"ทำอะไรของคุณ?" ปภาวรินทร์เอ่ยถามขึ้น แต่เมื่อเห็นเขาไม่มีท่าทีจะตอบ เธอจึงหยุดเดินประท้วงจนคนนำหน้าต้องหยุดตาม หันกลับมามองเธอสีหน้าไม่สบอารมณ์
เธอรึเปล่าเนี่ยที่ต้องอารมณ์เสีย!
"ผมก็จะพาไปที่นั่งไง"
"ฉันคุยกับคุณวัชอยู่คุณจะรีบทำไม อีกอย่างใบข้าวกับพะแพงก็ยังไม่ได้ตามมาเลย"
"เดี๋ยวพายพามา" ว่าจบเขาก็ออกเดินอีกครั้ง
"คุณหมอก!" เมื่อเห็นเธอขึ้นเสียงคนตัวสูงที่ทำท่าจะพาเธอออกไปจากตรงนั้นให้ได้ก็หยุดชะงัก หันกลับมามองเธออีกครั้ง "คุณไม่มีสิทธิ์มาลากฉันไปไหนมาไหนก็ได้แบบนี้!" เมื่อเห็นท่าทีคนตัวเล็กบวกกับมองเลยไปจุดเดิมที่จากมา ไม่มีคนที่ทำให้หงุดหงิดยืนอยู่แล้วเขาจึงยอมปล่อยมือ ยกมือยอมแพ้
"โอเคๆ ผมขอโทษ แค่ตั้งใจจะพาคุณไปนั่งรอก่อน ผมซื้อแซนวิชมาให้เพราะคิดว่าคุณยังไม่กินอะไรแน่ๆ" เขาเพยิดหน้าไปยังโต๊ะที่จองไว้ บนโต๊ะมีขนมปังแซนวิชและนมจืดวางอยู่
"คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ฉันดูแลตัวเองได้"
"ผมรู้ว่าคุณดูแลตัวเองได้ แต่ผมตั้งใจทำให้เพราะเป็นห่วงไม่เกี่ยวกับว่าคุณจะดูแลตัวเองไม่ได้" อวัศย์อธิบายไม่อยากให้เธอเข้าใจผิด เอ่ยพูดในสิ่งที่คิดไปตรงๆ
คนตัวเล็กรู้สึกประดักประเดิดไม่น้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่ออยู่ๆ เขาพูดว่าเป็นห่วงเธออย่างหน้าตาเฉย ถึงแม้เธอจะแสร้งหลบตาออกเดินนำไปยังโต๊ะที่เขาบอกว่าจองไว้แล้ว แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าคำพูดของเขาซึมซาบลงในอกอย่างนุ่มนวล
นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอใช้ชีวิตแบบที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องความรัก...อาจจะเป็นตั้งแต่คืนนั้น
หลังจากคืนนั้นผ่านพ้นไป..เธอไม่เคยคิดหวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก
"พี่ชาเข้ามาได้เลยค่ะ"
ปภาวรินทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของณิชาเมื่อได้ยินเสียงตอบรับ วันนี้เป็นเวรเธอที่ต้องเข้าโรงเรียน ในขณะที่เธอกำลังเคลียร์งานอยู่ก็ได้ข้อความด่วนจากคุณซอลให้ขึ้นมาหาที่ห้องทำงาน
เปิดประตูเข้าไปเธอต้องผงะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่นั่งอยู่บนโซฟากลางห้องมองมาทางเธอ ปภาวรินทร์หลบสายตาที่จ้องมองมาหันไปคุยกับณิชาแทน
"คุณซอลมีอะไรรึเปล่าคะ" ใบชาเอ่ยถามเสียงสุภาพ พยายามไม่คิดถึงคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเจ้านายสาวถึงแม้ว่าจะรับรู้ได้ถึงสายตาเขาตลอดก็ตาม
"พี่ชาพอดีพี่หมอกเขามีโปรเจกต์ที่โรงพยาบาล เกี่ยวกับการบรรยายงานวิจัย เลยอยากได้คนแปลงานและล่ามภาษาจีน ซอลเลยเสนอพี่ชา"
"ล่ามเหรอคะ?"
"ใช่ครับ งานวิจัยรอบนี้ทางโรงพยาบาลทำโปรเจกต์ร่วมกับทางฝั่งจีน" อวัศย์อธิบายเสริมทัพ
"ความจริงปกติทางโรงเรียนไม่รับงานแปลนี่คะ อีกอย่างทางโรงพยาบาลน่าจะหาคนที่รับทำงานแปลโดยเฉพาะเลย" ความหมายเธอคือไม่น่ามาหาที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งนี้ มันดูออกจะแปลกๆ ไปหน่อย
"ครับ ความจริงเรื่องงานแปลเราก็มีคอนแทคอยู่ เพียงแต่ว่าโปรเจกต์นี้จะต้องใช้ล่ามร่วมด้วยผมอยากให้ทั้งงานแปลและล่ามเป็นคนเดียวกัน เพื่อตอนคุยรายละเอียดจะได้มีข้อมูลที่แน่นอนและแม่นยำ" อวัศย์อธิบายให้คนตัวเล็กฟัง เมื่อเธอดูจะสงสัยไม่น้อย "ความจริงแล้วข้อมูลวิจัยนี้ค่อนข้างจะเป็นความลับผมเลยตั้งใจมาให้ซอลช่วย"
"ใช่ค่ะพี่ชา แต่พอดีช่วงนี้เรื่องวุ่นๆ ที่โรงเรียนยังไม่เรียบร้อย ซอลเลยไม่มีเวลาดูแลเรื่องนี้ค่ะ" ซอลอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งเธอก็พอจะเข้าใจได้ ใบชาพอจะรู้มาบ้างว่าทั้งสองคนสนิทกันระดับหนึ่ง ความตั้งใจอวัศย์ทีแรกคงจะต้องการให้คุณซอลเป็นคนดูแลเรื่องนี้ แต่ช่วงนี้ดันติดเรื่องที่โรงเรียนยังมีปัญหาและหาคนร้ายยังไม่เจอ
"แต่พี่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหม"
"ทำได้สิคะ สมัยเรียนพี่เมลบอกพี่ชาก็รับงานแปลนี่คะ ส่วนเรื่องล่ามซอลก็ไม่ห่วงเพราะเคยเห็นพี่ทำมาแล้ว" ความจริงทางโรงเรียนก็มักจะมีงานเสริมเข้ามาบ้าง ในเรื่องของการเป็นล่ามแปลภาษารับเป็นจ็อบๆ ไป ถึงจะไม่บ่อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นรายได้เสริมที่ไม่น้อยทีเดียว
"คุณกังวลอะไร?" เมื่อเห็นท่าทางหญิงสาว อวัศย์มองออกไม่ยากว่าอาจจะมีเรื่องที่ยังกังวลอยู่
"ถ้าเป็นงานวิจัยของคุณก็แปลว่าต้องเป็นทางการแพทย์ ฉันไม่มีความรู้เรื่องตรงนั้น ถึงจะหาข้อมูลก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม" ปภาวรินทร์เอ่ยสิ่งที่กังวลออกไป
"เรื่องนี้พี่ชาไม่ต้องเป็นห่วง พี่หมอกเขาเตรียมแผนตรงนี้ไว้แล้ว คนที่รับงานนี้จะต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่ออยู่แปลงานที่โรงพยาบาลเลย เพราะวิจัยเรื่องนี้ต้องเป็นความลับเอามาทำที่บ้านไม่ได้ และข้อมูลทุกอย่างจะรอพี่อยู่ที่นั่น พี่สงสัยตรงไหนถามข้อมูลได้เลย"
"หมายถึงยังไงคะ?"
"ผมไงข้อมูลของคุณ"
"สวัสดีค่ะ มาพบหมอหมอกค่ะ" ปภาวรินทร์มาติดต่อที่หน้าห้องทำงานของอวัศย์ที่เธอเคยเข้ามาตอนที่เขาพาเธอไปทำแผลคราวก่อน เพียงแต่พยาบาลที่อยู่หน้าห้องเป็นคนละคนกับคนที่เธอเคยเจอครั้งนั้น"สักครู่นะคะ พอดีหมอหมอกยังไม่เข้า และไม่ได้แจ้งไว้ว่าจะมีนัด" พยาบาลที่นั่งประจำหน้าห้องตอบกลับ พลางหยิบสมาร์ทโฟนเพื่อโทรสอบถาม ปภาวรินทร์ยกข้อมือดูนาฬิกา พบว่าตรงเวลากับที่เธอนัดหมายไว้พอดี ความจริงเธอมาถึงก่อนเวลาร่วมชั่วโมง แต่เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาจึงเลือกไปนั่งตรงร้านกาแฟชั้นหนึ่งของโรงพยาบาลที่เปิดไว้คอยให้บริการ เมื่อใกล้เวลาจึงเดินเข้ามาติดต่อ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาจึงยังไม่เข้ามา"ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีหมอหมอกติดเคสด่วน เดี๋ยวรบกวนนั่งรอตรงนั้นก่อนนะคะ" พยาบาลสาวผายมือไปยังโซฟาด้านหน้าห้อง เมื่อพบว่าเขาน่าจะติดเคสด่วนเกี่ยวกับการรักษาเธอจึงไม่ติดใจอะไร ด้วยเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอาชีพหมอ เรื่องการรักษาสำคัญที่สุด ปภาวรินทร์นั่งรอด้านนอกเมื่อเห็นว่าอาจจะอีกสักพักจึงหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาเพื่อจัดตารางเรียน ด้วยเหตุการณ์ตอนนี้เธอจะมีแค่สอนออนไลน์ ซึ่งมีหลายคนที่จบคอร์สไปแล้ว เธอจึงเหลือสอนแค่ไม่กี่ค
"ฉันว่าใช่นะ""แต่อย่างหมอหมอกจะมีแฟนจริงๆ เหรอแก ฉันไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้""ก็ต้องใช่อยู่แล้วรึเปล่า ถึงขั้นบอกว่าต่อไปถ้าคุณคนนั้นมา ให้เข้าไปรอในห้องได้เลย ปกติหวงพื้นที่จะตาย""สรุปใช่คนเดียวกับคนวันนั้นด้วยใช่ไหม""อันนี้คอนเฟิร์มว่าแน่นอนสวยแบบนี้ฉันจำได้""แฮ่ม.." เสียงซุบซิบหยุดลงทันทีเมื่อมีเสียงกระแอมดังจากด้านหลัง "นินทาอะไรเพื่อนผมครับ""โอ๊ย! หมอไทม์หมอพีร์ พวกพี่ตกใจหมดเลยมาเงียบๆ" อรดีเป่าปากโล่งอกเมื่อคนที่หันไปเจอไม่ใช่คนที่กำลังพูดถึงอยู่"ว่าไงครับพี่อรคนสวยเพื่อนผมมันทำไม ได้ยินอะไรหวงๆ" หมอธารณ์ถามย้ำอีกครั้งถึงเรื่องที่สาวๆ กำลังซุบซิบอยู่ ความจริงเป็นธรรมดาที่สาวๆ รวมตัวกันเรื่องซุบซิบคนอื่นเป็นได้เห็นอยู่แล้วทุกแผนก แต่คราวนี้ดันมีชื่อเพื่อนเขาโผล่มาให้ได้ยิน ทำให้อดอยากรู้ไม่ได้ ถึงขั้นรพีภัทรยังหยุดฟังด้วย"ก็เพื่อนหมอไทม์นั่นแหละ หมอหมอกพาผู้หญิงเข้าห้องตอนนี้นั่งรออยู่ด้านใน""ผู้หญิงเหรอ?""ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้มารอตั้งนานเพราะหมอหมอกมีเคส มาถึงเจอกันก็ลากกันไปข้างใน แต่เมื่อกี้หมอนพมีคอนซัลท์ด้วยด่วน เพิ่งเดินออกไป แต่ยังหันมากำชับด้วยนะคะว่าให้ดูแลคนข้างใ
"เดี๋ยวนะ! ให้กูนึกก่อน คืนนั้นที่ว่าคือที่มึงอยู่กับใครไม่รู้ยันเช้าอะนะ""เออ!""เดี๋ยวๆ มึงจะบอกว่าคุณชาคือคนนั้น?""มึงจะเดี๋ยวห่าอะไรนักหนา""ช่างหัวเดี๋ยวมัน! สรุปผู้หญิงที่มึงเข้าใจผิดว่ากูจ่ายให้คือคุณชา""เออ!""เชี่ยหมอก!" สองเสียงประสานกันทันทีเมื่อจับใจความได้"มึงรู้ได้ไงว่าเป็นเขา จำได้แค่ว่าล่าสุดคือมึงตามจนรู้ว่าเขารู้จักกับแฟนเก่ามึงนี่" รพีภัทรพอจำได้ว่าหลังจากคืนที่พวกเขาไปงานเลี้ยงฉลองเรียนจบของเพื่อนคณะอื่น ธารณ์เป็นคนพาหมอกไปพักบนห้องด้านบน ซึ่งโดยปกติพวกเขาจะเปิดก็ต่อเมื่อมีใครจะลากสาวไปต่อ แต่คืนนั้นจำได้ว่าอวัศย์เมามาก บวกกับทางเขาก็มีดีลไว้อยู่เหมือนกันเลยเปิดห้องให้มันนอนแทน ใครจะคิดว่าตื่นเช้ามาเพื่อนจะนัดคุยหน้าเครียด บอกเล่าเหตุการณ์ว่าน่าจะมีการเข้าใจผิด คิดว่าคนที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนเป็นคนที่ไอ้ไทม์นัดให้แล้วพร้อมจ่ายเงิน"อืม..ล่าสุดที่มึงบอกกูว่าเขาเรียนคณะไหนกูก็ไปตามดู สรุปคือเขาปีเดียวกับเราและก็เรียนจบไปแล้ว กูรู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนในคณะของเมล ไม่ได้สนิทกับใคร จะถามเมลก็ไม่กล้าว่าตอนนั้นเขาเป็นยังไง ไปอยู่ที่ไหน บวกกับที่มีเรื่องคุณตาพอดี"ตอนนั้นต
"สวัสดีค่ะ..มา""หมอหมอกใช่ไหมคะ เชิญด้านในเลยค่ะ" ปภาวรินทร์มองพยาบาลสาวตรงหน้าอย่างมึนงงเล็กน้อย ในเมื่อเธอยังพูดไม่ทันจบ แต่คนตรงหน้าก็รีบเชิญเธอเข้าไปในห้องที่เพิ่งเข้ามาเมื่อวาน"อ้อ..คือฉันมาก่อนเวลาค่ะเลยมาแจ้งไว้ก่อน""ไม่เป็นไรค่ะหมอหมอกบอกไว้ก่อนแล้วถ้าคุณมาให้เข้าไปรอด้านในได้เลย" ถึงแม้ยังงุนงงอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ออกเดินตามที่พี่พยาบาลแนะนำ เมื่อเข้ามายังห้องทำงานก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อไม่เห็นใครในห้องเลย"เอ่อ..แล้วหมอหมอกละคะ""หมอไปตรวจค่ะเดี๋ยวก็มา""ถ้าอย่างนั้นฉันรอข้างนอกดีกว่าค่ะ" ด้วยความเกรงใจใบชาจึงขอออกไปรอด้านนอกแทน"ไม่เป็นไรค่ะคุณรอข้างในได้เลยหมอหมอกบอกไว้แล้วว่าถ้าคุณมาให้เข้ามารอได้เลย อ้อ..พี่ชื่ออรดีนะคะเรียกพี่อรก็ได้""ใบชาค่ะ...คือพี่อรคะเดี๋ยวชารอด้าน...""คุณชาเอาเครื่องดื่มอะไรดีคะเดี๋ยวพี่แจ้งแม่บ้านให้""น้ำเปล่าก็ได้ค่ะ" ดูเหมือนพี่พยาบาลที่แนะนำตัวกับเธอว่าชื่ออรดีไม่คิดจะฟังสิ่งที่เธอบอกเลย สุดท้ายก็ได้แต่เลยตามเลย นั่งอยู่ในนี้ก็ได้ ดีซะอีกถ้าอยู่ด้านนอกคงจะเป็นเป้าสายตาไม่น้อยเมื่อคิดได้ดังนั้นปภาวรินทร์จึงนั่งลงบนโซฟากลางห้องที่เธอเคยนั่งทุ
"ตื่นแล้วเหรอ" ใบชาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มอยู่ใกล้หู ช้อนสายตามองคนที่ก่อนหน้านี้นอนอยู่ข้างๆ กายเธอ กะพริบตามึนงงเล็กน้อยเมื่อคนที่นอนก่อนตื่นส่วนคนที่หลับกลับเป็นเธอ!"ขอโทษค่ะ" ปภาวรินทร์หลังเหยียดตรงทันทีเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ก่อนหน้านี้จำได้ว่าเธอนั่งมองเขาหลับสักพัก ก่อนที่ตนเองจะเผลอหลับตางีบไปด้วยอีกคนโดยไม่รู้ตัว ด้วยเมื่อคืนทั้งเตรียมแผนการสอนอีกทั้งศึกษาข้อมูลศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ ทำให้กว่าจะหลับก็ล่วงเลยเข้าวันใหม่มาหลายชั่วโมง แต่เธอต้องตื่นมาพาใบข้าวแต่งตัวไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า ดีหน่อยที่เดี๋ยวนี้ใบข้าวไปโรงเรียนพร้อมกับพะแพงเลยทำให้ประหยัดเวลาไปได้บ้าง"คุณนอนต่อได้นะ" "ไม่เป็นไรค่ะ เอ่อ...คุณปล่อยได้แล้ว" ปภาวรินทร์หลบตาวูบเขินๆ ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ เมื่อทั้งมือเธอและมือเขายังประสานกันอยู่"อ้อ โทษที" เขายกมือลูบต้นคอพลางหัวเราะเขินๆ แสร้งทำเป็นเปิดถุงอาหารที่พยาบาลนำมาวางให้เดี๋ยวนะ! พยาบาลนำมาวางให้ แปลว่าต้องเห็นเธอกับเขานอนจับมือกัน!ปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวเซ็งๆ ดูท่าเรื่องราวของเธอกับเขาจะกู่ไม่กลับแล้ว"คุณอ่านสัญญาก่อนนะ ผมขอรีบกินข้าวแปปหนึ่ง" เข
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านก็ต้องขมวดคิ้วมึนงง จำได้ว่าเมื่อเช้าล็อกประตูรั้ว แต่พอมาตอนนี้กลับไม่ได้ล็อกหรือว่าจะลืม?ปภาวรินทร์เก็บความสงสัยเดินเข้าบ้านด้วยความหวาดระแวงเล็กน้อย อดยอมรับไม่ได้ว่าถึงแม้เธอจะแสร้งเข้มแข็งแค่ไหน แต่ก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่ เพราะสุดท้ายเธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกอุ่นใจไม่น้อยที่มีเขาเดินตามหลังมาด้วยหัวใจกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง นัยต์ตาเริ่มเบิกกว้างขึ้นด้วยความกังวล เมื่อเห็นกุญแจด้านหน้าหายไป ประตูกระจกถูกแง้มเล็กน้อย มือน้อยหันไปกุมมือคนตัวสูงทันที เขากระชับฝ่ามือแน่นโดยสัญชาตญาณคิดว่าน่าจะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง"ใบชาเป็นอะไร""ฉันคิดว่าเมื่อเช้าล็อกประตูแล้ว" อวัศย์มองตรงไปยังประตูกระจก มีรอยบุบเล็กน้อยแปลว่าน่าจะมีการงัดแงะเข้ามา ฉุดรั้งร่างบางให้มายืนด้านหลังแทน ส่วนตัวเองค่อยๆ เดินนำไปยังประตูกระจกหน้าบ้านเท่าที่ดูด้านในบ้านไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแล้ว คิดว่าคนที่บุกเข้ามาน่าจะออกไปได้นานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยเขาจึงหันไปบอกให้เธอรออยู่ด้านนอกก่อน"เดี๋ยวคุณรอตรงนี้ หรือไปรอที่บ้านกับพายก็ได้ผมจะเข้าไปดูก่อน""ไม่ได้ค่ะ! ไ
"ลุงหมอกขาาา ใบข้าวอยากเล่นอันนั้นอีกที่เป็นปลาหมึก""พะแพงด้วยค่ะ พะแพงจะนั่งปลาหมึกสีฟ้า""งั้นใบข้าวขอนั่งสีชมพู""โอเคๆ แต่ต้องนั่งรอก่อนนะคะ คุณแม่ใบชาไปซื้อน้ำอยู่ พะแพงด้วยรอก่อนนะคะ" ปภาวรินทร์เดินมาถึงพร้อมกับได้ยินเสียงความวุ่นวายเข้าพอดี อดหัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตกำลังวุ่นวายกับเด็กผู้หญิงสองคน แต่ถึงอย่างนั้นบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ"เด็กๆ ดื่มน้ำกันก่อน" ใบชายื่นน้ำขวดเล็กให้คนละขวด หยิบกระดาษทิชชูซับเหงื่อให้ทั้งสองคน ก่อนจะมาซับเหงื่อที่ใบหน้าตัวเองบ้าง"ร้อนเนอะ""คะ?""ผมก็เหงื่อออกเหมือนกัน""อ้อ นี่ค่ะ" เมื่อเขาพูดมาแบบนั้นเธอก็ยื่นกระดาษให้ทั้งห่อ มัวแต่ดูแลเด็กๆ เลยลืมส่งต่อกระดาษให้เขาดวงตาเรียวขุ่นหมองลงทันทีเมื่อเธอเพียงหยิบยื่นกระดาษให้ ก่อนหัวใจจะลิงโลดอีกครั้งเมื่อสักพักเธอยื่นมือมาซับเหงื่อบนใบหน้าให้"ขอบคุณครับ" ใบชามองค้อนคนเจ้าเล่ห์ที่เปลี่ยนจากอาการเหงาหงอยเป็นระริกระรี้จนเกินเหตุ"ฉันว่าเดี๋ยวพาไปเล่นที่เด็กๆ อยากเล่นอีกสักคนละรอบก็กลับได้แล้วมั้งคะ" ปภาวรินทร์เสนอความคิดเห็น เมื่อดูท่าเด็กๆ เหมือนจะเพลียๆ ตั้งใจว่าจะให้เด็กๆ
"ช่วงนี้กลับบ้านทุกวันเลยนะลูกชายฉัน""อ้าวคุณแม่ครับ พอกลับทุกวันก็บ่น พอไม่กลับก็บ่น" อวัศย์เดินไปกอดเอวมารดาจากด้านหลังแสร้งทำเป็นบ่นน้อยใจ"ย่ะ ทำอย่างกับทุกคนไม่รู้นะว่าทำไม" หมอกเลื่อนเก้าอี้นั่งประจำที่ยกกาแฟขึ้นจิบทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่สายตาชำเลืองไปยังประตูหน้าบ้าน"ไม่ต้องมองหรอก เขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว" "ไปไหน?" อวัศย์วางถ้วยกาแฟทันทีเมื่อน้องสาวพูดจบ"พายจะไปรู้ได้ไงป้าใจเป็นคนบอก" พระพายเพยิดหน้าไปทางป้าใจ ส่งสัญญาณว่าให้เป็นคนเล่าเอง"ป้าก็ไม่รู้ค่ะว่าไปไหน แต่เห็นออกจากบ้านกันตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า มีรถขับมารับ แต่นางชมพู่บอกว่าคนมารับหน้าคุ้นๆ ค่ะ" จากน้ำเสียงปกติเริ่มเป็นกระซิบกระซาบทำนองว่ากำลังจะเล่าความลับอะไรสักอย่าง"หน้าคุ้นๆ อะไรป้าใจ เล่าๆ มาเลยครับ" อวัศย์กลอกตาเซ็งเมื่อเห็นแม่บ้านตนเองลีลาไม่ยอมเล่าสักที"ก็นางชมพู่บอกว่าเป็นดารา""ดารา?""ใช่ค่ะ ดาราเป็นพระเอกด้วยนะคะ แต่มันจำชื่อไม่ได้ นี่ถ้าเป็นป้านะคะต้องจำได้แน่นอน เพราะป้าดูละครตั้งแต่เด็กๆ ดูทุกเรื่อง ยิ่งเรื่องเมื่อคืนนะคะ""พอแล้วๆ เธอไปเอาข้าวต้มมาให้คุณหมอกไป" รัชนีเอ่ยปากให้แม่บ้านไปนำข้าวต้มม
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร
"ใบข้าวหลับไปแล้วเหรอ" อวัศย์ถามแฟนสาวเมื่อขึ้นมาจากการส่งมารดา พอเข้ามาในห้องเห็นคนตัวเล็กออกมายืนอยู่ห้องรับครัวด้านนอก ปอกผลไม้ที่คุณแม่เขานำมาเยี่ยมไข้อยู่"ค่ะ ยิ่งวันนี้มีพะแพงมาคุยด้วยจ้อกันไม่หยุดเลย" อวัศย์หัวเราะน้อยๆ เดินเข้ามากอดแฟนสาวจากทางด้านหลัง "หมอกอย่าเพิ่งสิเดี๋ยวมีดบาด" คนตัวสูงที่ลอบหอมแก้มคนรักไปได้แค่สองทีจึงผละตัวออกหน้ามุ่ยเมื่อโดนว่า"ก็คิดถึงนี่""คิดถึงอะไรหมอก ก็อยู่ด้วยกันตลอด" นี่ก็วันที่สามแล้วหลังจากเกิดเหตุ อาการของใบข้าวดีขึ้นมาก ทีแรกเขาจะทำเรื่องย้ายใบข้าวไปยังโรงพยาบาลของตนเอง แต่เมื่อดูอาการแล้วอีกไม่เกินสองวันน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาล เธอเลยให้ใบข้าวรักษาตัวที่นี่ต่อไป ไม่อยากย้ายไปย้ายมาให้วุ่นวายแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องใหญ่โตอยู่ดี เมื่อคุณรัชนีเดินทางมาเยี่ยมใบข้าว พบว่าหลานสาวตนเองได้นอนพักอยู่ห้องพิเศษขนาดเล็ก จึงรีบจัดการโทรหาผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่รู้จักกัน ขอให้ทางโรงพยาบาลจัดห้องพิเศษแบบวีวีไอพี แล้วให้ใบข้าวย้ายขึ้นมาอยู่บนห้องด้านบนนี้แทน ซึ่งเธอชักไม่แน่ใจว่านี่คือห้องพักผู้ป่วยหรือโรงแรม ความจริงคุณรัชนีมาตั้งแต่วันแรกที่ทางโ
"ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเล่าแล้วชา" มือที่กอบกุมกันอยู่สั่นน้อยๆ อวัศย์บีบมือเธอให้กำลังใจ แค่ได้รับฟังหัวใจก็เจ็บปวดไปด้วย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นเขาจะแบกรับสถานการณ์แบบนั้นไหวไหม"ไม่เป็นไรค่ะ ชาผ่านมันไปได้แล้ว แค่ย้อนคิดมันก็อดเศร้าไม่ได้เท่านั้นเอง" เธอเงยหน้าขึ้นกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยกยิ้มน้อยๆ ให้เขา พยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกว่าเธอโอเค ก่อนจะเริ่มเล่าต่อตอนนั้นเธอแค่คิดอย่างเดียวว่าอยากตามพี่สาวไป อยากไปอยู่กับยาย ชีวิตมันเหมือนไม่เหลือใครแล้ว จนเด็กน้อยที่เธอจับวางให้นอนอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินตื่นขึ้น ใบข้าวขยี้ตามองเธอตาแป๋วด้วยความไม่รู้เรื่องกับเหตุการณ์อะไร แต่เมื่อเห็นผู้เป็นแม่คนที่สองร้องไห้จึงขยับไปโอบกอดตามสัญชาตญาณ ปภาวรินทร์ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มโดยกลั้นเสียงสะอื้น โอบกอดร่างน้อยๆ ในอ้อมแขนแน่น ในเมื่อพี่สาวเธอทำทุกอย่างเพื่อปกป้องดวงใจคนนี้ เธอจะทำลายความตั้งใจของพี่ใบบัวได้ยังไง คืนนั้นเธอจึงกอบกุมมือน้อยๆ นั้น สัญญากับตัวเองและคนที่อยู่บนฟ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะรัก และดูแลเด็กคนนี้ ให้โตมาอย่างดีที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้ ให้คนเป็นแม่ได้นอนตายตาหลับเมื่อเ
"หมอก..ไปนอนกับชาไหม" คนที่กำลังขยับรถเข้าช่องจอดเหยียบเบรกทันทีด้วยความตกใจที่คนรักชวนให้ไปนอนด้วย ถึงแม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแล้ว แต่การที่เธอเอ่ยชวนก่อนแบบนี้ก็ทำเอาเขาตกใจไม่น้อย"คิดอะไรเนี่ยหมอก! ชาแค่ชวนไปนอนด้วยเฉยๆ" ปภาวรินทร์ถามคนรักหน้าคว่ำ พอจะเดาไม่ยากว่าเขาคงคิดอะไรที่ไม่ดีขนาดเกิดเรื่องขนาดนี้ยังคิดอะไรหื่นๆ ไม่เลิก"ไม่ได้คิดอะไรแค่ตกใจเฉยๆ อยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงชวนไปนอนด้วย" อวัศย์แสร้งหยอกล้อกลับ ถึงแม้ในใจจะแอบคิดจริงๆ นั่นแหละ"หมอกจะอาบน้ำที่บ้านแล้วค่อยเข้าไป หรือจะไปอาบน้ำที่บ้านชาเลยคะ""เดี๋ยวผมเตรียมเสื้อผ้าไปอาบที่นู่นเลย" ในเมื่อเธอให้ข้อเสนอมาเขาก็ไม่ขัดอยู่แล้วเมื่อได้ข้อสรุปปภาวรินทร์จึงหยิบกุญแจสำรองที่พกติดกระเป๋าไว้ยื่นให้เขา ความจริงตั้งใจจะให้แฟนหนุ่มเก็บไว้อยู่แล้วแหละ เผื่อมีเหตุฉุกเฉินอะไรตอนเธอไม่อยู่ ถือว่าใช้โอกาสนี้เลยแล้วกัน"นี่ค่ะ หมอกเก็บไว้เลยนะ""หืม""กุญแจสำรองค่ะ ชาให้หมอกเก็บไว้เลยชุดนึง""ครับ" เขารีบคว้าเอากุญแจเก็บใส่กระเป๋าทันที ราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจปภาวรินทร์เดินลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านตนเอง ในขณะที่ค