คุณครูสาวไม่รู้จะหาทางออกยังไงเธอจะจ่ายค่ารักษาให้ก็ได้แต่แม่ของออมสินก็คงไม่ยอม
“ครูเคยทำแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่เลยค่ะปกติเราก็จะบอกไปตามตรงว่ากรณีไหนจะสามารถเบิกได้กรณีไหนผู้ปกครองต้องจ่ายเอง แต่กับเด็กคนนี้ครูขอเป็นกรณีพิเศษได้ไหมคะ”
“ทำไมถึงขอให้เด็กคนนี้เป็นกรณีพิเศษ ครูไม่กลัวว่าขอให้คนนี้ได้แล้วคนอื่นจะทำตามอย่างเหรอ”
“หมอคงมองว่าครูเป็นคนไม่ดีไม่ซื่อสัตย์ใช่ไหม แต่ออมสินเขาอยู่กับแม่และยายแก่ๆ แม่เขารับจ้างอ้อยค่าแรงวันหนึ่งไม่ถึงห้าร้อย ถ้าเอาเงินมารักษาแบบนี้เห็นทีจะลำบาก”
“น่าเห็นใจเหมือนกันนะครับ”
“ถ้างั้นคุณหมอไม่ช่วยครูจะจ่ายค่ารักษาให้เองก็ได้ค่ะ” แม้ว่าเงินเดือนจะไม่มากแต่มันก็คงมากว่ารายได้ของมารดาเด็กนักเรียน
กรัณย์กรไม่เคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อนเขาเองก็สงสารและเห็นใจเธออยู่มากแต่เรื่องที่จะทำมันก็เป็นเรื่องที่ผิด
“ครูรอผมสักครู่นะครับ”
คุณหมอหนุ่มบอกกับคุณครูก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมานอกห้องตรวจ
“พี่ต่ายครับผมมีเรื่องถามหน่อยครับ” กรัณย์กรเดินมาหาหัวหน้าพยาบาลประจำแผนกฉุกเฉิน
“มีอะไรคะหมอ”
คุณหมอหนุ่มเล่าเรื่องที่เขาคุยกับคุณครูในห้องตรวจให้กับพี่หัวหน้าพยาบาลฟังอย่างละเอียด
“ผมว่ามันถูกนะครับพี่ ทำแบบนี้คนที่เสียเปรียบก็คือบริษัทประกัน”
“ค่ะ พี่รู้แต่หมอลองมองอีกมุมสิคะ การวิ่งเล่นหกล้มกับวิ่งเล่นฟุตบอลแล้วหกล้มมันต่างกันมากไหม การเล่นฟุตบอลของเด็กเก้าขวบคือการเล่นชนิดหนึ่งเพียงแต่มันมีอุปกรณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เด็กเขาไม่ได้ไปแข่งฟุตบอลแล้วล้มนะคะ เขาแค่วิ่งเล่น”
เพราะทำงานมานานหัวหน้าพยาบาลเลยเจอเคสที่มันก้ำกึ่งแบบนี้อยู่บ่อยๆ อย่างในกรณีนี้มันก็ไม่ใช่การแข่งกีฬาแต่มันคือการเล่นของเด็กเท่านั้นจะวิ่งเล่นแล้วหกล้มหรือวิ่งเล่นฟุตบอลแล้วหกล้มกันก็แทบไม่ต่างกันเลย
“พี่ต่ายคิดว่าผมควรจะเขียนแค่วิ่งเล่นใช่ไหม”
“พี่ไม่ได้บอกว่าให้หมอเขียนแบบไหน แต่เด็กกับการเล่นและการหกล้มเป็นของคู่กัน ไม่ว่าเขาจะเล่นอะไรเขาก็หกล้มได้”
“ผมคิดว่ารู้แล้วว่าจะต้องเขียนยังไง ขอบคุณมากครับ”
เมื่อคุยกับหัวหน้าพยาบาลแล้วกรัณย์กรก็เดินกลับเข้ามาในห้องตรวจอีกครั้ง
“ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน”
“ไม่เป็นค่ะ หมอจะช่วยใช่ไหมคะ คะครูสัญญาเลยจะไม่บอกใครแล้วจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก”
“เหมือนคุณครูจะห่วงลูกศิษย์คนนี้มากนะครับ”
“ออมสินเป็นเด็กน่ารักช่างพูดค่ะ”
“ถ้าผมช่วยแล้วคุณครูมีอะไรจะให้ผมเป็นข้อแลกเปลี่ยนไหม”
“คุณหมอจะให้ครูทำอะไรคะ ครูทำให้ได้หมดเลย”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจค่ะ ตกลงคุณหมอจะยอมช่วยใช่ไหม”
“ผมจะช่วยก็ได้แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับ เพราะผมก็ไม่อยากทำผิด” กรัณย์กรตัดสินใจช่วยเหลือคุณครู หลังจากฟังสิ่งที่หัวหน้าพยาบาลพูดและคิดตามอย่างถี่ถ้วนแล้ว
การซักประวัติเด็กบางครั้งมันก็มีข้อผิดพลาดได้ถ้าหากโดนตรวจสอบขึ้นมาเขาก็จะใช้ข้ออ้างนี้
“ขอบคุณค่ะคุณหมอที่ช่วย”
“เดี๋ยวคุณพาเด็กไปรับยาและอย่าลืมพามาทำแผลนะครับหนึ่งอาทิตย์ผมจะนัดมาดูแผลอีกที ถ้าระหว่างนี้เด็กซึมลง มีปวดหัวหรืออาเจียน หรือเลือดออกเยอะขึ้นก็ต้องรีบพามาหาหมอนะครับ”
“ทำแผลทุกวันเหรอคะ”
“ครับ ปกติแผลแบบนี้ไม่ต้องทำแผลทุกวันก็ได้ครับ ส่วนใหญ่ก็จะนัดมาดูวันที่ตัดไหมเลย แต่ที่ต้องมาทำแผลทุกวันเพราะแผลมีรอยถลอกและขอบไม่เรียบเท่าไหร่หมอเลยอยากให้มาทำแผลครับ” กรัณย์กรอธิบาย
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ปิ่นปินัทธ์ลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นให้คุณเลี้ยงข้าวผมสักมื้อได้ไหม”
“ได้สิฉันยินดีเลยค่ะ”
“แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไงล่ะ”
“ในประวัติของเด็กชายออมสินเมื่อกี้มีเบอร์โทรของของฉันอยู่ค่ะฉันชื่อครูปิ่นปินัทธ์ค่ะ”
“ผมหมอกรัณย์กรครับ ยินดีที่ได้รู้จักผมว่างวันไหนผมจะโทรไปหาคุณครู”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะฉันขอตัวก่อนค่ะ”
ปิ่นปินัทธ์เดินออกมาจากห้องตรวจก็เจอกับออมสินและมารดาที่ตอนนี้นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณครูคะหมอว่ายังไงบ้าง”
“ออมสินเย็บไปเจ็ดเข็มค่ะ แผลไม่ได้ลึกเท่าไหร่ค่ะ”
หญิงสาวอธิบายถึงอาการที่ต้องรีบพาออมสินมาหาหมอก่อนเวลานัดให้กับมารดาของเด็กชายฟังตามที่ตนเองได้คุยกับคุณหมอมาเมื่อครู่
“แม่จะคอยสังเกตค่ะ”
“เดี๋ยวคุณแม่รออยู่ตรงนี้นะคะ ครูขอไปรับยาก่อน” หญิงสาวไปรอรับยาหน้าห้องยา อยากจากนั้นก็กลับมาหาสองแม่ลูกอีกครั้ง
“มีเป็นยาแก้ปวดนะคะ เอาไว้กินตอนปวดหัวตอนนี้ฤทธิ์ยาชาน่าจะยังมีอยู่ออมสินก็เลยไม่เจ็บแผลเท่าไหร่ แล้วนี่ก็เป็นยาแก้อักเสบต้องทานให้ครบนะคะ เภสัชบอกว่ายาแก้อักเสบต้องกินให้หมดและอย่ากินร่วมกับน้ำส้มหรือพวกนมค่ะ ถ้าออมสินจะกินนมก็ให้เว้นจากยาประมาณสองชั่วโมงนะคะ”
“แล้วคุณแม่ต้องจ่ายเงินไหมคะคุณครู”
“ไม่หรอกค่ะกรณีนี้เราเบิกประกันโรงเรียนได้ แต่ถ้ามีใครถามออมสินต้องบอกว่าลื่นล้มนะครับห้ามบอกว่าเตะฟุตบอล”
“ทำไมล่ะครับครู”
“ออมสินไม่ต้องถามเหตุผลบอกแค่ว่าลื่นล้มก็พอทำได้ไหมครับ”
“ได้ครับ” เด็กชายรับปากทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายเท่าไหร่
“คุณครูทำไมต้องให้ออมสินพูดแบบนี้ด้วยคะ” มารดาของเด็กชายถามคุณครูเพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน
“ประกันโรงเรียนจะไม่ครอบคลุมถ้าหากอุบัติเหตุเกิดจากการเล่นกีฬาค่ะ ครูคุยกับคุณหมอให้แล้วหมอจะเขียนแค่ว่าวิ่งเล่นแล้วหกล้มตกลงไหมคะ”
“ขอบคุณค่ะครู ถ้าให้แม่ต้องจ่ายค่าหมอค่ายาอีกคงจะไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” เพราะมีอาชีพรับจ้างหาเช้ากินค่ำการจะเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลักพันมันก็ค่อนข้างลำบาก
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคุณยายละมัยหนึ่งปี กรัณย์กรพาปิ่นปินัทธ์มาทำบุญให้คุณยายที่วัดกับญาติคนอื่นๆตอนนี้สถานะของทั้งสองคนคือคนที่กำลังศึกษากันอยู่ปิ่นปินัทธ์ไม่ใช้คำว่าแฟนหรือคนรักกับกรัณย์กรเพราะเธอกลัวว่าเหตุการณ์แบบเดิมจะกลับมาอีก แต่ชายหนุ่มก็พยายามจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าตอนนี้เขาสามารถบาลานซ์เรื่องงานและเรื่องการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวตลอดเวลาที่ยายของหญิงสาวป่วยและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเกือบหนึ่งเดือน กรัณย์กรคอยดูแลเธออีกทั้งยังคอยช่วยดูแลคุณยายจนคุณลุงกับคุณป้าเห็นใจชายหนุ่มมากๆ และบอกให้ปิ่นปินัทธ์เปิดใจเพราะรู้สึกว่ากรัณย์กรจะจริงใจกับหลานสาวของตนเองมากหลังจากทำบุญให้กับคุณยายแล้วทุกคนก็มาทานข้าวกันที่บ้านของป้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ส่วนกรัณย์และปิ่นปินัทธ์ยังอยู่ต่อเพราะป้าสาขอคุยกับชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวส่วน“ป้าสามีอะไรกับผมครับ”“ป้าอยากจะถามว่าหมอรัณย์จริงใจกับปิ่นมากใช่ไหม”“ใช่ครับ ความรักครั้งนี้ผมจริงจังมาก ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าตัวเองแบ่งเวลาไม่ดีทำให้ปิ่นต้องเสียใจ ผมทำให้เป็นรอนานถึงห้าปีแล้วถึงตอนนี้ถ้าปิ่นจะให้ผมรอนานแบบนั้นมั่งมันก็ไม่มีปัญหาเลย”“ป้า
ตลอดทั้งคืนปิ่นปินัทธ์นั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องไอซียูโดยมีกรัณย์กรนั่งอยู่ข้างๆกรัณย์กรเดินเข้าไปดูคุณยายเกือบจะทุกชั่วโมงอาการของท่านยังคงที่แต่ดูแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่เขาไม่รู้จะพูดกับปิ่นปินัทธ์ไงว่าอาการของคุณยายเธอมันค่อนข้างหนักการจะให้คุณยายกลับมาหายดีมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ชายหนุ่มเดินเข้าออกห้องไอซียูอยู่หลายรอบจนกระทั่งเผลอหลับในเวลาตีสี่และตกใจตื่นในเวลาเกือบจะหกโมงเช้า“ผมว่าปิ่นกลับไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่าไหม ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก”“อาการของคุณยายเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวรู้ว่าเขาเดินเข้าออกอยู่หลายหลายครั้ง“ก็ยังคงที่ครับวันนี้อาจจะต้องตรวจหลายหลายอย่างเพิ่ม ผมไม่ได้เป็นหมอที่ดูแลเคสของยายหรอกนะครับ ผมให้รุ่นพี่อีกท่านเป็นคนช่วยดูให้”“ทำไมละคะ”“เมื่อวานเป็นเวรของเขาครับ อีกอย่างการรักษาคนรู้จักหรือคนใกล้ชิดมันจะค่อนข้างกดดันเพราะเราจะเอาอารมณ์เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย มันจะทำให้การตัดสินใจบางอย่างคลาดเคลื่อนได้ อีกอย่างผมก็อยากจะช่วยประสานงานให้มากกว่า”“ขอบคุณนะคะ ถ้าเมื่อคืนไม่ได้คุณคงแย่”“ไม่หรอกครับ หมอและพยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นทำงานกันอย่างเต
“เกิดอะไรขึ้นเหรอปิ่น” กรัณย์กรถามหลังจากเธอวางสายและดูท่าทางรีบร้อน“ป้าสาโทรมาบอกว่าคุณยายเหนื่อยมากและเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกเลยกำลังพาไปโรงพยาบาลค่ะ”“โรงพยาบาลที่ทำงานใช่ไหม ปิ่นไปกับผมนะน่าจะไวกว่า”นาทีนี้หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วเพราะอยากจะรีบไปหายายให้เร็วที่สุด“ทำใจดีๆ ไว้นะปิ่นไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอก เมื่อตอนกลางวันผมคุยกับคุณยายท่านก็ดูปกติดี แต่ระหว่างทางเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”“หมอจะถามอะไรคะ”“ผมจะถามว่าช่วงนี้ยายมีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า หรือมีโรคประจำตัวอะไรไหม”“ไม่มีค่ะยายแข็งแรงดี”“แล้วในครอบครัวล่ะมีเป็นโรคอะไรไหม เช่นเบาหวาน ความดันหัวใจหรือโรคมะเร็ง”“ปิ่นรู้แค่ป้าสาเป็นความดันโลหิตสูงค่ะ ส่วนเบาหวานไม่เคยได้ยินว่าใครเป็น”“ปิ่นลองนึกหน่อยนะว่าช่วงนี้ยายร่างกายเป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติไหม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้” กรัณย์กรไม่อยากเสียเวลาไปซักประวัติคุณยายที่โรงพยาบาล“ยายเป็นหวัดค่ะ”“แล้วได้กินยาอะไรไหม”“ไม่ค่ะ ยายแค่ไอแห้งๆ ปิ่นจะพาไปหาหมอยายก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่จิบน้ำอุ่นก็น่าจะหาย”“แล้วมีอย่างอื่นไหม มีไข้หรือเปล่า”“
“เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยสิปิ่น”“เป็นเราคุยกันแล้วนี่คะ ว่าหมอจะมาเฉพาะเวลาราชการเท่านั้นนี่มันค่ำแล้วนะ ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่หมอกลับไปก่อนเถอะค่ะถ้าอยากจะมาหาคุณยายค่อยมาเวลากลางวัน”“แต่ผมอยากคุยกับปิ่นจริงๆ นะผมคุยกับคุณยายแล้วคุณยายอนุญาตให้ผมมาหาคุณได้”“หมายความว่ายังไงคะ”“ขอเข้าไปคุยกันข้างในได้มั้ย ยืนคุยอยู่แบบนี้คนอื่นมาเห็นคงไม่ดีเท่าไหร่”“มันไม่ดีทั้งแต่หมอเข้าออกบ้านของปิ่นห้าปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”“ปิ่นอย่าพึ่งโมโหสิ ถ้าปิ่นไม่ให้ผมเข้าไปผมก็จะยืนอยู่แบบนี้แหละแล้วผมจะบีบแต่รถให้ชาวบ้านเขาออกมาดูด้วย”“ทำไมหมอเป็นคนเข้าใจอะไรจะยากแบบนี้นะ”“ผมเข้าใจยากที่ไหน ปิ่นต่างหากที่เข้าใจยาก เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยนะปิ่น”เพราะกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆปิ่นปินัทธ์เลยยอมเปิดประตูให้จากนั้นหญิงสาวเดินนำเขามายังห้องรับแขก“เอาล่ะคะจะพูดอะไรก็พูดปิ่นมีเวลาให้คุณไม่มากหรอกนะปิ่นยังต้องทำใบงานอีกเยอะ”“ให้ผมช่วยทำไหมล่ะ”“ปิ่นไม่รบกวนเวลาคุณหมอขนาดนั้นหรอกค่ะ เวลาทุกนาทีของหมอมันมีค่าอย่าเสียเวลามาทำใบงานเล็กๆ น้อยๆ เลย”“ปิ่นอย่าพึ่งประชดได้ไหม”“หมอจะพูดอะไรก็พูดสิคะ”“ผมอยากขอโอ
หลังจากไปเยี่ยมคุณยายของปิ่นปินัทธ์ที่บ้านแล้วกรัณย์กรก็รู้สึกว่าแปลกๆ เพราะที่บ้านของหญิงสาวไม่มีของเล่นเด็กเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าเด็กชายที่เขาเห็นเมื่อวันก่อนเป็นลูกของหญิงสาวจริงๆในบ้านหลังนั้นก็น่าจะต้องมีของเล่นสักชิ้นหนึ่งและดูเหมือนยายละมัยก็ไม่ได้บอกเขาว่าปิ่นปินัทธ์แต่งงานแล้วความจริงข้อนี้กรัณย์กรต้องหาทางพิสูจน์เพราะเขารู้ใจตัวเองแล้วว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปิ่นปินัทธ์และจะต้องพยายามเอาชนะใจของเธออีกครั้งครั้งนี้เขาจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพราะรักเธอมาก การห่างกันไปนานหลายปีไม่ได้ทำให้ความรักที่เขามีให้กับปิ่นปินัทธ์ลดน้อยลงเลย และตอนนี้เขาอยากขอโทษเธอที่ตนเองเห็นแก่ตัวเห็นงานสำคัญกว่าความรู้สึกของหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองจะมีเวลาให้เธอมากขึ้นกรัณย์กรอยากจะกลับมาคบกันปิ่นปินัทธ์อีกครั้งหนึ่ง เขาจะชดเชยเวลาทั้งหมดให้กับหญิงสาว การมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้กรัณย์กรไม่ต้องอยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมงเขาออกตรวจภายแผนกโอพีดี ราวน์คนไข้ และจะมีนัดคนไข้มาผ่าตัดหรือสวนหัวใจและทุกอย่างก็จะลงเวลานัดหมายเพราะการผ่าตัดประเภทนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายแผนก อีกทั้งห้องผ่าตัดและห้องสวนห
ปิ่นปินัทธ์ไม่ได้บอกยายของตนเองว่าเจอกับกรัณย์กรเพราะกลัวว่าคุณยายจะไม่สบายใจและหญิงสาวก็คิดว่าเขาไม่มีมีทางจะมาหาคุณยายอย่างที่บอกกับเธอแน่ๆแต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดเพราะเย็นวันหนึ่งหลังจากเธอกลับมาจากโรงเรียนก็เห็นบริเวณห้องรับแขกมีกระเช้าผลไม้และนมสำหรับผู้สูงอายุวางอยู่“คุณยายไปซื้อของพวกนี้มาเหรอคะ”“เปล่าหรอกลูกวันนี้มีคนแวะมาเยี่ยมยาย”“ใช่พี่ทศกับพี่แพรหรือเปล่าคะ พี่ทศบอกว่าก่อนจะกรุงเทพจะแวะมาหาคุณยายอีกครั้งหนึ่ง”“ทศเขาแวะมาจริงๆ นั่นแหละแต่ของพวกนี้ไม่ใช่ของทศหรอกนะลูก”“อ้าว....แล้วของใครล่ะคะคุณยาย”“ปิ่นลองเดาดูสิว่าวันนี้มีใครมาหายาย”“ปิ่นเดาไม่ถูกหรอกค่ะยายบอกปิ่นมาเถอะค่ะ”“วันนี้หมอรัณย์เขามาหายายที่นี่”“อะไรนะคะ เขามาหายายจริงๆ เหรอคะ”“ปิ่นรู้ใช่ไหมว่าเขาจะมาหายาย”“ค่ะยาย ปิ่นบังเอิญเจอเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วเขาบอกว่าจะแวะมาหาคุณยายแต่ปิ่นไม่ได้บอกยายเพราะคิดว่ายังไงเขาก็คงไม่มาเวลาทำงานแน่ๆ”“เขามาหายายตอนเที่ยงจ้ะ”“ยายคุยอะไรกับเขาบ้างบอกเรื่องปิ่นไปหรือเปล่า”“ก็คุยเรื่องทั่วไป ยายไม่ได้บอกเรื่องอบปิ่นหรอกนะ ยายรู้ว่าปิ่นอยากให้เรื่องนี้มันเป็นความลับ”