"คุณพ่อ"
"พ่อ?" อวัศย์ถึงกับหลุดพูดทวนคำอย่างงงงวย สบตาเด็กน้อยที่ยืนมองเขาตาแป๋ว
พ่อ? เขาไปมีลูกตอนไหน
"นี่คุณลุงของพะแพงเองใบข้าว" ร่างสูงกะพริบตาปริบๆ งุนงงเมื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาวิ่งมาสมทบ อธิบายเพื่อนที่ยืนข้างๆ เสียงเจื้อยแจ้ว "สวัสดีค่ะคุณลุงหมอก"
"สวัสดีค่ะพะแพงแล้วนี่...ใบข้าวใช่ไหม เป็นเพื่อนพะแพงเหรอคะ" เด็กผู้หญิงตัวน้อยยืนมองเขาตาแป๋ว ในแววตามีทั้งความมึนงง กลัว และสงสัย
"สวัสดีค่ะคุณลุง" ก่อนจะยกมือทำความเคราพเหมือนที่คุณแม่และคุณครูเคยสอนมา
"สวัสดีครับ หนูอยู่บ้านข้างๆ เหรอคะ" เมื่อเห็นท่าทางใบข้าวเริ่มคลายความหวาดกลัวจึงจับมือทั้งหลานตนเองและเพื่อนของหลานคนละข้าง จูงมือกันเดินเข้าบ้าน
"ค่ะ"
"ใบข้าวอยู่ข้างๆ บ้านแล้วก็เป็นเพื่อนพะแพงด้วยค่ะ ใบข้าวเรียนเก่งมากพะแพงชอบให้ใบข้าวสอนภาษาจีน" หลานสาวตัวน้อยอวดเพื่อนเสียงเจื้อยแจ้ว
"พะแพงก็เก่งนับเลขค่ะคุณลุง" ใบข้าวรีบบอกคุณลุงของเพื่อนเหมือนกันว่าเพื่อนตนเองก็เก่งไม่แพ้กัน
อวัศย์ยกยิ้มหัวเราะน้อยๆ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนแข่งกันพูดแข่งกันเล่าเรื่อง เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในบ้านเห็นวีรยุทธ์นั่งทำงานอยู่ตรงห้องนั่งเล่น จึงเอ่ยถามถึงคนที่ทำให้เขาต้องรีบกลับมาบ้านเย็นนี้
"โอมคุณแม่ล่ะ เป็นไงบ้าง"
"คุณแม่..เป็นอะไรนะครับ?"
"ก็พระพายโทรมาบอกคุณแม่หน้ามืดไม่ใช่เหรอ พี่บอกให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาลก็ไม่ยอม บอกจะให้พี่กลับมาตรวจที่บ้านให้ได้"
"เอ่อ.." เมื่อเห็นแววตาว่างเปล่าของน้องเขย อวัสย์ถึงกลับกลอกตามองบนทันที
สงสัยงานนี้จะโดนคุณนายแม่กับน้องสาวต้มอีกแล้ว
"หมอกมาแล้วเหรอลูก" เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาทันทีเมื่อเดินพ้นเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางปกติไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างที่เขาคิด
"ไหนพายบอกแม่หน้ามืดไม่สบายไงครับ" อวัศย์ถามเสียงเข้มหรี่ตาจับผิด
"โอ๊ยยย ยัยพายกระต่ายตื่นตูมแม่แค่เวียนหัวอากาศร้อน นี่พอเข้ามาเปิดแอร์นั่งพักปุ๊บก็หายเลย ดูสิมีแรงทำกับข้าวของโปรดเราด้วย" คนเป็นแม่ยกยิ้มกว้าง อวดอาหารที่ถือมาให้ลูกชายดู
"คุณป้าคะอันนี้วางตรงหนะ.." เสียงหวานคุ้นหูส่งผลให้ร่างสูงละความสนใจจากมารดามองเลยไปด้านหลังทันที ก่อนจะนิ่งอึ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากในครัวบ้านตนเอง
"คุณ!/ใบชา!"
ทั้งสองคนงงงันไปครู่ใหญ่ กว่าจะได้สติก็เพราะคุณนายรัชนีเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบ
"นี่รู้จักกันด้วยเหรอ" รัชนีถามอย่างแปลกใจ ลึกๆ ภายในอกใจเต้นไม่น้อยเมื่อทั้งสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน แผนที่วางไว้มากมายให้ทั้งสองทำความรู้จักกันถูกพับไปทันทีเมื่อดูทั้งคู่น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
"ก็..ค่ะ คือลูกศิษย์ที่โรงเรียนที่เกิดอุบัติเหตุรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่คุณหมอกอยู่ค่ะ" ใบชาเลือกที่จะอธิบายกว้างๆ ให้ดูรู้จักกันน้อยที่สุด
"คุณแม่คะ คุณลุงเหมือนรูป..." เสียงเจื้อยแจ้วขาดหายไปทันทีเมื่อคนเป็นแม่เอื้อมมือไปปิดปากลูกสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ก่อนเด็กตัวน้อยจะพยักหน้ารับตาแป๋ว
"แม่?" อวัศย์ตกใจหน้ากว่าเดิม เขามองสลับซ้ายทีขวาทีระหว่างคนแม่และคนลูก
"ใช่จ้ะ นี่หนูใบชากับน้องใบข้าวที่มาอยู่ข้างบ้านเราไง" รัชนีเริ่มอธิบายเมื่อเห็นท่าทีงุนงงของลูกชาย แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อลูกชายตนเองช็อกหนักกว่าเดิม
ใบชา ใบข้าว ลูก แม่เลี้ยงเดี่ยว? ใบข้าวอายุเท่าพะแพง นั่นก็พอๆ กับเรื่องคืนนั้น นี่มันอะไรวะเนี่ย!!
ความคิดในหัวของเขาตีกันมั่วไปหมด อยู่ๆ กลับบ้านมาเจอคนตรงหน้าก็แปลกใจแล้ว นี่ดันมาอยู่ข้างบ้าน แถมเธอยังมีลูกแล้ว
ถ้าคิดย้อนดูแล้วหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ใบข้าวก็อาจจะเป็น...
"พี่หมอกกลับมาแล้วเหรอคะ" พระพายเดินเข้ามาสมทบเป็นคนสุดท้าย เอ่ยถามคนเป็นพี่ชายเสียงอ่อย "คือเมื่อบ่ายคุณแม่หน้ามืดแล้ว...อ้าว! พี่หมอก" หญิงสาวยังไม่ทันได้อธิบายต้องร้องอุทานอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่ชายตนเองเดินปรี่เข้ามาหาใบชาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"คุณ!! อะไรเนี่ย"
"มาคุยกับผม" เขาเอ่ยเสียงเข้มฉุดร่างบางให้ออกเดินตาม
"ปล่อยนะคุณ!"
"ถ้าไม่ไปคุยกับผมตอนนี้ ผมจะบอกคุณแม่ให้หมดเลยว่าเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้น!" เขากระซิบบอกเธอเสียงเครียด ปภาวรินทร์เบิกตากว้างตกใจเมื่อเขาเอาเรื่องนั้นมาขู่ หันไปค้อมศีรษะขอตัวกับคุณป้าและพระพายที่ยืนมองมาอย่างมึนงง ก่อนจะหันไปบอกให้ลูกสาวตนเองอยู่เล่นกับพระแพงไปก่อน
"อธิบายมา" คนตัวสูงเอ่ยเสียงเรียบท่าทางจริงจังเมื่อพาเธอมายังสวนหลังบ้านจุดลับตาคน
"คุณเป็นคนลากฉันออกมา แล้วยังมาบอกให้อธิบายเนี่ยนะ?" ปภาวรินทร์ถามกลับอย่างคับข้องใจ เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย!
"ใบข้าวเป็นลูกผมใช่ไหม?"
"ไม่ใช่!" เธอตอบกลับทันทีเสียงแข็ง เชิดหน้าขึ้นไม่สบตาเขา
"จะไม่ใช่ได้ยังไง? ถ้าดูจากอายุใบข้าวกับเรื่องคืนนั้นยังไงก็เป็นลูกผม" อวัศย์ไม่ยอมแพ้อธิบายหลักเหตุและผล
"ไม่ใช่ ใบข้าวไม่ใช่ลูกคุณ" เธอยังยืนยันเสียงหนักแน่น
"แค่ยอมรับมามันจะเป็นอะไรใบชา!"
"ก็จะให้ยอมรับอะไร บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!" ปภาวรินทร์หลุดโมโหบ้างเมื่อเขายังดึงดันไม่หยุด
"โอเค ผมขอโทษที่ไม่ได้ตามหาคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคืนนั้นผมเป็นคนแรก แล้วไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าป้องกันดีรึเปล่า" เขายกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้ "แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างทั้งเรื่องคุณและเรื่องลูก ผมขอโทษที่ปล่อยให้คุณเลี้ยงลูกคนเดียวมาโดยตลอด ต่อไปผมจะทำหน้าที่พ่อเอง"
รับผิดชอบ? หน้าที่พ่อ? แค่นั้นเหรอสิ่งที่เขาเอ่ยถึง ปภาวรินทร์หลับตาลงสูดหายใจช้าๆ ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่นอีกครั้ง
"ใบข้าวไม่ใช่ลูกคุณ!"
"ใบชา! จะไม่ใช่ได้ยังไง ดูจากระยะเวลาแล้วเป็นลูกผมชัดๆ คุณพูดความจริงมา"
"ดูคุณอยากจะมีลูกให้ได้เลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ อีกอย่างหลังจากคืนนั้นคุณไม่คิดว่าฉันจะไปมีคนอื่นรึไง บางทีคืนต่อไปฉันอาจจะไปมั่วเลยก็ได้!" เมื่อเห็นเขาเอาแต่คาดคั้นไม่หยุด เธอจึงหลุดตวาดกลับ ก่อนจะนิ่งอึ้งไปเมื่อเขาจ้องมองเธอนิ่งแววตาดำมืดน่ากลัว
"สรุปคืนนั้นเป็นคุณจริงๆ ใช่ไหม?"
"มะ..ไม่ใช่" ปภาวรินทร์ยังคงปฏิเสธถอนสายตาหนีไปทางอื่น เมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรไป
"ถ้างั้นผมขอพิสูจน์" เมื่อเขาพูดจบก็เดินปรี่เข้ามาประชิดตัวเธอทันที
"พะ..พิสูจน์อะไร!" ใบชาพยายามเสียงแข็งใส่ แต่รู้สึกได้ว่าเสียงกลับสั่นมากกว่า
"ตรงนี้" เขาชี้ไปยังบริเวณสีข้างด้านขวาของเธอ "ตรงนี้มีรอยสักไม่ใช่รึไง"
"ไม่มี!"
"มี..รูปหมอก"
ปภาวรินทร์ยืนมองคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงที่เธอเพิ่งปูผ้าเสร็จนิ่ง เมื่อเห็นเขาหลับไปแล้วเพราะไม่มีการขยับตัวเลย จึงหันหลังกลับไปเก็บของในห้องน้ำให้เรียบร้อย เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำยังคงเห็นเขานอนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบชามองเลยไปยังหัวเตียงมีโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และกุญแจบ้านของเธออยู่ตรงนั้น เนื่องจากวันนี้เธอแจ้งกับพี่นีไว้ก่อนแล้วว่าจะขอออกงานเร็วกว่าปกติ เพราะพี่สาวไม่ค่อยสบาย พี่นีเลยให้เธอทำห้องนี้เสร็จแล้วกลับได้เลย ใบชาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมกลับบ้าน กะไว้ว่าทำห้องเสร็จจะออกทางหลังร้านตรงกลับบ้านได้เลย เธอจึงเตรียมของทุกอย่างมาด้วยแล้ววางไว้บนหัวเตียงใบชายืนลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ เดินลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุด ค่อยๆ ย่องไปยังเตียงกว้าง เอื้อมมือผ่านร่างสูงที่ยังคงนอนคว่ำอยู่ไปยังหัวเตียง ขณะที่มือกำลังจะถึงของที่วางอยู่ ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัวกลับมานอนหงายแทน"ว๊าย!" ใบชาเอามือปิดปากตัวเองแน่น ชำเลืองมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาปรือตาขึ้น"หืม...มาได้ไง?" คนบนเตียงกะพริบตาสองสามทีก่อนจะพยุงตัวขึ้น "อยู่ใ
ถ้าบอกว่าเธอกำลังหลงมัวเมาก็คงจะไม่ผิด เขาพาเธอขึ้นมานอนอยู่บนเตียงกว้างตอนไหนเธอยังแทบไม่มีสติรับรู้ ในเมื่อริมฝีปากร้อนของเขาไล่พรมฝากฝังร่องรอยทั่วเรือนร่างเปลือยเปล่า แทนที่เธอจะปฏิเสธ แต่สัมผัสโอ้โลมทั่วกายส่งผลให้อารมณ์ถูกปลุกเร้าให้พุ่งทะยาน อุณหภูมิในร่างไต่ระดับขึ้นตามแรงกระตุ้นจนรู้สึกวูบวาบขึ้นสมอง ไม่ว่าจะเป็นปลายนิ้วหรือลิ้นที่ลากผ่านเรือนร่าง ตรงจุดนั้นก็ร้อนผ่าวคล้ายจะมีไฟลุก"อื้อ" แม้จะพยายามกลั้นเสียงแต่มันก็เผลอหลุดออกมาง่ายๆ เพียงปลายนิ้วร้อนปัดผ่านใจกลางสาว"อยากรึยัง" เสียงแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างใบหู ในขณะที่มือร้อนเคล้นคลึงยอดอกสีหวานเรียกให้ร่างกายเธอสะดุ้งรับสัมผัส"คะ..คุณ อื้ออ" คนใต้ร่างส่งเสียงครางดังระงมอยู่บนเตียงเมื่อลิ้นร้อนสัมผัสแตะยอดอกสีเชอร์รี่ ก่อนจะดึงดูดหนักๆ สลับเบา จนแผ่นหลังเธอยกลอย ก่อนที่ลิ้นร้อนเคลื่อนไปตามผิวเนื้อเปลือยเปล่าที่สั่นน้อยๆ เขาเคลื่อนต่ำลงไปตามสีข้างก่อนจะสะดุดกึกเพ่งมองลายเส้นยาวๆ คล้ายควันจางๆ ลายเส้นฉวัดเฉวียนซ้อนทับกันฟุ้งๆ เป็นภาพหน้ามอง "คุณสักอะไร ควันเหรอ?" เขาถามเสียงเบา ปลายนิ้วลูบไล้ไปตามแนวยาวของสีข้างคล้ายละเมอ ม
"ว่าไง? เมื่อกี้เหมือนได้ยินชื่อตัวเอง""ใช่ค่ะ พายนินทาพี่หมอกเองว่าไม่ค่อยกลับบ้าน" พระพายเอ่ยแกล้งพี่ชาย แอบหมั่นไส้เล็กน้อยที่ปากทำเป็นถามเธอแต่สายตามองแต่คนข้างๆ ที่นั่งก้มหน้างุดทำงาน สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊กไม่ได้มีท่าทางสนใจคนมองมาเลย คุยกับเธอแต่ตามองแต่พี่ชา คู่นี้น่าลุ้นอย่างที่คุณแม่บอกจริงด้วย"เอ้า ก็พี่ติดเคสนี่ ทำไมอยากให้พี่กลับบ้านบ่อยๆ รึไง ถ้างั้นเดี๋ยวจะกลับทุกวันเลยดีไหม" ร่างสูงนั่งบนโซฟาด้านหลังหญิงสาวทั้งสองพลางเอื้อมมือไปยีผมน้องสาวตนเอง"โอ๊ยยย พี่หมอกยังจะมาแกล้งอีกพายโตแล้วนะ" พระพายโวยวายน้ำเสียงหงุดหงิด "แหมมม แล้วทำเป็นจะกลับบ้านทุกวันอย่าคิดว่าไม่รู้นะว่ามีจุดประสงค์อะไร" พลางเอ่ยแซวพี่ชายตนเองต่อ"โตอะไรพี่ยังจำตอนแกตัวกระเปี๊ยก ยืนกินขี้มูกได้อยู่เลย" หมอกทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่น้องสาวตนเองแซว "พี่หมอก!! กลับไปเลยนะพายไม่ให้เข้าบ้าน""อ้าว! ไหงเป็นงั้น แค่นี้ถึงกับไล่พี่ออกจากบ้านเลยเหรอ เมื่อกี้ยังบ่นว่าพี่ไม่กลับบ้านอยู่เลยนึกว่าอยากอยู่ด้วยกัน" อวัศย์เย้าแหย่น้องสาว"ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว พายมีพี่ชาแล้วไม่ง้อพี่หมอกหรอก เนอะพี่ชาต่อไปพี่ชามา
"ไม่น่าเชื่อว่าขนมจีนจะเป็นเมนูเด็กได้ แถมยังเป็นเมนูสุขภาพด้วย" พระพายมองไปยังกระทะขนาดเล็กที่คนข้างๆ กำลังผัดอยู่ ข้างในกระทะมีเครื่องพริกแกงที่ทั้งเธอและปภาวรินทร์เป็นคนช่วยกันเตรียมและโขลกทิ้งไว้"ความจริงแล้วหลายๆ เมนูก็เป็นสุขภาพได้ค่ะ เราแค่ใส่ผักลงไปในแต่ละมื้อ" ใบชาอธิบายระหว่างนั้นก็เบาไฟ ก่อนจะเทนมจืดลงบนกระทะค่อยๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ ด้วยไฟอ่อน"แต่พะแพงไม่ค่อยชอบกินผักค่ะ กว่าจะสู้รบให้กินได้เหนื่อยกันทั้งบ้าน" พระพายบ่นเสียงเครียด แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงและแววตาก็ดูเป็นประกายเมื่อพูดถึงลูกสาว"ต้องพยายามทำผักให้เป็นรูปร่างหน้าตาน่ารักค่ะ อย่างที่บ้านชาก็มีพวกแม่พิมพ์รูปดาวรูปหัวใจไว้เพียบเลย" ใบชาแนะนำพลางเริ่มปรุงรสเมื่อเคี่ยวแกงในหม้อจนได้ที่"แบบนี้ดีเลยค่ะ อย่างนี้พี่ชามาสอนพายบ่อยๆ ได้ไหมคะทุกวันเลยยิ่งดี พายทำกับข้าวไม่เป็นเพิ่งจะมาหัดทำได้ไม่นานเอง" พระพายขอร้องแววตาคาดหวัง"ได้สิคะ ของแบบนี้ค่อยๆ ฝึกได้ค่ะ เมื่อก่อนพี่ก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน แต่พอมีใบข้าวก็ต้องฝึกทำ" ใบชาหันมาตอบให้กำลังใจ"พี่ชานี่น่ารักจัง ไม่น่าพี่หมอกถึงตามมาเฝ้า""ตะ..ตามมาเฝ้าอะไรกันคะ เขากลับมาบ้
"อย่าทำหน้าเครียดสิใบชาป้าบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร" ป้าแก้วเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเธอ"ใบชาผิดเองที่ปล่อยให้ป้าแก้วลำบากจนลื่นล้มแบบนั้น" "บอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวป้าเองก็แก่แล้วไม่เจียมตัวเอง แค่อยากไปเก็บผักมาทำกับข้าวเท่านั้นเอง" ทั้งห้องยังตกอยู่ในความเงียบเมื่อป้าแก้วเอ่ยจบ"อย่าโทษตัวเองกันเลยครับ หมอบอกแล้วว่าไม่เป็นอะไรมาก" หมอกเอ่ยแทรกขึ้นเมื่อทั้งสองคนต่างรู้สึกผิดเอาแต่โทษตัวเอง "เพียงแต่ช่วงนี้ป้าอาจต้องงดเดินงดออกแรงหน่อยครับ" อวัศย์แนะนำง่ายๆ ให้คนมีอายุเข้าใจ"ถ้าอย่างนั้นป้าแก้วกลับไปบ้านก่อนก็ได้ค่ะ อยู่ที่บ้านยังให้กิ๊ฟดูแลได้" ปภาวรินทร์หมายถึงหลานสาวของป้าแก้วที่กำลังเรียนอยู่ ถึงอย่างนั้นก็โตพอจะดูแลผู้เป็นยายได้แล้ว"แล้วใบข้าวล่ะใครจะดู ใบชาอีกทำงานไม่เป็นเวลาป้าเป็นห่วง" คนสูงอายุยังไม่วายเป็นห่วงคนที่รักเสมือนลูกหลาน"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะป้าแก้ว ช่วงนี้ชาสอนออนไลน์มีเวลาดูใบข้าวได้ ป้าแก้วดูแลเราสองคนมานานแล้ว ถึงเวลาแบบนี้จะให้ป้ามาดูแลอีกชาคงจะไม่สบายใจ" ปภาวรินทร์เอ่ยเสียงเครียดน้ำตาคลอ ถึงแม้ว่าคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงจะไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือด แ
"คุณแม่คะแล้วคุณยายจะกลับไปอยู่บ้านนานไหมคะ" เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยถามผู้เป็นแม่ขึ้น หลังจากที่ทั้งสองพากันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน "ก็จนกว่าคุณยายจะหายค่ะ""คุณยายต้องเจ็บมากๆ แน่เลยค่ะใบข้าวอยากไปเป่าแผลให้คุณยาย" ใบชายิ้มกว้างยกมือลูบศีรษะลูกสาวด้วยความเอ็นดู"ตอนนี้คุณยายอยู่กับหมอไม่เจ็บแล้วค่ะ""ถ้าไม่เจ็บแล้วทำไมคุณยายถึงไม่กลับมาอยู่ด้วยกันคะ" เด็กน้อยซักถามด้วยความสงสัย"ก็เพราะว่าถึงไม่เจ็บแล้ว แต่ต้องรักษากระดูกและร่างกายก่อนค่ะ ถ้ามาอยู่กับเราคุณยายก็จะไม่ค่อยได้พักผ่อน" ปภาวรินทร์อธิบายบอกลูกสาว เธอตกลงกับป้าแก้วตั้งแต่ใบข้าวเกิดแล้ว ว่าเราจะเลี้ยงลูกแบบผู้ใหญ่ จะคุยอะไรต้องเป็นเหตุและผล และจะพยายามไม่โกหกแต่จะหาเหตุผลที่เด็กจะสามารถเข้าใจได้มาคุยกันแทน ด้วยสมัยนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องเลี้ยงแบบโกหกตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นความคิดติดตัวเขา เช่นต้องกินข้าวให้หมดชามและตอนดึกห้ามออกจากบ้านไม่เช่นนั้นจะมีผีมากินตับ อะไรเทือกนั้น เธอเลือกที่จะอธิบายเป็นเหตุและผลจนลูกเข้าใจ นั่นจึงทำให้ใบข้าวค่อนข้างเป็นเด็กที่โตกว่าวัย และช่างซักช่างถาม เมื่อเธอเห็นลูกสาวอยู่กับพะแพงก็รู้สึกดี
"น้องพายเป็นยังไงบ้างคะขอโทษทีไม่คิดว่างานจะลากยาว" ปภาวรินทร์กึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังพระพาย เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องให้หญิงสาวช่วยดูแลลูกให้ก่อน"ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่ชา ช่วงเช้าไม่มีอะไรแค่นั่งฟังบรรยายที่ห้องประชุมเดี๋ยวช่วงบ่ายถึงเข้าพบครูประจำชั้น" วันนี้เป็นวันที่ทางโรงเรียนนัดประชุมผู้ปกครอง เดิมทีเธอมีตารางสอนพิเศษแบบส่วนตัวกับนักเรียนจึงตั้งใจให้ป้าแก้วมาแทน แต่ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นวันก่อน ตอนนี้ป้าแก้วก็กลับไปรักษาตัวที่ต่างจังหวัดแล้ว เธอเลยกะว่าจะมาเอง แต่ครูจ๋าที่เธอคุยไว้ว่าให้ช่วยไปสอนแทนดันป่วยท้องเสีย เธอจึงต้องเป็นฝ่ายไปสอนตามตารางเดิม ยิ่งช่วงนี้ทางโรงเรียนยังมีปัญหาเรื่องโดนลอบทำร้าย ใบชาจึงไม่อยากมีปัญหาเรื่องอื่นอีก เลยทำได้แค่ฝากพระพายช่วยดูให้ก่อน และเลือกตามมาช่วงบ่ายแทน"เหนื่อยแย่เลยดูแลเด็กพร้อมกันสองคน แถมยังดื้อด้วย" ปภาวรินทร์ยังกล่าวอย่างรู้สึกผิด"ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ สองคนนี้ก็ไม่ได้ดื้ออะไร แล้วอีกอย่างพายไม่ได้ดูคนเดียวสักหน่อย" เธอเผลอตัวเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ด้วยความสงสัยในสิ่งที่พระพายพูดก่อนจะหันขวับไปตามเสียงเรียก"คุณแม่" ใบชายิ้มกว้างทันทีเ
"ทำอะไรของคุณ?" ปภาวรินทร์เอ่ยถามขึ้น แต่เมื่อเห็นเขาไม่มีท่าทีจะตอบ เธอจึงหยุดเดินประท้วงจนคนนำหน้าต้องหยุดตาม หันกลับมามองเธอสีหน้าไม่สบอารมณ์เธอรึเปล่าเนี่ยที่ต้องอารมณ์เสีย!"ผมก็จะพาไปที่นั่งไง""ฉันคุยกับคุณวัชอยู่คุณจะรีบทำไม อีกอย่างใบข้าวกับพะแพงก็ยังไม่ได้ตามมาเลย" "เดี๋ยวพายพามา" ว่าจบเขาก็ออกเดินอีกครั้ง "คุณหมอก!" เมื่อเห็นเธอขึ้นเสียงคนตัวสูงที่ทำท่าจะพาเธอออกไปจากตรงนั้นให้ได้ก็หยุดชะงัก หันกลับมามองเธออีกครั้ง "คุณไม่มีสิทธิ์มาลากฉันไปไหนมาไหนก็ได้แบบนี้!" เมื่อเห็นท่าทีคนตัวเล็กบวกกับมองเลยไปจุดเดิมที่จากมา ไม่มีคนที่ทำให้หงุดหงิดยืนอยู่แล้วเขาจึงยอมปล่อยมือ ยกมือยอมแพ้"โอเคๆ ผมขอโทษ แค่ตั้งใจจะพาคุณไปนั่งรอก่อน ผมซื้อแซนวิชมาให้เพราะคิดว่าคุณยังไม่กินอะไรแน่ๆ" เขาเพยิดหน้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ บนโต๊ะมีขนมปังแซนวิชและนมจืดวางอยู่"คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันดูแลตัวเองได้""ผมรู้ว่าคุณดูแลตัวเองได้ แต่ผมตั้งใจทำให้เพราะเป็นห่วงไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะดูแลตัวเองไม่ได้" อวัศย์อธิบายไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด เอ่ยพูดในสิ่งที่คิดไปตรงๆ คนตัวเล็กรู้สึกประดักประเดิดไม่น้อย หัวใจเ
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร
"ใบข้าวหลับไปแล้วเหรอ" อวัศย์ถามแฟนสาวเมื่อขึ้นมาจากการส่งมารดา พอเข้ามาในห้องเห็นคนตัวเล็กออกมายืนอยู่ห้องรับครัวด้านนอก ปอกผลไม้ที่คุณแม่เขานำมาเยี่ยมไข้อยู่"ค่ะ ยิ่งวันนี้มีพะแพงมาคุยด้วยจ้อกันไม่หยุดเลย" อวัศย์หัวเราะน้อยๆ เดินเข้ามากอดแฟนสาวจากทางด้านหลัง "หมอกอย่าเพิ่งสิเดี๋ยวมีดบาด" คนตัวสูงที่ลอบหอมแก้มคนรักไปได้แค่สองทีจึงผละตัวออกหน้ามุ่ยเมื่อโดนว่า"ก็คิดถึงนี่""คิดถึงอะไรหมอก ก็อยู่ด้วยกันตลอด" นี่ก็วันที่สามแล้วหลังจากเกิดเหตุ อาการของใบข้าวดีขึ้นมาก ทีแรกเขาจะทำเรื่องย้ายใบข้าวไปยังโรงพยาบาลของตนเอง แต่เมื่อดูอาการแล้วอีกไม่เกินสองวันน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล เธอเลยให้ใบข้าวรักษาตัวที่นี่ต่อไป ไม่อยากย้ายไปย้ายมาให้วุ่นวายแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี เมื่อคุณรัชนีเดินทางมาเยี่ยมใบข้าว พบว่าหลานสาวตนเองได้นอนพักอยู่ห้องพิเศษขนาดเล็ก จึงรีบจัดการโทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่รู้จักกัน ขอให้ทางโรงพยาบาลจัดห้องพิเศษแบบวีวีไอพี แล้วให้ใบข้าวย้ายขึ้นมาอยู่บนห้องด้านบนนี้แทน ซึ่งเธอชักไม่แน่ใจว่านี่คือห้องพักผู้ป่วยหรือโรงแรม ความจริงคุณรัชนีมาตั้งแต่วันแรกที่ทางโ
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าแล้วชา" มือที่กอบกุมกันอยู่สั่นน้อยๆ อวัศย์บีบมือเธอให้กำลังใจ แค่ได้รับฟังหัวใจก็เจ็บปวดไปด้วย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นเขาจะแบกรับสถานการณ์แบบนั้นไหวไหม"ไม่เป็นไรค่ะ ชาผ่านมันไปได้แล้ว แค่ย้อนคิดมันก็อดเศร้าไม่ได้เท่านั้นเอง" เธอเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยกยิ้มน้อยๆ ให้เขา พยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าเธอโอเค ก่อนจะเริ่มเล่าต่อตอนนั้นเธอแค่คิดอย่างเดียวว่าอยากตามพี่สาวไป อยากไปอยู่กับยาย ชีวิตมันเหมือนไม่เหลือใครแล้ว จนเด็กน้อยที่เธอจับวางให้นอนอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินตื่นขึ้น ใบข้าวขยี้ตามองเธอตาแป๋วด้วยความไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อเห็นผู้เป็นแม่คนที่สองร้องไห้จึงขยับไปโอบกอดตามสัญชาตญาณ ปภาวรินทร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยกลั้นเสียงสะอื้น โอบกอดร่างน้อยๆ ในอ้อมแขนแน่น ในเมื่อพี่สาวเธอทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดวงใจคนนี้ เธอจะทำลายความตั้งใจของพี่ใบบัวได้ยังไง คืนนั้นเธอจึงกอบกุมมือน้อยๆ นั้น สัญญากับตัวเองและคนที่อยู่บนฟ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะรัก และดูแลเด็กคนนี้ ให้โตมาอย่างดีที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้ ให้คนเป็นแม่ได้นอนตายตาหลับเมื่อเ
"หมอก..ไปนอนกับชาไหม" คนที่กำลังขยับรถเข้าช่องจอดเหยียบเบรกทันทีด้วยความตกใจที่คนรักชวนให้ไปนอนด้วย ถึงแม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแล้ว แต่การที่เธอเอ่ยชวนก่อนแบบนี้ก็ทำเอาเขาตกใจไม่น้อย"คิดอะไรเนี่ยหมอก! ชาแค่ชวนไปนอนด้วยเฉยๆ" ปภาวรินทร์ถามคนรักหน้าคว่ำ พอจะเดาไม่ยากว่าเขาคงคิดอะไรที่ไม่ดีขนาดเกิดเรื่องขนาดนี้ยังคิดอะไรหื่นๆ ไม่เลิก"ไม่ได้คิดอะไรแค่ตกใจเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงชวนไปนอนด้วย" อวัศย์แสร้งหยอกล้อกลับ ถึงแม้ในใจจะแอบคิดจริงๆ นั่นแหละ"หมอกจะอาบน้ำที่บ้านแล้วค่อยเข้าไป หรือจะไปอาบน้ำที่บ้านชาเลยคะ""เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไปอาบที่นู่นเลย" ในเมื่อเธอให้ข้อเสนอมาเขาก็ไม่ขัดอยู่แล้วเมื่อได้ข้อสรุปปภาวรินทร์จึงหยิบกุญแจสำรองที่พกติดกระเป๋าไว้ยื่นให้เขา ความจริงตั้งใจจะให้แฟนหนุ่มเก็บไว้อยู่แล้วแหละ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรตอนเธอไม่อยู่ ถือว่าใช้โอกาสนี้เลยแล้วกัน"นี่ค่ะ หมอกเก็บไว้เลยนะ""หืม""กุญแจสำรองค่ะ ชาให้หมอกเก็บไว้เลยชุดนึง""ครับ" เขารีบคว้าเอากุญแจเก็บใส่กระเป๋าทันที ราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจปภาวรินทร์เดินลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านตนเอง ในขณะที่ค