"ไม่เอาดีกว่าท่านมีคนดูแลแล้ว ข้าไปก่อนดีกว่า”
ก้าวขาจากไป จื่อจื่อพยุงต้าหมิงคุนนั่งพิงต้นไม้ใหญ่
“นางยั่วโทสะข้า”
“นางน่าเอ็นดูอีกอย่างใบหน้าของนางช่างละม้ายกับแม่นางลี่แล้วยังมีชื่อเดียวกันด้วย”
ต้าหมิงคุนยกมือขึ้นลูบหนวดเคราด้วยความรู้สึกแปลกไป ความจริงก็ดีไม่น้อยไม่มีหนวดเคราก็รู้สึกว่าใบหน้าสะอาดสะอ้าน ถอนหายใจกับคำว่าหล่อเหลาของแม่นางน้อยหลันเล่อ
“เจอตัวหรือไม่”
หลันตี้ ถามหัวหน้าโจรจิ้งจอกดำ
“ไม่เจอ ข้าส่งคนติดตามจนทั่วไม่พบแม้แต่เงา”
หานจงหัวหน้าโจรพรรคจิ้งจอกดำส่ายหน้าไปมา
“เรื่องง่ายดายทำให้เป็นเรื่องยาก อยู่ในเผ่าปาเอ่อถัวของเราจะสังหารคนล้วนง่ายดาย ข้ามักจะเปิดโอกาสให้พวกท่านได้ทำตามใจ ของที่ปล้นมาก็ไม่เคยเอาส่วนแบ่งเรื่องแค่นี้กลับทำไม่สำเร็จ”
“ต้าหมิงคุนได้รับบาดเจ็บสาหัส หากองค์ชายเพียงแค่ห้ามหมอในปาเอ่อถัวให้การรักษา คาดว่าบาดแผลอาจมีปัญหาในภายหลัง”
“โง่เสียจริงข้าจะสั่งแบบนั้นได้อย่างไร พรุ่งนี้พระสนมลู่ฟางก็จะต้องรับเอาหลานคนโปรดต้าหมิงคุนเข้ามาในวังหลวงอยู่แล้ว ความจริงควรจะจัดการให้สำเร็จในคืนนี้”
“ข้าส่งคนไปแล้วองค์ชายวางใจ ข้าจะทำให้ดีที่สุดตามที่ตกลงกันไว้”
“เรื่องน้องสาวของข้า องค์หญิงรองนะหรือข้ายังไม่ได้รับปากว่าจะทูลเสด็จพ่อเรื่องนี้”
“องค์ชาย แต่ข้าบอกท่านแล้วว่าที่ข้ายอมทำเรื่องทั้งหมดให้ท่านยอมเสี่ยงกับการยกทัพมาโจมตียอมเอาชีวิตของจอมโจรจิ้งจอกดำหลายร้อยชีวิตไปเสี่ยงก็เพราะว่าข้าแอบหมายปององค์หญิงรองหลันเล่อ เพียงท่านเอ่ยปากเชื่อว่าฝ่าบาทจะต้องไม่กล้าปฏิเสธ”
หลันตี้ยิ้มมุมปาก ใครกันอยากจะให้ลูกสาวหรือน้องสาวที่น่าเอ็นดูอย่างหลันเล่อต้องไปเป็นภรรยาจอมโจรมีชีวิตหลบๆ ซ่อนๆ
“ไว้ข้าคุยกับเสด็จพ่อเรื่องนี้อีกที เจ้าทำสิ่งที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จก่อนเถิด หานจง”
ลุกขึ้นสะบัดชายเสื้อจากไปในทันที
“องค์หญิงรองหายออกจากวังหลวงอีกแล้ว กงเจี้ยนตามหาองค์หญิงให้กลับมาได้แล้ว”
หลันตี้สั่งดังๆ
“องค์ชาย คงอยู่กับถงหมิ่นเป็นแน่ไม่ได้หายไปไหน”
“นั่นยิ่งต้องตามนางกลับมา ถงหมิ่นเป็นคนแคว้นหานข้าไม่เคยไว้ใจเขา”
“ขอรับ”
กงเจี้ยนประสานมือ คว้ากระบี่ออกจากห้องไปอีกคน
หลันเล่อสาวเท้ากลับวังหลวงเร็วรี่วันนี้ไม่ได้ร่ำสุราเหมือนเช่นทุกครั้งที่หนีออกมาป่านนี้แล้ว อาจารย์ก็คงกลับวังหลวงแล้วเช่นกัน
“อุ๊ป”
ถงหมิ่นกางมือออกขวางหน้าหลันเล่อไว้ยิ้มด้วยแววตาอ่อนโยน
“องค์หญิงรองหนีอะไรมา” พูดยิ้มๆ
“อาจารย์ ดีใจจังข้าคิดว่าต้อง เดินกลับวังหลวงเพียงลำพังเสียแล้ว”
ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ก็เลยคิดถึงอาจารย์ใช่หรือไม่”
“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด นี่ข้าเดินจนขาพังไปแล้ว”
ทรุดกายชันเข่านวดน่องเบาๆถงหมิ่นหันหลังให้
“มะ...อาจารย์แบกเจ้าไปดีไหม”
หลันเล่อกระโดดขึ้นหลังของถงหมิ่นในทันที
“ดีมาก ไม่เห็นข้าไปก็ไม่ยอมตามหาข้า ต้องทำคุณไถ่โทษโดยการแบกข้ากลับวังหลวง”
ถงหมิ่นยิ้ม
“เต็มใจอย่างยิ่ง”
แสงจันทร์กระจ่างกับร่างเล็กบนแผ่นหลังที่เจื้อยแจ้วไม่หยุด ถงหมิ่นฟังไปยิ้มไป กับคำถามที่หลันเล่อสรรหามาถามเขาตลอดทาง
“อาจารย์ เมื่อครู่หลันเล่อช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งจากการถูกสังหาร”
ถงหมิ่นชะงักฝีเท้า
“ องค์หญิง ท่านทำเรื่องอันตรายเพียงนี้ คนผู้นั้นอาจไม่ใช่คนดี”
“ดีสิ เพราะเขารู้จักอาจารย์ เขายังบังคับให้ข้าตามอาจารย์ให้เขา”
"องค์หญิงเจอเขาที่ไหน”
“ป่าทางทิศใต้ก่อนถึงทางออกไปยังโรงเตี๊ยมที่เรามักจะพบกัน”
“องค์หญิง จากนี้ไปก็จะถึงตำหนักขององค์หญิงแล้ว ข้าน้อยขอตัว”
นั่งลงให้หลันเล่อลงจากแผ่นหลัง
“อ้าว ..อาจารย์ท่านไม่แบกข้าแล้วหรือ”
“อาจารย์มีเรื่องเร่งด่วนต้องไปทำ องค์หญิงอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอย่าบอกใครว่าคนผู้นั้นรู้จักกับอาจารย์”
หลันเล่อพยักหน้ายิ้มๆ
“หากเป็นคำสั่งอาจารย์หลันเล่อจะปกปิดให้เอง”
ยิ้มกว้างถงหมิ่นรีบทะยานจากไป
“ฝ่าบาท ต้าหมิงคุนมาในครั้งนี้ เป็นเพราะลู่ฟางส่งสารไปเชิญเขามา”
“ข้ารู้ เจ้าหวังดี”
“ฝ่าบาทหากจะรักษาดินแดนของเผ่าปาเอ่อถัวไว้ได้ ไม่มีการรุกรานจากเผ่าอื่นและแคว้นใต้จะต้องอาศัยแคว้นหาน”
“หลันเล่อเพิ่งจะสิบแปดอีกอย่างข้าไม่อยากฝืนใจนาง”
“ฝ่าบาท ต้าหมิงคุนยังไม่มีฮองเฮารับนางไปแคว้นหาน ข้าช่วยพูดเสียหน่อย ตำแหน่งฮองเฮาคงจะต้องเป็นหลันเล่ออย่างแน่นอน”
“หลันเล่อยังเด็กนักเกรงว่าชีวิตในวังหลวงแคว้นหาน จะทำให้นางต้องพบกับความทุกข์มากกว่าความสุข”
“ นางเป็นองค์หญิง เรื่องบ้านเมืองล้วนสำคัญเหนืออื่นใด”
“ไว้ข้าไตร่ตรองให้ดีกว่านี้ก่อน ไท่จือแคว้นใต้ก็กำลังจะส่งเครื่องบรรณาการมาสู่ขอนาง”
ลู่ฟางยิ้มอ่อนโยน
“ฝ่าบาทต้าหมิงคุน ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่ข้ามอบนางให้เป็นคนของต้าหมิงคุน”
“ไม่มีทางนางพูดเอาเองตามแต่ใจของนาง คิดจะดองกับเผ่าปาเอ่อถัวเพื่อผลประโยชน์กดดันหลันเล่อของข้า นางแพศยาได้ใจฝ่าบาทไปยังคิดบงการลูกของข้าอีก”
ฮองเฮา ส่งเสียงดังลั่นเมื่อนางกำนัลที่ส่งไปยังตำหนักของลู่ฟางรีบคาบข่าวสำคัญนี้มาบอก
“ฝ่าบาทรับปากนางหรือไม่”
“ไม่เพคะฝ่าบาทไม่ยอมรับปาก อ้างว่าองค์หญิงยังเด็ก”
“ทั้งลู่ฟางและถงหมิ่นทั้งสองคนคิดจะบงการหลันเล่อของข้า ส่งข่าวบอกไท่จือแคว้นใต้ให้รีบเสด็จยังเผ่าปาเอ่อถัวโดยเร็วที่สุด”
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา