“สามล้านดอลลาร์ค่ะ มันเป็นเงินที่มากพอสำหรับการช่วยชีวิตน้องชายของฉันและฉันก็คิดถูกที่กู้เงินจำนวนนั้นมาจากพี่ชายของคุณเพราะว่าตอนนี้พิชญ์ก็พ้นขีดอันตรายแล้ว และมันเป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังจะให้มันเป็นแบบนั้น”
“สามล้านดอลลาร์?” คริสเสียงสูง “นี่มันไม่ใช่เงินน้อย ๆ เลยนะ คุณต้องรับงานมากเท่าไหร่กัน ไม่สิ...ต้องรับงานทั้งปีหรืออีก 2-3 ปีคุณก็คงจะเก็บเงินใช้หนี้ไม่หมด”
“ฉันก็เลยต้องมาเป็นพี่เลี้ยงของโซอี้นี่ไงล่ะคะ ถือว่าเป็นการทำงานชดใช้หนี้ซึ่งมันน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
“เงินเดือนพี่เลี้ยงมันจะสักเท่าไหร่กัน”
“ฉันไม่ได้คิดออกมาเป็นตัวเงินที่ชัดเจนหรอกค่ะ คิดเพียงแต่ว่าทุกวันนี้ฉันต้องทำงานใช้หนี้หนี้ที่ฉันเอาไปแลกกับชีวิตของน้องชายซึ่งมันก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว”
“และนี่คือความจริงที่คุณบอกผมอย่างนั้นสินะ”
“ฉันไม่ได้โกหกคุณหรอกค่ะ นี่ไงคะความจริง ในเมื่อคุณอยากรู้ฉันก็จะบอกให้คุณได้รับรู้ว่าพี่ชายของคุณเป็นคนที่ไม่ไว้วางใจใครง่าย ๆ เหมือนอย่างที่คุณคิดนั่นล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันจะต้องปิดบังว่าการที่ฉันต้องเข้ามาดูแลลูกของนิคมันก็เกิดจากการที่ฉันมาชดใช้หนี้ให้เขา”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ถ้าเราต่างคนต่างพูดความจริงซึ่งกันและกัน คุณยอมรับว่าคุณเป็นหนี้พี่ชายของผมและผมก็จะยอมรับว่าผมเป็นพ่อของโซอี้”
คำพูดของคริสต์ทำให้ภิณไลย์ญาถึงกับนิ่งอึ้ง เธอผงะงันและราวกับโลกหยุดหมุนชั่วขณะก่อนที่เธอจะรีบดึงสติกลับคืนมา เธอจ้องหน้าเขาเหมือนคริสต์เป็นสิ่งประหลาดที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น
“คุณเป็นพ่อของโซอี้อย่างนั้นเหรอคะ แล้วทำไมโซอี้ถึงได้ไปอยู่กับนิค โซอี้เรียกนึกว่าแดดี้...คุณพระ...นี่คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ
“ผมจะล้อเล่นทำไมในเมื่อมันเป็นความจริง โซอี้เป็นลูกของผมและไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกปิดเป็นความลับมานาน”
คริสเว้นจังหวะคำพูดของเขาและทำให้ภิณไลย์ญามองเห็นประกายตาซึ่งเธอแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเป็นความจริงทุกอย่าง เสียงทอดถอนใจหนักหน่วงของเขาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนที่คริสจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเยือกเย็นว่า
“เมื่อ 5 ปีที่แล้วตอนนั้นผมยังเป็นนักศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยชั้นปีสุดท้ายด้วยซ้ำ ผมติดตามนิคเพื่อจะออกไปศึกษาวิธีการทำงานของพี่ชายในการสร้างเครือข่ายการจัดแสดงมอเตอร์โชว์และการขยายธุรกิจยานยนต์ของบริษัท ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกไปทำงานซึ่งผมคิดว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่น่าหลงใหลและผมก็ได้เห็นว่านิโคลัส พี่ชายของผมจริงจังกับงานมากแค่ไหนแต่สิ่งหนึ่งที่ผมผิดพลาดไปก็คือผมไม่ยอมเชื่อฟังเขาในเรื่องของการวางตัว นิคมักจะเตือนผมเสมอให้ผมจดจ่ออยู่กับการทำงานมากกว่าจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่อยู่รอบข้างมากจนเกินไปซึ่งผมคิดว่าตอนนั้นผมอาจจะยังเด็กก็เลยทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษตอนที่ผมได้พบกับทาเทียน่า เธอเป็นนางแบบที่เอเจนซี่ส่งมาเพื่อให้โปรโมทรถหรูระดับ world class เธออายุเท่า ๆ กับผม มันดูเหมือนกับว่าผมได้เจอกับสังคมใหม่ ๆ แล้วก็เพื่อนใหม่ ใช่...ผมไม่ปฏิเสธว่าผมรู้สึกดีแล้วก็ออกจะหลงใหลผู้หญิงที่มาทำหน้าที่โปรโมทรถในงานของพี่ชายผม ทาเทียน่าเป็นคนสวยมากถึงแม้ว่าเธอจะอายุพอ ๆ กับผมแต่เธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงและที่มากไปกว่านั้นก็คือเธอมีเสน่ห์และทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังจะได้เจอความสัมพันธ์ครั้งแรกที่ผมเรียกมันว่าความรัก”
“ความรักอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ผมอยากจะเรียกมันว่าอย่างนั้นนะเพราะผมรู้สึกดีมาก ๆ เวลาที่ได้อยู่ใกล้เธอ”
“แล้วพี่ชายคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“นิครู้ทุกอย่าง แต่ว่าตอนนั้นเขาคิดว่าอยากจะให้อิสระกับผมในการเลือกตัดสินใจถึงแม้ว่าเขาจะเตือนผมบ้างในบางครั้ง นิคก็พยายามบอกผมหลายหนนะแต่ผมก็ยืนยันคำเดิมว่าผมรักทาเทียน่าเข้าให้แล้ว”
“นิคสนับสนุนคุณอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ไม่เขาไม่ได้สนับสนุนผมหรอก แต่ในเวลานั้นผมเป็นหนุ่มไฟแรงและเขาอาจจะเข้าใจว่าความรักของคนหนุ่มสาวมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะฉาบฉวย เขาไม่ได้ห้ามปรามอะไรผมหรอกแต่ผมเข้าใจว่าเขาเองก็มองผมด้วยความเป็นห่วง”
“หลังจากนั้นล่ะคะ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั