หลังจากชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปเหอฟานเสวี่ยก็นำสมุนไพรจากมิติออกมาจัดเตรียมไว้เพื่อที่จะได้เอามารักษาชาวบ้านในวันรุ่งขึ้น
"เจ้ากำลังทำอันใดอยู่หรือเสวี่ยเออร์" สวี่ฟางเอ่ยถามบุตรเกอที่กำลังแยกสมุนไพรอยู่ "ข้ากำลังคัดแยกสมุนไพรอยู่ขอรับ บางส่วนต้องนำไปเผาจื้อเสียก่อน" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบมารดา "เผาจื้อเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดแล้วต้องทำอย่างไรเล่า" เหอจงเทาเอ่ยถามอย่างสงสัย "การเผาจื้อเป็นการกำจัดพิษหรือลดผลข้างเคียงของตัวยาขอรับ อีกทั้งยังทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ดีขึ้นขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบบิดา วิธีเผาจื้อนั้นมีหลายวิธีเลยแหละ "เช่นนั้นพ่อจะช่วยเจ้า" เหอจงเทาเอ่ยบอกบุตรเกออย่างกระตือรือร้น "ขอบคุณขอรับ" เหอฟานเสวี่ยส่งยิ้มให้บิดาและมารดาของตน เขาไม่ได้จะใช้ตัวยาที่เตรียมวันนี้ใช้รักษาชาวบ้านหรอกเพราะอย่างไรก็คงทำไม่ทัน คงต้องใช้ยาสมุนไพรแบบสำเร็จแล้วไปก่อน สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันทำการเผาจื้อตามที่เหอฟานเสวี่ยบอกอย่างขยันแข็งขันจนเวลาล่วงเลยควรแก่การพักผ่อนจึงแยกย้ายกันไปนอน รุ่งเช้าเหอฟานเสวี่ยตื่นขึ้นปลายยามเหม่าแล้วทำกิจวัตรประจำวันของตนเองจนเสร็จ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็มาช่วยกันเตรียมสมุนไพรต่อ "บ้านเหอพวกท่านว่างหรือไม่" เสียงชาวบ้านเอ่ยเรียกทำให้เหอจงเทาออกมาดู "มีอันใดกันหรือขอรับ" เหอจงเทาเอ่ยถามเหล่าชาวบ้านที่มาบ้านของตน ลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อวานตนและบุตรเกอป่าวประกาศสิ่งใดไว้ "พวกข้าก็มารักษากับเสี่ยวฟานน่ะสิ พวกเจ้าว่างรักษาให้พวกข้าหรือยังล่ะ " หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยถาม แม้จะอยากรักษาแต่ก็มีความเกรงใจอยู่หากคนบ้านเหอยังไม่ว่างก็คงต้องกลับไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่ "ว่างๆ พวกท่านเข้ามาก่อนเสี่ยวฟานกำลังจัดเตรียมสมุนไพรอยู่พอดี แต่รบกวนพวกท่านอย่าได้สร้างความวุ่นวายเล่า" เหอจงเทาเอ่ยบอกทุกคน "ได้ๆ พวกข้าจะนั่งรอดีๆไม่วุ่นวายแน่นอน" กล่าวจบชาวบ้านก็พากันเดินเข้ามาบริเวณบ้านเหอ ต่างคนต่างพากันหาจุดนั่งรอ สักพักเหอฟานเสวี่ยก็มาสอบถามอาการเบื้องต้นก่อนจะจัดลำดับผู้ป่วยที่ควรได้รับการรักษาก่อนและผู้ป่วยที่รอรักษาได้ "เชิญท่านแรกเลยขอรับ" เสียงของเหอจงเทาดังขึ้น คนที่ได้อันดับแรกก็เดินเข้าไปในตัวบ้านพร้อมกับภรรยาเมื่อเข้าไปยังห้องๆหนึ่งก็เห็นเหอฟานเสวี่ยกับสวี่ฟางนั่งรออยู่ "ท่านลุงท่านป้าเชิญนั่งก่อนขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกทั้งสองคน "เสี่ยวฟานดูอาการให้สามีป้าทีเถิด นี่ทำอันใดนิดๆหน่อยก็เหนื่อยตกใจก็ยังเหนื่อย หายใจก็ดูลำบาก ป้าเองก็ไม่ได้มีเงินมากพอจะซื้อยาที่ร้านในเมือง ทำได้แค่ให้นั่งพักนอนพัก" สตรีวัยกลางคนเอ่ย "ท่านลุงมีอาการเช่นนี้มานานหรือยังขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม "ลุงเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ไม่มีเงินไปหาหมอ" บุรุษวัยกลางคนเอ่ย "เช่นนั้นข้าขอตรวจดูชีพจรนะขอรับ" เพราะเกอหรือสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานนั้นไม่สามารถโดนตัวบุรุษได้แต่ก็มีข้อยกเว้นหากคนผู้นั้นเป็นหมอและต้องทำการรักษา เหอฟานเสวี่ยจึงแสร้งจะจับชีพจรและค่อยสอบถามเพิ่มเติมก่อนจะวินิจฉัยอาการแต่ผู้ใดจะคิดว่าเพียงแค่เขาจับชีพจรก็สามารถรับรู้ได้ว่าชายตรงหน้านี้ป่วยเป็นอะไร นี่คงเป็นความสามารถพิเศษที่เขาได้มาจากการมาเกิดใหม่ครั้งนี้สินะ "ท่านลุงมักจะมีอาการเหนื่อยแม้กระทั่งตอนหายใจใช่หรือไม่ขอรับ รู้สึกว่าหายใจเท่าไหร่ก็ไม่พอบางครั้งรู้สึกราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่ลำคอ หรือหากทำอันใดที่เหนื่อยก็รู้สึกหายใจไม่ทัน ที่ข้าพูดมาถูกต้องหรือไม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม "จะ เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน" ชายวัยกลางคนเอ่ยอย่างตกใจเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าสามารถบอกอาการของเขาอย่างละเอียดได้ "ก็ข้าเป็นหมอนี่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยพูดพลางฉีกยิ้มทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดู "แล้วตกลงว่าสามีของป้าเป็นอันใดหรือเสี่ยวฟาน" สตรีวัยกลางคนเอ่ยถาม "ท่านลุงเป็นโรคหอบขอรับ เดี๋ยวข้าจะนำสมุนไพรให้กลับไปทาน ระหว่างนี้อย่าเพิ่งให้ท่านลุงทำงานหนักนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกก่อนจะเดินไปหยิบสมุนไพรมาห่อใส่กระดาษ "นี่คือโกฐเชียงหรือตังกุยเหว่ย์ขอรับ ให้ท่านป้าต้มให้ท่านลุงทานสักหกเจ็ดวันนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก "แล้วสามีของป้าจะหายหรือไม่" สตรีวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างมีความหวัง "หายแน่นอนขอรับ" ถ้าสมุนไพรธรรมดาอาจจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่สมุนไพรในมิติรับรองว่าหายขาดตั้งแต่สามวันแรกเสียด้วยซ้ำ "ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวฟาน" สตรีวัยกลางคนและสามีเอ่ยขอบคุณเด็กเกอตรงหน้า "ไม่เป็นไรขอรับท่านป้า" "นี่เงิน 10 อีแปะถึงมันจะน้อยแต่ก็เป็นเงินที่ป้าเก็บรวบรวมมันมาได้ให้เป็นค่ารักษาแก่เจ้า" สตรีวัยกลางคนยื่นเงินจำนวนสิบอีแปะให้แก่เกอน้อย "ท่านป้าเก็บไว้เถิดขอรับเงินสิบอีแปะสามารถซื้อธัญพืชเนื้อหยาบได้เป็นกระสอบ หรือหากต้องการจ่ายจริงๆข้าคิดค่าสมุนไพรเพียงแค่ 1 อีแปะเท่านั้นขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก "เช่นนั้นข้ากับสามีขอขอบใจเจ้ามาก" สองสามีภรรยาไม่รู้เลยว่าสมุนไพรที่ได้ไปมีราคาแพงแค่ไหน แพงมากพอที่จะทำให้ชาวบ้านธรรมดาใช้จ่ายได้เป็นปีๆ ในวันแรกของการเปิดบ้านรักษาเหอฟานเสวี่ยตรวจคนไข้ไปเรื่อยๆ เพิ่งรู้ว่าคนป่วยในหมู่บ้านมีเยอะเหมือนกันแต่ก็เข้าใจได้เพราะชาวบ้านต่างยากจนไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อสมุนไพรมากินยามเจ็บป่วยด้วยซ้ำ หลายคนที่มารักษาเพียงอาการง่ายๆแค่ฝังเข็มก็หายพอเดินออกไปก็เอาไปคุยให้ชาวบ้านคนอื่นๆฟัง "ประจำเดือนของข้ามาไม่ปกติเลย หากมาก็ทำให้ข้าปวดท้องเป็นอย่างมาก" สตรีวัยปักปิ่นคนหนึ่งเอ่ย "ข้าขอตรวจดูก่อนนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก "ได้ๆ" หญิงสาสพยักหน้า เหอฟานเสวี่ยจึงจับตรวจชีพจรดู "เพราะเลือดของพี่สาวไหลเวียนไม่ดีเดี๋ยวข้าจะให้สมุนไพรกลับไปทานนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกก่อนจะนำสมุนไพรมาห่อใส่กระดาษเช่นเดิม "นี่เป็นตังกุยขอรับ พี่สาวนำไปต้มกินสักสองสามวันนะขอรับมันจะช่วยให้พี่สาวนำไปต้มกินสักสองสามวันนะขอรับมันจะช่วยให้เลือดไหวเวียนปกติ ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอและระงับอาการปวด" เหอฟานเสวี่ยยื่นห่อยาให้หญิงสาว "ขอบใจเจ้ามาก" หากหญิงสาวได้รู้ว่าสมุนไพรนี้มีราคาแพงมีหวังคงตกใจจนสิ้นสติไปแน่ที่เกอน้อยตรงหน้านำของราคาสูงมาแจกจ่ายชาวบ้าน "เหนื่อยหรือไม่" เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรของตน กว่าจะรักษาชาวบ้านหมดก็ปาไปยามเชินแล้วและดูท่าว่าป่านนี้ข่าวเรื่องการรักษาก็คงจะกระจายไปทั่วแล้วหากมีคนเชื่อพรุ่งนี้คนจากต่างหมู่บ้านคงมารักษากับบุตรเกอตัวน้อยของเขา "ไม่เหนื่อยขอรับ ข้ามีความสุขมากกว่าที่ได้ช่วยรักษาทุกคน" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบบิดา "เสวี่ยเออร์เก่งมากเจ้าค่ะท่านพี่ เพียงแค่จับชีพจรก็รู้ว่าคนคนนั้นเจ็บป่วยเป็นอันใด" สวี่ฟางบอกเล่าให้สามีฟัง เพราะสามีของเธอดูแลชาวบ้านอยู่ด้านนอกจึงไม่ได้มาดูว่าบุตรตัวน้อยตรวจรักษาด้วยวิธีใด "จริงหรือ" เหอจงเทาถามอย่างตื่นเต้น บุตรของเขาเก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือนี่มันหมอเทวดาชัดๆ "เป็นเพราะสวรรค์ประทานความสามารถให้ข้าขอรับ" เหอฟานเสวี่ยตอบด้วยรอยยิ้ม "เพราะเจ้าเป็นคนดีสวรรค์จึงเมตตา" สวี่ฟางลูบหัวบุตรชาย "ขอรับ แต่ตอนนี้ข้าหิวมากๆเลยขอรับท่านแม่" เหอฟานเสวี่ยพูดพลางทำเสียงออดอ้อน "เช่นนั้นเจ้ารอหน่อย วันนี้แม่จะทำน้ำแกงไก่ให้เจ้ากิน" สวี่ฟางเอ่ยบอกบุตรเกออย่างเอ็นดู "เช่นนั้นเสวี่ยเออร์เจ้าก็ไปพักก่อนเถิด" เหอจงเทาเอ่ยบอกบุตรเกอ "ขอรับบบบบบ" เหอฟานเสวี่ยลากเสียงยาวอย่างซุกซนสร้างความเอ็นดูให้ผู้เป็นบิดามารดาเป็นอย่างมาก ก่อนที่แววตาของเหอจงเทาจะมืดครึ้ึ้้มลงบุตรเกอของเขาโตขึ้นทุกวันอีกไม่นานก็จะถึงวัยปักปิ่น เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีบุรุษหน้าเหม็นมายุ่งวุ่นวายกับบุตรตัวน้อยของเขา "ฝันไปซะเถอะ" คิดได้ดังนั้นเหอจงเทาก็สบถออกมาใบหน้าดูหงุดหงิด บุตรของเขายังเล็กอีกหลายสิบปีค่อยออกเรือนยังถือว่าเร็วไปด้วยซ้ำ ฮึ "ท่านพี่พูดอะไรคนเดียวเจ้าข้า" สวี่ฟางที่อยู่ในครัวได้ยินเสียงสามีพูดพึมพำจึงตะโกนถาม "ไม่มีอันใด เดี๋ยวพี่จะช่วยเจ้าก่อไฟ" เหอจงเทารีบสลัดความคิดในหัวก่อนจะเดินตรงเข้าไปช่วยภรรยาในครัวทันที #ยังไม่ได้แก้คำผิดทั้งสองเดินกลับเข้ามาในบ้านที่มีบิดามารดาของทั้งสองฝ่ายกำลังนั่งคุยกันอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะเข้าไปนั่งข้างบิดามารดาของตัวเอง เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั่งลงแล้วจ้าวฮูหยินก็เปิดปากพูดขึ้น”เสวี่ยเออร์ แม่ได้คุยกับบิดามารดาของเจ้าแล้ว บิดามารดาของเจ้ายินดีหากเจ้าจะหมั้นกับอาจวิน” “…..” เหอฟานเสวี่ยหันหน้าไปมองบิดามารดาของตนก็เห็นว่าทั้งคู่พยักหน้าให้“เจ้าล่ะ ยินดีจะหมั้นหมายกับจวินเกอของเจ้าหรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยรอยยิ้ม จ้าวเพ่ยจวินเองก็มองคนน้องด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแต่ภายในใจก็ลุ้นอยู่ไม่น้อย“ข้า…ขอเรียนท่านแม่ตามตรง ตัวข้านั้นยังอยากอยู่กับบิดามารดาเปิดบ้านรักษาชาวบ้านเช่นนี้ หากวันนึงข้าต้องแต่งงานกับจวินเกอข้าอาจไม่สามารถไปอยู่ที่เมืองหลวงได้” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกจุดประสงค์ของตน แม้ว่าครอบครวคนพี่จะเคยพูดว่าไม่ได้กังวลที่จะให้บุตรชายมาอยู่ที่นี่แต่เขาก็อยากจะพูดคุยให้ชัดเจนอีกครั้ง“อาจวิน เจ้าว่าอย่างไร ยินดีจะมาอยู่กับน้องที่นี่หรือไม่” จ้าวฮูหยินเอ่ยถามบุตรชาย“ลูกยินดีขอรับท่านแม่ ขอแค่มีเสวี่ยเออร์อยู่ลูกอยู่ที่ไหนก็ได้ขอรับ” จ้าวเพ่ยจ
วันเวลาล่วงเลยผันผ่าน จนเวลาล่วงเลยผ่านมาสามปี เหอฟานเสวี่ยยังคงทำหน้าที่เป็นหมอเทวดาน้อยได้อย่างดีเช่นเดิมจวบจนตอนนี้จากเกอน้อยวัย 12 หนาวกลายเป็นเกอวัย 15 หนาวซึ่งตามธรรมเนียมคือถึงช่วงวัยปักปิ่นและออกเรือนสำหรับเกอและสตรีในยุคนี้ งานปักปิ่นให้กับเหอฟานเสวี่ยจะถูกจัดขึ้นอีกสามวันข้างหน้าผู้เป็นมารดาใบหน้ามีความสุขที่เห็นบุตรของตนเติบโตขึ้นมากผิดกลับบิดาที่รู้ว่าบุตรเกอของตนถึงวัยออกเรือนก็เอาแต่ทำหน้าเครียด “ท่านพ่อเลิกทำหน้าเศร้าเถิดขอรับ ข้ามิได้จะออกเรือนวันพรุ่งนี้เสียหน่อย” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกบิดาด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่“พ่อเพียงแค่เป็นห่วงเจ้า” นับวันบุตรเกอของตนยิ่งงดงามขึ้นมีแม่สื่อจากหลายตระกูลมาทาบทามแม้ว่าจะพูดไปว่าบุตรของเขามีคู่หมายแล้วก็ตาม“ท่านพี่อย่าคิดมากไป ถึงอย่างไรวันนึงเสวี่ยเออร์ก็ต้องออกเรือน” สวี่ฟางเอ่ยกับสามี“เหอะ แล้วนี่ไอ้บุรุษหน้าเหม็นผู้นั้นไปไหนเล่า มาประกาศตัวแล้วก็หนีหายมิใช่ว่าทิ้งเจ้าไปแต่งงานแล้วหรือ” เหอจงเทาเอ่ยถามบุตรเกอ เหอฟานเสวี่ยที่ได้ยินคำถามนั้นก็ทำเพียงแค่ยิ้มบางๆให้กับบิดา ตั้งแต่จ้าวเพ่ยจวินกลับไปเมืองหลวงตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้เป็นเวลา
หลังจากจับตัวคนที่ก่อเรื่องส่งทางการไปชาวบ้านคนอื่นๆก็ต่างแห่พากันตามไป เหอฟานเสวี่ยก็ต้องเดินทางไปเพราะถือว่าเป็นผู้เสียหายแม้ว่าเหอจงเทาจะไม่อยากให้บุตรของตนไปเจอหน้าคนพวกนั้นอีกก็ตาม ครอบครัวเหอรวมถึงจ้าวเพ่ยจวินและลูกศิษย์ทั้งสองพากันเดินทางมายังในตัวเมือง ผู้ตัดสินคดีในครั้งนี้คือท่านเจ้าเมืองผู้ที่เคยตัดสินคดีของนายอำเภอและหม่าจางอี้ “ท่านเจ้าเมืองเจ้าคะ ท่านเจ้าเมืองช่วยบุตรชายของข้าด้วยชาวบ้านพวกนี้มันทำร้ายร่างกายบุตรชายข้า” สตรีวัยกลางคนรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือคนผู้นั่งอยู่บนโต๊ะตัดสินสูงสุดทันทีปัง!“เงียบ! พวกเจ้าจงอยู่ในความสงบข้าจะเป็นผู้ไต่สวนเอง” ท่านเจ้าเมืองพูดเสียงเย็น ดูทรงอำนาจอย่างไม่อาจต้านทาน“บอกชื่อของเจ้ามา” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามบุรุษผู้เต็มไปด้วยรอยแผลตามร่างกาย“คาระวะท่านเจ้าเมือง ข้าน้อยหย่งเล่อ ขอรับ” “เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมา เหตุใดเจ้าจึงถูกจับตัวมาส่งทางการแล้วเหตุใดร่างกายจึงเต็มไปด้วยรอยแผลเช่นนี้” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยถามเสียงเรียบ ท่าทางเต็มไปด้วยอำนาจทำให้บุรุษหนุ่มพูดไม่ออกเพราะกลัวความผิด“อะ เอ่อ…คือ”“จะอะไรเสียอีกเล่า เกอผู้นี้ยั่วยวนบุตรชา
จ้าวเพ่ยจวินลืมตาตื่นมาในตอนเช้ามืด ร่างสูงลุกขึ้นบิดไล่ความขบเมื่อยการนอนต่างที่ต่างถิ่นเป็นเรื่องปกติของเขาไปเสียแล้ว คราที่มาแอบดูคนน้องบางครั้งเขายังนอนบนต้นไม้ไม่ก็หลังคาเรือน จ้าวเพ่ยจวินรีบลุกขึ้นไปจัดการธุระตนเองเพราะจากการที่เมื่อก่อนมาแอบดูคนน้องเขารู้ดีว่ากิจวัตรในทุกเช้านั้นคืออะไร ร่างสูงเดินตรงเข้าไปที่เรียนครัวที่ตอนนี้มีสามคนพ่อแม่ลูกกำลังวุ่นวายกับการเตรียมอาหารกันอยู่“จวินเกอ!” เหอฟานเสวี่ยที่หันไปเห็นคนท่เพิ่งเข้ามาก็ร้องเรียกด้วยความตกใจ“มีอันใดให้พี่ช่วยหรือไม่” จ้าวเพ่ยจวินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองที่เปลี่ยนไปทำให้เหอฟานเสวี่ยเขินอายอยู่ไม่น้อย“ไม่มีขอรับ”อีกฝ่ายเป็นแขกเขาจะให้มาช่วยทำงานได้อย่างไรกัน“คุณชายจ้าวเหตุใดจึงตื่นเช้านักเล่า ไม่ไปนอนต่ออีกเสียหน่อย หรือว่าที่หลับนอนไม่สบายเดี๋ยวป้าจะเข้าเมืองไปซื้อฟูกมาปูให้ใหม่” สวี่ฟางเอ่ยถามบุรุษหนุ่ม จ้าวเพ่ยจวินเป็นถึงคุณชายจากเมืองหลวงนอนผ้าปูพื้นบางๆคงจะไม่สบายตัวเป็นแน่“เป็นบุรุษหากทนลำบากแค่นี้ไม่ได้แล้วจะดูแลภรรยาในอนาคตได้อย่างไร” เหอจงเทาค่อนแคะ“ไม่เป็นไรขอรับท่านป้า แค่นอนไ
จ้าวเพ่ยจวินกับเหอฟานเสวี่ยออกเดินทางตั้งแต่ยามเหม่าเพื่อที่จะได้ถึงเมืองที่เหอฟานเสวี่ยอาศัยอยู่ก่อนตะวันตกดิน พวกเขาเลือกพักกินอาหารแค่ครู่เดียวก็ออกเดินทางต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามเชินขบวนรถม้าหลายคันก็เข้าสู่หมู่บ้านและมุ่งหน้ามายังบ้านเหอ ชาวบ้านหลายคนต่างพากันเดินตามมาดูขบวนรถม้าคันใหญ่ที่วิ่งเข้ามาในหมู่บ้านเมื่อเห็นว่ามาจอดที่บ้านเหอจึงพากันยืนมุงดูอยู่ด้านนอก“ท่านพ่อ! ทานแม่!” เหอฟานเสวี่ยที่ลงจากรถม้าได้ก็รีบพุ่งไปกอดบิดามารดาของตนเองทันที“เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางอ้าแขนรับกอดลูกของตัวเองด้วยความคิดถึง เหอจงเทาที่เห็นว่าบุตรเกอของตนกลับมาอยากปลอดภัยความกังวลที่มีอยู่หลาดวันมานี้ก็คลายลง“คาระวะนายท่านเหอ ฮูหยินเหอ” จ้าวเพ่ยจวินเดินเข้ามาคำนับผู้อาวุโสทั้งสอง “เสวี่ยเออร์” สวี่ฟางมองหน้าบุตรเกอของตนด้วยสายตาตั้งคำถาม ส่วนเหอจงเทาที่เห็นว่ามีบุรุษเดินทางมากับบุตรเกอของตนก็มีสีหน้ามืดครึ้มลง“ท่านพ่อ ท่านแม่ขอรับ นี่คุณชายจ้าวเพ่ยจวินขอรับ ช่วงที่อยู่เมืองหลวงข้าพักที่จวนสกุลจ้าวแล้ววันนี้คุณชายจ้าวจึงอาสามาส่งข้าขอรับ” เหอฟานเสวี่ยเอ่ยแนะนำคนพี่ให้รู้จัก“เจ้าคือคนที่มอบปิ่
หลังจากสิ้นสุดงานเลี้ยงอันสนุกสนาน? คุณหนูหลายตระกูลก็ถูกสั่งให้กักตัวอยู่แต่ภายในจวน คุณหนูเซี่ยเองต้องไปคุกเข่าที่หน้าศาลบรรพชนตามรับสั่งของฮ่องเต้จนชาวเมืองต่างเล่าลือกันสนุกปาก ส่วนเหอฟานเสวี่ยนั้นต้องเข้าวังถวายการตรวจพระครรภ์ของฮองเฮาอยู่หลายครั้งสลับกับการไปแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าอาจารย์ของสำนักหมอหลวงโดยที่มีจ้าวเพ่ยจวินตามไปด้วยไม่เคยห่างจนเวลาล่วงเลยมาเกือบเดือนจึงถึงเวลาที่เหอฟานเสวี่ยต้องเดินทางกลับบ้านของตน“เสวี่ยเออร์ลาท่านพ่อท่านแม่ขอรับ” เหอฟานเสวี่ยคำนับลาผู้อาวุโสของจวนตามธรรมเนียม“ไม่อยู่ต่ออีกสักนิดหรือลูก” จ้าวฮูหยินเอ่ยพลางน้ำตาซึม ตลอดเวลาเกือบเดือนที่อีกฝ่ายอยู่ที่นี่เขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อย“อย่าทำให้ลูกลำบากใจเลย เส้นทางยาวไกลหลายพันลี้อาจวินเจ้าต้องดูแลน้องดีๆ พ่อขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย” บิดาของจ้าวเพ่ยจวินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มใจดี“ขอรับท่านพ่อ” จ้าวเพ่ยจวินรับคำผู้เป็นบิดา“อย่าลืมมาหาแม่บ้างนะเสวี่ยเออร์ จวนตระกูลจ้าวตอนรับเจ้าเสมอ” จ้าวฮูหยินเอ่ยบอกเกอน้อย“ขอรับ หลายวันมานี้เสวี่ยเออร์มารบกวน ขอบคุณท่านพ่อท่านแม่ที่ดูแลข้าอย่างดีขอรับ” เหอฟานเสวี