“เกิดอะไรขึ้นลาริสา แล้วนี่เนเน่เป็นอะไร”
“คุณไม่ต้องไปช่วยหล่อนหรอก!”
ลาริสายื้อแขนของคริสขณะที่เขากำลังจะก้าวไปหาภิณไลย์ญาที่นอนฟุบกับพื้นโดยมีโซอี้เข้าไปนั่งกอดด้วยความเป็นห่วง หนูน้อยหันมาบอกเขาว่า
“คุณอาคริสขา คุณน้าเนเน่ไม่รู้เป็นอะไรค่ะ ไม่มีแรงจะขยับตัว ช่วยคุณน้าเนเน่ด้วยค่ะ”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเนเน่ถึงได้เป็นแบบนี้ ลาริสาคุณทำอะไรเธอ”
คริสหันไปถามลาลิสาที่ยืนเม้มปากแน่น เธอบอกเขาว่า
“ก็คุณเนเน่คุย ๆ อยู่กับฉันแล้วก็ล้มลงไปนั่งแบบนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไร”
“ไม่จริงค่ะคุณอาคริสขา คุณน้าลาริสาผลักคุณน้าเนเน่จนล้มลงแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ”
โซอี้พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือและทำให้คริสตกใจ เขาสะบัดแขนจากการเกาะกุมของลาริสาทันใดแล้วรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองร่างของภิณไลย์ญา ท่าทางของเธอเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงเสียงหอบหายใจของเธอทำให้เขาทั้งตกใจและเป็นห่วง
“โซอี้ หนูรีบวิ่งไปบอกป้าเจนนี่นะว่าให้เรียกรถพยาบาลมารับคุณน้าเนเน่ตอนนี้เลย”
โซอี้พยักหน้าก่อนรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน ขณะนั้นคริสประครองร่างของภิณไลย์ญาไว้ในอ้อมแขนซึ่งเป็นภาพบาดตาสำหรับลาริสา เธอแทบทนไม่ไหวและร้องกรี๊ดออกมา
“คริส...ปล่อยหล่อนเดี๋ยวนี้นะคะ ให้หล่อนตายอยู่ตรงนี้แหละคุณไม่ต้องไปช่วย”
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงลาริสา เนเน่เขาไม่สบายนะ ผมจะปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปตรงนี้ได้ยังไง”
“ใช่สิ...คุณปล่อยให้หล่อนตายที่นี่ไม่ได้หรอกเพราะว่าครั้งหนึ่งคุณกับผู้หญิงคนนี้เคยรักกัน พอเห็นหล่อนไม่สบายคุณก็ทนแทบไม่ได้เลยใช่ไหม”
“มันไม่เกี่ยวกันหรอกนะลาริสา เนเน่ไม่สบายคุณจะปล่อยให้เขานอนอยู่กับพื้นแบบนี้ได้ยังไง”
“รักมากก็ช่วยเองก็แล้วกัน...หึ...ขนาดพี่ชายของคุณยังไม่แสดงความเป็นห่วงหล่อนออกนอกหน้าเหมือนอย่างคุณเลยรักหล่อนนักหวงนักก็ช่วยเองก็แล้วกัน!”
พูดจบลาริสาก็สะบัดหน้าใส่แล้วเดินจากไปปล่อยให้คริสช่วยประคองร่างของภิณไลย์ญาเอาไว้ในอ้อมแขน เขาเห็นว่าหน้าตาของเธอตอนนี้ซีดเซียวเหมือนกระดาษ เสียงลมหายใจของเธอแผ่วอย่างน่าใจหาย เธออาจไม่สบายมาก หลังจากนั้นสักครู่ก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลแล่นเข้ามา เขาคิดถึงลาริสา ท่าทางเธอโกรธมากเมื่อรู้ว่าภิณไลย์ญาเคยเป็นแฟนเก่าของเขามาก่อน สำหรับเขาแล้วตอนนี้สถานการณ์ในบ้านนับวันก็ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นทุกที
คริสนั่งรออยู่ที่หน้าห้องคนไข้ฉุกเฉินโดยมีโซอี้นั่งอยู่ใกล้ชิดติดกันกับเขา ชายหนุ่มโอบกอดเด็กหญิงที่นั่งร้องไห้กระซิกอยู่ตลอดเวลากับคำถามที่ว่า
“คุณอาคริสขา คุณน้าเนเน่จะเป็นอะไรไหมคะ”
“ไม่หรอกค่ะ คุณน้าเนเน่ปลอดภัยดีแล้ว”
“คุณอาคริสรู้ได้ยังไงคะ”
“ก็เมื่อกี๊อาได้คุยกับคุณหมอและนางพยาบาลก็บอกเกี่ยวกับอาการของคุณน้าเนเน่มาเล็กน้อยแล้วว่าคุณน้าเนเน่ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วงจ้ะ”
“แล้วทำไมเขายังไม่ยอมให้คุณน้าเนเน่กลับบ้านของเราอีกละคะ”
“คุณพยาบาลบอกกับอาคริสว่าคุณน้าเนเน่จะต้องพักผ่อนอีกสักหน่อย”
“แล้วจะพักผ่อนอีกนานไหมคะ หนูอยากให้คุณน้าเนเน่กลับไปที่บ้านไปอยู่กับหนูไวๆค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะอาคิดว่าคุณน้าของโซอี้จะต้องปลอดภัยเพราะอย่างน้อยที่สุดอาคริสก็พาเธอมาถึงมือหมอแล้ว”
“ขอโทษทีนะคะ...คุณคริส ซาเวียร์ คุณหมอต้องการพบคุณค่ะ”
เสียงของนางพยาบาลสาวทำให้ทั้งคริสต์และโซอี้ต้องหยุดชะงัก เขาลุกขึ้นและหันมาทางเด็กหญิงก่อนพูดว่า
“โซอี้...หนูรออาคริสอยู่ตรงนี้นะอย่าไปไหน อาคริสจะเข้าไปพบคุณหมอแป๊บเดียวเดี๋ยวเอาคริสจะกลับมา”
“เดี๋ยวค่ะคุณอาคริสขา” โซอี้รั้งแขนของเขาเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงและประกายตาไร้เดียงสา
“คุณอาคริสบอกคุณหมอด้วยนะคะว่าให้คุณน้าเนเน่กลับบ้านไว ๆ บอกว่าหนูเป็นห่วงคุณน้าเนเน่มาก ๆ เลยนะคะ”
“เดี๋ยวอาจะบอกหมอให้นะ เป็นเด็กดีนะคะ นั่งรออาอยู่ที่ตรงนี้เดี๋ยวอากลับมาค่ะ”
เขาบอกก่อนก้าวตามพยาบาลเข้าไปในห้องของแพทย์หญิงซึ่งเป็นหมอที่ดูแลคนไข้ เมื่อเขาเข้าไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานแพทย์หญิงจึงกล่าวว่า
“สวัสดีค่ะคุณคริส ซาเวียร์...ไม่ทราบว่าคุณเป็นสามีของคนไข้ใช่หรือเปล่าคะ?”
“เปล่าครับ...ผมเป็น....เอ้อ...ญาติของเธอน่ะครับ”
“ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นหมอก็มีเรื่องที่จะแจ้งให้คุณคริสได้ทราบนะคะว่าอาการของคุณภิณไลย์ญาตอนนี้ไม่ได้มีอะไรที่เป็นอันตรายหรอกนะคะ แต่ว่าหมอแนะนำว่าจะต้องให้เธอพักผ่อนให้เต็มที่ก็เท่านั้น”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณหมอ แล้วไม่ทราบว่าเนเน่เป็นอะไรเหรอครับ?”
“มันเป็นอาการของคนแพ้ท้องนะคะ ตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้ประมาณเกือบ 8 สัปดาห์แล้ว ไม่ทราบว่าคุณคริสรู้จักกับสามีของเธอหรือเปล่าคะ?”
คำถามของแพทย์หญิงทำให้คริสนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดก็เลยจิกแขนตัวเองเบา ๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังอยู่ในความเป็นจริงไม่ใช่ความฝัน ภิณไลย์ญาตั้งท้องและเขาก็แน่ใจอย่างที่สุดด้วยว่าใครคือพ่อของเด็ก คริสกลืนน้ำลายลงคอเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า
“ทราบครับคุณหมอ”
“แล้วสามารถที่จะติดต่อสามีของคุณภิณไลย์ญาตอนนี้ได้หรือเปล่าคะ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั