“เจ้าชอบถงหมิ่นหรือ”
น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ
“แน่นอน ข้าต้องชอบเขาซี้ ไม่อย่างนั้นจะยอมให้มาเป็นอาจารย์ข้าหรือ อาจารย์ตามใจข้าดีกับข้ามากกว่าพี่ใหญ่เสียอีก”
ลดเสียงให้เบาลงในตอนท้าย
“ถ้าเจ้ายอมแต่งข้าสัญญาจะให้อาจารย์คอยไปอารักขาเจ้าที่นั่น”
“ไม่ไม่ไม่ แล้วพระสนมเล่าใครจะคอยอารักขานาง”
“พระสนมมีเสด็จพ่อของเจ้าที่รักนางยิ่ง ข้าจะส่งองครักษ์คนใหม่มาในภายหลัง”หลันเล่อลืมเรื่องที่จะพูดเสียหมด
“จริงๆ นะท่านต้องส่งคนมาใหม่ข้าสงสารพระสนม วันๆมีแต่อาจารย์กับข้าที่คุยเรื่องแคว้นหานกับนาง หากอาจารย์ไปเสีย ข้าไปเสียใครจะคุยเรื่องแคว้นหานให้นางหายคิดถึงบ้าน”
ต้าหมิงคุนถอนหายใจ
“ข้าสัญญา”
หลันเล่อวิ่งไปเขย่ามืออย่างแรง
“ขอบคุณท่านจริงๆ”
ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา
“ตกลงจะยอมแต่งแล้วใช่ไหม”
ทอดเสียงอ่อนโยน
“ขะ ข้า ก็ยังกลัวอยู่ดี”
เสียงอ่อนลง
“ไม่แต่งกับข้าก็ยังมีไท่จือร่างยักษ์ของแค้วนใต้ กับหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกดำที่กำลังจะมาสู่ขอเจ้า”
โกหกเรื่องไท่จือร่างยักษ์
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
ถามด้วยความไม่แน่ใจ
“เลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว ต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท”
ตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆ
“ท่านอาดีกว่าท่านแก่กว่าข้าตั้งหลายปี ท่านอาเหมาะสมยิ่งแล้ว”
ต้าหมิงคุนหลุบตามองพื้นเสียไม่สบตากลมใสที่เหมือนจะยิ้มได้ของหลันเล่อ
“เรื่องนี้ใครๆก็รู้ ข้าก้าวขาเข้ามาเผ่าปาเอ่อถัวเพียงข้างเดียวก็ถูกลอบสังหารอีกทั้งยังโดนปล้น เจ้าคิดว่าจะมีกี่คนที่อยากให้ข้ามา แล้วทำไมเขาถึงไม่อยากให้ข้ามา”หลันเล่อพยักหน้าขึ้นลง
“ท่านอามาเพื่อจะมาสู่ขอข้า ตั้งใจที่จะมาสู่ขอข้าหรือเช่นนั้นข้าก็ ไม่ควรปฏิเสธจริงไหมเพื่อความร่มเย็นของสองแคว้น”
บทจะเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็เข้าใจง่าย ต้าหมิงคุนถอนหายใจรอบที่ร้อย
“ข้าไม่ได้ตั้งใจมาสู่ขอเจ้าแต่ในเมื่อมีคนอื่นอยากได้เจ้าไปเพื่อการเมือง ข้าก็ควรช่วงชิงความได้เปรียบนั้นเสีย”
น้ำเสียงยังเรียบเฉย
“ข้า ยอมเพราะอย่างน้อยก็มีอาจารย์ไปด้วย แต่อยากทำข้อตกลงในเมื่อท่านอา ทำเพื่อแค้วนหาน ข้าก็ทำเพื่อเผ่าปาเอ่อถัวฉะนั้นเราสองคนมาทำข้อตกลงกัน”
“ว่ามา”
“ข้ายังคิดไม่ออกต้องร่างเป็นหนังสือสัญญา ข้าต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าควรจะทำข้อตกลงอะไรที่เป็นประโยชน์และไม่เอาเปรียบ ท่านอาเกินไป”
“อืม หมดเรื่องแล้วใช่ไหม หมดเรื่องแล้วก็ไปเสียข้าจะได้ พักเสียที”
“อ่อ..นึกออกแล้วมีข้อหนึ่งที่จะต้องมีในสัญญาอย่างแน่นอน”
“ว่ามา”
“ท่านอาจะต้องไม่แตะต้องตัวข้า”
ต้าหมิงคุน กระโจนเขารวบร่างบางแนบชิดลำตัวของเขาทันที
“อย่างนั้นหรือมีสัญญาบ้าบอแบบนี้ด้วยหรือ เจ้าเห็นท่านน้าลู่ฟางไหมนางมีข้อสัญญาอะไรแบบนี้กับเสด็จพ่อของเจ้าไหม นางยอมมาเป็นสนมเป็นเมียรอง นางกล้าที่จะทำข้อตกลงแบบนี้ด้วยหรือ เจ้าแต่งเป็นฮองเฮาจะต้องมีสัญญาแบบนี้ด้วยหรือ”
หลันเล่อ ตัวสั่นด้วยความตกใจไม่เคยมีใครจู่โจมแบบนี้มาก่อน
“ก็..ก็... เราสองคนไม่ได้รักกัน แต่ท่านน้าท่านรักเสด็จพ่อและเสด็จพ่อเป็นคนต้องการตัวนาง แต่เราสองคนไม่มีใครต้องการกันเสียหน่อย ท่านอาก็ทำเพื่อบ้านเมืองข้าก็ทำเพื่อบ้านเมือง แล้วข้าก็สาบานว่าจะไม่มีทางรักท่าน”
ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง คำพูดแบบนี้หลุดออกจากปากได้อย่างไร หลันเล่อไม่เคยมีความคิดนี้ในหัว แล้วสิ่งใดกันที่บงการให้หลุดคำพูดเหล่านี้ออกไป ต้าหมิงคุนปล่อยมือ หลุบตามองพื้นเหมือนเดิม
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าชอบถงหมิ่น”
หลันเล่อถอนหายใจ
“ตกลงตามนี้ ข้อตกลงอย่างอื่นรอให้ข้าไตร่ตรองก่อน แต่ข้อนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วเราสองคนจะได้หย่ากันเสีย ตอนนี้ข้ากับท่านอายอมเสียสละเพื่อบ้านเมืองทั้งสองคน เราสองคนถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองคนที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองมิใช่คนเลวอะไร”
ร่ายยาว
“ข้าเข้าใจแล้วอีกสองวันเตรียมตัวเดินทางกลับแคว้นหาน ข้าไม่อยากรั้งที่นี่นานหนักไร้ซึ่งความปลอดภัย”
“ข้าตกลงแต่งกับท่านอาแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครคิดปองร้ายท่านอาอีกต่อไปแล้ว เพราะข้าจะปกป้องท่านอาเอง”
ต้าหมิงคุนยิ้มหยัน
“จริงๆๆๆนะ”
ต้าหมิงคุนส่ายหน้า
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา