิ่งสุดชีวิต เสือชีตาร์ในแอฟริกายังต้องยกมือไหว้ให้กับมัน วิ่งเร็วฉิบหาย ถ้าเดาไม่ผิด หากเป็นนักวิ่งจะเอาเหรียญทองไปไว้ไหนหมดก่อน ส่วนไอ้มือซ้ายตามไป แต่เดินตามปกติไม่ได้รีบร้อนอะไร จากนั้นไม่นาน มาเฟียหนุ่มกลับมาสนใจกับกระดาษในมือ ที่มีประวัติของลูกหนี้ตัวแสบของเขาอยู่ สายตาสีฟ้าครามคมกริบกวาดมองชื่อของเธอเป็นอันดับแรก “ทานตะวัน วาริรินทร์” มาเฟียหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง “ยัยเด็กแสบ ฉันจะให้เธอทำอะไรดีล่ะ? ” หน้าตาของเขาตอนนี้เหมือนเสือที่พร้อมจะขย้ำเยื้อตัวน้อยๆ พอเขาอ่านประวัติของร่างบางเสร็จ ก็กลับมาอ่านเอกสารที่ค้างคาไว้ต่อ เช้าวันสดใสต่อมา ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่ง ร่างบางที่เริ่มรู้สึกตัว ได้ยินเสียงนกเสียงเสียงการ้องแต่เช้า โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งนาฬิกาปลุก ก็สามารถปลุกเธอตื่นขึ้นมาได้ ร่างบางเปิดเปลือกตาขึ้นมา หน้าตาที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางกลับดูน่ารักเป็นธรรมชาติ “โอ้ย เช้าแล้วหรอเนี่ย ยังง่วงอยู่เลย” ร่างบางร้องงัวเงียอยู่คนเดียวเบาๆ “เห้ย วันนี้ฉันต้องไปพบไอ้เจ้าหนี้หน้าเงินนี่หนา เกือบลืมสะแล้ว” พอคิดได้อย่างนั้น เธอก็รีบกระโจนเข้าห้องน้ำทันทีทันใด เพื่อไปขัดสีฉวีวรรณให้เรียบร้อยก่อนจะออกไปเจอไอ้คนที่เธอไม่อยากเจอเลย 30 นาทีต่อมา ร่างบางพออาบน้ำเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ทำการแต่งตัว เธอเลือกที่จะสวมเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆตัวนี้ กางเกงยีนขายาวสีซีดขาดๆนิดๆแถวบริเวรหัวเข่า และกางเกงยีนส์มีขนาดใหญ่กว่าขาเรียวสวยของเธอ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดตา ส่วนผม เธอเลือกที่จะรวบผมขึ้นแล้วใช้ยางมัดผม มัดให้มันมาอยู่จุดเดียวกันคล้ายกับดอกกุหลาบที่เริ่มจะเบ่งบานอยู่บริเวรศีรษะส่วนบน ตอนนี้ร่างบางยืนมองตัวเองผ่านหน้ากระจก เธอดูน่ารักสดใสเหมือนกับคนพึ่งเข้าสู่วัยรุ่นใหม่ๆ แต่ตอนนี้ เวลาเจ็ดโมงสามสิบนาที ถึงเวลาแล้วสินะที่เธอต้องไปเจอไอ้เจ้าหนี้หน้าเงินของเธอสักที ณ บริษัทเรซเตอร์ เป็นบริษัทที่ผู้เป็นพ่อของร่างสูงได้ก่อตั้งขึ้นมานานแล้ว ทำธุรกิจมากมาย ประสบความสำเร็จไม่น้อย แต่ไม่ค่อยได้มาดูสักเท่าไหร่ เพราะบริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่มาก นี่ขนาดไม่ใหญ่มากน่ะ เพราะบริษัทที่ประจำการอยู่ อยู่ที่อังกฤษ ส่วนของผู้เป็นลูกจะอยู่ที่กรุงเทพ เขาจะให้คนคนหนึ่งที่ไว้ใจได้ดูแลแทน แต่ไม่ใช้ผู้เป็นลูกที่รับหน้าที่นี้ แต่ตอนนี้ในเมื่อลูกของเขามาอยู่ที่นี่ชั่วคราวแล้ว ผู้เป็นพ่อเลยขอให้เขามาช่วยดูแลบริษัทอีกแรง ในระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่เพื่อมาจัดการเรื่องหนี้แทนเขา พอทานตะวันเดินเข้ามาในบริษัท ตาของเธอถึงกับต้องลุกวาวให้กับความใหญ่โตของบริษัทของเจ้าหนี้ของเธอ ทำไมมันอลังการขนาดนี้ ทุกอย่างดูแพง และหรูไปหมด ไม่เว้นแม้แต่พรมเช็ดเท้า คงจะหลายสตางค์เลย เธอได้แต่คิดในใจ พอเธอเข้ามาได้ไม่นาน ก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา “เชิญทางนี้ครับ” แล้วพาเธอขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นที่สูงสุด คงจะเป็นห้องของเขาคนนั้น พอมาถึงยังห้องๆหนึ่งที่มีขนาดใหญ่สุดในบริษัทนี้ ชายชุดดำคนนั้นก็ไม่พูดอะไร เดินจากไปทิ้งให้เธออยู่คนเดียว ทีนี้เธอควรทำยังไงต่อดี ทานตะวันสูดหายใจเข้าลึกๆเต็มปอด แล้วใช้มือข้างหนึ่งเคาะประตูห้องสองสามครั้งอย่างไม่ดังมาก จากนั้นประตูห้องขนาดใหญ่ถูกปลดล็อดโดยไม่มีใครมาเปิดให้ด้วยซ้ำ มือบางจึงเลือกที่จะเปิดเข้าไป ภายในห้องมีขนาดกว้างขวางมากกว่าที่เธอคิด ทุกอย่างในห้องนี้มีเพียบพร้อม นี่ที่ทำงานหรือคฤหาสน์กันแน่ “มาพบฉัน แต่งตัวแบบนี้? ” ยังไม่ทันที่ร่างบางจะสำรวจทุกอย่างภายในห้องเสร็จ เสียงเข้มก็ดังขึ้น “ก็ฉันสบายใจที่จะแต่งแบบนี้ ทำไม? ” ร่างบางยกคิ้วข้างหนึ่งใส่ร่างสูงอย่างกวนๆ “อย่ากวนให้มันมากนัก” “ใครกวน? ไม่มี๋ ไม่มี” น้ำเสียงที่เธอเปล่งออกไปนั้น มันไม่เข้าหูมาเฟียหนุ่มเอาซะเลย “ไม่งั้นเรื่องหนี้ของเธอ อาจจะทำให้ฉันเปลี่ยนใจก็ได้” มาเฟียหนุ่มพูดขึ้นมาอีกครั้งอย่างคนได้รับชัยชนะ "....." ทานตะวันพอได้ยินอย่างนั้น กลับเงียบกริบพูดอะไรไม่ออกเหมือนกับว่า ปากของเธอโดนแม่มดพ่อมดสาปไม่ให้พูดอย่างงั้นแหละ “หยอกนิด หยอกหน่อยทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แล้วที่ให้ฉันมาเจอวันนี้ ให้มาทำไม? ” เธออดไม่ได้ที่จะถามเหตุผล “วันนี้ สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ…” “คือไร? ” “ทำความสะอาดห้องน้ำให้ฉัน” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากหยักสวยแฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม “หะ???? ทำความสะอาดห้องน้ำ จะบ้าหรือไง? ให้ฉันมาพบคือให้มาทำความสะอาดห้องน้ำเนี่ยน่ะ" ฉันไม่เคยเข้าใจความคิดของไอ้คนตรงหน้านี้เลย คิดได้ยังไงให้ฉันมาทำความสะอาดห้องน้ำให้ "ทำไมไม่ให้แม่บ้านทำล่ะ หรือขี้เหนียวจนไม่กล้าจ้างแม่บ้าน? ” ฉันยกคิ้วข้างเดียวใส่เขาขณะพูดไปหนึ่งกรุบอย่างกวนๆ สงสัยจะขี้เหนียวมากสิน่ะ ถึงขนาดไม่จ้างให้คนมาทำความสะอาดให้ ‘ไอ้คนขี้เหนียว’ ฉายาที่แต่งให้เยอะจริงๆ จนแทบจะใช้เรียกไม่หมด “ก็แม่บ้านคือเธอไง จ้างทำไมในเมื่อฉันมีแล้ว และที่สำคัญจำคำพูดที่เคยพูดของตัวเองไว้ด้วย และอย่าเกี่ยงงาน ไม่งั้น…” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค เสียงเธอก็แทรกขึ้น “ก็ได้ๆ ห้องน้ำอยู่ไหน? ” มาเฟียหนุ่มไม่พูดอะไร แต่นิ้วชี้เรียวยาวสวยชี้ไปยังห้องน้ำ พอร่างบางรู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ก็รีบขนย้ายตัวไปทำความสะอาดทันที “หึ” มาเฟียหนุ่มหัวเราะในลำคอ รู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาดที่ได้แกล้งยัยลูกหนี้ตัวแสบคนนี้สำเร็จ... ........................................................................ มีคนอยากเเกล้งน้องค่าาา😆 เเต่ความเเสบของอีน้องนั้นเบาได้เบา ถ้าอีพี่ทนไม่ไหวเดี๋ยวมีจุก!!!😆Ep.Special 4 Katy's New Life 3/3"คุณเคธเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าเเดง?" ภาคินเมื่อสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเคธี่เปลี่ยนมาเป็นสีเเดงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"เคธไม่ได้เป็นอะไรค่ะ งั้นเคธขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ" เคธี่รีบปฏิเสธคนตรงหน้าว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร เเละรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน"ได้ครับ" ภาคินตอบกลับเคธี่ด้วยความงงๆเพราะอาการของเธอมันดูเเปลกๆในห้องน้ำ"Oh, my god!!! ทำไมหน้าเเดงเเบบนี้เนี่ย!!!" เคธี่อุทานด้วยความตกใจผ่านหน้ากระจก เธอลูบเเก้มที่เเดงเถือกของตัวเองเบาๆ อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงเเดงขนาดนี้สองเดือนต่อมา"พี่คินคะ ขับรถระวังหน่อยนะคะ เดี๋ยวลื่น" เวลาผ่านไปได้ไม่นานฉันกับพี่คินก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น จนฉันเรียกเขาว่าพี่คินเพราะเขาอายุมากกว่าฉันสองปี ส่วนเขาเรียกฉันว่าเคธเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ จนถูกคนในหมู่บ้านมักจะเอ่ยเเซวพวกเราว่าเป็นคู่รักกัน เเต่ความจริงเเล้วความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนเป็นเเค่พี่กับน้องมากกว่าจากนั้นภาคินขับรถไปจอดเเถวๆบริเวรที่เขาคิดว่าปลอดภัยไม่มีทางที่รถจะลื่นไหลไปไหนได้เเน่นอน เเละตอนนี้ฝนก็กำลังตกอยู่จึงไม่อยากขับต่อเพราะกลัวว่า
Ep.Special 4 Katy's New Life 2/3 "ช่วยพาคุณเคธี่ไปดูห้องพักเเทนพ่อที พอดีพ่อมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการก่อน" พ่อของคนตัวสูงกล่าวบอกลูกชาย "เออ ได้ครับ" ภาคินจึงตอบตกลงไป จากนั้นผู้ใหญ่บ้านจึงรีบเดินสับเท้าไปที่ท้ายหมู่บ้าน เพื่อที่จะไปซ่อมท่อที่เเตก หากชักช้าทั้งหมู่บ้านจะพากันเดือดร้อนไปด้วย เมื่อทั้งสองมองดูไล่หลังผู้ใหญ่บ้านที่เดินจากไปเเล้ว ก็ดึงสายตากลับมามองที่คนตรงหน้า เคธี่เผลอใช้สายตาไล่มองร่างกายกำยำ กล้ามเป็นลอนๆเรียงรายกันสวยงาม ไหนจะเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากเรือนร่างที่ขาวผ่อง เขาช่างดูดีเหลือเกิน จนเธอลืมไปว่าตัวเองกำลังจ้องมองคนตรงหน้านานเกินไป เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ จนเผลอกลืนน้ำลายเข้าไปในลำคอหนึ่งอึก "เออ คุณครับ?" เมื่อชายหนุ่มเห็นคนตรงหน้าของเขาเอาเเต่จ้องมองเขาด้วยเเววตาเเปลกๆนานเกินไปจึงรู้สึกเขินๆอายๆ เลยเอ่ยเรียกเธอ จังหวะนั้นเองที่ทำให้เคธี่หลุดออกจากภวังค์ "เออ คะ?" ฉันทำตัวไม่ถูกเลย เมื่อสติกลับเข้ามายังร่าง ฉันไม่น่าไปจ้องมองร่างกายของเขานานขนาดนี้เลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันร่างกายฉันมันสั่งระบบสายตาฉันโดยอัตโนมัติว่าให้มองอยู่อย่างนั้น โถเอ๋ยอา
Ep.Special 4 Katy's New Life 1/3 "เคพีมาหาเเม่เร็วครับลูก" เคธี่กวักมือเรียกลูกชายวัยสองขวบกว่าที่กำลังเล่นซนมากๆอยู่ให้มาหาเธอ "คร๊าาบบเเม่" เคพีขานรับเเล้วจึงรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กๆไปหาผู้เป็นเเม่อย่างไม่เร็วมากเพราะอายุเพิ่งเเค่สองขวบ กว่าๆ เคพีกลัวว่าผู้เป็นเเม่จะไม่พาไปสวนสัตว์ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ หากไม่ยอมเชื่อฟัง หรือทำตัวดื้อกับเธอ เธอก็จะลงโทษด้วยการไม่พาเขาไปเที่ยวสวนสัตว์ เคพีคิดในใจ เด็กฉลาดวัยสองขวบกว่าจึงต้องตามใจผู้เป็นเเม่ไปก่อน เขารอคอยวันที่จะไปสวนสัตว์มานานเเล้ว จุดมุ่งหมายเดียวของเคพี คือเพื่อไปดูการเเสดงโชว์ของโลมาซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเขา เขาชอบมันเอามากๆ เพราะเคยดูการเเสดงโชว์ของโลมาจากสารคดีมาก่อนนั้นเอง จึงต้องไปชมให้เห็นเองกับตา เมื่อสามปี่ที่เเล้ว ณ จังหวัดเชียงราย "ทุกคนฟังทางนี้ นี่คือคุณเคธี่ เธอเป็นอาสาสมัครที่จะมาช่วยสอนหนังสือให้พวกเด็กๆในหมู่บ้านของเรา" ผู้ใหญ่บ้านเเห่งหมู่บ้านน่านฟ้า หรือนามว่าวาคิณกล่าวเเนะนำให้ลูกบ้านทุกๆคนที่มาประชุมในวันนี้ได้รู้จักกับเคธี่ เพราะเธออาสาที่จะมาเป็นคุณครูสอนเด็กๆที่ขาดการศึกษา เธออยากช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสได
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 3/3"เกิดอะไรขึ้นคร๊าบ!!?" ทั้งสกายเเละสตาร์ถามด้วยท่าทางอย่างลุ้นๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีเกิ้ลเเละดอกไม้"เมื่อทั้งสองล้มลงไป ทำให้ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน" พี่สก๊อตหันมามองฉัน เล่าไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เเต่ฉันที่นอนฟังอยู่รู้สึกโคตรจะเขินอายกับเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย"Wowww!! เเสดงว่าพวดเขาจู๋จุ๊บกันหรอคร๊าบ?" สตาร์ถามด้วยความสงสัยตามภาษาเด็ก"ถูกต้อง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นมาร้องโวยวาย โกรธหน้าดำหน้าเเดงเพราะโดนขโมยจู๋จุ๊บครั้งเเรกไป เเละเธอก็จะเอาเรื่องอีเกิ้ลให้ได้ที่บังอาจมาจู๋จุ๊บเธอ เเต่อีเกิ้ลจับมือเธอไว้ได้ทัน ไม่ให้เธอทำร้ายเขา จากนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยมือเธอเเล้วเดินจากไป..." สก๊อตหยุดเล่าสักพักเพราะเมื่อยปาก"เเล้วงายต่อคร๊าบเเด๊ด?" เมื่อผู้เป็นพ่อหยุดเล่าได้ไม่ถึงห้าวินาที สกายก็ถวงถามเขาให้เล่าต่อ"จากนั้นไม่นานสองคนก็ได้มาพบกันอีกครั้งด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ได้เจอะเจอกันบ่อยๆทั้งที่ผู้หญิงที่ชื่อดอกไม้ไม่ค่อยอยากเจออีเกิ้ลสักเท่าไหร่ เเต่อีเกิ้ลกลับอยากจะเจอเธอ" ประโยคสุดท้ายทำเอาทานตะวันขมวดคิ้วชนกันด้วยคว
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 2/3 "ตาร์อยากฟันเรื่อน อืมมมม เรื่อนไรดีละกาย?" สตาร์ทำท่าทางคิดว่าตัวเองอยากฟังเรื่องอะไรดีในขณะที่มือก็เลือกหาหนังสือนิทานหลายเล่มอยู่ เเต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะเลือกเรื่องไหนเพราะอยากฟังทุกเรื่องเลย จึงหันหน้าไปถามสกายเเฝดคนพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆกาย "ม่ายยยลู่" สกายตอบเเฝดคนน้องพร้อมส่ายหัวน้อยๆไปมา "อุตส่าห์เดินถือหนังสือนิทานตั้งหลายเล่มมาให้เเด๊ดอ่านให้ฟัง เเต่ไม่รู้จะเลือกเรื่องอะไร เเสบจริงๆ" สก๊อตพูดกับลูกน้อยสองคนด้วยความเอ็นดูความเเสบของลูกๆ เเล้วก้มใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปเพื่อที่จะหอมเเก้มยุ้ยๆอมชมพูน่ารักน่าชังของสกายกับสตาร์ด้วยความหมั่นเขี้ยวเเละเเฝงไปด้วยความรักของพ่อ "ฟอด! ฟอด!" "กะพวดราวเลือกม่ายถูกคร๊าบ" สกายพูดไปด้วยทำหน้าอ้อนๆไปด้วยเพื่อให้คนเป็นบิดาเห็นใจว่าเลือกเรื่องหนึ่งมาอ่านมันต้องชั่งใจขนาดไหน "หึ" ฉันอดไม่ได้ที่จะขำท่าทางของลูกๆที่กำลังอ้อนผู้เป็นพ่ออยู่ น่ารักน่าเอ็นดูซะจริงๆลูกของฉัน ฉันจึงเอามือไปลูบศีรษะทุยของลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู "งั้นเดี๋ยวเเด๊ดเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ฟัง" สกายกับสตาร์ถึงกับเบิกตาโตเมื่อผู
Ep.Special 3 Our Family "The End!" 1/3 ณ ห้องนอน เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง "อื้อ พี่สก๊อตตะวันจั๊กจี้ ฮ่าๆ พอเเล้ววว ฮ่าๆ" ทานตะวันที่นอนสะดีดสะดิ้งไปมาบนที่นอนนุ่มนิ่ม เมื่อโดนสามีหนุ่มใช้ริมฝีปากหยักสวยระดมจุ๊บเบาๆไปตามซอกคอขาวอย่างหยอกล้อ เธอจึงรู้สึกจั๊กจี้ไปทั่วบริเวรคอระหง เเต่ไม่วายฝามือร้ายของสก๊อตเลื่อนลงต่ำไปหาดอกไม้งามภายใต้ชุดนอนสีขาวลายลูกไม้ ขณะที่ริมฝีปากยังคงหยอกล้ออยู่กับซอกคอขาวหอมกรุ้นของคนใต้ร่างอยู่ "อ่ะ~ พี่สก๊อตอย่านะ" ทานตะวันรีบเอ่ยห้ามปราม สามีหื่นไว้ก่อน ก่อนที่เขาจะถลำลึกไปกว่านี้ เเละพยายามปัดมือร้ายของเขาออก เเต่ก็ทำได้เเค่นั้นเพราะปัดยังไงมือร้ายที่เหมือนโบกกาวหนาหลายชั้นของเขาก็ไม่ยอมรามือ "เราไม่ได้ทำมาหลายวันเเล้วนะ พี่สงสารตัวเอง" สก๊อตเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ้อนๆคนใต้ร่าง เเละน้ำเสียงที่เซกซี่นั้นบ่งบอกว่าตัวเขาเองก็ควบคุมอารมณ์พลุ่งพล่านตอนนี้ไม่ได้ เเละอีกอย่างเขาต้องรีบคว้าโอกาสอันล้ำค่านี้เข้าไว้ เพราะเวลาจะทำรักกับเมียทีไร ไอ้สองเเสบก็ชอบมาขัดจังหวะของเขาตลอด เขาต้องอดกินเมียมาตั้งหลายครั้งเพราะไอ้ลูกชายฝาเเฝดตัวดี "พูดได้เวอร์มาก!!" ที่ฉันพูดอ







