Share

บทที่ 2 ภาพลวงตา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-21 20:40:23

12.00 น. ณ อพาร์ทเม้นท์เก่าในย่านชุมชน

แสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับอยู่เหมือนถูกปลุกให้ตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดีกรีสูงที่ดื่มเข้าไปหลายแก้วทำให้คาลรอสรู้สึกหนักหัวจนไม่อยากลืมตาขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว

มือหนาควานหาคว้าผ้าห่มที่กองอยู่ใต้เอวขึ้นมาคลุมโปร่งบังแสงอ่อนที่สาดส่องทำท่าว่าจะหลับต่ออีกสักหน่อย แต่ความทรงจำเลือนรางในคืนที่ผ่านมา ทำให้สมองหนักอึ้งพยายามรื้อค้นคิดทบทวนมันอีกครั้ง 

‘อืม...คราวนี้ฝันแปลกกว่าทุกที สงสัยจะคงดื่มมากไปหน่อย...’

อาการเมาค้างและความงัวเงียทำให้ร่างสูงใต้ห่มสรุปเอาง่าย ๆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็แค่ความฝัน ทว่ากลิ่นอับของผ้าห่มผืนหนาที่โชยเข้าจมูกและผิวสัมผัสของที่นอนที่ไม่สบายตัวเหมือนทุกที ทำให้เขาต้องฝืนโผล่หน้าออกมาและเปิดตาหรี่มองรอบตัวอย่างเสียไม่ได้

ไม่กี่วินาที เมื่อสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตาชัดเจนขึ้น ดวงตาที่หรี่ดูก็เปิดกว้างมองภาพห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย

สภาพห้องที่ดูค่อนข้างแคบกลางเก่ากลางใหม่ กับข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาที่จัดวางแบบไม่ค่อยเป็นระเบียนและไม่เป็นสัดส่วนสักเท่าไร หรืออาจเรียกได้ว่าดูค่อนจะข้างรกเสียมากว่า

ด้วยความที่สติยังกลับมาไม่เต็มที คาลรอสยันกายลุกขึ้นนั่งไล่สายตามองไปทั่วทั้งห้อง ชายหนุ่มสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด กำลังยืนฉีกซองเครื่องดื่มสำเร็จรูปและเทมันลงไปในแก้วเซรามิกสองใบ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง

เสียงช้อนสเตนเลสกระทบตัวแก้วดังถี่เป็นจังหวะ เมื่อคนที่ยืนอยู่กำลังคนผงกาแฟให้ละลายเข้ากันหลังจากที่เทน้ำร้อนตามลงไปในแก้ว แม้จะเป็นเพียงรูปร่างทางด้านหลัง แต่ใบหน้ามึนงงก็ไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นได้เลย

คาลรอสรวบรวมสติอีกครั้งเพื่อทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หากว่ามันไม่ใช่ความฝัน เช่นนั้นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ก็ต้องเป็นคนที่เขาตามหามาตลอดอย่างแน่นอน อาการที่เมาค้างหายไปเป็นปลิดทิ้ง สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังเฝ้ามองด้านหลังของชายหนุ่ม จนกระทั่งร่างสูงเพรียวค่อย ๆ หันมาพร้อมกับกาแฟร้อนสองแก้วที่ส่งกลิ่นหอมชวนตื่นอยู่ในมือ

“อ้าว! ตื่นแล้วเหรอ ผมคิดว่าจะปลุกคุณอยู่พอดีเลย” น้ำเสียงคุ้นหูที่คาลรอสได้ยินในทุกค่ำคืน ใบหน้าและดวงตาที่จารึกฝังแน่นอยู่ในความรู้สึก ความโหยหาที่มีอยู่ในใจทำให้คาลรอสนิ่งอึ้งได้แต่มองคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ เมื่อคนที่อยู่ในความฝันบัดนี้ได้มายืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้วจริง ๆ 

          ชายหนุ่มทำหน้าประหลาดใจเดินเข้ามาใกล้ ๆ และวางแก้วกาแฟร้อนเอาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง มือเรียวยาวยื่นออกมาแตะไปที่หน้าฝากคนบนเตียงเบา ๆ 

“คุณไม่สบายตรงไหนรึเปล่าครับ” น้ำเสียงละมุนและสายตาที่คุ้นเคยทำให้คาลรอสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นัยน์ตาแฝงไปด้วยความสับสน การสัมผัสของชายแปลกหน้าและคำสนทนาช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า...เขาไม่ได้กำลังฝันอยู่อย่างแน่นอน

หัวใจที่เต้นรัวและความรู้สึกที่ทั้งโหยหาและสับสนทำให้คาลรอสไม่สามารถควบคุมสติของตัวเองเอาไว้ได้ มือหนากระชากคอเสื้อคว้าร่างของชายหนุ่มขึ้นมาบนเตียงนอน และนั่งคร่อมทับร่างนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“นายเป็นใคร!” น้ำเสียงกดต่ำ กับสายตาที่มองคนใต้ร่างด้วยความสงสัย

“นี่ นี่คุณจะทำอะไร ถามกันดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย” ชายหนุ่มตอบกลับแบบใจเย็น แต่มือทั้งสองข้างก็ยังพยายามที่จะดันหน้าอกคาลรอสออกไป ไม่ให้เข้ามาใกล้เองมากไปกว่านี้

“ตอบ! นายเป็นใคร ทำไมฉันถึงได้...ตอบ นายเป็นใคร” คาลรอสกระชากคอเสื้อของคนที่อยู่ใต้ร่างขึ้นมาแล้วตะคอกใส่ แต่ก็ยังยั้งคำพูดเอาไว้ไม่ยอมเอ่ยถึงเหตุผลที่เขาทำแบบนี้ เพราะไม่อยากถูกหาว่าเป็นคนสติไม่ดีที่เอาแต่เพ้อเจ้อไปกับความฝันที่หาสาระอะไรไม่ได้

“ตอบก็ตอบซิ! จะตะคอกทำไมเล่า! อีกอย่างคุณลุกออกไปก่อนได้มั้ยเนี่ย! มันหนัก!” ชายหนุ่มโวยกลับ พลางดิ้นรนพยายามแกะมือที่จับค้างอยู่บนคอเสื้อของตนด้วยน้ำหนักตัวที่เริ่มกดทับลงมาจนรู้สึกอึดอัด 

ทว่านอกจากคาลรอสจะไม่สนใจแล้ว เขายังคว้าข้อมือทั้งสองข้างที่พยายามจะผลักเขาออกขึ้นมารวบเอาไว้แน่น จนคนใต้ร่างจำต้องหยุดขัดขืนไปโดยปริยาย

“นายจะตอบไม่ตอบ ว่าไง!” คาลรอสกระแทกเสียงย้ำคำถามเดิม พร้อมกับลมหายใจถี่ที่พ่นออกมาด้วยความกระวนกระวายใคร่รู้เต็มที

ชายหนุ่มใต้ร่างที่หยุดขัดขืนอย่างจำใจขบกรามเม้มริมฝีปากแน่นนิ่วหน้ามองคนแปลกหน้าที่ยึดข้อมือตัวเองเอาไว้แน่นจนปลายนิ้วซีดชาไปหมด

คนหนึ่งถาม ส่วนอีกคนไม่ยอมตอบ ทว่าแววตาของคนใต้ร่างที่จ้องมองกลับมานั้นทำให้คาลรอสรู้สึกผิดอย่างไม่มีเหตุผล จนเขาต้องคลายน้ำหนักมือของตัวเองออกและขยับกายเล็กน้อยเพื่อจะได้ไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงไปมากนัก

คอลรอสมองใบหน้าคุ้นตาอย่างพิเคราะห์ ทั้งใบหน้า ทั้งดวงตา ทั้งน้ำเสียง เขามั่นใจว่าคนคนนี้คือคนในฝันที่เขาตามหามาตลอดอย่างแน่นอน แต่ทำไม ทำไม...

ในที่สุดความรู้สึกท่วมท้นภายในใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็เอ่อล้นออกมาทางดวงตา เป็นม่านน้ำใสที่หยดลงมาอย่างไม่ทันรู้ตัว

ชายใต้ร่างชะงักนิ่ง มองคนแปลกหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง พลันปฏิกิริยาขัดขืนที่มีก่อนหน้าก็หายไปสิ้น สันกรามที่ขบกันแน่นค่อย ๆ คลายออกก่อนจะตอบออกไปอย่างใจเย็น 

“ผมก็เป็นคนที่คุณช่วยไว้เมื่อคืนไง” การตอบแบบเลี่ยง ๆ ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเท่าไรนัก ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของอีกฝ่ายให้ทวีมากขึ้นไปอีก ดังนั้นข้อมือที่ถูกที่รวบไว้จึงถูกคาลรอสกระชากเข้าไปหาจนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ

“ฉันถาม ว่านายเป็นใคร ตอบ!” น้ำเสียงกร้าวเน้นคำและย้ำท้ายประโยค ดวงตาแดงก่ำยังมีม่านน้ำเออคลอจนบดบังภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่าเลือนลงทุกขณะ

‘ท่านคาลรอส ทำไมถึง...’ ชายหนุ่มใต้ร่างสูดลมหายใจเข้าลึก คลี่ยิ้มบาง พยายามซ่อนความรู้สึกของตนเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมออย่างใจเย็น

“ผมชื่อเลฟ อายุ 22 พึ่งย้ายมาเมืองข้างเคียงมาอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ซอมซ่ออย่างที่คุณเห็น แล้วก็เป็นแค่คนที่คุณบังเอิญช่วยเอาไว้เมื่อคืนก็เท่านั้น”

‘แค่บังเอิญ...ก็เท่านั้นเหรอ’ คำตอบที่ได้รับทำให้คาลรอสยิ้มเฝื่อน ไม่รู้ทำไม ชื่อ ‘เลฟ’ กับคำว่า ‘ก็เท่านั้น’ ที่ได้ยินถึงทำให้เขารู้สึกเหมือนจิตใจมันจมหายลงไปในหลุบลึกยังไงบอกไม่ถูก

คาลรอสที่เริ่มรู้สึกถึงหยาดน้ำข้างแก้มที่ไหลออกมาจากขอบตาร้อนผ่าวของตัวเองปล่อยข้อมือคนใต้ แล้วรีบผละออกมาเพื่อปล่อยเลฟให้เป็นอิสระ

ร่างสูงนั่งหันหลังหย่อนขาทั้งสองข้างลงบนพื้นที่ด้านหนึ่งของเตียงนอน ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกไปอย่างลวก ๆ ส่วนเลฟพอเป็นอิสระก็รีบยันกายลุกขึ้น แล้วถอยตัวไปอยู่อีกมุมหนึ่งของเตียงจนหลังติดกำแพง

“เลฟ งั้นเหรอ” คาลรอสเอ่ยชื่อชายหนุ่มแปลกหน้าแผ่วเบาคล้ายพูดกับตัวเอง ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับเจือปนไปด้วยความผิดหวังที่ซ่อนอยู่ เขาคิดทบทวนถึงความฝันของตนอีกครั้ง ทั้งรูปร่าง ใบหน้าแม้กระทั่งแววตาหรือน้ำเสียง ทุกอย่างเขาล้วนรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แต่ว่า ‘ชื่อเลฟ ทำไมถึงชื่อเลฟ ไม่ใช่โคลว์ ทำไม...’

“เอ่อ...ผมยังไม่ได้ขอบคุณเลย คุณ...”

“คาลรอส คาลรอส มาโดวา”

สายตาคมเหลือบมองผ่านไหล่ พลางบอกชื่อของตัวเองออกไป เมื่อได้ยินคำพูดอึกอักของอีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไรดีก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกครั้ง

“ครับ คุณคาลรอส ขอบคุณที่ช่วยผมไว้ ทำให้คุณลำบากแท้ ๆ เลย” เลฟยิ้มอ่อน มองแผ่นหลังของคนที่ปากย้ำนักหนาว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทว่าสายตาที่แอบมองนั้นกลับซ่อนความรู้สึกเอาไว้มากมาย เป็นความรู้สึกคิดถึงคะนึงหาที่ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน นานหลายวัฏจักรซ้ำแล้วซ้ำอีก นานซะจนเหนื่อยล้าเต็มที

“ฮืมม..มม”

ไม่นานเมื่อความเงียบเข้าคลุมพื้นที่ คาลรอสที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลก็ส่งเสียงระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ในตอนนี้ไม่ว่าเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม ถึงจะไม่ใช่ชื่อเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้คนคนนี้ ‘เลฟ’ อันตรธานหายไปเหมือนเช่นฝุ่นควันในยามตื่นจากฝันอย่างทุกที เพราะงั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เขาก็จะยื้อเจ้าหนุ่มแปลหหน้าคนนี้เอาไว้ให้ได้

“นายอยู่ที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามขึ้น ทั้งที่สายยังหันมองไปทางอื่น

“เอ่อ ผมอยู่...กับคนรักน่ะครับ คือตอนนี้เธอออกไปข้างนอกอีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้ว” ใบหน้าเรียวมนแสร้งยิ้มบาง พลางพูดประโยคที่ฟังดูคล้ายต้องการส่งแขกไปในตัว

“คนรัก งั้นเหรอ”

“ครับ คนรัก”

แน่นอนว่าประโยคนี้ใช้ไม่ได้ผลกับคาลรอส อันที่จริงต้องเรียกว่าไม่เข้าหูเลยมากกว่า แถมคำโกหกที่คิดขึ้นมาแบบกะทันหันก็ไม่ค่อยแนบเนียนสักเท่าไร จับพิรุธได้ง่ายชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องพยายามเลยด้วยซ้ำ เมื่อสายตาคมกวาดมองไปรอบห้องเพื่อหาหลักฐาน

เตียงขนาดสามฟุตครึ่ง หมอนหนึ่งใบ ผ้าห่มผืนเก่าเนื้อหยาบระคายผิว โต๊ะเก้าอี้กับของใช้จำเป็นไม่กี่อย่าง ห้องซอมซ่อเหม็นกลิ่นอับขนาดกะทัดรัด ถ้าจะเรียกให้ตรงตัวก็คงต้องใช้คำว่า ‘รังหนู’ นั่นแหละ มันบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าของห้องมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ดีเอาเสียเลย ยิ่งเรื่องเงินในกระเป๋าคงไม่ต้องพูดถึง ซื้อกินคงไม่มีปัญญา แล้วสภาพแบบนี้จะไปมีปัญญาหาคนรักที่ไหนมาอยู่ด้วยกัน

น่าแปลก ทำไมต้องพยายามคิดคำโกหกที่ไม่เข้าท่าพวกนี้ขึ้นมาด้วย ถ้าไม่เพราะไม่ไว้ใจคนอื่นก็คงต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง

ถึงกระนั้น เขาก็เลือกที่จะไหลไปตามน้ำ...

“อืม...ถ้างั้นฉันไม่อยู่รบกวนนายแล้วล่ะ” น้ำเสียงนิ่งเรียบเอ่ยอย่างรู้ตัวว่าถูกเชิญกลับแบบอ้อม ๆ พลางยันกายลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมออกไปจากห้องพักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ส่วนเลฟพอเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาก็รีบผุดลุก คลานขลุกขลักออกจากเตียงเหมือนมากัน

“เอ่อ เดี๋ยวผมเดินไปส่งข้างล่างนะครับ” เลฟยังคงพูดจาอย่างเว้นระยะห่างอย่างชัดเจน

ทว่ายิ่งพยายามเท่าไร สำหรับคาลรอสแล้วมันก็ยิ่งไม่เนียนเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเจ้าหนุ่มแปลกหน้าที่เหมือนคนในความฝันของเขาต้องกำลังปิดบังอะไรอยู่แน่นอนอย่างแน่นอน

“ไม่ต้อง ฉันรบกวนนายมามากแล้ว ไปล่ะ” ร่างสูงที่หยุดยืนอยู่ตรงประตูหันมาบอกลา พอพูดจบก็สาวเท้าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

เลฟมองตามแผ่นหลังที่หายลับไปจากขอบประตู พริบตาหนึ่งเหมือนว่าตัวเองกำลังจะยื่นมือไปรั้งไหล่สูงเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ชะงักนิ่ง หดมือกลับมาไว้ข้างตัว แล้วยืนฟังเสียงฝีเท้าที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งรอบตัวเงียบสนิทอีกครั้ง

ความเศร้าและความคะนึงหาถาโถมเข้ามาในหัวใจ จนผิวหนังเย็นเหยียบไร้ความรู้สึกคล้ายหนาวสั่นขึ้นมาทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้

สายตาหม่นเศร้าก้มมองฝ่ามือของตัวเองพลางยิ้มอย่างเจ็บปวด อย่างน้อยการได้พบกันอีกครั้งก็ถือเป็นคำลาที่ไม่เลวเหมือนกัน...

‘ท่านคาลรอส...ภูตผีอย่างผม อย่าจดจำไว้เลยขอรับ’

...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • หนึ่งนิรันดร์กาลพานพบ   บทที่ 4 โกหก

    06.00 am. แสงแดดอ่อนสะท้อนเงาบนพื้นถนนชุ่มน้ำในเช้าของวันใหม่ที่อากาศเริ่มดีขึ้นนิดหน่อย หลังจากสายฝนที่โปรยปรายลงมาเกือบจะทั้งคืน วงจรชีวิตในย่านชุมชนแบบสังคมระดับล่างเริ่มต้นอีกครั้ง ผู้คนบนถนนหนาตามากขึ้น ตามรูปแบบของการดิ้นรนที่จะใช้ชีวิตให้อยู่รอดไปในแต่ละวันของผู้คนย่านนี้ ทว่าคาลรอสยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สายตาคอยลอบมองไปยังหน้าต่างห้องพักชั้นสองของเลฟอยู่ระยะ ร่างสูงกระชับแจ็คเก็ตที่สวมแน่นขึ้นนั่งซุกมือสองข้างไว้กระเป๋าเสื้อ ถึงแม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรง แต่การไม่ได้พักผ่อนมาเกือบยี่สิบชั่วโมงท่ามกลางละอองฝนและอากาศที่เย็นจัดก็ทำให้แย่เอาได้เหมือนกันความปวดหนึบที่หัวและอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้นภายในกาย ทำให้คาลรอสรู้สึกหนักเนื้อหนักตัวไปหมด ทั้งยังมีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด แต่จะให้ละสายตาหรือไปจากที่นี่ชั่วคราวเพื่อพักผ่อนสักครู่เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ด้วยมีลางสังหรณ์ว่าคนที่อยู่ภายในห้องนั้นอาจกลายเป็นอากาศธาตุหายไปราวภูตผีหรือภาพลวงตา...จากบ่ายถึงค่ำ จากค่ำถึงเช้าอีกวันจนกระทั่งเริ่มสาย ความกระวนกระวายใจของลางสังหรณ์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พอ ๆ กับความปวดหนึบที่หั

  • หนึ่งนิรันดร์กาลพานพบ   บทที่ 3 จับผิด

    05.00 pm. หน้าอพาร์ทเม้นท์เก่าย่านชุมชนเมฆที่ก่อตัวหนาทำให้มีสายฝนโปรยปรายลงมาตั้งแต่ช่วงบ่าย อากาศจึงค่อนข้างเย็นเพราะความชื้นสะสม ในมุมหนึ่งของป้ายรอประจำทางที่สามารถหลบสายตาของคนที่ในอาพาร์ทเม้นท์ที่มองลงมาได้เป็นอย่างดี ร่างสูงยืนพิงหัวเสา ลอบมองขึ้นไปยังหน้าต่างห้องพักชั้นสองที่เขาพึ่งลงมาได้ราวสี่ห้าชั่วโมงเป็นระยะอย่างจับสังเกตก่อนหน้านั้น หลังจากที่คาลรอสออกมาจากห้องพักของเลฟ เขาก็สอบถามกับเจ้าของอพาร์ทเม้นท์และคนแถวนี้เกี่ยวกับเรื่องของเจ้านั่น ไม่มีใครรู้จักเจ้าหนุ่มที่บอกว่าตัวเองชื่อ ‘เลฟ’ เลยสักคน ยิ่งรูปร่างหน้าตาที่เขาพยายามอธิบาย ทุกคนในละแวกนี้ต่างตอบเหมือนกันว่าไม่เคยเห็นคนที่เขาพูดถึงแม้แต่คนเดียว แปลกไปกว่านั้นก็คือ คนแถวนี้บอกว่า ชายหนุ่มที่พักอยู่ในห้องนั้นชื่อ ‘นิค’ เป็นวัยรุ่นขี้ยา ขยะเปื่อยที่ชอบข้องแวะกับพวกนักเลงหัวไม้อยู่เป็นประจำ แถมรูปร่างหน้าตาก็ยังเป็นคนละคนกับที่เขาเห็นอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเลฟที่เขาถามหาเป็นภูตผีที่ไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้นแน่นอนว่าความคิดนี้เป็นเรื่องไร้สาระ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องพักนั้น เขารู้ว่าเจ้านั่นคือคนปกติที่สัม

  • หนึ่งนิรันดร์กาลพานพบ   บทที่ 2 ภาพลวงตา

    12.00 น. ณ อพาร์ทเม้นท์เก่าในย่านชุมชนแสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านทะลุผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตา ทำให้คนที่หลับอยู่เหมือนถูกปลุกให้ตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ดีกรีสูงที่ดื่มเข้าไปหลายแก้วทำให้คาลรอสรู้สึกหนักหัวจนไม่อยากลืมตาขึ้นมาแม้แต่นิดเดียวมือหนาควานหาคว้าผ้าห่มที่กองอยู่ใต้เอวขึ้นมาคลุมโปร่งบังแสงอ่อนที่สาดส่องทำท่าว่าจะหลับต่ออีกสักหน่อย แต่ความทรงจำเลือนรางในคืนที่ผ่านมา ทำให้สมองหนักอึ้งพยายามรื้อค้นคิดทบทวนมันอีกครั้ง ‘อืม...คราวนี้ฝันแปลกกว่าทุกที สงสัยจะคงดื่มมากไปหน่อย...’อาการเมาค้างและความงัวเงียทำให้ร่างสูงใต้ห่มสรุปเอาง่าย ๆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็แค่ความฝัน ทว่ากลิ่นอับของผ้าห่มผืนหนาที่โชยเข้าจมูกและผิวสัมผัสของที่นอนที่ไม่สบายตัวเหมือนทุกที ทำให้เขาต้องฝืนโผล่หน้าออกมาและเปิดตาหรี่มองรอบตัวอย่างเสียไม่ได้ไม่กี่วินาที เมื่อสิ่งที่อยู่ในครรลองสายตาชัดเจนขึ้น ดวงตาที่หรี่ดูก็เปิดกว้างมองภาพห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย สภาพห้องที่ดูค่อนข้างแคบกลางเก่ากลางใหม่ กับข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาที่จัดวางแบบไม่ค่อยเป็นระเบียนและไม่เป็นสัดส่วนสักเท่าไร หรืออาจเรีย

  • หนึ่งนิรันดร์กาลพานพบ   บทที่ 1 ตื่นจากฝัน

    “บางทีนี่อาจเป็นปาฏิหาริย์ ความยึดติดของท่านที่พันธนาการข้าเอาไว้ และความยึดติดของข้าที่ดื้อดึงไม่ยอมจากไปไหน ท่านคาลรอส ท่านอยู่ที่ไหนขอรับ...” เสียงถ้อยคำที่กับดังมาจากห้วงเวลาอันแสนไกล ทั้งที่สายตากลับมองเห็นผู้ที่เอื้อนเอ่ยอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือคว้า ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าเรียวได้รูปกับดวงตาคู่นั้นเป็นใครกัน...ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยแบบนี้นะ... 5.00 pm ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือที่ถูกตั้งเวลาเอาไว้ ปลุกคาลรอสให้ตื่นในเวลาเดิมเหมือนอย่างทุกที ร่างหนาขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน ดึงม่านหน้าต่างให้เปิดออกเพื่อมองดูแสงอาทิตย์ยามเย็น คาลรอส ชายหนุ่มรูปร่างสูงหุ่นสมาร์ท คิ้วเข้มได้รูป รับกับใบหน้าคมอย่างลงตัว เจ้าของร้านเหล้าแห่งหนึ่งในถนนสายยามราตรี ดวงตาคมมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนอนที่อยู่บนตึกสูงหลายสิบชั้น ดูรถราที่วิ่งไปมาและแสงไฟตามหัวมุมถนนที่เริ่มเปิดขึ้นบางส่วนเพื่อรอรับยามราตรีที่กำลังจะมาถึง คาลรอสพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปที่ร้านของตนเหมือนอย่างทุกที ... ร้าน...พบกันอีกครั้ง... ร่างสูงในชุดเสื้อแขนยา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status