“ผมเกรงว่าจะยังติดต่อไม่ได้ครับ...เอ่อ...พอดีว่าสามีของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ครับ แล้ว...มีความจำเป็นที่จะต้องให้สามีของเธอมาที่โรงพยาบาลตอนนี้หรือเปล่าครับ”
“อ๋อ...เปล่าหรอกค่ะ เพียงแต่หมอน่ะเห็นว่าคนไข้กำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอในช่วงของการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกก็เลยคิดว่าบางทีถ้าสามีของเธอได้มาคอยดูแลก็จะเป็นกำลังใจและทำให้เธอแข็งแรงขึ้นเร็วกว่านี้นะคะ แต่ถ้าไม่สามารถที่จะติดต่อสามีของเธอได้ในตอนนี้หมอก็อยากจะให้เธอนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสัก 2-3 วันก่อนจะให้เธอกลับบ้าน ไม่ทราบว่าคุณคริสซึ่งตอนนี้เราถือว่าเป็นญาติของคนไข้จะว่ายังไงบ้างคะ”
“ให้อยู่ที่การตัดสินใจของคุณหมอจะดีกว่าครับเพราะว่าผมเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้และคิดว่าการตัดสินใจของคุณหมอคงจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดครับ”
“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นหมอจะให้เธอนอนพักผ่อนที่โรงพยาบาลอีกสัก 2-3 วันแล้วถึงอนุญาตให้กลับได้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
คริสกล่าวก่อนออกจากห้องนั้น พอเขาก้าวออกมาก็พบว่าโซอี้ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“อาคริสขา...คุณหมอว่าไงบ้างคะ?”
“คุณหมอให้น้าเนเน่พักอยู่ที่นี่อีกสองสามวันจ้ะ”
“อ้าว...ทำไมคุณหมอไม่ให้น้าเนเน่กลับบ้านล่ะคะ ไหนบอกว่าน้าเนเน่ไม่เป็นไรแล้ว”
“น้าเนเน่ยังเพลียอยู่ คุณหมอกลัวว่าจะเป็นลมอีกก็เลยให้พักรักษาตัวก่อน...อืม...อาว่าเรากลับกันก่อนดีกว่านะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมน้าเนเน่กันใหม่”
โซอี้ทำสีหน้าไม่ดี เด็กหญิงตาแดง ๆ จนเขาต้องดึงเธอมากอดไว้ คริสลูบเรือนผมสีมะฮอกกะนีอย่างเบามือ
“ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอกนะคนดีของอา โซอี้ต้องเข้มแข็งสิจ๊ะ ถ้าน้าเนเน่รู้ว่าลูก...เอ้อ...หนูร้องไห้แบบนี้ต้องไม่สบายใจแน่ ๆ”
“ก็ได้ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้อาคริสพาหนูมาเยี่ยมน้าเนเน่อีกนะคะ”
“จ้ะ”
“อาคริสขา”
“หืมม์?”
“แล้วอาคริสบอกแดดี๊หรือยังคะ?”
พอถูกถามเขาก็นิ่งไป คริสสบนัยน์ตาไร้เดียงสาของเด็กหญิงที่จ้องเขาเหมือนรอคำตอบ เขายิ้มให้และพูดว่า
“อีกสองสามวันแดดี๊จะกลับมา ถ้าแดดี๊กลับมาอาคริสจะบอกให้รู้เองนะ”
“อาคริสขา”
“มีอะไรอีกเหรอจ๊ะ”
“แดดี๊รักคุณน้าเนเน่นะคะ”
เขาย่นคิ้ว “โซอี้รู้ได้ยังไง”
“ก็วันนี้คุณน้าลาริสาให้หนูดูแดดี๊กอดกับคุณน้าเนเน่ในมือถือ แต่หนูรู้ตั้งนานแล้วว่า แดดี๊กอดคุณน้าเนเน่บ่อย ๆ”
คำพูดของเด็กน้อยย่อมออกมาจากความคิดอันบริสุทธิ์แต่ทำให้คนฟังนิ่งอึ้ง โซอี้โตพอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม้แต่ความสัมพันธ์ในแบบผู้ใหญ่เพียงแต่เด็กน้อยไม่รู้ว่ามันมีความซับซ้อนมากกว่านั้น เขาถอนใจเบา ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“แล้ว...หนูคิดว่ายังไง”
“ยังไงเหรอคะ?”
“คือ...หนูจะว่าอะไรมั้ยถ้าแดดี๊จะ...รักคุณน้าเนเน่”
โซอี้ส่ายหน้าและยิ้มอวดฟันขาว “หนูรักคุณน้าเนเน่ คุณน้าเนเน่ใจดีและรักหนูด้วย”
“หนูไม่หวงแดดี๊เหรอคะ?”
“ไม่ค่ะ...หนูอยากให้แดดี๊อยู่กับคุณน้าเนเน่ หนูจะได้เรียกคุณน้าเนเน่ว่า...มามี๊”
“พระเจ้า...หนูน่ารักที่สุดเลยรู้ไหม”
เขาดึงร่างเล็กมากอดและจูบบนเรือนผมนุ่มหอมกลิ่นแป้งเด็กแสนละมุน ถึงตอนนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกนอกจากแสดงให้โซอี้เห็นถึงความอบอุ่นซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กน้อยอาจโหยหามากที่สุด เขารู้สึกผิดและแทบไม่อยากให้อภัยตัวเองกับเรื่องที่ผ่านมา มันอาจนานเกินไปและเวลากำลังจะพรากความผูกพันทั้งหมดที่มีต่อลูกสาวตัวน้อยซึ่งเขาเองยกเธอให้อยู่ภายใต้การดูแลของพี่ชายเพียงคนเดียว และถึงตอนนี้เขาก็ยังหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ โซอี้คิดว่านิโคลัสเป็นพ่อแท้ ๆ และพยายามสร้างสายสัมพันธ์กับภิณไลย์ญาให้เธอมาเป็น แม่ คนใหม่ และมันไม่ง่ายเลย ทุกอย่างยิ่งขมวดรัดและเขาเองไม่สามารถทำลายความฝันงดงามของลูกสาวตัวน้อยได้แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างไร
คริสกลับมาถึงคฤหาสถ์ซาเวียร์พร้อมกับโซอี้ตอนเย็นมากแล้วและเมื่อเข้าไปถึงห้องรับแขกป้าเจนนี่ที่รออยู่ก็ถามขึ้นด้วยความกระตือรือร้นว่า
“คุณคริส...คุณเนเน่เป็นยังไงบ้างคะ คุณหมอยังไม่ให้เธอกลับมาเหรอคะ”
“ใช่ครับป้า เนเน่ยังมีอาการอ่อนเพลีย เธอยังไม่สบายคุณหมอก็เลยให้อยู่พักรักษาตัวอีกสักประมาณ 2-3 วันครับ”
“เดี๋ยวน้าเนเน่ก็หายแล้วค่ะ พอคุณน้าเนเน่หายก็จะกลับมาแต่งหน้าให้หนูอีกยังไงล่ะคะ”
โซอี้รีบบอกป้าเจนนี่ที่ยิ้มให้เด็กน้อยและมองด้วยแววตาอันอ่อนโยน
“ใช่แล้วล่ะค่ะคุณหนูโซอี้ ป้าเจนนี่ก็คิดว่าอย่างนั้น ถ้าคุณเนเน่หายดีแล้วก็คงจะกลับมาแต่งหน้าแล้วก็เล่นตุ๊กตากับคุณหนูโซอี้”
“ป้าเจนนี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ ตอนนี้อาการของเนเน่ดีขึ้นมากแล้วเพียงแต่คุณหมออยากจะให้เธอพักผ่อนและดูอาการให้แน่ใจอีกครั้ง ถ้ายังไงป้าเจนนี่พาโซอี้ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมก็จะกลับไปที่ห้อง วันนี้อากาศร้อนมาก ตอนนี้ผมอยากอาบน้ำมากเลยล่ะครับ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั
“เข้าไปในบ้านกันเถอะเนเน่ โซอี้หิวขนมแล้ว”“ค่ะ” เธอรับปากสั้น ๆ และเดินตามเขากับเด็กหญิงตัวเล็กเข้าไปโดยที่นิโคลัสก็ยังจูงมือไม่ยอมปล่อยมือของเธอจากมือของเขา มันไม่ได้ทำให้ภิณไลย์ญาอบอุ่นแม้แต่น้อยยิ่งใกล้ชิดเขามากเท่าไหร่มันก็ยิ่งหนาวยะเยือกในหัวใจมากขึ้นเท่านั้น นิโคลัสเหมือนซาตานเขาอาจกลายร่างเป็นเทพบุตรก่อนที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายภายในเสี้ยววินาที เธอรู้ดีและไม่เคยลืมสิ่งที่เขากระทำกับเธอเมื่อประตูบ้านเปิดออกทั้งสามก็ก้าวเข้าไปในห้องรับแขกภายในได้รับการตกแต่งอย่างเรียบหรู มันดูกว้างขวาง หลังคาทรงสูงทำให้บ้านดูโอ่อ่าหากทว่าสำหรับภิณไลย์ญาแล้วเธอยิ่งรู้สึกอึดอัด ไม่ได้คิดว่าบรรยากาศโล่งหรือโปร่งสบายเลย เมื่อเข้าไปในห้องรับแขกนิโคลัสก็วางถุงใส่ขนมลงบนโต๊ะ โซอี้เปิดถุงขนมดูและล้วงหยิบเค้กกับคุกกี้ออกมาก่อนหันมาทางภิณไลย์ญาและพูดด้วยประกายตาใสแจ๋วว่า“คุณน้าเนเน่ขา คุณน้าเนเน่ชอบขนมนี้หรือเปล่าคะ”“ว่าแล้วเด็กหญิงก็หยิบคุกกี้ในห่อสีสวยอยู่ในภิณไลย์ญาที่รับไปเธอยิ้มตอบและบอกว่า”“ชอบค่ะ...เอ้อ...”“ชอบก็กินเลยสิคะ แดดี๊ขา มากินขนมด้วยกันเถอะค่ะหนูหิวแล้ว”“ได้สิจ๊ะทูนหัวของ daddy มาเราม
“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว “คุณจะมาทำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะคะนิค”“ลืมไปแล้วหรอเนเน่ว่าคุณยังติดค้างอะไรผมอยู่ คุณเป็นคนผิดกฎและทำผิดสัญญากับผมหรือว่าคุณไม่ยอมรับว่าการที่คุณหนีมานี่มันเป็นการไม่รักษาสัญญาที่คุณเคยให้ไว้”“แล้วคุณต้องการอะไรกันล่ะคะ ถ้าคุณต้องการเงินฉันจะพยายามหามาคืนคุณ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ของคุณแม้แต่เซ็นเดียว”“เรื่องนี้คนที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็คือคุณนะเนเน่ผมจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องชายของคุณและพอเขาหายดีคุณก็คิดจะหนีผมไปดื้อ ๆ แบบนี้น่ะหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับผมรู้ไหม”เขาพูดจบก็บัยดตัวเข้าหาเธอโดยไม่สนใจใครในที่นั้น แต่แล้วนิโคลัสต้องชะงักเมื่อภิณไลย์ญาเงยหน้ามองเขาดวงตาของเธอแดงก่ำ ปากของเธอระริกสั่นและร่างนั้นสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนทรงพลัง“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะนิค คุณจะให้ฉันทำยังไงก็ได้ ฉันขอร้องเถอะนะคะ”“ผมปล่อยคุณไปไม่ได้หรอกและจะไม่มีวันยอมปล่อยคุณไปไหนด้วย”เขากดน้ำเสียงต่ำแต่คำพูดนั้นหนักแน่นและมีพลังสั่นไหวความรู้สึกของภิณไลย์ญา เธอแทบทรงตัวไว้ไม่อยู่แต่แล้วเสียงของโซอี้ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“แดดี๊ขา...หนูเลือกข
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้พิชญ์ดีขึ้นมากแล้ว แม่ก็แค่คอยดูแลให้เขากินอาหาร กินยาให้ตรงเวลาก็เท่านั้นเอง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นกังวลเลย ลูกไปกับหนูโซอี้เถอะนะ เขาอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่แสดงว่าคิดถึงลูกจริง ๆ”“นั่นน่ะสิครับ...เหมือนอย่างที่คุณแม่ว่า เนเน่อย่าขัดใจโซอี้เลยนะ แกคิดถึง อยากอยู่กับคุณน่ะ”นิโคลัสกล่าวเสริมแต่ภิณไลย์ญารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบีบบังคับเธอทางอ้อมอีกแล้ว มันทำให้เธออึดอัดและเครียดขึ้นมาแต่แล้วหัวใจดวงนั้นก็อ่อนยวบลงเมื่อโซอี้เข้ามาสวมกอดและพูดว่า“ไปกินขนมกับหนูเถอะนะคะ คุณน้าเนเน่ขา หนูอยากชวนคุณน้าเนเน่ไปซื้อพาเล็ทสวย ๆ ด้วยค่ะ คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูสวยที่สุดเลย หนูอยากให้คุณน้าเนเน่แต่งหน้าให้หนูอีกค่ะ แดดี๊ก็ไม่ว่าอะไรแล้วนะคะ”“ค่ะ...ก็ได้ค่ะ”ภิญญารับปากทั้งที่ใจจริงเธออยากปฏิเสธและขณะที่พูดกับโซอี้เธอก็พยายามไม่สบนัยน์ตาเข้มของนิโคลัสที่จ้องมองหญิงสาวตลอดเวลา เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือวางแผนอะไรอยู่การที่เขามาที่นี่คงไม่ได้อยากรู้จักครอบครัวของเธอซึ่งอยู่ในย่านของคนที่มีฐานะการเงินต่ำกว่าเขามากนัก เขาอาจรังเกียจด้วยซ้ำ คนอย่างนิโคลัสซาเวีย