ปภาวรินทร์ยืนมองคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงที่เธอเพิ่งปูผ้าเสร็จนิ่ง เมื่อเห็นเขาหลับไปแล้วเพราะไม่มีการขยับตัวเลย จึงหันหลังกลับไปเก็บของในห้องน้ำให้เรียบร้อย เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำยังคงเห็นเขานอนนิ่งอยู่ที่เดิม ใบชามองเลยไปยังหัวเตียงมีโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ และกุญแจบ้านของเธออยู่ตรงนั้น เนื่องจากวันนี้เธอแจ้งกับพี่นีไว้ก่อนแล้วว่าจะขอออกงานเร็วกว่าปกติ เพราะพี่สาวไม่ค่อยสบาย พี่นีเลยให้เธอทำห้องนี้เสร็จแล้วกลับได้เลย ใบชาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมพร้อมกลับบ้าน กะไว้ว่าทำห้องเสร็จจะออกทางหลังร้านตรงกลับบ้านได้เลย เธอจึงเตรียมของทุกอย่างมาด้วยแล้ววางไว้บนหัวเตียง
ใบชายืนลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ เดินลงน้ำหนักเท้าให้เบาที่สุด ค่อยๆ ย่องไปยังเตียงกว้าง เอื้อมมือผ่านร่างสูงที่ยังคงนอนคว่ำอยู่ไปยังหัวเตียง ขณะที่มือกำลังจะถึงของที่วางอยู่ ก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัวกลับมานอนหงายแทน
"ว๊าย!" ใบชาเอามือปิดปากตัวเองแน่น ชำเลืองมองคนที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นเขาปรือตาขึ้น
"หืม...มาได้ไง?" คนบนเตียงกะพริบตาสองสามทีก่อนจะพยุงตัวขึ้น "อยู่ในนี้ตั้งแต่แรกเหรอ?" ใบชาพยักหน้าตอบรับช้าๆ เห็นเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพึมพำอะไรสักอย่าง
"ไอ้ไทม์นะไอ้ไทม์กูบอกไม่เอายังจะแอบส่งมา"
"เอ่อคือ..."
"กลับไปเถอะ...ขอโทษด้วย" เขาเงยหน้าสบตาเธอก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
"อ้อ..ค่ะ" ใบชาจึงเอื้อมมือไปหยิบของที่หัวเตียงเตรียมจะหันหลังกลับ
"ได้ค่าจ้างแล้วใช่ไหม" แต่กลับต้องชะงักปลายเท้าที่กำลังเดินออกไปเมื่อเขาถามขึ้น
"คะ?"
"วันนี้ได้ค่าจ้างแล้วใช่ไหม?" ปภาวรินทร์ยืนนิ่งสักพักก่อนจะตอบรับ
"ค่ะ" ก็วันนี้เธอขอออกเร็วนี่ อีกทั้งยังมีรับจ๊อบทำห้องอีกสามสี่ห้อง พี่นีเลยทำเรื่องขอเบิกเงินมาให้เธอไว้ก่อนแล้ว เพราะเห็นเธอเล่าว่าพี่สาวไม่สบายอาจมีเรื่องต้องใช้เงิน เธอเห็นเขานั่งนิ่งไปเหมือนคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าเขาน่าจะหมดคำถามกับเธอแล้วและดูอยากอยู่คนเดียว จึงตั้งท่าจะเดินไปทางประตูเพื่อกลับบ้าน
"ถ้างั้นอยู่ดื่มเป็นเพื่อนก่อนได้ไหม" เขาเงยหน้าสบตาเธอถึงแม้น้ำเสียงจะดูราบเรียบแต่แววตาดูเศร้าหมอง และเจ็บปวด...
"ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร" เขาเอ่ยต่อแบบไม่คิดมาก ก็ในเมื่อตนเองเป็นคนบอกให้เธอกลับไปก่อนนี่ จะขอให้อยู่ต่ออีก ก็ดูเป็นคนกลับไปกลับมา เสียงฝีเท้าค่อยๆ เดินห่างออกไป เขาก้มลงยกมือปิดใบหน้า มึนหัวเล็กน้อยจากงานเลี้ยงฉลองด้านล่าง
"มีแค่เบียร์นะคะ" อวัศย์เงยหน้ามองกระป๋องเบียร์ตรงหน้า ก่อนจะเบนสายตาผ่านไปยังใบหน้าเธอ "กินได้ไหม?"
"ขอบคุณ" อวัศย์พยักหน้าตอบแล้วเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะรับเบียร์ที่เธอยื่นให้มาเปิด กระดกดื่มทีเดียวครึ่งกระป๋องอย่างกับน้ำเปล่า
"คุณๆ เบาก่อน" ใบชาเอื้อมมือไปรั้งไว้ เมื่อเขาทำท่าจะดื่มทีหมดกระป๋อง เขาเลิกคิ้วมองเธอแทนคำถาม "มีแค่หกกระป๋องนะถ้าหมดฉันไม่ลงไปซื้อให้นะ" อวัศย์เบนสายตาหนีก่อนจะลุกขึ้นไปยังหน้ากระจกระเบียงที่มองออกไปเห็นวิวภายนอก
"ไปนั่งข้างนอกกันไหม" เขาเพยิดหน้าไปยังเก้าอี้สองตัวที่วางไว้อยู่บนระเบียง มีโต๊ะกลมตัวเล็กๆ วางอยู่ข้างๆ
"ไปสิ" ปภาวรินทร์เป็นฝ่ายเปิดประตูเดินนำเขาไปนั่งยังเก้าอี้ด้านขวา ส่วนเขาก็เดินตามออกมานั่งเก้าอี้ตัวข้างๆ ทั้งสองนั่งเงียบอยู่นานหลายนาทีไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร มีเพียงปภาวรินทร์ที่ลุกไปหยิบเบียร์บ้างตอนที่ทั้งเธอและเขาดื่มจนหมด พวกเธอนั่งดื่มกันเงียบๆ จนเบียร์หมดตู้เย็น
"ผม..อกหัก" อยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนปภาวรินทร์ต้องหันไปมอง "ทำไม? ไม่เชื่อรึไง" อวัศย์หันไปสบตาเธอยกยิ้มน้อยๆ ถามเมื่อเธอทำสีหน้าแปลกๆ
"เปล่า..ก็ดูคุณไม่น่าจะอกหัก" ความจริงเป็นเพราะเธอแอบได้ยินตอนไทม์พูดมาก่อนแล้วจึงไม่ได้ตกใจมากเฉยๆ แต่จะให้ไม่ตกใจเลยก็ไม่ได้ในเมื่อเขาเป็นตัวท็อปๆ ของมหาลัยเลยก็ว่าได้ อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่าเขากับแฟนรักกันจะตาย
"ฮ่าๆ จะบอกว่าผมหล่อใช่ไหม" อวัศย์ยังแสร้งทำเป็นพูดเล่นอารมณ์ดี "ความจริงผมมีอะไรหลายอย่างที่ให้เขาไม่ได้ ผมเรียนแพทย์น่ะ ไม่มีเวลา อีกอย่างเดี๋ยวเขาจะดังแล้วมีแฟนไม่ได้"
ดัง? ความจริงเธอพอจะติดตามข่าวมาอยู่บ้างเรื่องแฟนของเขา เอาเป็นว่าไม่บ้างหรอก ติดตามตลอดนั่นแหละ เริ่มจากช่วงที่เขาเรียนมัธยมปลายเขามีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อเมล ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเพื่อนร่วมคณะเธออีกด้วย ทั้งสองคนเคยคบกันช่วงเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ แต่คบกันได้แค่เดือนเดียวก็เลิกกันไป เคยได้ยินคนพูดมาอยู่บ้างว่าคบกันให้มันจบๆ เพราะต่างคนต่างไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร แค่อารมณ์พาไปจากความเป็นเพื่อนหรือชอบกันจริงๆ แต่พอคบกันต่างฝ่ายต่างบอกว่าไม่เวิร์ค สุดท้ายก็เลิกกันและเป็นเพื่อนกันไปเฉยๆ หลังจากนั้นพอขึ้นปีสาม ก็มีข่าวมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นข่าวใหญ่เลย ว่าเขาคบกับ วารุณี ดาวคณะนิเทศเรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่มีแต่คนอิจฉาทีเดียว ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวว่าทั้งสองเลิกกัน แปลว่าน่าจะเพิ่งเลิกได้ไม่นานถ้าดูจากอาการคนข้างๆ แล้ว
"ทำไม?"
"เขาจะเป็นดาราแล้ว จะมีแฟนก็ลำบาก"
"ไม่เห็นเกี่ยวเลย ดาราก็มีแฟนเยอะแยะ" เธอแย้งกลับ
"ผมไม่มีเวลาด้วยล่ะมั้งอย่างที่เขาบอก หรือไม่...ผมคงดีไม่พอ"
"ไม่จริงนะ! คุณดีพอ" ปภาวรินทร์เถียงกลับทันทีเมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาคิด
"หืม? รู้จักผมรึไง" อวัศย์หันไปถามคนข้างๆ ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอรีบเถียงแทน
"ก็..คุณก็ดูดี ไม่แย่" ใบชาอธิบาย "อีกอย่างคุณเก่งจะตายเรียนจบก็ได้เป็นหมอด้วย ต่อไปก็จะได้ช่วยชีวิตคนอื่นตั้งเยอะเท่จะตาย" อวัศย์ทอดสายตามองคนที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่
"คุณคิดแบบนั้นเหรอ"
"ใช่สิ ใครไม่เห็นคุณค่าเราไม่เป็นไรตัวคุณเห็นก็พอนี่ แล้วก็...ฉันเห็น" สายตาที่เธอมองมาเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกบางอย่างจนเขาสัมผัสได้ หัวใจเขาเต้นรัวเร็วขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ มือร้อนเอื้อมไปประคองใบหน้าหวาน
"ขอบคุณนะ" เปลือกตาเธอปิดลงในขณะที่ใบหน้าเขาขยับมาใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสกัน เขาดูดเม้มปลายลิ้นและริมฝีปากอย่างนุ่มนวล จูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา ก่อนที่เขาจะหลุดครางเสียงต่ำเมื่อได้รับการตอบสนองจากปลายลิ้นคนตัวเล็ก มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วลูบไล้ตามผิวเนียนช้าๆ เขาผละริมฝีปากออกก่อนจะเคลื่อนใบหน้าไปยังซอกคอขาว ปภาวรินทร์เนื้อตัวสั่นเทิ้มเมื่อถูกดูดเข้าที่ซอกคอ ริมฝีปากร้อนไล่ขบต้นคอฝากร่องรอยสีกุหลาบ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้ากระซิบข้างหูน้ำเสียงแหบพร่า
"คืนนี้ไม่ให้กลับแล้วนะ"
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร