สิ่งที่หมอศุภกิตต์พูดออกมาดังพอที่คนในกาแฟนั้นจะได้ยินจนหมด และทุกสายตาก็กลับมาจดจ้องอยู่ที่อลิศแทนเมื่อถูกคุณหมอหนุ่มเนื้อหอมของโรงพยาบาลมาขอเป็นแฟนในร้านกาแฟของโรงพยาบาล
“เอ่อ….”
“พี่ว่าเราไปหาที่นั่งก่อนดีไหม”
“ค่ะ ดีค่ะ”
อลิศทำตัวไม่ถูกเธอทั้งดีใจ ทั้งอายและก็ตกใจเมื่อคนที่เป็นรักแรกของเธอมาเอ่ยปากขอคบกับเธอ ก่อนหน้านี้เธอแอบเอาขนม คุกกี้และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาตลอด เจอบ้างไม่เจอบ้างแล้วแต่โอกาส
มาจนถึงวันนี้ไม่นึกว่าเขาจะมองเห็นความพยายามของเธอจนได้ อลิศนั่งลงเพื่อสงบจิตใจแต่คุณหมอกลับเลือกจะมานั่งข้าง ๆ เธอ
“พี่สั่งให้แล้วนะ”
“ค่ะ”
“แล้วคำตอบล่ะ”
“คะ??”
“ที่พี่ถามไปเมื่อกี้นี้ไงลืมแล้วเหรอ”
“คุณหมอคะ…คือ…เมื่อกี้นี้พูด…จริงเหรอคะ”
“เอ๊าน้องอลิศครับมีใครจะพูดเล่นกันเรื่องนี้ล่ะ”
“ตะ…ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ที่…”
“หมายถึงพี่น่ะเหรอ พี่ชอบอลิศมานานแล้วตั้งแต่อลิศเรียนปีสองแต่ตอนนั้นพี่ต้องทำงานแล้วพึ่งเป็นหมอเต็มตัวช่วงนั้นก็เลยไม่มีเวลาน่ะ ว่ายังไง อลิศจะลองให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหมครับ”
“ให้โอกาสงั้นเหรอคะ อลิศ….ไม่คิดแบบนั้น คือว่าที่จริงแล้ว…”
“ครับ”
อลิศคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ วันที่เธอได้คบกับคนที่เธอชอบอย่างหมอกิต เธอเฝ้ามองเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาแนะนำตัวเองในบ้านวันงานเลี้ยงวันเกิดคุณพ่อของเธอ นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนเอ่ยปากเรื่องนี้เอง
“ค่ะ ตกลงค่ะ เรา…ลองคบกันก่อนก็ได้ค่ะ”
“เยี่ยมไปเลย งั้นวันนี้พี่ไปส่งอลิศนะ”
“คะ??”
“อลิศพักคอนโดไม่ใช่เหรอ พี่ถามรวิศมาก่อนแล้วเห็นบอกว่าแยกมาอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะวันนี้อลิศนัดนิวเอาไว้ว่าจะไปซื้อของด้วยกัน”
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรเอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน ว่าแต่วันเสาร์นี้ว่างไหมไปดูหนังกัน”
“ว่างค่ะ ว่าง….”
“งั้นวันเสาร์พี่ไปรับ”
“ค่ะ”
เรื่องที่เธอคบกับหมอกิตเป็นข่าวลือไปทั่วโรงพยาบาลจนเธอแทบจะนั่งไม่ติดเมื่อมีหลายคนที่พยายามมองเข้ามาที่เค้าน์เตอร์จัดยาที่เธอทำอยู่
“อลิศ เรื่องจริงเหรอที่แกกับหมอกิต…”
“ใช่ ๆ แต่เอาไว้คุยกันที่อื่นเถอะ วันนี้….”
“พวกเธอ ตามฉันมา”
นิศาเดินมาที่เธอสองคนอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรอีกเมื่อพวกเธอถูกเรียกไปแบบนี้ อลิศส่งยาถาดสุดท้ายให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์และเดินตามนิศาเข้าไป พี่หนิงรอพวกเธออยู่ในห้อง
“สวัสดีค่ะพี่หนิง”
“มาพอดีเลย เก็บของเถอะ พี่จะพาไปที่แผนกศัลยกรรม”
""อะไรนะคะ!!""
“ย้ายแผนกยังไงล่ะ โชคดีนะอยากก่อเรื่องดีนักนี่”
อลิศหันไปมองหน้านิศาที่เธอพึ่งจะมีเรื่องด้วยเมื่อวานนี้และยังเป็นเธอที่แจ้งเรื่องนี้ไปกับหมอภาส แต่นึกไม่ถึงว่านอกจากเขาจะไม่ทำอะไรญานิศาแล้วยังสั่งย้ายเธอกับนิวไปที่แผนกอื่นอีก
แต่ดูท่าทางของนิวจะดีใจมากกว่าที่จะอยู่ที่นี่ อลิศมองหน้าหนิงและรีบเก็บของโดยไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม แต่ในใจนั้นทั้งโกรธและไม่พอใจคุณหมอหน้าโหดที่เธอคุยด้วยเมื่อวานนี้
“เป็นเขาใช่ไหมคะพี่หนิง”
“อะไรเหรอคะ”
“คนที่สั่งให้พวกเราย้ายแผนก”
“เฮ้อ…ใช่แล้วล่ะ”
“ทำไมคะ แทนที่จะ…”
“ฟังพี่ก่อนนะ เรื่องนี้หมอภาสมาปรึกษาพี่แล้วและคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด”
“เพราะอะไรคะ ทั้ง ๆ ที่คนที่กลั่นแกล้งคนอื่น ทำผิดซึ่ง ๆ หน้าคือ…”
“อลิศ!! พอเถอะ”
“นิวอย่าพึ่งพูด อลิศเกือบจะได้หลักฐานแล้วแต่ทางคุณหมอภาสกลับ….”
“รีบไปรายงานตัวเถอะ ถ้ามีคำถามก็ลองไปถามคุณหมอที่ดูแลต่อจากนี้เถอะนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หนิง”
นิวดึงแขนเพื่อปรามอลิศเอาไว้เพราะพี่หนิงเองแม้จะเข้าใจว่าอลิศไม่พอใจแต่เธอเป็นเพียงแอตมินที่ทำหน้าที่ประสานงานและดูแลความเรียบร้อยรับคำสั่งจากที่ประชุมมาเท่านั้น
“ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“เอาเถอะฉันโอเคมากเลยที่ได้ย้ายแผนก”
“นิว แล้วแกแน่ใจได้เหรอว่าอยู่แผนกนี้แล้วแกจะไม่เจอคนอย่าง…ช่างเถอะเราก็แค่เด็กฝึกงานนี่นะ ฉันจะจำเอาไว้ว่าจะไม่มีทางใช้วิธีนี้แก้ปัญหาที่บริษัทเด็ดขาด”
“น้องคะ ที่นี่เราดำเนินการโดยอาศัยคนหมู่มากและมีกฎระเบียบ ถ้าน้องไม่พอใจทำไมไม่เลือกฝึกงานกับบริษัทที่บ้านแทนล่ะคะ พี่เองไม่เข้าใจว่าน้องต้องการจะให้ผู้ใหญ่จัดการอะไรแต่เท่าที่หาทางออกกันทางนี้ในเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้วหากว่าน้องไม่พอใจ เชิญค่ะ เข้าไปคุยเองเลย”
พี่หนิงหันมามองหน้าอลิศที่ยังคงดื้ออยู่เพราะเธอเป็นลูกคนเล็กและไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ที่สุด เธอไม่ได้ทำผิดอะไรแต่ทำไมต้องถูกย้ายแผนกแต่คนที่ทำผิดกลับลอยหน้าอยู่ที่เดิม
“พี่จะเตือนอะไรให้นะ เรื่องบางเรื่องแม้ว่าเราไม่ได้เห็นแต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ใหญ่จะไม่รู้และไม่จัดการ แต่เขามีวิธีการจัดการที่เด็ดขาดมากกว่าจะฟังความอย่างเดียว”
อลิศเริ่มคิดได้จากที่พี่หนิงพูดขึ้นมานี่เองเพราะสายตาของหนิงอลิศเป็นคนที่มีความสามารถเพียงแต่เธอดื้อรั้นและหัวแข็งไปหน่อยเท่านั้นเอง การไปชนตรง ๆ กับญานิศาถือว่าเธอเสียเปรียบ เธอเข้าใจเหตุผลของหมอภาสที่สั่งย้ายเด็กฝึกงานในครั้งนี้ดี อลิศยกมือขึ้นไหว้หนิงอีกครั้ง
“หนูขอโทษค่ะพี่หนิง หนูใจร้อนเกินไปหน่อย”
หนิงยิ้มและตบไหล่ของอลิศเบา ๆ ด้วยความเข้าใจ
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจอลิศนะเพราะพี่รู้และพี่ก็เสียดายความสามารถของเด็กฝึกงานชุดนี้ ดีแล้วที่ย้ายแผนกมาที่นี่ ไม่ต้องไปทนกับเรื่องงี่เง่าที่นั่นหรอก คนเก่งอยู่ที่ไหนก็ฉายแววได้เสมอ สู้ ๆ นะ”
“ขอบคุณค่ะพี่หนิง”
“รีบไปรายงานตัวเถอะ”
พวกเธอเดินเข้าไปในห้องเพื่อรายงานตัวกับคุณหมอในแผนก พี่หนิงเป็นคนแนะนำพวกเธอ มีเพียงคนเดียวที่ไม่อยู่ในห้องนี้คือคุณหมอภาสเพราะเขามีผ่าตัดใหญ่ตั้งแต่เช้า
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
“เอาล่ะอลิศ นี่เป็นหน้าที่คร่าว ๆ ที่ทางคุณหมอลิสต์ออกมา ลองดูหน่อยนะติดขัดยังไงบอกพวกพี่ได้เลย”
“ไปรับยาและส่งรายงาน ตรวจยาที่รับมาจากห้องยาเพื่อส่งให้แพทย์”
นับว่าการย้ายแผนกครั้งนี้เธอได้ทำหน้าที่ที่ดีกว่าการจัดยาเพราะพวกเธอมีโอกาสที่จะได้เรียนรู้สรรพคุณและคุณสมบัติบางตัวของยาบางประเภทผ่านจากคุณหมอผู้ชำนาญการ
และทุกครั้งคุณหมอที่สั่งให้พวกเธอเช็กรายงานก็จะถามเธอเกี่ยวกับยาที่ต้องไปเอาก่อนทุกครั้งซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างดีกว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ ที่ห้องยามากนัก และที่สำคัญคือไม่ต้องเจอคนอย่างญานิศาอีก
“เฮ้อ…วันนี้เหนื่อยจริง ๆ”
“เหนื่อยแต่ทำไมถึงยิ้มล่ะ คิดถึงหมอกิตอีกแล้วเหรอ”
“บ้าเหรอไม่ใช่ เหนื่อยแต่ก็สนุกมากเลยได้ความรู้ใหม่ ๆ อีกเยอะเลย”
“นั่นสิ นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เรียนในแล็บกับสถานการณ์จริงจะแตกต่างกันขนาดนี้ สนุกกว่า….”
นิวส่งสายตาให้อลิศมองสาวสวยที่เดินมาที่เค้าน์เตอร์พยาบาลและถามหาหมอภาส ซึ่งเขายังไม่ออกมาจากห้องผ่าตัดเลยตั้งแต่เช้า
“เธอก็มาที่นี่ทุกวันนั่นแหละ”
“จริงเหรอ มาทำไม”
คำตอบไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลเมื่อนิศาเดินกลับออกไปแล้วเพราะพี่ ๆ พยาบาลที่แผนกยืนคุยกันจนพวกเธอได้ยิน
“เธอไม่รู้เหรอว่าหมอภาสดุขนาดไหน ทำแบบนี้บ่อย ๆ มีหวังโดนคุณหมอภาสทิ้งเข้าสักวัน”
สองวันถัดมา งานแต่งของหมอภาส & อลิศงานแต่งที่ดูจะหรูหราไม่แพ้งานหมั้นที่ถูกจัดขึ้นที่บ้านอลิศถูกเนรมิตขึ้นอีกครั้งที่บ้านของหมอภาส แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งริมสระสุดแสนจะโรแมนติกโหลแก้วนับร้อยที่ถูกนำไปลอยในสระน้ำที่เปิดไฟส่องเอาไว้ ด้านในขวดโหลสีต่าง ๆ มีเทียนหอมที่จุดเอาไว้อยู่เพื่อให้พวกมันส่องแสงในยามค่ำคืนของงานฉลองแต่งงานที่เรียบง่ายในแบบฉบับของคุณแม่หมอภาส“แม่ครับ ไหนบอกว่าแค่งานเล็ก ๆ ยังไงล่ะครับ”“แหม....ภาสล่ะก็ เพื่อนแม่ที่อยู่เมืองไทยก็อยากจะเห็นงานแต่งงานของลูกก่อน แม่ไปโม้เอาไว้เยอะว่าลูกสะใภ้แม่สวยพวกเธอก็เลยอยากดู ทีนี้ก็รู้กันทั้งศูนย์เลย ก็เลย….”“แม่ แต่ผมกับอลิศ…”“แล้วแกจะให้ไล่แขกกลับหรือไงยะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไป ๆ รีบไปเตรียมตัวได้แล้วจะได้เวลาส่งตัวคู่บ่าวสาวแล้ว ช่อดอกไม้ล่ะ หนูนิว นิวลูกอยู่ไหนน่ะ”“อยู่นี่ค่ะแม่ มาแล้ว ๆ นี่ค่ะคุณหมอ ขอโทษทีค่ะคือว่า…นิวมัวแต่ไปสั่งให้เพิ่มโต๊ะที่ริมสระให้แขกของคุณพ่ออลิศอีกเจ็ดโต๊ะ”“แม่กับคุณพ่อพิชิตนี่ จัดงานได้ “เรียบง่าย” ได้พอ ๆ กันเลยนะครับ”“แกรีบไปเตรียมตัวเถอะน่า แม่จะไปรับแขกด้านนี้ก่อน เดี๋ยวต้องพาเจ้าสาวออกมาแล้วร
สามเดือนผ่านไปรอบ ๆ บริเวณบ้านของอลิศถูกประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้สดจากเมืองเหนือที่นิวเพื่อนสนิทของเธอจัดซื้อและให้คนส่งตรงมาจากเมืองเชียงรายเพื่องานหมั้นและงานแต่งของอลิศโดยเฉพาะ ดอกไม้สีชมพูและขาวถูกประดับไปทั้งงานทั้งในส่วนของลานพิธีหมั้นที่อลิศตั้งใจมาจัดที่สวนต้นไม้ด้านหลัง“ทำไมต้องจัดที่นี่ล่ะอลิศ”“แกเห็นต้นกระดังงาคู่นั่นไหม”“เห็นสิก็แกสั่งให้คนไปตั้งเวทีตรงใต้ต้นนั้นโดยที่ไม่ให้รบกวนดอกกระดังงาที่กำลังออกดอกอยู่”“ต้นไม้คู่นั่น ฉันปลูกมันพร้อมกับพ่อแม่และพี่รวิศตั้งแต่วันที่ลงเสาเอกบ้านหลังนี้”“หมายความว่าต้นไม้นี่อายุเท่ากับแก”“แก่กว่าน่ะ เพราะว่าตอนที่ปลูกลงดินฉันยังอยู่ในท้องแม่ได้สามเดือน แต่พี่รวิศได้สี่ขวบกว่าแล้วตอนที่สร้างบ้านหลังนี้”“เพราะแบบนี้นี่เอง ยังดีที่จัดงานตอนนี้ไม่ต้องกลัวเรื่องฝน”“ฉันอยากให้คุณแม่อยู่ร่วมในพิธีที่สำคัญนี้”นิวหันมากอดอลิศที่มองไปยังต้นกระดังงาคู่ที่ตอนนี้ถูกจัดและประดับด้วยผ้าม่านและดอกไม้สดซึ่งจัดเกือบจะเสร็จแล้ว อลิศกำลังปาดน้ำตาเมื่อหันไปอีกครั้งก็เป็นหมอภาสที่ใช้ทิชชูหันมาซับน้ำตาให้เธอ นิวเดินไปกับคนจัดดอกไม้แล้ว“ร้องไห้อีกแล
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ