“คลีฟ...” น้ำเสียงแหบโหยลอดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ค่อย ๆ เผยอออกด้วยแรงบีบเบา ๆ จากมือหนาใหญ่ที่โอบไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว นัยน์ตาของเธอพร่าพรายด้วยหยาดน้ำรื้น ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาเพียงคืบ คลีฟโน้มจมูกโด่งลงมาจนมันชนกับปลายจมูกเล็ก เขาหายใจแรงขึ้นทุกขณะและแรงบีบที่กรามของหญิงสาวก็หนักขึ้น
“คลีฟ...อย่าค่ะ...อย่า...” นิตาเห็นความเจ็บปวดฉายออกมาจากสีหน้าและแววตาของชายหนุ่ม เธอหลับตาลงเมื่อริมฝีปากของเขาโน้มลงมาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ บดบี้ลงบนกลีบปากของหญิงสาว มันนุ่มนวลจนเธอเคลิ้มสั่น ร่างเล็กอ่อนระทวยลงแทบจะในทันทีทันใด
ลิ้นหนานั้นแทรกลึกและกวาดไล้ไปทั่วในอุ้งปากของหญิงสาว ความเร่งเร้ารัญจวนทำให้นิตาปั่นป่วนและโอบรัดวงแขนบนแผ่นหลังของเขาในที่สุด ปลดปล่อยตัวเองไปกับจูบแสนหวานที่เธอเฝ้าคิดถึงมันตลอดระยะเวลาสองปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจูบเธอหลังจากหายหน้าไปและทิ้งความหวานฉ่ำไว้ให้เธอคะนึงหาในความฝัน แต่แล้วความหวั่นหวามกลับเริ่มมลายหายไปพร้อมกับนิ้วแกร่งที่กดลงบนคางเรียวแน่นขึ้น ปากของเขาบดขยี้ลงบนปากของเธอรุนแรงกว่าเดิม ร่างเล็กถูกดันเข้าไปจนชิดผนังห้องและเบียดกับฝาผนังจนเธอเริ่มเจ็บบนแผ่นหลัง
“คลีฟ...คลีฟ...” นิตาส่งเสียงราวกับอยากจะร้องบอกเขาเมื่อปากเป็นอิสระ แต่แล้วมือหนากลับบีบสันกรามของหญิงสาวไว้จนแน่น เขากำลังบีบบังคับให้เธอรับจูบที่ปราศจากความดูดดื่มจากเขา มันเป็นจูบที่รุนแรงและเธอไม่เคยพานพบมันจากผู้ที่เคยเป็นสามีมาก่อนในชีวิต จากความหวั่นหวามกลับกลายเป็นหญิงสาวพยายามดิ้นรนหลบหลีกริมฝีปากให้พ้นจากปากของเขาที่กำลังบีบบังคับ มือที่กอดก่ายตัวเขาเปลี่ยนเป็นตะกายไปบนแผ่นหลังกว้าง “อื้อ!” เสียงร้องที่ดังขึ้นทำให้คลีฟต้องชะงักตัวเองแทบจะในทันทีทันใด นัยน์ตาสีน้ำเงินแซฟไฟร์เบิกกว้างเมื่อนิตาผละห่างจากตัวเขา ร่างเล็กหลังเบียดชิดติดผนังห้อง ใบหน้าสวยหวานฉายความตื่นตระหนก ทว่าคนที่ต้องตระหนกยิ่งกว่า นิตาคือเขาเมื่อเห็นที่มุมปากของหญิงสาวมีรอยช้ำจนเลือดซึม
“นีน่า...” ชายหนุ่มยกมือตัวเองขึ้นลูบที่ริมฝีปากของตัวเอง ใบหน้าของเขาสำแดงความเจ็บปวดออกมาเมื่อเห็นรอยเลือดบนปลายนิ้วในขณะที่นิตายืนตัวสั่นเหมือนลูกนก เขาทำอะไรลงไป...ทั้งที่เตือนตัวเองมาตลอดว่าต้องไม่เข้าใกล้นิตา แต่ความปรารถนากำลังมีอำนาจอยู่เหนือความยั้งคิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ต่างอะไรกับที่เขาพยายามจะทำร้ายเธอแม้แต่น้อย ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ ถอยหลังกลับไป เขาต้องบีบบังคับสัมปชัญญะเพื่อควบคุมสติของตัวเองอย่างยิ่งยวด ชายหนุ่มค่อย ๆ หันหลังและกำลังจะก้าวออกจากห้องนั้นหากไม่ได้ยินเสียงเรียกของนิตาดังขึ้นเสียก่อน
“คลีฟ...” เสียงอ่อนระโหยของหญิงสาวทำให้เขาหยุดนิ่งราวกับโลกทั้งโลกของเขาก็พลอยหยุดนิ่งตามไปด้วย เขานิ่งงันกระทั่งได้ยินเสียงของหญิงสาวอีกครั้งว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ...คุณเกลียดฉันมากอย่างนั้นหรือคะ...บอกได้มั้ยคะคลีฟ...ว่าทำไม” / “ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ นีน่า!”
เสียงคำรามที่ลั่นขึ้นโดยเจ้าตัวไม่ยอมหันกลับมาทำให้นิตาแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น หญิงสาวปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาขณะจ้องมองแผ่นหลังของผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของอ้อมแขนอันอบอุ่นและปลอดภัยสำหรับเธอ บัดนี้เขาเหมือนมัจจุราชที่กำลังสูบเอาวิญญาณและความรักของเธอลงสู่หุบลึกและมืดอย่างที่สุด
“คลีฟ...”
“อยู่ให้ห่างจากผม!...รู้ไว้ด้วยว่าผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงของคุณ อย่าคิดว่าที่ผมทำดีกับคุณเป็นเพราะผมยังรักคุณ...ไม่เลย...ผมไม่เคยคิดถึงมันด้วยซ้ำ”
“คุณ...ลืมทุกอย่าง...ที่เกี่ยวกับไปเราแล้ว...อย่างนั้นหรือคะ?” นิตาถามด้วยน้ำเสียงบอกความรันทดท้ออย่างที่สุด คลีฟนิ่งงัน เขายังยืนหันหลังให้หญิงสาวอยู่อย่างนั้นชั่วครู่ก่อนจะยืดหลังตรงและเลื่อนมือเย็นเฉียบไปจับเนคไทแน่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงบาดลึกว่า
“ใช่...ผมลืมมันไปแล้ว...ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...ระหว่างเราสองคน” ร่างเล็กบอบบางแทบทรุดหากทว่าก็ยังทรงตัวด้วยการเอาหลังชิดฝาผนังเมื่อคลีฟก้าวพ้นออกไปจากห้องนั้น หญิงสาวอยากจะปลดปล่อยความอัดอั้นที่มันกำลังบั่นทอนลมหายใจของเธอด้วยการร้องไห้โดยเอามือปิดปากเอาไว้เพื่อไม้ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไปให้ใครได้ยินแต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงผู้จัดการร้านดังอยู่ข้างนอกนั่น คริสตัลกลับมาแล้ว นิตารีบทรงตัวยืนหลังตรงและกลืนก้อนสะอื้นกลับเข้าไปในอกก่อนจะรีบเช็ดรอยน้ำตาที่แก้มและบนดวงตา หญิงสาวรีบจัดแต่งทรงผมของตัวเอง พยายามเข้มแข็งและก้มลงเก็บกล่องรองเท้าที่หล่นลงมาจากชั้นวางกระจัดกระจายบนพื้นห้องกลับเข้าที่ให้เรียบร้อยดังเดิม
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม