'เฟย' นักศึกษาคณะนิเทศเอกภาพยนต์กำลังดูซีรีส์วายเพื่อหาข้อมูลในการทำโปรเจคหนังสั้น ทว่าเขากับต้องตายด้วยอาการหัวใจวาย แต่ใครจะรู้ว่าเขากลับได้ไปเป็นเกิดใหม่เป็นตัวละครในซีรีส์วายเรื่องนั้นซะนี่
View Moreพลั่ก!
ร่างหนาผลักคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลงไปนอนโซฟา พลางคว้าโซ่มาล็อกที่ข้อมือทั้งสองข้างเพื่อกันไม่ให้เจ้าตัวหนีไปไหนได้
“อึก...คิดว่าทำแบบนี้แล้วไอ้ลีมันจะกลับมาหามึงงั้นเหรอ?”
ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เว้นแต่เพียงอิสรภาพที่ตอนนี้เขากำลังถูกอีกคนช่วงชิงไปเพื่อไม่ให้ไปก่อความวุ่นวายกับบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นคนที่พวกเขากำลังพูดถึงกันอยู่
“หึ ต่อให้ลีไม่กลับมา กูก็จะทำแบบนี้อยู่ดี”
คนตรงหน้าไม่มีท่าทีลังเลในคำพูดของเขาแม้แต่น้อย หมอนี่มันรักอะไรในตัวของลีนักนะ..
“โง่ฉิบหาย! คอยดูนะเดี๋ยวไอ้เวรนั่น แม่งก็แจ้นกลับไปหาหยางอยู่ดี”
“กูไม่สนหรอก ขอแค่ลีปลอดภัยก็พอ” นัยน์ตาของคนที่ถูกกล่าวหาว่าโง่วูบไหวลงเล็กน้อย เขารู้ดีว่าต่อให้พยายามปกป้องเช่นไรก็คงไม่มีวันที่ลีจะเปลี่ยนใจกลับมารักเขาอีกแล้ว ที่ผ่านมาตัวเขาทำเรื่องผิดพลาดมามากมาย และครั้งนี้เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก
“เฮอะ ทำตัวอย่างกับพระเอกในหนัง ถุย! มึงมันก็แค่ตัวประกอบ!”
ร่างบางถ่มน้ำลายใส่คนตรงหน้าอย่างดูแคลนเขารู้สึกสมเพชใจในตัวผู้ชายคนนี้เอามาก ๆ ที่ดันทุรังทำทุกอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่ได้แม้แต่จะครอบครองหัวใจของอีกฝ่าย
“หึ...ใช่กูมันก็แค่ตัวประกอบ แต่มึงอย่าลืมนะว่าตัวประกอบอย่างกูมันทำอะไรได้มากกว่าการล่ามโซ่มึงไว้ที่นี่” ว่าจบหมิงก็เงื้อมือขึ้นตบหน้าอีกคนฉาดใหญ่ ก่อนจะจับกดลงพื้นแล้วปลดเปลื้องช่วงล่างจับแท่งหนาใหญ่ยาวยัดเข้าไปในช่องทางลับ ทำเอาอีกฝ่ายกรีดร้องเสียงดัง..
˜
คลิก!
เสียงเมาส์กด Pause คลิปซีรีส์ที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม โดยคนที่กดหยุดคลิปนั่นถึงกับถอนหายใจให้กับความไม่สมเหตุสมผลของตัวละครที่ชื่อหมิง เพราะจู่ ๆ หมอนั่นก็จับกดตัวร้ายของเรื่องแถมยังยัดเยียดความเป็นผัวให้ซะดื้อ ๆ
นี่มันเป็นการยัดฉาก NC แบบโจ่งแจ้งเลยชัด ๆ
ตัวเขาเองไม่ได้ดูแคลนหนัง หรือซีรีส์วายเลยนะเพียงแต่มันเป็นทางที่เขาไม่ถนัด อีกทั้งยังไม่เข้าใจในเรื่องของความรักระหว่างผู้ชายสองคน ซึ่งนั่นจึงทำให้รู้ว่าโจทย์ที่เขาได้รับเพื่อทำโปรเจกต์หนังสั้นจากอาจารย์ประจำภาควิชาการถ่ายทำภาพยนตร์ดูจะยากกว่าที่คิด
ครืด ครืดด
เสียงโทรศัพท์สั่นไหวกับพื้นโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่หน้าโซฟาเนื่องจากมีใครสักคนโทรเข้ามา หน้าจอปรากฏชื่อพอร์ชทำให้เขารีบกดรับสาย
[ไงครับท่านผู้กำกับ ดูซีรีส์วายจนฉ่ำกีเลยไหมล่ะ?]
“ฉ่ำกีพ่อมึงสิ เอาบ้าอะไรมาให้กูวะ แม่ง! มีแต่ฉากเอากัน”
ท่านผู้กำกับโวยใส่เพื่อนสนิทลั่น ด้วยเพราะก่อนหน้านั้นเขาได้ขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนซี้ว่าขอซีรีส์ หรือหนังแนวนี้มาดูเป็นวิทยาทานเพื่อจะเอาไปเขียนพล็อตหนังวายของตัวเองส่งอาจารย์สักเรื่อง
“อ้าว...จุดขายของซีรีส์วายคือฉากพวกนี้เลยนะ ดูกี่ทีก็ฟูตลอด”
“อะไรฟูวะ...ใจ?”
“กีกูนี่แหละ ฮ่า ๆๆ”
คุณผู้กำกับถึงกับส่ายหน้าให้ไอ้เพื่อนตัวแสบ ที่แม่งตั้งแต่ผันตัวไปเป็นหนุ่มวายศัพท์แสงก็ดูจะเยอะแยะจนเขาเองก็อดรำคาญไม่ไหว
“นี่ ที่กูเอาเรื่องนี้ให้มึงดูก็เพราะตัวร้ายในเรื่องชื่อเดียวกับมึงเลยนะ” พอร์ชยังคงพูดทีเล่นใส่เพื่อนอย่างนึกสนุกปาก ด้วยเพราะที่ผ่านมาคนที่มักล้อเลียนจะเป็นอีกฝ่ายซะมากกว่า ฉะนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปง่าย ๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรวะ มึงนี่แม่ง...อึก โอ๊ย!”
จู่ ๆ เฟยก็เกิดอาการเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง คล้ายกับมีอะไรบางอย่างกำลังบีบรัดที่หัวใจ มันเริ่มเจ็บจากอกด้านซ้ายร้าวไปถึงขากรรไกร และแขนข้างซ้าย เหงื่อกาฬโทรมแตกมีอาการอยากคลื่นไส้อีกทั้งยังหายใจลำบาก
“อย่าเล่นมุกป่วยแกล้งกูนะโว้ย ไม่หลงกลหรอก”
“อึก กูไม่ได้ โอ๊ย อืออ”
เขากุมมือไปที่หน้าอกขยำเสื้อไปมาจนยับ โทรศัพท์ในมือร่วงตกลงสู่พื้นจนหน้าจอมือถือเกิดรอยร้าว ไม่นานร่างของเฟยก็ทรุดลงไปกำลังพื้นตามมือถือเครื่องนั้น เสียงหอบหายใจอย่างหนักมันดังราวกับถูกใครบีบคอเอาไว้ก็ไม่ปาน
ทำไมกัน...ทำไมถึงต้องมาเป็นเอาในเวลาเช่นนี้ด้วยนะ..
ตึกตัก.. ตึก...ตัก
เสียงเต้นในอกเริ่มไม่เป็นจังหวะพอ ๆ กับลมหายใจที่กำลังขาดช่วงไปเรื่อย ๆ นี่เขากำลังตายแล้วสินะ โปรเจกต์งานที่อาจารย์สั่งให้ทำยังไม่ถึงไหนเลย เขายังคิดพล็อต Boy Love ที่ถูกใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ซีรีส์ที่เขาเพิ่งดูจบไปรอบแรก แล้วกะว่าจะมาเก็บรายละเอียดในรอบที่สองก็ยังไม่สำเร็จ นี่เขาจะต้องจากโลกนี้ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ
‘กูเอาเรื่องนี้ให้มึงดูก็เพราะตัวร้ายในเรื่องชื่อเดียวกับมึงเลยนะ’
จู่ ๆ คำพูดที่พอร์ชเอ่ยก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมา ทำไมเขาดันมานึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้นะ ทุกอย่างเป็นไปอย่างเชื่องช้าลมหายใจแผ่วเบาลงจนสุดท้ายก็นิ่งสงบลงไม่มีเสียงใดอื่นดังแทรกเข้ามานอกจากเสียงโทรศัพท์ที่หน้าจอขึ้นชื่อว่าพอร์ชกำลังโทรซ้ำเข้ามา
˜
เฮือก!
ร่างบางในชุดนอนเนื้อผ้าซาติโน่ผุดลุกขึ้นมาราวกับตื่นจากฝันร้ายอันยาวนานที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ลมหายใจเข้าออกรุนแรงด้วยเพราะเจ้าตัวพยายามสูดมันเข้าปอดให้ได้มากที่สุด
มองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องเช่า ซึ่งเคยเป็นที่ซุกหัวนอนของนักศึกษาเอกภาพยนตร์ กลับเป็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา โทนสีที่แปลกตา มันดูมีสีสันจนทำเอาแสบตาได้ในคราแรกที่เห็น
“ที่ไหนวะเนี่ย?” คำพูดแรกที่ออกจากปากตามมาด้วยอาการมึนศีรษะราวกับเมาค้างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ซึ่งน่าจะอาบมากกว่าดื่มเข้าไป
เฟยพยุงตัวขึ้นเดินอย่างระมัดระวังพลางเหลือบไปเห็นรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก็พลันตกใจ ด้วยเพราะในภาพนั้นเป็นรูปที่ตัวเขาเองถ่ายคู่กับคนคนหนึ่งซึ่งรู้สึกไม่คุ้นหน้า ทว่ากลับมีท่าทางที่แสดงออกเหมือนว่าทั้งคู่เคยเป็นคนรักกัน
‘เคยถ่ายรูปพวกนี้ด้วยเหรอวะไม่เห็นจะจำได้’ เฟยพยายามนึก แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกยิ่งพอสังเกตดี ๆ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองในรูปนั้นก็ไม่ใช่สไตล์ที่ตนชอบใส่เลยด้วยซ้ำ แหมจะหน้าตาเหมือนกันแต่ก็กลับดูเหมือนเป็นคนละคนกัน
นี่มันอะไรกัน...ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่
“ตื่นแล้วเหรอไอ้ตัวดี”
ระหว่างกำลังสับสนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขาก็กลับได้ยินเสียงทักทายของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเขารู้สึกไม่คุ้นหูมาก่อนเอ่ยพลางเดินเข้ามาพร้อมกับน้ำส้ม และยาแก้ปวดหัว
“คุณเป็นใครครับ...แล้วนี่ผมอยู่ที่ไหน?”
หญิงสาวที่พอได้ยินประโยคดังกล่าวก็เริ่มทำสีหน้าประหลาดใจ เธอเดินเอาน้ำส้มรวมทั้งยาในมือไปวางไว้ แล้วจึงตรงเข้ามาเอามืออิงหน้าผากอีกฝ่ายเพื่อวัดไข้
“ทำอะไรของคุณน่ะ!?” ชายหนุ่มถอยหลังจากเธอคนนั้นไปสองก้าวจนเสียหลักล้มลงไปนั่งกับที่นอน
“เจ๊เฟียไง นี่แกเป็นอะไรไปน่ะ?”
“เจ๊เฟีย? ผมรู้จักคุณด้วยเหรอครับ ถ้างั้นช่วยไปส่งที่หอหน่อยได้ไหมครับ พอดีผมต้องรีบทำงานส่งอาจารย์”
“เดี๋ยวนะเฟย แกเป็นอะไรอะ..แกเรียนจบมา 2 ปีแล้วนะอีกอย่างทำไมแกจะไม่รู้จักเจ๊ล่ะ เจ๊เป็นพี่สาวแกไง” เฟียเริ่มจะหน้าเสียเมื่อท่าทีของน้องชายดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่น
“พี่สาว” เขาจำได้ว่าตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ของเขาไม่เคยว่าตัวตัวเองมีพี่สาวมาก่อน
แต่เดี๋ยวนะ ‘เฟีย’ ชื่อนี้ฟังดูคุ้นมาก แต่มันน่าจะเป็นชื่อของตัวละครในซีรีส์ที่เขาเพิ่งดูก่อนตายนี่นา หรือว่าเขากำลังฝันอยู่กันแน่นะ..
หญิงสาวที่เรียกแทนตัวเองเจ๊เฟียรีบยกหูโทรศัพท์หาใครสักคนทันที สีหน้าเธอกังวลจนเกือบจะร้องไห้
“ฮาโหลหวัง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเฟยหรือเปล่า ทำไมตื่นมาแล้วก็จำฉันไม่ได้ล่ะ” บทสนทนาที่เธอกำลังคุยกับปลายสายอยู่นั้นได้ยินแว่ว ๆ ว่าชื่อ ‘หวัง’ นี่ก็เป็นชื่ออีกตัวละครหนึ่งในซีรีส์เรื่องนั้นนี่นา
“เดี๋ยวนะครับ คุณมีเพื่อนชื่อหวังเหรอครับ?”
“ใช่” เฟียตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาเริ่มคลอหน่วย
“แล้วคุณยังมีเพื่อนอีกใช่ไหมครับ ชื่ออะไรนะ...หยางกับหมิงใช่หรือเปล่า?”
“ใช่ ฮึก...อึก” คุณพี่สาวเริ่มใจคอไม่ดี เธอสะอึกสะอื้นเมื่อเห็นอาการน้องชายของตัวเองที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน
ทว่าอีกคนกลับนิ่งค้างไปชั่วขณะพลันคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทั้งหมดว่ามันคืออะไร จนในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปว่า..
‘ตนนั้นได้เข้ามายังโลกของซีรีส์วายที่เขาเพิ่งดูก่อนตายซะแล้ว’
โปรดติดตามตอนต่อไป..
“หรือมึงไม่อยาก?”แม้จะรู้สึกแปลกใจอยู่ทว่าแรงปรารถนาเองก็มีมากพอสมควร“เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะไม่ได้ทำแบบนี้แล้ว”ขณะเฟยกำลังก้มหน้าลงไปใช้ปากช่วยทำให้คนพี่อยู่นั้นกลับหลุดถ้อยคำที่ทำให้หมิงถึงกับต้องหยุดค้างไปกลางคัน“อีกหน่อยจะไม่ได้ทำ? หมายความว่าไง?”หมิงถามทวนอีกครั้งพร้อมกับช้อนคางคนด้านล่างให้เงยหน้าขึ้น ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักพัก ก่อนจะเป็นยัยน้องเองที่เป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วผุดลุกขึ้นนั่งข้างกายหมิง“กูตัดสินใจว่าจะไปเรียนแลกเปลี่ยนน่ะ”ราวกับฝันที่หมิงวาดไว้พังลงตรงหน้า เมื่อเฟยเอ่ยออกมาถึงการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เขาเองก็ไม่ได้คิดถึงมันมาก่อน“ความจริงกูตั้งใจว่า...หลังหย่าค่อยไปน่ะ แต่ตอนนี้คุณลุงเขาไม่ได้เร่งรัดอะไรแล้วไง กูก็เลย...อยากใช้โอกาสนี้รีบไปก่อนที่เขาจะไม่อนุญาต”ช่วงที่ผ่านเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนั้น เฟยก็รู้ถึงความรู้สึกจริง ๆ ที่ตัวเองมีต่อหมิงแล้ว นั่นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวั่นไหวแต่เป็นความรู้สึกชอบ เป็นห่วง คิดถึงจนสามารถเรียกได้ว่ามันเป็นความรักได้เลยเพียงแต่เฟยไม่รู้ว่าอีกคนคิดเช่นไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากรู้ว่าเจ้าตัวรู้สึกอะไรกับตัวเองหรือไม่ เพราะเฟยกลั
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“นอนห้องนี้แล้วกัน”หวังเดินนำไปยังห้องนอนห้องหนึ่ง พลางเปิดประตูแล้วบอกให้อีกคนเข้าพักที่นี่ เฟยได้แต่ทำว่าง่ายทว่าสายตากลับพยายามสอดส่ายมองว่ามีบริเวณไหนบ้างที่ตนจะสามารถหลบหนีออกไปได้ก่อนหน้านั้นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวก็ถูกลียึดไว้แล้วส่งให้หวังไปเรียบร้อยแล้ว การจะติดต่อกับคนภายนอกจึงถูกตัดไป“ทะ ทำไมระเบียงเป็นกระจกปิดตายล่ะครับ? แบบนี้ได้อึดอัดตายกันพอดี” สายตากวาดไปรอบห้องแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าระเบียง ที่ปกติตามคอนโดทั่วไปจะสามารถเปิดออกได้“กูสั่งให้คนเอาประตูเลื่อนออกน่ะ มึงจะได้หนีไปไม่ได้ไง”เรื่องนี้หวังคงคิดมาอย่างดี เพราะแม้ว่าเขาจะรู้จักเฟยคนนี้ดีแค่ไหน ทว่าคนตรงหน้านี้กลับดูแตกต่างราวกับคนละคน ซึ่งเขามั่นใจว่าถ้ามีช่องทางให้หนีได้ละก็ไม่ว่าจะระเบียง หรือแค่หน้าต่างโง่ ๆ เจ้าตัวก็คงสามารถหนีตนไปแน่นอน“หึ เฮียกะจะขังไว้ที่นี่เลยสินะครับ?”“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่จนกว่างานแต่งนั่นจะยกเลิกไปน่ะ”ยามนี้เฟยคิดถึงหมิง คิดถึงเฟียสุดหัวใจ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถตามรอยจากมือถือ และหาที่อยู่ของเขาเจอหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องหาหนทางด้ว
ณ คอนโดแห่งหนึ่งย่านชานเมือง“เข้าไป! พวกมึงจับมันดี ๆ สิวะ!” ลีตะโกนออกคำสั่งให้ลูกน้องที่หวังส่งไปลักพาตัวเฟยมา ให้นำเข้ามาในห้องพักย่านห่างไกลจากการตามหาของหมิง และเฟียสภาพยัยหนูเฟยที่ถูกนำตัวเข้ามามีแต่รอยช้ำจากการถูกตบถูกทำร้าย และมีเลือดออกที่บริเวณมุมปากหวังที่ได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาดู ทว่าก็กลับต้องชักสีหน้าเมื่อเห็นสภาพของคนน้องไม่เป็นไปตามที่ตนกำชับ“กูสั่งไปแล้วเหรอ...ว่าห้ามใครทำร้ายเฟย!” รอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจในตอนแรกเปลี่ยนกลับมาเป็นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา“ใครใช้ให้มีปากดีใส่กูล่ะ อีกอย่างก็เพราะมันเสือกโทรหาหมิงไงล่ะ ดีนะที่กูจับได้” นายเอกของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้คีพความเป็นนายเอกอีกต่อไป สีหน้าหงุดหงิด และรังเกียจ ทุกแสดงออกมาจนหมดเฟยได้เห็นอีกมุมของทั้งสองคนจากที่ต่างออกไปมาก เมื่อก่อนที่มักเห็นทั้งคู่เป็นคนสุภาพ แต่บัดนี้ไม่มีแม้แต่คราบของตัวละครที่เขาดูมาก่อนเลยสักนิด“พวกมึงกลับไปได้ล่ะ โดยเฉพาะมึงไอ้ลี...อย่าคิดนะว่ามึงจะเอาเหตุผลเหี้ยอะไรนั่นมาอ้างแล้วกูจะปล่อยมึงไป ถ้าไม่ติดว่ามึงยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง...มึงได้ตายห่าอยู่ข้างถนนไปนานแล้ว!”หวังกระชากคอเสื้อลีเข้า
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน..˜“เฟยนอนหรือยัง เจ๊เข้าไปหาได้ไหม?”เฟียพยายามเคาะเรียกน้องชายหลังจากที่เธอไล่ให้เพื่อนสนิทกลับไปก่อน เพราะอยากให้ทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งไม่นานเฟยก็เป็นฝ่ายเดินมาเปิดประตูให้ร่างบางเดินนำพี่สาวเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งลงบนเตียงหลังกว้างด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ...บอกเจ๊ได้ไหม?”เฟียเดินไปนั่งลงข้าง ๆ โอบไปยังไหล่ของเฟยพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้คาดคั้น“เรื่องมันยาวอะเจ๊ แต่สรุปสั้น ๆ เลยก็คือลีมันจ้างคนมาทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ร้ายเฟย แล้วหยางกับหมิงก็เชื่อ”เฟยเล่าเพียงแค่นั้น ทว่าเฟียก็พอจะเดาสถานการณ์ที่เหลืออยู่ออก เธอต่อยมือลงบนที่นอนเพื่อระบายโกรธ ซึ่งไม่ได้โกรธที่ลีทำแบบนั้น แต่เธอโกรธที่ตัวเองไม่ดื้อตามน้องชายไปด้วย เพราะอย่างน้องเธอนี่แหละที่จะสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเฟยไม่ได้เป็นคนทำ“เจ๊ขอโทษนะ ฮึก” เฟียขอโทษน้องชายเสียงสั่ง เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถปกป้องน้องชายผู้เป็นที่รักได้“ขอโทษทำไม เจ๊ไม่เกี่ยวซะหน่อย” พอเฟยได้ยินเช่นนั้นก็หันไปโอบไหล่เล็ก ๆ ของพี่สาวพลางลูบเบา ๆ เพื่อปลอบ“เจ๊จะไปบอกไ
“ยกเลิกงานแต่งไปซะ”หลังประโยคนั้นบรรยากาศกลับเงียบลงทันตา เฟยนิ่งคิดว่าที่อีกคนนัดตนมาแล้วพูดเช่นนี้เพราะอะไรกันแน่“หึ แล้วกูต้องทำตามที่มึงพูดด้วยเหรอ?” ยัยหนูเฟยสวนกลับกลอกตาทำเหมือนไม่ใส่ใจฟังที่ลีบอก พลางยกขาขึ้นมาไขว่ห้างทำราวกับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร“ไม่แปลกใจหน่อยเหรอที่ผมก็มาคุยกับคุณเรื่องนี้น่ะ”แน่นอนว่าเฟยก็ต้องแปลกใจอยู่แล้ว เพียงแต่จะให้แสดงทีท่าเช่นนั้นต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามก็อาจเป็นการเผยไต๋ให้อีกคนคาดเดาความคิดของเขาได้“ก็ไม่นี่ แล้วไง...สรุปนี่เรียกมาคุยแค่นี้ใช่ไหม? งั้นกูขอตัว”“ดูท่าจะมั่นใจมากสินะว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เฮียหยางหันกลับไปสนใจน่ะ...ไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกไม้แค่นี้มันอ่อนเกินไปหน่อยน่ะ เฮ้ออ ถ้าเป็นผมคงทำได้ดีกว่านี้” คำพูดยืดยาวทำให้ เฟยต้องหยุดฟังโดยไม่ทันรู้ตัวทำไมกันนี่เขายังแสดงออกไม่พออีกเหรอว่าตัวเองไม่ได้สนใจในตัวของหยางอีกต่อไปแล้ว..“เฮ้ออ พูดจนปากเปียกปากแฉะ มึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีสินะว่าที่กูแต่งงานน่ะ...ไม่ใช่เพราะไอ้หยาง”“แล้วมันเพราะอะไรล่ะ? จะบอกว่าเป็นเพราะคุณชอบเฮียหมิงงั้นเหรอ หึ ๆ อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลย เอาตรง ๆ นะที่พวกคุณเล่นละครว่าร
“ช่วยกูแยกเฟยออกจากไอ้หมิงซะ”“หึ ชอบมันมากสินะ” พอได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอาลีพ่นเสียงหัวเราะในลำคอออกมาอย่างนึกขบขัน ไม่คิดว่าคนอย่างหวังจะมีความคิดอยากแย่งชิงแบบนี้กับเขาด้วย“คิดว่าคนอย่างมึงมีสิทธิ์จะมาเรียกเฟยว่ามันงั้นเหรอ?”เบต้าหนุ่มยกเหล้าขึ้นจิบเบา ๆ พลางมองแก้วในมือก่อนจะเงยหน้าจ้องไปที่อีกคนด้วยสายตาดูถูก“ทำไม!? มันมีดีกว่าตรงไหน ก็แค่คุณหนูเอาแต่ใจ...”เพล้ง!แก้วถูกเขวี้ยงผ่านหน้าไปยังด้านหลังโอเมก้าหนุ่ม ก่อนมันจะตกกระทบลงพื้นดังสนั่น ทำเอาร่างบางสะดุ้งตกใจหน้าซีดไม่คิดว่าคนสุภาพเช่นนั้นจะมีมุมน่ากลัวแบบนี้ด้วย“ต้องถามว่ามึงมีอะไรเอามาเทียบกับเฟยได้หรือเปล่ามากกว่า”“เฮีย!”“หรือว่าไม่จริง?” ลีถึงกับพูดไม่ออกได้แต่คว้าแก้วค็อกเทลของตัวเองมาดื่มรวดเดียวจนหมด สีหน้าเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก“ถ้าช่วยแล้วจะได้อะไรล่ะ?”“ก็ได้ไอ้หมิงคืนไปไม่ใช่หรือไง?”“ทำไมพูดแบบนั้นอะ! ลีไม่ได้...คิดอะไรกับเฮียหมิงแล้วซะหน่อย” ทำเป็นเฉไฉไปอย่างนั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกเต้นเร่าเพราะถูกอีกคนจับทางเอาได้ หากยังด้อแพร่งไม่ให้ความร่วมมือต่อไปดีไม่ดีเรื่องนี้คงได้ไปเข้าหูของหยางอย่างแน่นอน“เฮียจะทำยังไง
Comments