วาริชมาส่งลมหนาวที่คอนโดตอนตีหนึ่ง ระหว่างทางทั้งสองแทบไม่ได้คุยอะไรกันมาก มีเพียงเสียงเพลงที่เปิดคลอเบา ๆ ระหว่างการเดินทาง
“ขอบคุณครับที่มาส่ง” ลมหนาวหันไปคุยกับรุ่นพี่ ก่อนจะเตรียมเก็บของลงจากรถยนต์
“ครับ รีบเข้านอนล่ะดึกแล้ว” วาริชยิ้มให้รุ่นน้องอย่างอ่อนโยน
“ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” ลมหนาวเปิดประตูรถ และกำลังจะปิด
“ฝันดีนะครับ” วาริชชิงพูด ก่อนที่ลมหนาวจะปิดประตูรถ
“ฝันดีเหมือนกันครับ” ลมหนาวตกใจที่รุ่นพี่บอกฝันดี แต่ก็ยังบอกฝันดีกลับเช่นกัน ความรู้สึกที่ยังไม่ทันได้เตรียมใจนี้ ทำให้ใบหน้าเขาแดงซ่านแน่ ๆ
ลมหนาวอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่พอนึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมา ขาก็เดินไปที่มุมมุมหนึ่งในห้องนอนทันที สายตาไล่มองรูปใบแล้วใบเล่า ที่ตัวเองเป็นคนถ่าย จนมาถึงรูปดอกเดซี ที่มีลายมือเขาเขียนถึงใครคนหนึ่งไว้
“คุณดวงอาทิตย์ คุณคือใครกันแน่ ช่วยทำให้ผมจำคุณสักทีได้ไหม หรือไม่ก็อย่าทำให้ผมจำคุณได้อีกเลย”
ลมหนาวพูดถึงใครคนนั้น ที่เขายังจำไม่ได้สักที มือเรียวเดินไปหยิบรูปถ่ายในกระเป๋าขึ้นมา มันคือรูปที่เขาใช้กล้องโพลารอยด์ถ่าย เป็นรูปตัวเขาเอง ที่วาริชเป็นคนถ่ายให้
ลมหนาวใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปใบนั้น แล้วนำรูปไปแปะไว้กับกระดาน ที่เขาใช้แปะรูปถ่ายต่าง ๆ
มหาวิทยาลัย K
วันนี้ลมหนาวมีเรียนตอนเก้าโมง แต่อาจารย์ยกคลาส ก็เลยมานั่งรอตังที่ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อรอเข้าเรียนวิชาต่อไป
“มาแล้วหนาว ดีนะวันนี้อาจารย์ยกคลาส ไม่งั้นกูมาสายแน่ว่ะ” ตังเดินเข้ามา ก็บ่นทันที
“ก็ดีแล้วนี่ ยังจะบ่นอีก”
“ครับคุณลมหนาว” ตังมองลมหนาวแบบสงสัย จนลมหนาวจับสังเกตได้
“ตังทำไมมองเราแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามออกไป สายตาที่เพื่อนมองมาแบบนี้ ต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ
“มึงเปลี่ยนโพรไฟล์ในวีโฟร์เหรอ ไอเจด้วย” ตังถามถึงสิ่งที่ตัวเองสงสัย หรือรู้อยู่แล้วออกไป เพื่อความแน่ใจ
“อ๋อใช่ เพิ่งเปลี่ยนเมื่อคืนนี้ ทำไมเหรอ” ผมก็งง แค่เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ ทำไมเพื่อนถามแปลก ๆ
“ใครถ่ายให้วะ ริมทะเลด้วย มึงไปมาตอนไหน” ตังจี้เข้าจุด ที่ตัวเองสงสัยทันที
“พี่ที่รู้จักเขาถ่ายให้น่ะ ส่วนทะเลไปมา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา”
“ทำไมมึงไม่ชวนกูมั่ง”
“เราไปเรื่องงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น”
“แล้วพี่ที่รู้จักนี่ ใช่พี่วาริช วิศวะปีสี่ป้ะวะ”
ลมหนาวที่กำลังดูดน้ำอยู่ ถึงกับสำลักน้ำ “ซันทำไมถึงคิดว่า เป็นพี่วาริชล่ะ”
ตังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เข้าแอปวีโฟร์ของคนคนหนึ่ง
“มึงดูนี่นะ” ตังยื่นโทรศัพท์ให้ลมหนาวดู
“เฮ้ย” เมื่อลมหนาวเห็นก็ตกใจ หน้าวีโฟร์ที่ตังยื่นให้ดู เป็นของพี่วาริช ที่เปลี่ยนโพรไฟล์ใหม่ จะไม่อะไรเลย ถ้ารูปที่เปลี่ยน ไม่ใช่รูปที่เขาถ่ายให้ ด้วยกล้องโพลารอยด์ แล้วฉากหลังก็เหมือนเขาเปี๊ยบเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ถ่ายจากที่เดียวกัน
“มึงสารภาพมาเดี๋ยวนี้ อย่าให้กูต้องสืบ มันเหนื่อย” ตังต้องรู้ให้ได้
ลมหนาวลังเล ที่จะบอกเรื่องนี้กับตัง แต่สุดท้ายก็บอก
“ไม่มีอะไร ก็ไปถ่ายรูปทำกิจกรรม ของชมรมแหละ”
“มึงเชื่อไหม กูจะไม่คิดอะไรเลย ถ้ามึงกับพี่เขาไม่เปลี่ยนโพรไฟล์ ที่มันเหมือนกันขนาดนี้ กูว่าคนอื่น ๆ เขาก็ต้องคิดเหมือนกู” ตังพูดสิ่งที่เขาสงสัยออกมา
“คนอื่น ๆ ใคร แฟนคลับพี่วาริชนะเหรอ”
“อือ มึงดูคอมเมนต์ใต้รูปสิ” ตังยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู
ลมหนาวดูคอมเมนต์ใต้รูปของรุ่นพี่ จึงได้รู้ถึงความคิดต่าง ๆ ของแฟนคลับของวาริช
‘ไปเที่ยวทะเลที่ไหนมาคะ’
‘ใครถ่ายให้’
‘รูปสวยจังเลย’
‘ทำไมวิวข้างหลังเหมือนน้องคนนั้นเลย’
‘คนไหนกระซิบมา’
‘คนที่เป็นนายแบบให้พี่เขาล่าสุดไง’
แนบรูป (รูปโพรไฟล์ของลมหนาว)
‘ถ่ายที่เดียวกันแน่ ๆ’
‘ผลัดกันถ่ายชัวร์’
‘โรแมนติก’
‘พี่กับน้องคนนั้น เป็นอะไรกันคะ’
และอีกหลาย ๆ คอมเมนต์ ที่ต่างพูดถึงความสัมพันธ์ของลมหนาวกับวาริช
“มึงโอเคเปล่า” ตังถามเพื่อน เพราะรู้สึกว่าเพื่อนไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่
“เราพอไหว ไม่นึกว่าเรื่องจะถูกพูดไปขนาดนี้” เพราะลมหนาวไม่อยากเป็นจุดสนใจเท่าไหร่
“มึงกับพี่เขาไม่ได้มีซัมติงอะไรกันใช่ไหม” ตังลองถามหยั่งเชิงดู
ลมหนาวเงียบไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับตังไป
“ตัง พี่เขาขอจีบกู”
“ฮะ! อะไรนะ พี่เขาขอจีบมึง” ตังทำตาโต ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน แม้จะรู้อยู่แล้วแหละ ว่ามันต้องใช่แน่นอน
“ตังจะพูดเสียงดังทำไม อายเขา” ลมหนาวเอ็ดตังที่พูดเสียงดัง จนคนที่นั่งใกล้ ๆ หันมามอง
“จะไม่ให้เสียงดังได้ไง พี่วาริช อดีตเดือนคณะเชียวนะเว้ย”
“อือ”
“มึงอย่าอือคำเดียวสิ พูดต่อ”
“ก็ไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่นั้น”
“เอ้า แล้วมึงตกลงให้พี่เขาจีบไหมวะ”
ลมหนาวพยักหน้าเนือย ๆ ให้เพื่อน ที่อยากรู้เรื่องเขาเสียเหลือเกิน
“โห เพื่อนกูฮอตไม่เบา มีเดือนคณะมาจีบด้วย” ตังจับหัวลมหนาวโยกเบา ๆ
“เออหนาว แล้วเรื่องคุณดวงอาทิตย์ของมึงล่ะ” ตังนึกได้ว่าเพื่อนยังมีอีกปมหนึ่ง ที่ยังคลายไม่ออก
ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่รู้ว่ะ อยากจำได้นะ แต่อีกใจก็กลัวว่า ถ้าจำได้แล้ว ตอนนั้นเราจะยังมีความรู้สึกเดิมอยู่ไหม”
“เอาดี ๆ นะมึง ชีวิตแม่งเอาแน่เอานอนไม่ได้นะ ยิ่งตอนนี้มึงมีพี่วาริชเข้ามา ถ้ามึงไม่ชอบเขา ก็อย่าให้ความหวังเขานะ” ตังพูดด้วยความเป็นห่วงเพื่อนจากใจจริง
หลังจากที่ลมหนาวและซันกลับจากเที่ยวทางภาคเหนือแล้ว ทั้งสองก็กลับมาเรียนต่อ ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น คนทั้งมหาวิทยาลัยต่างรู้แล้วว่าทั้งสองคนคบกัน เพราะทั้งคู่ตั้งสถานะในแอปวีโฟร์เสียขนาดนั้น ว่ากำลังคบกัน“หนาวเย็นนี้ทำอะไรกินดีครับ” ซันถามคนรักในระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถเข้าไปจอดในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง“หนาวอยากกินแกงจืดเยื่อไผ่ ตุ๋นกับปีกไก่ครับ” ลมหนาวพูดบอกเมนูอาหารที่ตัวเองอยากกินออกไป“น่ากินจัง ขอพี่กินด้วยคนนะครับ”“แหม ถึงพี่ไม่บอกหนาวก็ต้องทำให้กินด้วยอยู่แล้วครับ ใครจะใจร้ายกับแฟนตัวเองได้ลงคอ” ลมหนาวพูดหยอกซัน“เดี๋ยวนี้พูดว่าเป็นแฟนกันได้ ไม่เขินแล้วเนอะ” ซันคิดถึงเมื่อก่อนที่ลมหนาวจะเขินเวลาพูดเรื่องนี้“ผมก็เริ่มชินแล้วหนิ” ลมหนาวเอนตัวไปซบไหล่ของคนรักซันยิ้มด้วยความเอ็นดู เขาเป็นแฟนกับลมหนาวมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว ปีนี้ลมหนาวอยู่ปี 4 ส่วนเขานั้นเรียนจบเมื่อปีที่แล้ว ตอนนี้เขาทำงานในบริษัทของที่บ้าน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อ เพราะท่านก็เริ่มแก่ตัวลงทุกวันส่วนความสัมพันธ์ของเขากับลมหนาวนั้น แรก ๆ ผู้เป็นพ่อก็ย
หลังจากที่วาริชใช้เวลาคิดถึงเรื่องลมหนาว และตัวเองอยู่พักใหญ่นั้น เขาก็คิดได้ว่า ไม่ควรที่จะรั้งลมหนาวไว้ ในเมื่อเขาเจอคนที่ชอบแล้ว ก็ควรหยุดยื้อเขาไว้เสียที และเขาก็ควรที่จะหยุดใช้ลมหนาวเพื่อมาเป็นตัวแทนของเพียงดิน ชายหนุ่มกดโทรออกหาลมหนาวทันที[ฮัลโหลครับ] วาริชรอสายอยู่แป๊บหนึ่ง ลมหนาวก็กดรับ“ฮัลโหลครับ หนาว” วาริชพูดทักคนปลายสาย[ครับพี่วา พี่กลับมาแล้วเหรอครับ]“ครับ พี่กลับมาแล้ว”อยู่ ๆ บทสนทนาก็หยุดไปดื้อ ๆ เหมือนทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ“เสาร์นี้เรามาเจอกันไหม” วาริชพูดขึ้นหลังจากที่คิดมาดีแล้ว[เสาร์นี้ ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ]“ร้านกาแฟ D หน้ามอนะ 10 โมงเช้า” วาริชบอกสถานที่ และเวลากับลมหนาว[โอเคครับ แล้วเจอกันครับ]“ครับ”ประโยคการสนทนาจบเพียงเท่านี้ จากนั้นวาริชก็กดวางสายทันที ชายหนุ่มกดดูรูปในโทรศัพท์ ที่ตนเองได้ถ่ายรูปลมหนาวไว้ เขามองรอยยิ้มของคนในรูปแล้วยิ้มตาม เขาอยากซึมซับความรู้สึกที่มีความสุขนี้ไว้ สักนิดก็ยังดีเมื่อถึงวันที่นัดเจอลมหนาว วาริชไปที่คอนโดของลมหนาว เพื่ออยากมองลมหนาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้ทำแบบนี้อีกแล้ววาร
“เอ้า บาสแล้วจะให้เราทำยังไง พูดไม่ดีกับพี่เขาเหรอ แล้วบาสรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้ชอบรุ่นพี่” ลมหนาวถามบาสอย่างสงสัยบาสเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา “หนาวมีคนที่ชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”“เราเนี่ยนะ เราชอบใคร” ลมหนาวสงสัย“หนาวเรารู้ทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องปิดบังหรอก”“เฮ้ย บาสเราไม่รู้จริง ๆ งงแล้วนะเนี่ย”“หนาวหยุดทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ดิ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เราแกล้ง ที่เราหยอด หนาวไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” บาสจ้องหน้าเค้นหาความจริงกับลมหนาว“บาส เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ที่บาสทำกับเราแบบนั้น เราก็คิดว่าบาสแค่แกล้ง ไม่ได้มีอะไร เราคิดกับบาสแค่เพื่อนเท่านั้น” ลมหนาวรีบพูดอธิบาย“แค่เพื่อนเหรอ แล้วที่หนาวแอบเอากล่องของขวัญไปไว้ใต้โต๊ะเรา มันคืออะไร หรือหนาวแค่แกล้งเรา ให้รู้สึกว่ามีคนมาแอบชอบงี้เหรอ”บาสเริ่มสับสน และก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา ที่ลมหนาวมาทำแบบนี้ ทำให้จากคนที่ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้กลับทำให้ชอบจนหมดใจ“เดี๋ยวบาส ฟังเราก่อนนะ คือใช่เราเป็นคนเอากล่องของขวัญ ไปไว้ที่ใต้โต๊ะบาสเอง แต่มันไม่ใช่ของจากเรา มีคนเขาฝากมาให้ช่วยน่ะ เราไม่ได้จะแกล้งหรือปั่นหัวบาสนะ” ลม
โรงเรียนมัธยมศึกษา WTNวันนี้ลมหนาวต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเข้าเรียน ที่โรงเรียนมัธยมปลายเป็นวันแรก เด็กหนุ่มต้องนั่งรถเมล์ไปลงที่หน้าโรงเรียน ระยะทางจากบ้านถึงโรงเรียน ก็ห่างกันหลายกิโลเมตรเลย มีโรงเรียนที่ใกล้บ้านกว่านี้ แต่ลมหนาวก็ไม่ได้เลือกเรียน เพราะตั้งใจจะมาเข้าเรียนที่นี่ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ และมีชื่อเสียงมากในแถบนี้ การเรียนการสอนก็ดี กว่าเขาจะสอบติดที่นี่ก็ลุ้นจนตัวโก่งวันแรกที่เข้าเรียนเขาก็ได้เจอกับตัง เพราะตังหาห้องเรียนไม่เจอ จึงได้เดินมาถามลมหนาว ที่อยู่แถว ๆ นั้นพอดี นั่นจึงทำให้ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาเรียนห้องเดียวกัน จึงพากันเดินสอบถาม จนเจอห้องที่จะเข้าเรียน ทำให้พวกเขาทั้งสอง นั่งเรียนด้วยกัน และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุดเพื่อนในกลุ่มของลมหนาวและตัง มีอีก 5 คน คือป้อง หนุ่มแว่นเนิร์ด ๆ ที่แต่งตัวเนี้ยบภู หนุ่มขี้เล่น กวนตีนคนอื่นไปทั่วก้อง สายฮา สายปาร์ตี้ฮลัน หนุ่มหล่อโคตร ๆ เดินไปไหนสาว ๆ มองตามเป็นแถวบาส หนุ่มหล่อ หน้านิ่ง นักกีฬาโรงเรียนพวกเขาทั้ง 7 คนเริ่มสนิทกันมากขึ้น เมื่อขึ้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี
หลังจากที่ลมหนาวออกมาจากวัด ก็ตรงมาขึ้นรถที่โฮมสเตย์จอดรอรับอยู่ หลังจากที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ทำให้ลมหนาวคิดอะไรได้หลาย ๆ อย่างเลย เขาไม่ควรจมอยู่แต่กับความผิดพลาด หรือความรู้สึกผิดในอดีต ชีวิตต้องเดินต่อไปข้างหน้าลมหนาวกลับมาถึงที่โฮมสเตย์ในตอนเกือบเที่ยง ชายหนุ่มมองไปที่โฮมสเตย์หลังข้าง ๆ แขกที่มาพักอยู่เมื่อวานน่าจะเช็กเอาต์ออกไปแล้ว เพราะเห็นแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด ลมหนาวมองเพียงเท่านั้นก็ไม่ได้สนใจอีกชายหนุ่มกดเข้าไปเช็กโซเชียลที่แอปไอเจ เห็นเพื่อน ๆ หลายคนถ่ายรูปอวดที่เที่ยวต่าง ๆ เขากดเข้าไปดูไอเจของพี่ซัน แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรอัปเดต เข้าไปเช็กที่แอปวีโฟร์ ก็ไม่มีอะไรอัปเดตเหมือนกัน‘ทักไปหาจะดีไหมนะ’ ลมหนาวคิดกับตัวเอง แล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง“แต่เราบอกพี่ซันว่าจำพี่เขาไม่ได้หนิ จะอธิบายยังไงดีล่ะ” ลมหนาวรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที“เลิกคิด ๆ เรามาเที่ยวนะ ต้องมีความสุขสิ ไม่ใช่มานั่งเครียด ไปหาอะไรกินดีกว่า”ลมหนาวพูดบอกตัวเอง แล้วก็ออกไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารของโฮมสเตย์ และกะว่าจะไปเดินเที่ยวในหมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยเพราะพนักงานที่โฮมสเตย์บ
ตังทนไม่ได้ที่เห็นเพื่อนจมปลัก อยู่กับความรู้สึกผิดนี้ จึงต้องพูดให้ได้สติเมื่อลมหนาวได้ฟังก็น้ำตาไหล นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่ได้พูดอะไรตังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ก็รีบเข้ามากอดปลอบ “หนาวกูขอโทษ ต่อไปกูจะไม่พูดแบบนี้แล้ว มึงอย่าร้องเลย กูขอโทษนะ”ลมหนาวส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่ความผิดตังหรอก” ดวงตาเศร้าหันไปสบตากับเพื่อน “เราแค่ยังให้อภัยตัวเองตอนนี้ไม่ได้เท่านั้น ขอเวลาเราหน่อย”“อือ อือ กูฟังมึง ไม่ร้องนะ เช็ดซะ” ตังยื่นทิชชูให้เพื่อนเช็ดหน้า“ปะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวมึงเอง อยากกินอะไรบอก เต็มที่เลยเพื่อน” ตังชวนเพื่อนไปกินข้าว ถือเป็นการไถ่โทษที่ทำให้เพื่อนร้องไห้ด้วยใกล้ถึงวันสิ้นปีแล้ว มหาวิทยาลัยก็หยุดหลายวัน เพื่อน ๆ แต่ละคนต่างก็วางแผนจะไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ“ซัน ปีใหม่ไปเที่ยวทะเลทางใต้ด้วยกันไหม เพื่อนไปกันหลายคนเลย” เมฆถามเพื่อน“โทษทีว่ะ กูคงไม่ได้ไปด้วย” ซันบอกเพื่อนออกไป“มึงจะไปตามน้องลมหนาวเหรอวะ” เมฆที่รู้เรื่องราวก็ทำให้พลอยเครียดกับเพื่อนไปด้วย เพราะกว่าซันจะเจอคนที่ถูกใจจริง ๆ ก็มีแต่อุปสรรคเหลือเกิน“อือ กูให้คนสืบอยู
ซันหลังจากที่รู้ว่าลมหนาวเข้าโรงพยาบาล ก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที แต่เมื่อมาถึงแล้วกลับพบว่า คนที่เขาจะมาเยี่ยม ได้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วซันยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาหมายเลขคนที่ตนกำลังเป็นห่วงอยู่ทันที แต่โทรเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถติดต่อปลายทางได้ ยิ่งทำให้ซันยิ่งเป็นห่วงลมหนาวมากขึ้น“ปิดเครื่องเหรอ ทำไมโทรไม่ติด” ซันตัดสินใจขับรถไปที่คอนโดของลมหนาวทันทีคอนโด SSKก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววใครมาเปิดประตู จนคนตัวสูงต้องกลับไปที่คอนโดตัวเองก่อน“พรุ่งนี้ค่อยเจอที่มอก็ได้” ซันกลับไปด้วยความผิดหวังทันที ทำไมเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เขาจึงไม่ใช่คนแรก ๆ ที่ลมหนาวจะติดต่อหานะมหาวิทยาลัย Kวันนี้ซันตั้งใจมารอลมหนาวที่หน้าคณะ หลังจากวันนั้นที่ลมหนาวเข้าโรงพยาบาล นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว ที่เขามาดักรอลมหนาว แต่ก็ไม่มีวี่แววของคนที่เขาคอยเลย โทรไปก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ ถามจากเพื่อนสนิทของลมหนาวก็ไม่ยอมบอกอะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ในขณะที่ซันกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง คนที่ซันกำลังคิดถึง และเป็นห่ว
“หมอเสียใจด้วยครับ” หมอที่ผ่านการรักษามาหลายครั้ง เมื่อเจอกรณีแบบนี้ ก็อดที่จะเศร้าและเสียใจตามไม่ได้ แต่หมอก็รักษาจนสุดความสามารถแล้ว หวังเพียงให้คนที่อยู่ข้างหลังทำใจให้ได้“ไม่จริง ไม่จริง ฮือ ฮือ ไม่จริง พี่วายังไม่ตาย เขายังอยู่ ม่ายยยย” ลมหนาวร้องไห้จนเป็นลมไป หมอก็เข้ามาช่วยปฐมพยาบาล แล้วพาลมหนาวกลับห้องพักในห้วงฝันของลมหนาว วาริชเดินเข้ามาหาลมหนาว ที่กำลังกดชัตเตอร์ถ่ายรูปอยู่ริมทะเล“ถ่ายแต่รูปวิว ไม่ถ่ายรูปพี่บ้างเลย” วาริชเอ่ยบอกอย่างแง่งอน“หือ อย่างอนสิครับ ผมก็แค่ถ่ายไปเรื่อย เก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าได้มาเที่ยวทะเลที่สวย ๆ แบบนี้” ลมหนาวหันหน้ามาตอบด้วยรอยยิ้ม“ส่วนพี่น่ะ มานี่เลย ผมจะถ่ายให้เมมเต็มเลย” ลมหนาวจับมือพาวาริช ไปยืนในจุดที่เหมาะจะถ่ายรูปเมื่อทั้งสองถ่ายรูปเสร็จ ก็พากันมานั่งอยู่ริมทะเล มองดูคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้าฝั่งไม่มีจบสิ้น“มีความสุขไหมครับ” วาริชหันหน้าถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“มีสิครับ ที่นี่สวยมาก ขอบคุณที่พามานะครับ” ลมหนาวหันไปฉีกยิ้มจนตาปิดให้กับวาริชวาริชยิ้มน้อย ๆ “พี่หมายถึงอยู่กับพี่ แล้วมีความสุขไหม”ลมหนาวอึ้งไปแป๊บหนึ่
แสงแดดในตอนเช้าสาดส่องเข้ามาในห้อง บ่งบอกว่าถึงเวลาของเช้าวันใหม่แล้ว ลมหนาวลืมตาตื่น แล้วมองหาคนที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้‘พี่ซันไปไหนนะ’ร่างบนเตียงลุกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว ก็เดินออกไปนอกห้อง ลมหนาวได้ยินเสียงดังจากในครัว เมื่อเดินเข้าไปดูก็เจอเข้ากับคนที่ตามหา“ทำอะไรแต่เช้าครับ” ลมหนาวเดินเข้าไป เอาคางเกยที่ไหล่ของคนตัวสูงอย่างออดอ้อนซันหันมามองคนที่เพิ่งตื่น แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ก็ตื่นมาทำอาหารให้คุณแฟนไงครับ หิวรึยัง ฮึ”“หิวนิดหน่อยครับ มีอะไรให้หนาวช่วยไหมครับ” ลมหนาวเสนอตัวช่วยทันที“งั้นหนาวล้างจานก็ได้ พี่ทำข้าวต้มเกือบเสร็จแล้ว เหลือแค่ปรุงรสนิดหน่อย”“ได้ครับ”เมื่อข้าวต้มเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งกินมื้อเช้าที่โต๊ะอาหาร“อร่อยไหม” ซันถามลมหนาว ที่ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดเลย“อร่อยครับ” ลมหนาวเงยหน้ามาบอก แล้วก็ก้มหน้ากินข้าวต้มต่อซันยิ้มให้ลมหนาว แล้วก็ลงมือทานข้าวต้มในชามของตัวเองมหาวิทยาลัย Kครืด ๆ ครืด ๆ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น ลมหนาวเลยหยิบออกมาดูว่าใครโทรมาพี่วา ลมหนาวชั่งใจอยู่แป๊บหนึ่ง ก่อนที่จะกดรับโทรศัพท์“ฮัลโห