ภิณไลย์ญาชี้นิ้วเข้าหาตัว “ฉัน...น่ะเหรอคะ...แต่เราเคยตกลงกันแล้วนะคะว่าฉันจะไม่แต่งตัวโป๊ล่อไอ้เข้โชว์ตัวกับรถหรู ฉันต้องไปยืนคู่กับเมอเซเดส เบนซ์นะคะ ไอ้ชุดแบบนี้มันไม่ต่างกับชุดนักร้องในผับเลยนะคะ”
“ถึงจะเหมือนชุดนักร้องแต่คุณก็ต้องใส่มัน!”
เสียงที่ดังแทรกขึ้นทำให้ทั้งสองต้องหยุดการสนทนาลงโดยพลันและหันกลับไปมองพร้อมกัน และเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ที่ประตูห้องภิณไลย์ญาก็ถึงกับผงะ
“นิโคลัส!”
ร่างบางมือเย็นเฉียบแต่ในกายกลับรุ่มร้อนเมื่อเห็นจอมอหังการที่เมื่อเห็นหน้าก็อยากสาปส่งเขาไปไกล ๆ ทว่าเธอต้องเห็นหน้าเขา ต้องพบกับผู้ชายจอมทรนงที่สืบเท้าเข้ามาหยุดตรงหน้าและมองเธอด้วยสายตาที่ไม่เคยญาติดี หญิงสาวกำลังจะอ้าปากพูดก็ถูกแทรกขึ้นด้วยเสียงของบี
“โอ...สวัสดีค่ะคุณซาเวียร์...คือว่าฉันกำลังให้เนเน่เตรียมออกไปโชว์ตัวพร้อมเมอเซเดส เบนซ์ตัวใหม่อยู่น่ะค่ะ”
“บี...แต่ว่านี่มัน...”
“รีบแต่งตัวเข้าเถอะน่าเนเน่ เห็นไหมว่าคุณซาเวียร์เจ้าของงานอุตส่าห์เข้ามาถึงที่นี่ เราไม่เคยได้รับเกียรติจากเขาเลยสักครั้ง”
“เกียรติเหรอคะบี...แต่นี่มันห้องแต่งตัวของเอเยนซี่ที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามา ถึงเขาจะเป็นเจ้าของงานแต่ก็ถือว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่เข้ามาในห้องแต่งตัวผู้หญิงอย่างนี้”
“ผมขออนุญาตเอเยนซี่แล้ว”
นิโคลัสตอบด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นหากนัยน์ตาคู่นั้นฉายความดุดันเจือไว้ด้วยความหมิ่นแคลนยามจับจ้องที่พริตตี้สาว
“ผมคิดว่ามันไม่ได้เป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด ก็แค่เข้ามาดูว่าคุณได้สวมชุดที่ผมให้เอเยนซี่ของคุณจัดเตรียมไว้หรือยัง”
“ว่ายังไงนะคะ!” ภิณไลย์ญาเสียงสูง เธอหันกลับไปดูชุดนั้นก่อนจะหันกลับมายังร่างสูงสง่าอีกครั้งขณะที่บียืนหน้าเจื่อนท่ามกลางคนทั้งสอง
“คุณเองเหรอคะที่จัดการเรื่องทั้งหมด บ้าที่สุด!...มันเป็นเรื่องที่แย่มากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาเลย คุณมีสิทธิ์อะไรมาบังคับให้ฉันสวมชุดตามใจคุณ”
“ผมมีสิทธิ์เต็มที่ มิสภิณไลย์ญา”
“อ้า...เอ้อ...คุณซาเวียร์คะ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ คงต้องรบกวนให้คุณตกลงกับเนเน่เองซะแล้วล่ะค่ะ”
บีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตึงเตรียดหนักและไม่นึกว่าภิณไลย์ญาจะกล้าขึ้นเสียงกับเจ้าของงานออโต้โชว์ที่กำลังยืนประจันหน้ากับเธอขณะนี้ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงันและอึดอัดกระทั่งนิโคลัสกล่าวขึ้น
“ขอบคุณมาก คุณทำตามหน้าที่ของคุณอย่างสมบูรณ์แล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอ”
“คะ...ค่ะ...ฉันขอตัวนะคะ”
บีรีบปลีกตัวออกไปเหลือเพียงชายหนุ่มหญิงสาวที่ยืนประจันหน้าในห้องที่แวดล้อมด้วยบรรยากาศอึมครึม ภิณไลย์ญากัดปากตัวเองจนห้อเลือด เธอกำลังจะเดินตามบีออกไปแต่กลับถูกคว้าข้อมือไว้ด้วยมือหนาดุจคีมเหล็ก ร่างบางหันกลับมาแหวใส่อย่างเหลืออด
“นิโคลัส...ปล่อยฉันนะคะ”
“คุณจะไปไหน”
“ฉันจะกลับบ้าน ฉันขอยกเลิกงานโชว์ตัววันนี้ค่ะคุณซาเวียร์”
“ขอโทษทีที่ผมต้องบอกว่าไม่ได้”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง คุณไม่ใช่คนจ้างฉัน”
“แต่ผมเป็นเจ้าของชีวิตคุณ!”
“นิโคลัส...อ๊ะ!”
ร่างเล็กร้องลั่นเมื่อถูกร่างหนาใหญ่ดันเข้าไปชิดผนัง เขาตรึงข้อมือทั้งสองของเธอไว้และเบียดอกกว้างชิดอกนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาห่างจากเธอไม่ถึงคืบ ภิณไลย์ญาหน้าตื่นเพราะไม่นึกว่านิโคลัสจะจู่โจมอย่างอุกอาจแบบนี้ หญิงสาวกำหมัดแน่นและตะเบ็งเสียงหูตาแดงก่ำ
“ปล่อยฉันนะ! นี่มันอะไรกัน คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแบบนี้กับฉัน ถ้าพูดไม่ฟังจะให้เอเยนซี่ของฉันฟ้องคุณ”
“ใครก็ทำอะไรผมไม่ได้หรอก รู้ไว้ซะด้วยว่าตอนนี้คุณไม่ได้สังกัดเอเยนซี่ไหนทั้งนั้น”
นัยน์ตางามเบิกกว้าง “เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะในเมื่อฉันยังมีสัญญากับบีเกิร์ล โปรดัคชั่น คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้ทั้งนั้น”
“แต่ผมทำไปแล้ว” เขาเค้นเสียงหนัก กรามถูกขบนูนเป็นสัน “ผมจ่ายค่าตัวของคุณเพื่อยกเลิกสัญญากับบริษัท นี่ไงถึงเป็นเหตุผลที่ผมอยากจะให้คุณทำอะไรอย่างที่ผมอยากให้ทำก็ได้”
“แต่ฉันไม่รู้เรื่องนี้ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะคะนิโคลัส”
ภิณไลย์ญาเสียงสั่นน้ำตาคลอ ร่างเล็กสั่นเทิ้มเหมือนลูกนกที่กำลังบินฝ่าพายุใหญ่ นิโคลัสยิ้มร้าย
“บอกแล้วยังไงว่าคุณตอบโต้ผมไม่ได้และสุดท้ายผมต้องเป็นผู้ชนะเพราะผมจะทำยังไงหรือทำอะไรก็ได้กับชีวิตลูกไก่ในกำมืออย่างคุณ”
นิโคลัสหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง มันเป็นกล่องกำมะหยี่สีชมพูเล็ก ๆ และเมื่อเขาเปิดมันออกก็ทำให้เป็นภิณไลย์ญาดวงตาเบิกกว้างเพราะภายในนั้นเป็นแหวนแพลตตินัมประดับเพชรแม้เม็ดไม่ใหญ่แต่ประกายของมันก็ล้อเล่นกับแสงแดดอุ่นที่สาดส่องลงมาอาบไล้ เขาบรรจงหยิบมันและสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของภิณไลย์ญาก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากของเขาบนเรือนแหวนที่อยู่บนนิ้วของเธอหญิงสาวมองดูราวกับไม่อยากเชื่อสายตา นิโคลัสเงยหน้าขึ้นและเอ่ยว่า“คริสเคยบอกผมเหมือนกันว่าคนอย่างผมคิดถึงแต่ตัวเองและเห็นค่าของเงินเป็นใหญ่ ผมไม่เคยคิดถึงใคร แต่ตอนนี้ผมอยากพิสูจน์ให้น้องชายของผมได้เห็นว่าผมได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เขาเคยว่าเอาไว้ ผมอาจจะเลวร้ายกับคุณมาก่อนแต่คนเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้นี่ไม่ใช่เหรอ คุณอาจไม่ต้องอภัยให้ผมวันนี้ มันอาจต้องใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี ว่าแต่คุณจะยินยอมให้โอกาสนั้นกับผมไหม”“บอกแล้วไงคะว่าฉันต่ำต้อยมากเกินไป คนที่ต้องขอร้องโอกาสคุณเป็นฉันมากกว่าที่จะร้องขอจากคุณ”“ผมจะไม่ให้คุณร้องขออะไร แต่เป็นผมที่จะต้องขอร้องคุณ”นิโคลัสทรุดตัวลงนั่
“แต่ฉันยังเป็นหนี้คุณนะคะนิค ฉันเป็นหนี้คุณตั้ง 3 ล้านดอลลาร์ ฉันจะพยายามหามันมาใช้คุณ”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะนะ รู้หรือเปล่าว่าจริง ๆ ผมลืมมันไปตั้งนานแล้ว”“ฉันรู้ค่ะนิคว่าเงินสำคัญสำหรับคุณเสมอและไม่ใช่สิ่งที่คุณจะลืมมันได้ง่าย ๆ”“อยากรู้ไหมว่าผมลืมมันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมลืมมันไปตั้งแต่ที่คุณเป็นของผมครั้งแรก”เธอเม้มปากแน่นน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“คุณคงอยากให้ฉันดีใจ คุณคงแค่อยากจะปลอบใจฉัน”“เปล่าเลย...นี่เป็นคำสารภาพแบบโง่ ๆ ของคนที่ไม่เคยมีและไม่เคยเห็นค่าในความรักอย่างผม แม้แต่จะพูดคำนี้ก็ยังไม่เคย ผมได้แต่ภาวนาขอให้คุณเข้าใจ”“ฉันเข้าใจว่าคุณไม่เคยรักใครไม่เคยจริงจัง”“ผมอาจจะไม่เคยรักใครอย่างที่คุณว่าแต่ผมไม่เคยหลอกผู้หญิงเล่น ๆ และคุณก็เป็นคนแรกที่ทำให้ผมได้เห็นคุณค่าของความรักจากที่ผมรู้จักแต่งการใช้เงิน รู้ไหมว่าตอนที่คริสต์อยากจะใช้หนี้แทนคุณมันทำให้ผมโกรธมาก ผมรู้ว่าผมกำลังหึงคุณและคิดบ้าๆ ว่าคริสมันคงอยากได้คุณกลับคืนไป ผมลืมไปว่าสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่ได้มีแค่เรื่องนั้น แต่มันหมายถึงความรักและความหวังดี คริสหวังดีกับคุณมากกว่าที่จะรู้สึกรั
“ผมยอมรับนะว่าตอนแรกตกใจมากที่รู้เรื่องระหว่างคุณกับนิคแต่มันก็ทำให้ผมมาคิดได้ในหลาย ๆ เรื่องว่าที่ผ่านมาหลาย ๆ เหตุการณ์และเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผมมันก็ล้วนเกิดขึ้นมาจากตัวผมเองและคนที่เข้ามาคอยจัดการให้ผมทุกสิ่งทุกอย่างก็คือพี่ชายของผม บางทีถ้าเราสองคนยังรักกันมันก็อาจจะทำให้ผมไม่ได้คิดถึงสิ่งสวยงามที่สุดที่ผมทอดทิ้งไปนานนั่นก็คือโซอี้ ถึงแม้ว่าผมจะต้องเลิกกับลาลิสาแต่มันก็ทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรับผิดชอบและมันทำให้ได้มองเห็นตัวเอง มองเห็นความจริงว่าถ้าหากผมยังไม่กล้าคิดและตัดสินใจคงจะไม่มีวันค้นพบว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองยังไงบ้างการไปอยู่ฝรั่งเศสมันเกิดจากการเลือกของผมเองและนิคก็ไม่ปฏิเสธที่จะให้โซอี้ไปอยู่กับผมเพราะอย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีคุณกับชีวิตเล็ก ๆ”“ฉันกับเขาไม่คู่ควรกัน เหมือนที่เขามองฉันกับคุณว่าไม่คู่ควร ฉันต่ำต้อยเหลือเกินค่ะคริส ฉันคิดว่า...”“ว่าไงล่ะคริส...จะไปกันแล้วเหรอ?”เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของคริสและภิณไลย์ญาแต่โซอี้กลับกระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเจ้าของเสียงทรงอำนาจนั้น นิโคลัสช้อนร่างเด็กน้อยขึ้นอุ้มและจูบแ
“คุณอาคริสจะพาหนูไปฝรั่งเศสค่ะ”โซอี้เป็นฝ่ายตอบขณะที่นั่งอยู่บนตักของคริส เขาโอบกอดหนูน้อยเอาไว้และจูบแก้มยุ้ยเบาๆแสดงความรักความห่วงใยพร้อมกันนั้นก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา“ผมจะมารับโซอี้ไปฝรั่งเศสวันนี้ นี่ก็ให้คนของผมจัดกระเป๋ากับของใช้เรียบร้อยแล้ว พวกเขารอผมอยู่ที่สนามบิน”กล่าวจบเขาก็จับเด็กหญิงให้เลื่อนลงจากตักและนั่งบนโซฟา เขาลุกขึ้นและก้าวเข้าไปหาภิณไลย์ญาซึ่งตอนนี้เธออยู่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีละมุนตา คริสหยุดยืนตรงหน้าเธอ รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป“เป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีแล้วใช่ไหม?”“ฉันสบายดีค่ะ ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คุณจะไปฝรั่งเศสแล้วจะพาโซอี้ไปด้วยเหรอคะ”“ใช่...ผมจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสและรับตำแหน่ง CEO ของบริษัทในเครือของซาเวียร์กรุ๊ปที่นั่น”“คุณลาริสาไปด้วยใช่ไหมคะ พวกคุณเข้าใจกันแล้วใช่ไหมคะ”เขาส่ายหน้าและตอบว่า “ผมหย่ากับลาลิสาแล้ว เราเพิ่งหย่ากันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง”“ว่ายังไงนะคะ! คุณหย่ากับลาริสา...คุณพระ...เธอคงโกรธเรื่องของฉันอย่างนั้นสินะคะ ฉันต้องขอโทษด้วยค่ะคริส ฉันไม่ตั้งใจที่จะทำให้ครอบครัวของคุณต้องแตกหักกันอย่างนี้เลย”เขาส่ายหน้าอีก
“คุณน้าเนเน่นอนพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดตัวให้คุณน้านะคะ”โซอี้กระวีกระวาดทำเหมือนผู้ใหญ่ไม่มีผิด เด็กหญิงวิ่งออกไปจากห้องนั้นนิโคลัสจึงหันมาทางภิณไลย์ญาที่นอนบนเตียงโดยมีเขานั่งอยู่ข้าง ๆ“ผมรู้ว่าคุณไม่สบายและต้องการพักผ่อน”“ใช่...ฉันต้องการพักผ่อนแต่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่ที่นี่ ฉันอยากกลับบ้าน ถ้าคุณไม่ว่างไปส่งฉันก็เรียกคนขับรถของคุณให้พาฉันไปส่งก็ได้ค่ะนิค”“วันนี้คนของผมไม่มีใครว่างหรอกนะ”“ฉันไม่เชื่อ คุณโกหก คุณอยากจะกักตัวฉันไว้ที่นี่ หรือว่าถ้าคุณอยากจะให้ฉันอยู่ที่นี่ก็ให้ฉันกลับไปที่บ้านก่อนแล้วฉันจะบอกแม่ฉันว่าฉันต้องออกมาทำงานท่านจะได้เข้าใจจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”“ท่านไม่เป็นห่วงคุณหรอกนะ ท่านรู้ว่าคุณอยู่กับโซอี้และผมก็อยากจะขอร้องให้คุณอยู่กับแกที่นี่คืนนี้”“ด้วยเหตุผลอะไรกันคะ ได้โปรดเถอะค่ะ คุณไม่ควรจะใช้คำว่าขอร้องกับฉันเพราะนี่เป็นการบังคับ”“OK… ถ้าคุณอยากจะกลับก็ได้แต่โซอี้จะรู้สึกยังไงในเมื่อแกคิดว่าคุณไม่สบายและแกก็ตั้งใจที่จะดูแลคุณ ถ้าคุณกลับไปมันก็เหมือนเป็นการทำร้ายจิตใจแก”“คุณกำลังสร้างเงื่อนไขและกำลังกดดันฉันอยู่นะคะ”“ผมพูดความจริงต่างหากและมันก
“ คุณคิดแบบนั้นเหรอเนเน่”“ ใช่ค่ะ...และฉันก็คิดถูกใช่ไหมคะ ฉันพูดถูกทุกอย่าง ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณจะไม่สูญเสียผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะฉันจะไม่ผิดสัญญาเรื่องที่จะหาเงินมาชดใช้ให้คุณ”“ผมรู้ว่าคุณจะไม่ผิดสัญญาแต่คุณก็ผิดคำพูดกับผม ““แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันทำยังไงคะนิค ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไปแล้ว”ภิณไลย์ญาเผลอร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงนั่งบนพื้นห้องน้ำ เธอกอดเข่าแล้วร้องไห้อย่างคนสิ้นหวัง ตอนนี้หัวใจของเธอแหลกสลายทั้งจากความผิดหวังและร่างกายที่ยิ่งนับวันยิ่งอ่อนแอ เธอดูเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอกและถึงทางตันของชีวิต นิโคลัสทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ จ้องมองร่างเล็กที่ก้มหน้าร้องไห้เหมือนแทบขาดใจแต่ภิณไลย์ญาก็ไม่ส่งเสียงออกมาดัง ๆ เธอกดเก็บตัวเองไว้เพราะกลัวโซอี้จะได้ยินแต่ในเวลานี้เธอช่างดูอ่อนแอและเป็นภาพที่ฉุดรั้งความรู้สึกของนิโคลัสให้ยิ่งดำดิ่ง เขารู้ตัวดีว่าทำให้เธอเจ็บช้ำอย่างสาหัสหากทว่าคนที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากลับเป็นเขาเสียเอง ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อลูบเรือนผมของภิณไลย์ญาที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้นั้นก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นข้างหลั