"คุณพ่อ"
"พ่อ?" อวัศย์ถึงกับหลุดพูดทวนคำอย่างงงงวย สบตาเด็กน้อยที่ยืนมองเขาตาแป๋ว
พ่อ? เขาไปมีลูกตอนไหน
"นี่คุณลุงของพะแพงเองใบข้าว" ร่างสูงกะพริบตาปริบๆ งุนงงเมื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาวิ่งมาสมทบ อธิบายเพื่อนที่ยืนข้างๆ เสียงเจื้อยแจ้ว "สวัสดีค่ะคุณลุงหมอก"
"สวัสดีค่ะพะแพงแล้วนี่...ใบข้าวใช่ไหม เป็นเพื่อนพะแพงเหรอคะ" เด็กผู้หญิงตัวน้อยยืนมองเขาตาแป๋ว ในแววตามีทั้งความมึนงง กลัว และสงสัย
"สวัสดีค่ะคุณลุง" ก่อนจะยกมือทำความเคราพเหมือนที่คุณแม่และคุณครูเคยสอนมา
"สวัสดีครับ หนูอยู่บ้านข้างๆ เหรอคะ" เมื่อเห็นท่าทางใบข้าวเริ่มคลายความหวาดกลัวจึงจับมือทั้งหลานตนเองและเพื่อนของหลานคนละข้าง จูงมือกันเดินเข้าบ้าน
"ค่ะ"
"ใบข้าวอยู่ข้างๆ บ้านแล้วก็เป็นเพื่อนพะแพงด้วยค่ะ ใบข้าวเรียนเก่งมากพะแพงชอบให้ใบข้าวสอนภาษาจีน" หลานสาวตัวน้อยอวดเพื่อนเสียงเจื้อยแจ้ว
"พะแพงก็เก่งนับเลขค่ะคุณลุง" ใบข้าวรีบบอกคุณลุงของเพื่อนเหมือนกันว่าเพื่อนตนเองก็เก่งไม่แพ้กัน
อวัศย์ยกยิ้มหัวเราะน้อยๆ เมื่อเด็กน้อยทั้งสองคนแข่งกันพูดแข่งกันเล่าเรื่อง เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในบ้านเห็นวีรยุทธ์นั่งทำงานอยู่ตรงห้องนั่งเล่น จึงเอ่ยถามถึงคนที่ทำให้เขาต้องรีบกลับมาบ้านเย็นนี้
"โอมคุณแม่ล่ะ เป็นไงบ้าง"
"คุณแม่..เป็นอะไรนะครับ?"
"ก็พระพายโทรมาบอกคุณแม่หน้ามืดไม่ใช่เหรอ พี่บอกให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาลก็ไม่ยอม บอกจะให้พี่กลับมาตรวจที่บ้านให้ได้"
"เอ่อ.." เมื่อเห็นแววตาว่างเปล่าของน้องเขย อวัสย์ถึงกลับกลอกตามองบนทันที
สงสัยงานนี้จะโดนคุณนายแม่กับน้องสาวต้มอีกแล้ว
"หมอกมาแล้วเหรอลูก" เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาทันทีเมื่อเดินพ้นเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางปกติไม่มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างที่เขาคิด
"ไหนพายบอกแม่หน้ามืดไม่สบายไงครับ" อวัศย์ถามเสียงเข้มหรี่ตาจับผิด
"โอ๊ยยย ยัยพายกระต่ายตื่นตูมแม่แค่เวียนหัวอากาศร้อน นี่พอเข้ามาเปิดแอร์นั่งพักปุ๊บก็หายเลย ดูสิมีแรงทำกับข้าวของโปรดเราด้วย" คนเป็นแม่ยกยิ้มกว้าง อวดอาหารที่ถือมาให้ลูกชายดู
"คุณป้าคะอันนี้วางตรงหนะ.." เสียงหวานคุ้นหูส่งผลให้ร่างสูงละความสนใจจากมารดามองเลยไปด้านหลังทันที ก่อนจะนิ่งอึ้งด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากในครัวบ้านตนเอง
"คุณ!/ใบชา!"
ทั้งสองคนงงงันไปครู่ใหญ่ กว่าจะได้สติก็เพราะคุณนายรัชนีเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบ
"นี่รู้จักกันด้วยเหรอ" รัชนีถามอย่างแปลกใจ ลึกๆ ภายในอกใจเต้นไม่น้อยเมื่อทั้งสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน แผนที่วางไว้มากมายให้ทั้งสองทำความรู้จักกันถูกพับไปทันทีเมื่อดูทั้งคู่น่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว
"ก็..ค่ะ คือลูกศิษย์ที่โรงเรียนที่เกิดอุบัติเหตุรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลที่คุณหมอกอยู่ค่ะ" ใบชาเลือกที่จะอธิบายกว้างๆ ให้ดูรู้จักกันน้อยที่สุด
"คุณแม่คะ คุณลุงเหมือนรูป..." เสียงเจื้อยแจ้วขาดหายไปทันทีเมื่อคนเป็นแม่เอื้อมมือไปปิดปากลูกสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ก่อนเด็กตัวน้อยจะพยักหน้ารับตาแป๋ว
"แม่?" อวัศย์ตกใจหน้ากว่าเดิม เขามองสลับซ้ายทีขวาทีระหว่างคนแม่และคนลูก
"ใช่จ้ะ นี่หนูใบชากับน้องใบข้าวที่มาอยู่ข้างบ้านเราไง" รัชนีเริ่มอธิบายเมื่อเห็นท่าทีงุนงงของลูกชาย แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อลูกชายตนเองช็อกหนักกว่าเดิม
ใบชา ใบข้าว ลูก แม่เลี้ยงเดี่ยว? ใบข้าวอายุเท่าพะแพง นั่นก็พอๆ กับเรื่องคืนนั้น นี่มันอะไรวะเนี่ย!!
ความคิดในหัวของเขาตีกันมั่วไปหมด อยู่ๆ กลับบ้านมาเจอคนตรงหน้าก็แปลกใจแล้ว นี่ดันมาอยู่ข้างบ้าน แถมเธอยังมีลูกแล้ว
ถ้าคิดย้อนดูแล้วหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น ใบข้าวก็อาจจะเป็น...
"พี่หมอกกลับมาแล้วเหรอคะ" พระพายเดินเข้ามาสมทบเป็นคนสุดท้าย เอ่ยถามคนเป็นพี่ชายเสียงอ่อย "คือเมื่อบ่ายคุณแม่หน้ามืดแล้ว...อ้าว! พี่หมอก" หญิงสาวยังไม่ทันได้อธิบายต้องร้องอุทานอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่ชายตนเองเดินปรี่เข้ามาหาใบชาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
"คุณ!! อะไรเนี่ย"
"มาคุยกับผม" เขาเอ่ยเสียงเข้มฉุดร่างบางให้ออกเดินตาม
"ปล่อยนะคุณ!"
"ถ้าไม่ไปคุยกับผมตอนนี้ ผมจะบอกคุณแม่ให้หมดเลยว่าเมื่อห้าปีก่อนเกิดอะไรขึ้น!" เขากระซิบบอกเธอเสียงเครียด ปภาวรินทร์เบิกตากว้างตกใจเมื่อเขาเอาเรื่องนั้นมาขู่ หันไปค้อมศีรษะขอตัวกับคุณป้าและพระพายที่ยืนมองมาอย่างมึนงง ก่อนจะหันไปบอกให้ลูกสาวตนเองอยู่เล่นกับพระแพงไปก่อน
"อธิบายมา" คนตัวสูงเอ่ยเสียงเรียบท่าทางจริงจังเมื่อพาเธอมายังสวนหลังบ้านจุดลับตาคน
"คุณเป็นคนลากฉันออกมา แล้วยังมาบอกให้อธิบายเนี่ยนะ?" ปภาวรินทร์ถามกลับอย่างคับข้องใจ เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย!
"ใบข้าวเป็นลูกผมใช่ไหม?"
"ไม่ใช่!" เธอตอบกลับทันทีเสียงแข็ง เชิดหน้าขึ้นไม่สบตาเขา
"จะไม่ใช่ได้ยังไง? ถ้าดูจากอายุใบข้าวกับเรื่องคืนนั้นยังไงก็เป็นลูกผม" อวัศย์ไม่ยอมแพ้อธิบายหลักเหตุและผล
"ไม่ใช่ ใบข้าวไม่ใช่ลูกคุณ" เธอยังยืนยันเสียงหนักแน่น
"แค่ยอมรับมามันจะเป็นอะไรใบชา!"
"ก็จะให้ยอมรับอะไร บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!" ปภาวรินทร์หลุดโมโหบ้างเมื่อเขายังดึงดันไม่หยุด
"โอเค ผมขอโทษที่ไม่ได้ตามหาคุณ ทั้งๆ ที่รู้ว่าคืนนั้นผมเป็นคนแรก แล้วไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าป้องกันดีรึเปล่า" เขายกมือขึ้นสองข้างอย่างยอมแพ้ "แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วผมยินดีรับผิดชอบทุกอย่างทั้งเรื่องคุณและเรื่องลูก ผมขอโทษที่ปล่อยให้คุณเลี้ยงลูกคนเดียวมาโดยตลอด ต่อไปผมจะทำหน้าที่พ่อเอง"
รับผิดชอบ? หน้าที่พ่อ? แค่นั้นเหรอสิ่งที่เขาเอ่ยถึง ปภาวรินทร์หลับตาลงสูดหายใจช้าๆ ก่อนจะตอบเสียงหนักแน่นอีกครั้ง
"ใบข้าวไม่ใช่ลูกคุณ!"
"ใบชา! จะไม่ใช่ได้ยังไง ดูจากระยะเวลาแล้วเป็นลูกผมชัดๆ คุณพูดความจริงมา"
"ดูคุณอยากจะมีลูกให้ได้เลยนะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ อีกอย่างหลังจากคืนนั้นคุณไม่คิดว่าฉันจะไปมีคนอื่นรึไง บางทีคืนต่อไปฉันอาจจะไปมั่วเลยก็ได้!" เมื่อเห็นเขาเอาแต่คาดคั้นไม่หยุด เธอจึงหลุดตวาดกลับ ก่อนจะนิ่งอึ้งไปเมื่อเขาจ้องมองเธอนิ่งแววตาดำมืดน่ากลัว
"สรุปคืนนั้นเป็นคุณจริงๆ ใช่ไหม?"
"มะ..ไม่ใช่" ปภาวรินทร์ยังคงปฏิเสธถอนสายตาหนีไปทางอื่น เมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอพูดอะไรไป
"ถ้างั้นผมขอพิสูจน์" เมื่อเขาพูดจบก็เดินปรี่เข้ามาประชิดตัวเธอทันที
"พะ..พิสูจน์อะไร!" ใบชาพยายามเสียงแข็งใส่ แต่รู้สึกได้ว่าเสียงกลับสั่นมากกว่า
"ตรงนี้" เขาชี้ไปยังบริเวณสีข้างด้านขวาของเธอ "ตรงนี้มีรอยสักไม่ใช่รึไง"
"ไม่มี!"
"มี..รูปหมอก"
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร