เขามองเธอด้วยสายตานิ่ง ๆ แต่ลุ่มลึกเกินคาดเดา อลิศไม่ชอบเขาเอาเสียเลยเพราะตั้งแต่เธอฝึกงานอยู่ที่นี่เกือบเดือน พบเขาไม่กี่ครั้งและทุกครั้งก็เจอแต่ปัญหาซึ่งเขาก็ไม่เคยให้โอกาสใครได้อธิบาย เพียงแค่ด่า ต่อว่าและเดินออกไป
“คุณพูดอะไร ก็ยานี่….”
“คุณก็ดูก่อนสิคะแล้วค่อยด่า”
“นี่คุณ!! หัดมีมารยาทหน่อย คุณเด็กกว่าผมตั้งกี่ปี”
“ก็เงียบแล้วหัดฟังบ้างสิคะ!! กำลังจะพูดอยู่นี่ยังไงถ้าคุณไม่เงียบแล้วฟังจะรู้เรื่องไหมล่ะคะ”
หมอภาสโกรธจนหน้าแดงก่ำ ชีวิตเป็นอาจารย์แพทย์มาเกือบสามปียังไม่เคยมีครั้งไหนหรือคนไหนกล้าตะเบ็งเสียงหรือตะคอกเขาแบบที่เธอกำลังทำมาก่อน
“สองนาที”
“ก็แค่นั้นแหละ ฟังคนอื่นบ้างจะตายหรือยังไง”
“พูดมาได้แล้ว!!”
“โอ๊ย!! พูดแล้วค่ะ คุณหมอดูนี่ค่ะ”
อลิศวางถุงยาที่เขาบอกว่าผิดลงที่โต๊ะของเขาซึ่งนั่นยิ่งทำให้เขามีโทสะที่รุนแรงขึ้น เขาไม่รู้เลยว่าเธอต้องการจะพูดอะไร
“อะไร โยนถุงยาใส่ผมแล้วคิดว่าผมจะเข้าใจอะไร คุณจะบอกว่าผมเป็นคนใส่ร้ายคุณโดยการใส่ยานี่ลงในถาดหรือไง”
“ใช่ค่ะ”
“นี่คุณ!! มากไปแล้วนะ!!”
“ก็เพราะหมอเป็นแบบนี้ไงล่ะคะ ฟังอะไรก็ฟังไม่จบไม่เคยฟังอะไรเลยและคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดถูกอยู่คนเดียวแต่หมอรู้ไหมคะว่านั่นน่ะ โง่ที่สุด!!”
“นักศึกษา!!”
“ฉันชื่ออริศรา!! แล้วก็เงียบก่อนฉันกำลังจะเล่า”
เสียงหายใจแรงของเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาจะทนฟังเธอได้อีกไม่นานเพราะความไร้มารยาทและไม่มีกาลเทศะของเธอ แต่เธอกลับดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ เขาอย่างสงบเมื่อบอกให้เขาเงียบแล้ว
“คุณหมอดูนะคะ ถุงยาในถาดนี้คุณตรวจแล้วว่าไม่ผิดปกติใช่ไหมคะ”
“ใช่ ผมตรวจแล้วทุกอย่างถูกต้องตามที่เขียน”
“มีแค่ถุงนี้ใช่ไหมคะที่ผิด”
“อืม แล้วยังไงคุณยังจะ….คุณกำลังจะพูดอะไรนักศึกษา”
“อลิศกำลังจะบอกว่า นี่ค่ะ”
เธอดึงถุงซิปล็อกที่เธอเตรียมเอาไว้ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมของเธอและวางที่โต๊ะของเขา หมอภาสมองถุงซิปล็อกและสลับขึ้นมามองหน้าเธอ เขาจึงหยิบขึ้นมาดูถุงที่เขาแยกเอาไว้
“ถุงนี่…เป็นคนละสีกับ….”
“ใช่ค่ะ”
“คุณกำลังจะพูดอะไร กำลังจะบอกอะไรกับผม”
“อลิศกำลังจะบอกคุณหมอว่าครั้งนี้ไม่ได้ผิดที่อลิศจัดยาให้คุณ แต่มีคนที่จงใจอยากจะกลั่นแกล้งเด็กฝึกงานโดยการเปลี่ยนยาเพื่อให้คุณหมอด่าพวกเราค่ะ”
“ว่ายังไงนะ ทำไม…”
“หมอน่าจะรู้เหตุผลนี้ดีกว่าพวกอลิศนะคะ นี่คือเหตุผลที่อลิศเองก็อยากถามพวกคุณที่เป็นบุคลากรในโรงพยาบาลเช่นกันว่า ทำไมต้องแกล้งเด็กฝึกงานที่อยากเรียนรู้และหาประสบการณ์อย่างพวกเราด้วย”
เป็นครั้งแรกที่หมอภาสนิ่งไปแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะสงสัยตั้งแต่คำที่อลิศพูดตรงทางเดิน ก่อนที่เขาจะทดสอบโดยสั่งให้เธอจัดยาอีกครั้ง
และเมื่อคำพูดของเธอที่พูดตรงทางเดินทำให้เขานึกสงสัยมากกว่าเดิม จึงอยากพิสูจน์ก็เลยเดินตามพวกเธอไปที่ห้องยากลับไปพบกับพวกเธอทะเลาะเพื่อแย่งถาดยาเจ้าปัญหานี้แต่นึกไม่ถึงว่า…จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“หมายความว่า….”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราถูกกระทำ ก่อนหน้านั้นยาที่ถูกจัดไปให้ผู้ป่วยของคุณหมอ ต้องบอกว่าเฉพาะของคุณหมอภาสเท่านั้นที่มีปัญหาจนเพื่อนของอลิศอยู่แผนกนี้อีกไม่ได้ ถูกสั่งย้ายไปห้องปฏิบัติการ”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“อลิศไม่ได้ใส่ร้ายใคร แต่ก็อย่างที่คุณหมอเห็นนะคะ เพราะที่จริงแล้วยาที่อลิศจัดจะใส่ถุงซิปล็อกที่ไปเบิกมาเองเพื่อป้องกันเรื่องนี้โดยเฉพาะ และจะไม่มีการจัดยาไว้และส่งต่อคุณเภสัชสุดสวยนั่นแต่จะส่งไปที่เค้าน์เตอร์จ่ายยาเลย หลายวันมานี้ก็เลยไม่มีปัญหาค่ะ”
หมอภาสนิ่งไปกับสิ่งที่เธอเล่า เขาไม่มีทีท่าอะไรที่แสดงออกมาให้เธอรู้เลยว่าคิดอะไรอยู่ สายตาเขาจดจ้องอยู่กับถุงยาที่ผิดปกติในมือและไม่มองเธอเลย
“คุณหมอคะ”
“ผมรู้แล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ”
“แล้ว…เรื่องนี้”
“ผมจะคุยกับทีมงานที่ดูแลพวกคุณอีกที วันนี้กลับไปได้แล้ว”
“ก็ได้ค่ะถ้าหมอว่าอย่างนั้นก็…ขอบคุณที่รับฟังปัญหานะคะ”
อลิศเดินออกไปอย่างว่าง่ายเพราะในที่สุดเรื่องที่เธออยากพูดมาหลายวันนี้ก็ได้พูดได้บอกไปหมดแล้วว่าสาเหตุที่พวกเธอเจอไม่ได้เกี่ยวข้องกับความไม่เป็นมืออาชีพของพวกเด็กฝึกงานแต่เกิดจากปัญหาภายในต่างหาก
เมื่อเธอออกมาก็พบกับคนที่อยากเจอมากที่สุดในโรงพยาบาลนี้พร้อมกับยิ้มที่สดใสของหมอกิตที่ส่งมาให้เธอ
“อลิศ ไม่ได้เจอกันนานเลยเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอกิต”
“อ้อจริงสิขอบใจนะสำหรับคุกกี้วันก่อน อร่อยมากเลย"
“ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณหมอชอบนะคะ”
“ว่าแต่วันนี้มาทำอะไรที่นี่เหรอ หรือว่าถูกดุอีกแล้ว”
“เปล่านะคะ อลิศก็แค่เอารายงานมาให้คุณหมอภาสน่ะค่ะ”
“อ้อ เป็นแบบนี้นี่เองงั้นไปกินกาแฟด้วยกันสิ นี่ก็เลิกงานแล้วนี่”
“จะ…จริงเหรอคะ”
“จริงสิ ตอบแทนเรื่องคุกกี้วันก่อนไง ไปเถอะผมมีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวต้องกลับมาตรวจคนไข้ต่อ”
“ได้ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“เรียกพี่กิตเหมือนเดิมก็ได้ รวิศสบายดีใช่ไหม”
“สบายดีค่ะยังดุเหมือนเดิม”
“ไม่มีเวลาไปหาเลย อ้าวหมอภาส!!”
อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินมาจากด้านหลังและรอลิฟต์ที่เดียวกับพวกเขา เธอหุบยิ้มและหยุดพูดไปในทันทีเมื่อเขาปรากฏตัวแต่ดูเหมือนว่าหมอภาสจะไม่ได้สนใจเธอ
“คุณจะไปไหนเหรอ แวะไปกินกาแฟกับพวกเราก่อนไหม”
เขาเหลือบไปมองอลิศที่ยืนก้มหน้า ดูก็รู้ว่าถ้าเขาไปด้วยเธอคงลำบากใจและคงทำให้บรรยากาศเสียแน่นอน
“ไม่ล่ะ ผมรีบไปธุระ”
“อ่อ ชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นเดียวกันนั่นแหละ”
“อ้อ เอออลิศแล้วรวิศตอนนี้เป็นยังไงมันยังบ้างานจนโสดเหมือนเดิมอีกเหรอ”
“เอ่อ….ค่ะ พี่รวิศยังไม่มีแฟน..ค่ะ”
“อะไรกันเกร็งทำไม หมอภาสก็เข้า ๆ ออก ๆ บ้านอลิศบ่อย ๆ พวกเราสองคนเมื่อก่อนเป็นแขกประจำของรวิศเลยนะ ทำไมถึงได้เกร็งกับพวกพี่แบบนั้นล่ะ”
อลิศจะพูดว่าเธอจำหมอภาสไม่ได้เลยก็เกรงว่าจะทำร้ายความรู้สึกของคนที่ยืนหันหลังเธอมากเกินไปแต่ในความทรงจำของเธอ หมอศุภกิตต์เป็นรักแรกพบของเธอจะอยู่ในความทรงจำมากกว่าจนตอนที่พี่ชายเธอบอกว่า
“อ๋อวันนี้ไอ้กิตไม่มาหรอกไปดูหนังกับแฟนมันน่ะ”
วันนั้นจำได้ว่าเธอร้องไห้ทั้งคืนเพราะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว ในวันนั้นเหมือนว่าพี่ชายของเธอกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ๆ อีกสองคนซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นใครเพราะเธอจะจำเพียงแค่ศุภกิตต์ที่คุยเก่งและชอบชวนเธอเล่นเกมมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ของพี่ชายเธอ
“ อลิศยังชอบกินบลูเบอร์รี่ปั่นอยู่หรือเปล่าล่ะ”
“พี่กิตยังจำได้อยู่เหรอคะ”
“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ ครั้งนั้นจำได้ว่ารวิศลืมซื้อกลับมาให้ อลิศก็เลยงอนไปนานเลยนี่ จน….”
“ครับ!! ผมกำลังจะไปครับ เดี๋ยวเจอกันครับ”
ลิฟต์ถึงชั้นล่างพอดี หมอภาสเดินออกไปโดยไม่ได้หันมามองทั้งคู่อีกเลยเมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในคาเฟ่ต์ชั้นแรกของโรงพยาบาล อลิศหันไปมองหมอภาสที่เดินไปยังแผนกประชาสัมพันธ์และเดินตามหมอกิตเข้าไปในร้านกาแฟ
เธอพึ่งสังเกตสายตาของคนในร้านที่มองพวกเธอ หมอกิตขึ้นชื่อว่าเป็นหมอที่หน้าตาดีและมีเสน่ห์เพราะเขาพูดเก่งและคุยง่ายกว่าหมอคนอื่น ๆ
“อลิศ แล้วอลิศล่ะครับตอนนี้ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ”
“คะ อลิศเหรอคะ ยังหรอกค่ะเอาเวลาที่ไหนมาหาแฟนล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้น เราลองคบกันไหมครับ”
สองวันถัดมา งานแต่งของหมอภาส & อลิศงานแต่งที่ดูจะหรูหราไม่แพ้งานหมั้นที่ถูกจัดขึ้นที่บ้านอลิศถูกเนรมิตขึ้นอีกครั้งที่บ้านของหมอภาส แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งริมสระสุดแสนจะโรแมนติกโหลแก้วนับร้อยที่ถูกนำไปลอยในสระน้ำที่เปิดไฟส่องเอาไว้ ด้านในขวดโหลสีต่าง ๆ มีเทียนหอมที่จุดเอาไว้อยู่เพื่อให้พวกมันส่องแสงในยามค่ำคืนของงานฉลองแต่งงานที่เรียบง่ายในแบบฉบับของคุณแม่หมอภาส“แม่ครับ ไหนบอกว่าแค่งานเล็ก ๆ ยังไงล่ะครับ”“แหม....ภาสล่ะก็ เพื่อนแม่ที่อยู่เมืองไทยก็อยากจะเห็นงานแต่งงานของลูกก่อน แม่ไปโม้เอาไว้เยอะว่าลูกสะใภ้แม่สวยพวกเธอก็เลยอยากดู ทีนี้ก็รู้กันทั้งศูนย์เลย ก็เลย….”“แม่ แต่ผมกับอลิศ…”“แล้วแกจะให้ไล่แขกกลับหรือไงยะ ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไป ๆ รีบไปเตรียมตัวได้แล้วจะได้เวลาส่งตัวคู่บ่าวสาวแล้ว ช่อดอกไม้ล่ะ หนูนิว นิวลูกอยู่ไหนน่ะ”“อยู่นี่ค่ะแม่ มาแล้ว ๆ นี่ค่ะคุณหมอ ขอโทษทีค่ะคือว่า…นิวมัวแต่ไปสั่งให้เพิ่มโต๊ะที่ริมสระให้แขกของคุณพ่ออลิศอีกเจ็ดโต๊ะ”“แม่กับคุณพ่อพิชิตนี่ จัดงานได้ “เรียบง่าย” ได้พอ ๆ กันเลยนะครับ”“แกรีบไปเตรียมตัวเถอะน่า แม่จะไปรับแขกด้านนี้ก่อน เดี๋ยวต้องพาเจ้าสาวออกมาแล้วร
สามเดือนผ่านไปรอบ ๆ บริเวณบ้านของอลิศถูกประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้สดจากเมืองเหนือที่นิวเพื่อนสนิทของเธอจัดซื้อและให้คนส่งตรงมาจากเมืองเชียงรายเพื่องานหมั้นและงานแต่งของอลิศโดยเฉพาะ ดอกไม้สีชมพูและขาวถูกประดับไปทั้งงานทั้งในส่วนของลานพิธีหมั้นที่อลิศตั้งใจมาจัดที่สวนต้นไม้ด้านหลัง“ทำไมต้องจัดที่นี่ล่ะอลิศ”“แกเห็นต้นกระดังงาคู่นั่นไหม”“เห็นสิก็แกสั่งให้คนไปตั้งเวทีตรงใต้ต้นนั้นโดยที่ไม่ให้รบกวนดอกกระดังงาที่กำลังออกดอกอยู่”“ต้นไม้คู่นั่น ฉันปลูกมันพร้อมกับพ่อแม่และพี่รวิศตั้งแต่วันที่ลงเสาเอกบ้านหลังนี้”“หมายความว่าต้นไม้นี่อายุเท่ากับแก”“แก่กว่าน่ะ เพราะว่าตอนที่ปลูกลงดินฉันยังอยู่ในท้องแม่ได้สามเดือน แต่พี่รวิศได้สี่ขวบกว่าแล้วตอนที่สร้างบ้านหลังนี้”“เพราะแบบนี้นี่เอง ยังดีที่จัดงานตอนนี้ไม่ต้องกลัวเรื่องฝน”“ฉันอยากให้คุณแม่อยู่ร่วมในพิธีที่สำคัญนี้”นิวหันมากอดอลิศที่มองไปยังต้นกระดังงาคู่ที่ตอนนี้ถูกจัดและประดับด้วยผ้าม่านและดอกไม้สดซึ่งจัดเกือบจะเสร็จแล้ว อลิศกำลังปาดน้ำตาเมื่อหันไปอีกครั้งก็เป็นหมอภาสที่ใช้ทิชชูหันมาซับน้ำตาให้เธอ นิวเดินไปกับคนจัดดอกไม้แล้ว“ร้องไห้อีกแล
วันถัดมา“ไม่เอา ๆ เพชรน้ำไม่งามเลย ต้องเอาใหญ่ ๆ หน่อย ไม่เอา ๆ ไม่มีอันไหนสวยเลย”“คุณ คนแต่งน่ะตาภาสกับอลิศนะ ทำอย่างกับคุณจะแต่งเสียเอง”“ไม่ได้ค่ะ คุณก็รู้นี่คะงานหมั้นนี่สำคัญนะจะให้น้อยหน้าได้ยังไง ทั้งร้านนี่เอาไว้ใส่เล่น ๆ อ่ะได้ แต่ให้สวมจริง อลิศ…แม่คิดว่าคงต้องสั่งทำใหม่นะลูก หนูรอได้ไหม”“คุณแม่ครับ…”“แกหุบปากไปเลย นะอลิศนะตามใจแม่สักเรื่องหนึ่งนะลูก”“เอ่อ…พี่ภาสคะ อลิศคิดว่า….”“เอาตามนี้แหละ มาเธอมาจดสิ่งที่ฉันบอก ส่วนเธอวัดขนาดนิ้วให้พวกเขาด้วย ภาสเลือกแหวนที่ดูดีหน่อยเอาให้น้องไปใส่เล่น ๆ ก่อน เดี๋ยววงจริงค่อยเปิดตัวพร้อมงานหมั้น”“ถ้าอย่างนั้นเลือกแล้วผมพาอลิศไปเลยนะครับมีธุระต่ออีก”“เออ ๆ จะไปไหนก็ไปวันนี้อนุญาตแม่จะต้องสั่งของอีกเยอะเลย มานี่ ๆ เธอไปเรียกคุณธิวามาหน่อย เจ้าของร้านของพวกเธอน่ะ ฉันจะต้องสั่งงานที่พิเศษหน่อย”หมอภาสได้โอกาสเมื่อพวกเขาเลือกแหวนหมั้นที่เอามาสวมเป็นการชั่วคราวไปก่อนสองวงเสร็จแล้วก็รีบพาอลิศออกมาทันที ตอนเช้าเขาตั้งใจว่าจะออกมากับอลิศสองคนใครจะคิดว่าแม่รู้แผนของเขาโดยการมาดักรอกินข้าวเช้าด้วยและให้คุณพ่อเขาขับรถตามมา แต่เย็นนี้พวกเขาม
“แม่ครับเดี๋ยวก่อนนะครับแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะแล้วฟังผม”หมอภาสหันไปมองคุณแม่และเริ่มควบคุมสถานการณ์เพราะดูแล้วแม่ของเขาจะใจร้อนกว่าใครในที่นี้เลย“ก็พูดมาสิ”“คือผมขออลิศกับคุณอาแล้ว ส่วนเวลาที่นัดทานข้าวผมก็แค่รอให้คุณพ่อคุณแม่บินกลับมาก่อนแล้วนัดเวลาคุณอาพิชิตอีกครั้งเพราะท่านเองก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลและยังต้องทำงานด้วย เรื่องเวลาคุยกันได้ครับส่วนเรื่องแหวน ผมจะพาอลิศไปวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว เรื่องเรือนหอก็เหมือนกัน”หมอภาสอธิบายทุกอย่างให้แม่เขาฟัง นับว่าเป็นการอธิบายที่ครบถ้วน สมบูรณ์แบบและน่าทึ่งมากสำหรับอลิศที่ได้แต่นั่งฟังเพราะมันทั้งสั้นและได้ใจความ คุณแม่ของเขาเริ่มนิ่งลงจนพ่อของหมอภาสเริ่มพูดขึ้นมา“คุณก็เป็นแบบนี้ทุกที ผมบอกแล้วไงว่าภาสมันไม่พลาดหรอกคุณก็ไม่ไว้ใจลูก เห็นไหมละเขาทำจนหมดแล้วเหลือแค่ให้คุณจัดงานแต่งให้เท่านั้นแหละ”“ก็ใครจะไปรู้ล่ะลูกคุณมันต่างจากคุณที่ไหน มีอะไรมันก็ไม่เคยพูด จะแต่งเมียทั้งทีพวกเรายังรู้เป็นคนสุดท้ายเลยไม่ใช่เหรอ”“แม่ครับ ถ้าผมยังไม่มั่นใจมีเหรอที่จะบอกแม่ได้ ไม่ใช่ไปแอบจับคู่มั่ว ๆ ให้ผมเหมือนครั้งก่อนนั้นอีก ผมเกือบสิ้นอาชีพเลยนะครับอย่าทำอีกนะคร
หมอภาสหันมามองหน้าคนที่เขาพึ่งจะเรียกเธอว่า “แม่” ที่หันไปมองลูกชายตัวเองสลับกับมองอลิศที่ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเอาไว้ เธอไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย หมอภาสเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ“ผมไม่ได้จะปิดบังแต่ขอเวลาให้ผมกับเมียอาบน้ำก่อนจะไปพบไม่ได้เหรอครับทำไมต้องรีบขนาดนั้น”“จะไม่ให้ฉันรีบได้ยังไง!!”อลิศเริ่มกลัวเสียงที่แผดดังขึ้นเรื่อย ๆ ของคนตรงหน้าที่พุ่งเข้ามานั่งจนชิดเธอ แม้ว่าหมอภาสจะห้ามและยกมือขึ้นมากันแต่ก็ถูกเธอปัดออกไปก็ตาม“ดูสิ รังแกน้องจนช้ำไปหมด นิสัยเสียเชียวนะแก!!”“แล้วแม่ไม่อยากได้หลานหรือไง ทำเป็นพูดมากใครกันล่ะที่บอกผมว่าให้รีบ ๆ มีลูกน่ะ ทีนี้จะมาบ่นทำไม”“หุบปากแกไปเลย ออกไปอยู่กับพ่อแกไป”“ไม่!! แม่จะพูดอะไรกับอลิศผมก็จะนั่งฟังด้วย”“ไอ้หมาหวงก้าง!!”อลิศเริ่มปรับความรู้สึกไม่ถูกแล้วเมื่อฟังหมอภาสและคุณแม่ของเขาเถียงกันแต่สุดท้าย คุณแม่ของเขาก็หันมาจับมือเธอและมองเธอให้ชัดโดยที่อลิศรู้สึกอายมากเมื่อต้องมาพบกันครั้งแรกด้วยสภาพที่เธอเป็นแบบนี้“หนูสวยมากลูกสาวคุณแม่ สวยจนนึกไม่ถึงว่าแม่จะได้หนูมาเป็นลูกสาว”“ลูกสะใภ้!! ครับแม่ ไม่ใช่ลูกสาว”“หุบปากแกไปเลย!!”อล
มือของอลิศจับที่แท่งแกร่งตรงหน้าและค่อย ๆ รูดขึ้นลงตามจังหวะ หมอภาสที่นั่งคุกเข่าอยู่แทบจะทนไม่ได้เมื่อถูกแฟนสาวตรงหน้าใช้ปากกับส่วนนี้ของเขาเป็นครั้งแรก“อลิศ …..อย่านะ อาาา!!!”ยิ่งหมอภาสร้องครางดังเท่าไหร่ อลิศก็ยิ่งได้ใจมากขึ้นเธอรูดจนหัวที่บานออกมาเกือบจะพุ่งชนหน้าของเธอ ลิ้นนุ่มของเธอจึงไล้เลียไปที่ยอดปลายบานนั้นทันที หมอภาสที่ไม่เคยถูกปลุกเร้าอารมณ์แบบนี้มาก่อนมีหรือจะทนความเสียวแบบนี้ไหว เขาทรุดลงแต่อลิศยังไม่ยอมหยุด เธอค่อย ๆ อมมันเข้าไปและรวบเข้าไปจนสุดโคน“อาา…อลิศ ผมเสียว….อาาา”เธอใช้ปากรูดขึ้นลงตามจังหวะสลับกับดูดและโลมเลียจนหมอภาสเริ่มไขว่คว้าหาที่จับเอาไว้ให้มั่น เสียงนิ้วมือหนาที่จิกไปที่โซฟาหนังหรูหรานั้นยิ่งทำให้อลิศรู้สึกเหมือนกับผู้ชนะ“อลิศ ผมจะ…แตก ถอยออกมาก่อน”อลิศไม่พูดอะไรแต่เธอไม่ยอมห่างเจ้าลำเอ็นแข็งตึงตรงหน้านั้นและยังอมเอาไว้ในปาก นิ้วเรียวยาวเอื้อมมากระตุ้นเขาเพิ่มที่ยอดหน้าอกสีเข้มของหมอภาส เธอรู้สึกว่าขนอ่อนของเขาลุกขึ้นชูชันอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน“อาา อลิศ ถ้าคุณไม่ออกผมจะแตกใส่ปากคุณนะ!!”“รีบมาสิคะที่รัก แตกมาได้เลย”“อาาา อลิศ!!!”เพียงแค่สิ