“เนเน่”
เสียงคุ้นหูนั้นทำให้เธอต้องหันกลับไปและต้องผงะงันเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินเข้ามา เธออุทานออกมาเบา ๆ ว่า
“คริส”
“เนเน่...คุณกำลังจะไปไหนนะ”
“ฉันกำลังจะกลับไปที่บ้าน...เอ้อ...บ้านของคุณไงคะ ฉันต้องรีบกลับไปอยู่กับโซอี้ค่ะ”
“ตอนนี้โซอี้อยู่กับป้าเจนนี่ แล้วนี่คุณคงมาเยี่ยมน้องชายของคุณสินะ ผมรู้มาว่าเขาเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง”
“คิดอาการดีขึ้นแล้วค่ะหมอยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมแต่ฉันคิดว่าหลังจากนี้อีกสักประมาณ 2-3 สัปดาห์ฉันค่อยกลับมาใหม่คุณหมอคงจะอนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แล้วว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่หรอคะ”
คริสรอยยิ้มก่อนตอบว่า
“ผมไม่ได้มาทำอะไรหรอก ไม่ได้มาหาใครด้วย ผมเห็นคุณออกมาจากบ้านตั้งแต่ตอนเช้าก็เลยตามคุณมา”
“ตามฉันมาเหรอคะ?...คุณตามฉันมาทำไม”
“ผมแค่อยากรู้ว่าคุณจะไปไหน”
“ฉันไปไหนไกลไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่ามีภาระหน้าที่ที่ฉันจะต้องทำนั่นคือการดูแลโซอี้”
“จริง ๆ แล้วผมไม่ได้แค่อยากรู้ว่าคุณไปไหนแต่ผมอยากคุยกับคุณน่ะ”
“เราเจอกันทุกวันอยู่แล้วค่ะ และเราก็คุยกันได้ที่บ้านของคุณ”
“ที่นั่นไม่ใช่บ้านของผมหรอกนะ เป็นบ้านพี่ชายของผมต่างหาก”
“มันก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอกนะคะ ในเมื่อคุณสองคนเป็นพี่น้องกัน”
“แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อิสระในการที่จะทำอะไรในบ้านของพี่ชาย ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูไม่ดีเท่าไหร่เพราะว่าตอนนี้ผมกับคุณต่างก็อยู่ในอีกสถานะ แต่ผมก็อยากให้คุณรู้ไว้นะว่าผมยังคงเป็นห่วงคุณตลอดเวลา”
ภิณไลย์ญาเอียงคอมองเขา แววตาของเธอฉายความกังวลออกมา
“ขอบคุณนะคะสำหรับความเป็นห่วงแต่คุณออกมาแบบนี้ภรรยาของคุณจะสงสัยหรือเปล่าว่าคุณไปไหน”
“ถึงผมจะแต่งงานแล้วแต่ผมคิดว่าคนเป็นภรรยาก็ควรจะให้อิสระกับสามีในการที่เขาอยากจะทำอะไรที่เป็นส่วนตัวบ้างและผมคิดว่าลาริสาก็คงเข้าใจตรงนี้”
“แต่ฉันว่าภรรยาของคุณคงจะไม่เข้าใจหรอกค่ะถ้าเธอรู้ว่าคุณตามฉันมาแบบนี้ คุณควรจะรีบกลับบ้านนะคะบางทีการที่คุณต้องการอิสระที่จะทำอะไรเป็นส่วนตัวนะมันอาจจะขัดกับความรู้สึกของคนที่เป็นภรรยาของคุณ”
คำพูดของภิณไลย์ญาทำให้ประกายตาสีน้ำตาลเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาของคริสหม่นแสงลง ท่าทีของเขาเหมือนอึดอัดและอยากพูดอะไรออกมาสักอย่าง คริสถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยว่า
“ผมจะกลับบ้านแต่ผมเองก็มีอะไรที่อยากจะพูดคุยกับคุณซะก่อน”
“เรื่องอะไรล่ะคะ เรากลับไปคุยที่บ้านกันก็ได้ค่ะ”
“ผมว่ามันอาจไม่เหมาะ”
“มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเหรอคะ ตอนนี้คุณมีภรรยาก็คือคุณลาริสา ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของโซอี้ลูกสาวพี่ชายของคุณ ทุกอย่างก็ดูโอเคและเหมาะสมที่สุดแล้ว”
“ผมรู้ว่าเราต่างคนต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองแต่ผมก็มีอะไรบางอย่างที่อยากจะบอกคุณซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
“ถ้าเป็นเรื่องของเราน่ะมันคงไม่มีอะไรสำคัญแล้วล่ะค่ะหรือว่าถ้าหากไม่ใช่ก็ต้องขอโทษด้วยฉันอาจจะพูดอะไรออกไปสะกิดความรู้สึกของคุณซึ่งฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ”
“ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณหรอกเนเน่ แต่เรื่องที่ผมอยากพูดกับคุณตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของเราสองคน”
“แล้วเป็นเรื่องอะไรล่ะคะ”
“เรื่องของโซอี้”
ภิณไลย์ญาขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เรื่องของโซอี้...มีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ”
คริสเหลียวซ้ายแลขวาก่อนหันมาพูดกับเธอว่า
“ผมต้องการพูดกับคุณเรื่องนี้แต่ไม่ใช่ที่นี่และก็ไม่ใช่ที่บ้าน ผมคิดว่าอยากจะหาที่ที่สงบและเหมาะสมในการที่ผมจะพูดเรื่องของเด็กคนนั้นกับคุณเป็นการส่วนตัว”
“มันสำคัญมากเลยเหรอคะ ถึงขนาดที่เรากลับไปพูดกันที่บ้านไม่ได้”
“ขอให้เชื่อใจผม ผมไม่ได้ต้องการจะรื้อฟื้นเรื่องของเราสองคนหรอกนะ ผมรู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่แต่สิ่งที่อยากจะพูดกับคุณน่ะมันมีความสำคัญและผมก็อยากให้คุณได้รับรู้เอาไว้”
ฟังจากคำพูดและน้ำเสียงของคริสจริงจังและทำให้ภิณไลย์ญาเริ่มรู้สึกว่าเธอเองควรต้องตัดสินใจและไม่ควรกังวลให้มากจนเกินไป บางทีคริสอาจมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะพูดกับเธออย่างที่เขาบอกจริง ๆ ก็เป็นได้ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจตามเขาไปที่รถซึ่งจอดอยู่ห่างจากหน้าโรงพยาบาลไม่ไกล
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั