หน้าหลัก / โรแมนติก / หนี้หัวใจใต้กลลวง / บทที่ 3 หนี้เลือดที่ต้องชดใช้

แชร์

บทที่ 3 หนี้เลือดที่ต้องชดใช้

ผู้เขียน: แพรวรุณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-02 18:38:41

ลาริสาไม่รู้ว่าความเงียบที่ปกคลุมระหว่างเขากับเธอนั้นกินเวลานานแค่ไหน

เธอแค่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา หนังที่เย็นเฉียบแนบผิวแทบไม่ต่างจากเลือดในร่างของเธอในตอนนี้

หัวใจเธอเต้นช้าลง…แต่ทุกจังหวะเหมือนมีมีดกรีดอยู่ภายใน

 

เธอคิดย้อนกลับไปในคืนที่มืดที่สุดในชีวิต คืนที่เธอถูกจับตัวขึ้นรถ

ตอนนั้น เธอเชื่อว่าเธอกำลังจะตาย

หรือแย่กว่านั้น…เธอจะมีชีวิตอยู่ แต่ในสถานะที่ไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรี

เธอจำคำพูดพวกนั้นได้แม่น

น้ำเสียงเหยียดหยามของคนที่บอกว่าเธอจะถูกขายไปฝั่งชายแดน ไปอยู่ในซ่องเถื่อนที่ไม่มีใครตามหาเจอ

ไปเป็นของเล่น...ในที่ที่กฎหมายเข้าไม่ถึง และคำว่ามนุษย์ก็ไม่มีความหมาย

 

แต่แล้ว…ในเช้าวันต่อมา

เธอกลับลืมตาขึ้นมาในที่แห่งหนึ่ง ยังถูกคุมตัว 

แต่ไม่มีโซ่ ไม่มีเสียงหัวเราะต่ำ ไม่มีสายตาสกปรกที่จ้องจะกลืนกินเธอ

มีเพียงคำสั่งให้เปลี่ยนชุด​ แต่งหน้า ใส่หน้ากาก

และกลายเป็นเด็กเสิร์ฟเหล้าในคลับปิดที่หรูหราแต่ไร้อิสระ

 

ตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไม

ทำไมชะตาที่เหมือนกำลังจะหล่นจากหน้าผา

ถึงได้เปลี่ยนทิศอย่างประหลาด

แต่ตอนนี้…ทุกอย่างชัดเจน

ชายตรงหน้า คนที่ดึงเธอไว้จากขุมนรก

คนที่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่กลับซ่อนอะไรบางอย่างลึกจนเจ็บ

เธอไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เพียงแค่รู้ว่าเขาคือผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทย

เธอเคยเจอเขาเพียงไม่กี่ครั้ง

และเขา…คือคนที่ช่วยเธอไว้

 

ลาริสาหลุบตาลง เธอกอดแขนตัวเองไว้แน่น

“คุณ…” เสียงของเธอเบาแทบไม่เป็นคำ

“…เป็นคนช่วยฉันออกมาใช่ไหม…”

 

ภานุวัฒน์ไม่ตอบทันที

เขาเพียงยืนนิ่ง มองเธอด้วยแววตาที่ไม่มีคำอธิบาย

แต่เธอไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว

แค่แววตาคู่นั้น​ มันบอกกับเธอทุกอย่าง

เธอรอดมาได้เพราะเขา

แม้ในแบบที่เธอไม่อยากยอมรับ

แม้ในสถานที่ที่ไม่มีวันหลุดพ้นได้ง่าย ๆ

แต่มันก็ยัง…ดีกว่าการที่เธอต้องตกไปอยู่ในขุมนรกแห่งนั้น

 

ภานุวัฒน์ยืนอยู่เหนือร่างของลาริสาที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา

ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นของเขากดมองเธอราวกับจะฝังคำพูดลงไปในกะโหลก

 

“คุณอาจจะคิดว่าแค่ผมพาคุณออกมาจากรถคันนั้น… แค่เปลี่ยนปลายทางจากซ่องเถื่อนมาเป็นคลับหรู คือบุญคุณที่คุณไม่จำเป็นต้องสนใจ”

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง ไม่มีแววโกรธ ไม่มีแววเวทนา แต่กลับเย็นยะเยือกจนเจ็บแสบ

“แต่คุณรู้ไหม… ว่าผมต้องแลกอะไรบ้าง เพื่อให้คุณมีลมหายใจอยู่ตรงนี้?”

 

เธอไม่ตอบ

มีเพียงความเงียบที่กดทับลงกลางอก

 

“ชายแดนที่คุณเกือบจะถูกส่งไป มันห่างจากจุดที่ผมชิงตัวคุณมาไม่ถึงสิบนาที”

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่กลับหนักแน่นยิ่งกว่าคำตะโกน

“พวกมันรอรับคุณอยู่แล้ว... ในที่ที่แม้แต่ตำรวจไทยยังไม่กล้าเหยียบเข้าไป”

เขาเดินวนไปด้านหลังเธอ ก่อนจะหยุด

“ผมต้องส่งคนของผมไปตัดหน้า ต้องแลกด้วยชีวิตหลายชีวิต... คนของผมบางคนโดนยิง บางคนไม่เคยกลับมา”

เขาเงียบไปชั่วขณะ เหมือนกำลังกลืนบางอย่างลงคอ

“คุณรู้ไหม… ว่าการช่วยคุณครั้งนั้น มันไม่ได้แลกมาด้วยเงิน แต่มันแลกมาด้วยเลือด”

 

เธอสั่น

หัวใจแทบหยุดเต้น

 

“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณจ่ายหนี้ด้วยเงิน”

เขาย่อตัวลงมาสบตาเธอตรง ๆ ดวงตาสีฟ้านั้นเย็นเฉียบราวกับทะเลในคืนไร้จันทร์

“แต่คุณต้องจ่ายหนี้…ด้วยชีวิตของคุณเอง”

 

“ฉัน…ไม่เข้าใจ…” เสียงเธอสั่น

 

“จากวันนี้ไป คุณจะอยู่ที่นี่ ทำตามคำสั่งของผมทุกอย่าง”

“ห้ามมีปัญหาอีก ไม่อย่างนั้น... ผมจะไม่ส่งคุณขึ้นไปเสิร์ฟเครื่องดื่มอีก”

เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ จนลมหายใจแทบแตะผิวแก้มเธอ

“แต่ผมจะส่งคุณลงไป ‘ชั้นล่าง’ ของคาสิโนแทน”

“ที่นั่น...ไม่มีเครื่องดื่มให้เสิร์ฟ มีแต่อะไรที่ลูกค้า ‘เลือก’ ได้ตามใจ”

 

ลาริสานิ่งงัน มือเย็นเฉียบ ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและสั่นกลัว

 

ภานุวัฒน์ยืนขึ้นเต็มความสูง

แววตาเขาเรียบนิ่งเฉียบขาด

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับไปทำงาน อย่าให้ผมต้องพูดซ้ำอีก”

 

ไม่มีการอธิบาย

ไม่มีการปลอบโยน

มีแต่คำสั่งจากเจ้าของชีวิตชั่วคราวที่ชื่อว่า 'หนี้' ที่มันจะตามหลอกเธอไปทุกลมหายใจ

 

 

หลังจากลาริสาเดินออกจากห้อง

เสียงประตูปิดลงอย่างหนักแน่น

ทิ้งภานุวัฒน์ไว้นั่งเพียงลำพัง ท่ามกลางแสงสลัวและความเงียบที่กดทับ

เขาเอนกายพิงพนักโซฟา มือยกขึ้นนวดหว่างคิ้วเบา ๆ

 

ไม่นาน เสียงฝีเท้าหนักก็ดังขึ้นตามทางเดิน

อคิน ก้าวเข้ามาในห้อง

ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-พม่าในเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ด ท่วงท่าสบาย ๆ แต่แววตาคมจัดเหมือนมีด

เขาเหลือบมองบรรยากาศในห้อง ก่อนหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ

 

“นึกแล้วเชียว... ว่าต้องมีเรื่อง”

น้ำเสียงของอคินกรุ่นกลิ่นขบขันปนเอือมระอา

เขาก้าวมาหยุดตรงหน้าภานุวัฒน์

แขนไขว้ไว้หลวม ๆ

“แต่นายก็ยังเลือกจะช่วยเธออยู่ดี”

คำพูดของเขาเหมือนปลายมีดที่วางเบา ๆ บนโต๊ะ

 

ภานุวัฒน์ไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

ดวงตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมาช้า ๆ มองอีกฝ่ายตรง ๆ

 

“เสียคนไปหลายคน... เสียเงินไม่น้อย...”

อคินยกคิ้ว ชวนคุยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ประโยคนั้น มีน้ำหนักพอจะทำให้ห้องทั้งห้องหนักขึ้นราวกับอากาศจะกดต่ำลง

“…เธอเป็นคนสำคัญของนายงั้นเหรอ?”

 

คำถามลอยค้างกลางอากาศ

ภานุวัฒน์เหลือบตามอง

แววตาเย็นจัดอย่างไร้อารมณ์

“เธอไม่ใช่คนสำคัญของฉัน”

เสียงเขานิ่งเยียบเหมือนดาบที่ถูกชักออกจากฝักช้า ๆ

“แต่ครอบครัวของเธอ...เป็นหนี้เลือดที่ยังค้างฉันอยู่”

 

อคินชะงักไป

มองสบตาเพื่อนตรงหน้า แล้วถอนหายใจเบา ๆ

ความเงียบแน่นขนัดในห้อง หลังคำพูดสุดท้ายของภานุวัฒน์

เหมือนเงาหนัก ๆ ทาบทับทุกอณูอากาศ

 

ภาพจากอดีตย้อนทิ่มแทงขึ้นในหัวใจ

คืนหนึ่งที่บ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นที่พักพิงของครอบครัวอันอบอุ่นของภานุวัฒน์ในวัยเด็ก ไฟลุกโชนกลางความมืด

เสียงปืน เสียงกรีดร้องของผู้คนดังไม่หยุด

คืนนั้น...เด็กชายคนหนึ่ง ถูกพ่อพาหนีตายจากไฟนรกกลางบ้าน

ภานุวัฒน์ เด็กชายที่เคยมีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา

เหลือเพียงเขา...กับพ่อของเขาเท่านั้น

ทั้งสองคนถูกปีศาจในคราบนักการเมือง​ ส่งคนตามไล่สังหารเขาจนพวกเขาต้องหนีออกมาถึงเขตชายแดน

 

และในวันที่แทบไม่มีที่พึ่งนั้น

อคิน ชายหนุ่มลูกครึ่งวัยไล่เลี่ยกัน

ที่ควรจะเลือกหันหลังหนีเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

กลับยื่นมือมา พาพวกเขาหลบซ่อน พาไปรักษาแผล พาไปหลบซ่อนตามหมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดน

 

แม้จะต้องเสี่ยงตัวเอง แม้จะต้องแลกด้วยการถูกหักหลังจากฝั่งตัวเองในภายหลัง

มันไม่ใช่การช่วยเหลือจากน้ำใจธรรมดา

แต่มันเป็นการ 'เดิมพันชีวิต' เพื่อใครบางคนที่เขาแทบไม่รู้จักดีนัก

วันนั้น...พวกเขาต่างแบกรอยเลือดและรอยแผลใจ

ในแบบที่ไม่มีใครเข้าใจ

 

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 107 เจ้าชายปีศาจกับเจ้าหญิงแห่งแสง

    “วันนี้…ครูริสาจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในหนังสือไหนเลย” เสียงหวานของเธอดังขึ้นเบา ๆ แต่เรียกความสนใจได้ทันที “เรื่องนี้...เกี่ยวกับเจ้าชายผู้หนึ่งที่กลายเป็นปีศาจ และเจ้าหญิงคนหนึ่งที่มีหัวใจเปล่งแสง เหมือนดวงดาวในคืนมืดที่สุด” “ชื่อเรื่องว่าอะไรครับ!” เด็กชายตัวจ้อยคนหนึ่งถามเสียงดัง “ชื่อว่า... เจ้าชายปีศาจกับเจ้าหญิงแห่งแสงสว่าง จ้ะ” เสียงฮือฮาเล็ก ๆ ดังขึ้นรอบวง ก่อนที่ทุกคนจะนิ่งฟังอีกครั้ง “นานมาแล้ว... มีอาณาจักรหนึ่งที่เงียบงัน ไม่มีแสงแดด ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีดอกไม้บาน ที่นั่น…คือโลกของเจ้าชายผู้ถูกสาป เขาเคยมีหัวใจที่ดี แต่เมื่อหัวใจนั้นแตกสลายจากเรื่องร้าย ๆ เขาก็ปิดมันไว้แน่น และไม่ยอมให้แสงใดเข้าไปอีกเลย” “แล้วเขากลายเป็นปีศาจเหรอคะ?” เด็กหญิงผูกโบว์ถามขึ้นเสียงแผ่ว “ใช่จ้ะ...เขากลายเป็นปีศาจที่มีดวงตาเศร้า และไม่เคยยิ้มอีกเลย แต่ลึก ๆ แล้ว...เขาก็แค่อยู่คนเดียวจนลืมวิธีจะรักใครเท่านั้นเอง” ครูริสาหยุดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วทำเสียงกระซิบ “วันหนึ่ง…เจ้าชายคิดแผนการขึ้นมา เขาจะพาใครสักคนมาอยู่กับเขา…สักคนที่มีหัวใจอบอุ่น เขาจึงวางกับดัก วางแผนการ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 106 วันแห่งการเริ่มต้น

    ลาริสาตาโตทันที​ “อะไรนะคะ?” “ผมมีบริษัทที่ต้องดูแล ผมไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดเวลา แต่ผมเชื่อว่าคุณ…จะดูแลเด็ก ๆ ที่นี่ได้ดีที่สุด” เธอสั่นศีรษะเบา ๆ ริมฝีปากยังอ้าค้าง “แต่…ริสาไม่เคยคิดเลยว่าจะ—” “ผมคิดไว้แล้ว” เขายิ้มบางเบา “ผมไม่ต้องการแค่ภรรยา…แต่ต้องการ ‘หุ้นส่วนชีวิต’ คนที่ผมไว้ใจ คนที่ผมรู้ว่า…ถ้าเธออยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะไม่พัง” ลาริสาน้ำตาซึมอีกครั้ง​ ไม่ใช่เพราะอ่อนไหว​ แต่เพราะหัวใจของเธอได้รับการยอมรับ ทั้งจากเขา…และจากโลกที่เธอเคยรู้สึกเหมือนไม่มีที่ยืน เขาดึงมือเธอขึ้นมากดจูบเบา ๆ ที่หลังมือ “นี่คือบ้านของเรา…และทุกอย่างที่ผมสร้างไว้ทั้งหมดนี้ ผมอยากให้มันเป็นของคุณ ไม่ใช่เพราะคุณต้องการ แต่เพราะคุณ ‘คู่ควร’ กับมัน…” ........................ เช้าวันพิเศษ แสงอรุณอ่อนโยนปกคลุมทั่วบ้านหลังใหม่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน เสียงพระสวดเบา ๆ ดังกังวานอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน กลิ่นธูปและดอกไม้สดหอมฟุ้งทั่วห้อง ลาริสาสวมชุดไทยสีงาช้างอ่อน ผ้าสไบปักดิ้นทองพาดบ่าดูงดงามราวเจ้าหญิงในนิทาน ดวงตาคู่นั้นมีแววเขินอายปนความปลื้มปิติในทุกการเคลื่อนไหว ข้างเธอ​ นาราและพราว

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 105 ไม่มีใครต้องถูกทอดทิ้งไว้กับอดีต

    เมื่อรถจอดลงหน้าบ้าน เธอก็ทำท่าจะเปิดประตูลงเองตามปกติ แต่เสียงเขาห้ามไว้ก่อน “เดี๋ยว ผมไปด้วย” เขาเปิดประตูฝั่งตัวเองแล้วเดินอ้อมมาที่เธอ ขณะเธอหันมามองด้วยความแปลกใจ “คุณจะ…เข้าไปเหรอคะ?” เธอถามเบา ๆ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความสั่น เขาพยักหน้า ช้า ๆ หนักแน่น “ผมอยากไหว้แม่ของคุณ…” “ก็ในเมื่อคุณเป็นผู้หญิงที่ผมรัก​ แม่ของคุณ…ก็คือคนที่ผมเคารพด้วยหัวใจ” เขาพูดเรียบ ๆ แต่ทุกคำกลับแน่นลึกเหมือนสัญญาที่ออกมาจากหัวใจ และนั่นเพียงพอที่จะทำให้เธอพยักหน้า ยิ้มจาง ๆ แล้วพาเขาเดินตามเข้าบ้านไปอย่างเงียบ ๆ เสียงเปิดประตูบ้านไม้ดังเบา ๆ ในยามเย็น ลาริสาก้าวเข้ามาเงียบ ๆ ข้างกายมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินตามเข้ามาช้า ๆ เขาไม่ได้ใส่สูท ไม่ได้มีภาพลักษณ์ของนักธุรกิจใหญ่โต…มีเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวธรรมดา กับสีหน้าเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยแรงใจที่แน่วแน่ ป้านวลที่จัดโต๊ะอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นผู้มาใหม่ “แม่คะ…” ลาริสาเรียกเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่วข้าง ๆ รถเข็น “นี่คือคุณภานุวัฒน์ค่ะ…” แววตาคุณภาวินีขยับวูบ​ ไม่มีคำถาม ไม่มีความประหลาดใจ มีเพียงสายตาที่ไล่มองเขาช้า ๆ เหมือน

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 104 ก็ว่าแล้ว...มันไม่ธรรมดาแน่

    ขาของเธอสั่นน้อย ๆ จนต้องยึดแขนเขาไว้แน่น เขาจึงแกล้งเอ่ยเสียงเบาแฝงแววขบขัน “ดูเหมือนร่างกายคุณจะอ่อนแอไปหน่อยนะครับ…สงสัยต้องพามาออกกำลังกายแบบนี้บ่อย ๆ” “หยุดเลย!” เธอตีเขาอีกครั้ง ใบหน้ายังแดงเรื่อ ดวงตาวาววับทั้งขวยเขินทั้งหมั่นไส้ “เย็นนี้รอผมนะ เดี๋ยวผมไปส่ง” เขาพูดขณะจัดปกเสื้อให้เธอเรียบร้อย เธอพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มจาง ๆ พลางสูดหายใจลึก เตรียมจะกลับเข้าไปในชั้นเรียนอีกครั้ง และในจังหวะที่เธอก้าวออกจากประตู เธอก็ยังได้ยินเสียงเขาไล่หลังมาเบา ๆ ว่า “แต่ถ้าคุณคิดถึงผมก่อนถึงเวลาเลิกงาน ก็แวะมาหาผมที่ห้องนี้ได้ตลอดนะครับ” ... เสียงเปิดประตูดังแผ่วขณะลาริสาก้าวกลับเข้ามาในห้องเรียน แสงจากหน้าต่างทอดผ่านโต๊ะไม้ยาวในบรรยากาศเงียบสงบ นักเรียนยังคงก้มหน้าตั้งใจเขียนแบบฝึกหัดตามคำสั่งจากครูพี่เลี้ยงที่คุมชั้นไว้ชั่วคราว เธอกลืนน้ำลายเบา ๆ สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อปรับอารมณ์ แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟัง ขาที่ยังสั่นเล็กน้อยในทุกก้าวทำให้เธอต้องเกาะขอบโต๊ะด้านหน้าไว้ ริมฝีปากร้อนผ่าว ดวงตาแอบเหลือบมองบานประตูหลังห้องที่เธอเพิ่งเดินผ่านราวกับภาพเมื่อครู่นั้นยังซ้อนทับอยู่ตรงนั้น ‘คุ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 103 รู้แล้วใช่ไหมว่าผมรักคุณขนาดไหน

    ริมฝีปากร้อนจัดแตะแผ่วที่ลาดไหล่เธออย่างอ้อยอิ่ง ราวกับซึมซับทุกคำตอบที่ยังไม่หลุดจากริมฝีปาก “ฉัน…รู้ใจตัวเองแล้ว…” เสียงเธอสั่นพร่าราวกับจะขาดหายทุกครั้งที่เขาแตะต้อง “ฉันรักคุณ…ฉันยอมรับ…แม้ว่าฉันจะไม่รู้เลยว่า…คุณรู้สึกยังไงกับฉันกันแน่…คุณรัก…หรือคุณแค้น…หรือคุณเกลียดกันแน่…” คำพูดนั้นทำให้เขาชะงัก ปลายนิ้วที่กำลังไล้ต่ำอยู่แถวเอวหยุดค้างอยู่กลางอากาศชั่วขณะ แววตาเขานิ่งงันเหมือนจมหายไปกับบางสิ่งที่อัดแน่นในอก ก่อนที่ชั่ววินาทีนั้น เขาจะก้มหน้าลงอีกครั้ง​ พร้อมกระซิบเสียงแผ่วชิดริมผิวเนื้อ “คุณยังไม่รู้อีกหรอ…ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงกับคุณ…” มือเขาเลื่อนไปที่กระดุมเสื้อเธอ แล้วค่อย ๆ ปลดมันทีละเม็ด ทุกจังหวะช้า…แต่ชัดเจนและแน่วแน่ เธอสั่นสะท้าน พยายามยกมือขึ้นห้าม…แต่เรี่ยวแรงที่มีดูไร้น้ำหนักเมื่อเขารั้งเธอไว้แน่นขึ้น “ผมไม่ได้อยากครอบครองคุณเพราะความแค้น…” เขากระซิบ “ผมไม่ได้แตะต้องคุณเพราะต้องการทำร้าย…” “แต่เพราะทุกครั้งที่มองคุณ ผมหยุดตัวเองไม่ได้…” และยิ่งเขาพูด…ปลายนิ้วก็ยิ่งลึกซึ้ง ทุกคำสารภาพหลุดออกจากปากเขา พร้อมกับสัมผัสที่รุกล้ำเข้าไปทีละนิด ทีละลมหายใจ

  • หนี้หัวใจใต้กลลวง   บทที่ 102 จะไม่หนีหัวใจของตัวเองอีกแล้ว

    เธอพูดต่อทั้งที่เสียงยังเรียบ​ แต่เนื้อเสียงกลับกัดลึกยิ่งกว่าคำใด “ฉันเห็นนะคะ ฉันเห็นคุณเปิดประตูรถให้เธอ ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ แล้วยังเดินเข้าไปในร้านด้วยกัน…มันเป็นภาพที่ชัดเจนจนไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเลยด้วยซ้ำ” เธอยิ้มบาง แต่ในดวงตาเต็มไปด้วยความตัดพ้อที่พยายามกลบไว้ในรอยยิ้มประชด “พวกคุณดูเหมาะกันดีนะคะ สวย หล่อ สมกันดี ฉันขอโทษที่เผลอเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่น” เขาไม่ตอบทันที แต่เสียงที่หลุดจากปากในวินาทีนั้น กลับทุ้มต่ำ…และตรงประเด็นอย่างน่าตกใจ “คุณหึงเหรอ?” คำถามที่ทิ่มแทงลงไปตรงใจ ลาริสาสะบัดหน้า เธอกำลังจะลุกหนี แต่เขากลับไม่ปล่อยให้เธอไปง่าย ๆ “ฉันจะหึงทำไมคะ?” เธอพูดเร็ว “คุณไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน คุณจะควงใครไปถ่ายรูปก็เรื่องของคุณ” เพียงแค่นั้น…เขาก็รู้แล้ว รู้โดยไม่ต้องถามต่อ เขายกมือขึ้นช้า ๆ ปลายนิ้วหยาบกร้านลูบไล้แก้มเธอแผ่วเบา สายตาของเขามองตรงเข้าไปในดวงตาเธอที่กำลังสั่น และในขณะที่เธอกำลังจะขยับตัวหลบ เขาก็รั้งเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย เสียงของเขาแผ่ว…แต่ชัดเจนจนไม่มีพื้นที่ให้เข้าใจผิดอีกต่อไป “ฟังผมนะ…” เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นกระทบผิวแก้มเธอ “ผู้ห

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status