ตอนที่ 8 ไม่ชินกับการที่เธอหายไป
วันต่อมา
“พรุ่งนี้เราจะเดินทางกันแต่เช้านะสไมล์จะได้ไม่ร้อน” น้ำหวานย้ำกับสไมล์หลังจากที่วันนี้กว่าจะเสร็จงานถ่ายแบบก็ปาเข้าไปเกือบสองทุ่ม ลึก ๆ สไมล์อยากจะแวะไปหาเวย์ที่คลินิกแต่พอดูเวลาแล้วคลินิกน่าจะปิดแล้ว สไมล์คิดว่าพอถึงบ้านค่อยส่งข้อความไปคุยกับเวย์แทน
“เดินทาง? เดินทางไปไหนคะพี่หวาน” คำพูดและท่าทางสงสัยของสไมล์ทำให้น้ำหวานหันมามองทันที
“สไมล์ หนูอำอะไรเจ๊ลูก นี่อย่าบอกนะว่าหนูยังไม่ได้จัดกระเป๋าสำหรับไปถ่ายงานเกมโชว์ที่เขาใหญ่ที่เรารับไว้” น้ำหวานหันไปพูดกับสไมล์ลูกรักด้วยสีหน้าและท่าทางจริงจัง
“ไม่ได้ลืมค่ะแต่ว่าเราต้องเดินทางกันอีกสองวันข้างหน้าไม่ใช่เหรอคะ” สไมล์ยังคงมั่นใจในความจำและความรับผิดชอบของตัวเอง จนกระทั่งมือถือของน้ำหวานถูกส่งมาตรงหน้าพร้อมหน้าจอที่เปิดให้เห็นถึงแชตการสนทนาที่ผู้จัดการสาวแจ้งเปลี่ยนวันเดินทางให้ดาราสาวทราบและสไมล์ก็ตอบตกลงมาทางข้อความเรียบร้อย
“สไมล์ลืมไปได้ยังไงเนี่ย” สไมล์พึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันมามองน้ำหวานด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
“สไมล์ เจ๊ว่าช่วงนี้หนูควรจะเบา ๆ เรื่องหมอเวย์บ้างนะ เจ๊ไม่ได้กลัวว่าหมอเวย์จะทำอะไรให้หนูเสียหายแต่เจ๊กลัวว่าหนูจะหมกมุ่นกับภารกิจพิชิตใจหมอมากจนเกินไป..จนมันทำให้งานเราเสีย” น้ำหวานตัดสินใจพูดกับสไมล์ตรง ๆ ด้วยความห่วงใยเพราะรู้ดีว่าพักหลังมานี้สไมล์ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่อยู่ที่คลินิกเสริมความงามชื่อดัง แรก ๆ นักข่าวก็เอาไปเล่นข่าวกันใหญ่โตจนตอนนี้เลิกเล่นไปแล้ว
“สไมล์ขอโทษค่ะพี่หวาน อย่างอนสไมล์เลยนะ น๊า..นะเดี๋ยวพอถึงบ้านสไมล์จะรีบเก็บกระเป๋าทันที พรุ่งนี้พร้อมเดินทางค่ะ” ใบหน้าหวานที่แนบลงมาที่ต้นแขนของผู้จัดการสาวสองพร้อมท่าทางออดอ้อนทำให้น้ำหวานที่ตั้งใจจะพูดต่อต้องเงียบทันทีเพราะแพ้ลูกอ้อนของดาราสาวอีกตามเคย
เมื่อกลับมาถึงบ้านสไมล์ก็รีบจัดการเก็บกระเป๋าทันที เพราะความเป็นดาราที่ต้องรักษาภาพพจน์อยู่เสมอเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ สไมล์จึงต้องใช้เวลานานในการจัดเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่ในแต่ละวัน รวมถึงของใช้ส่วนตัวที่กว่าจะจัดเตรียมเสร็จก็ปาเข้าสู่วันใหม่ ความเหนื่อยล้าทำสไมล์เผลอหลับไปจนมาสะดุ้งตื่นเมื่อนาฬิกาปลุกในเช้ามืดของอีกวัน ทำให้ลืมความตั้งใจแรกที่คิดไว้ว่าจะส่งข้อความไปหาเวย์ พอเช้าก็ต้องรีบออกเดินทางตามที่น้ำหวานได้บอกไว้พร้อมกับทีมงานอีกนับสิบคน ทำให้สไมล์ไม่มีเวลาพอที่จะติดต่อไปหาชายหนุ่ม
สไมล์ต้องไปถ่ายรายการเกมโชว์ที่ต่างจังหวัดหลายวันโดยที่ไม่ได้บอกเวย์ให้ทราบก่อน และสัปดาห์นั้นทั้งสัปดาห์สไมล์ก็หายเงียบไปเลยไม่มีแม้กระทั่งข้อความที่คอยส่งมากวนตอนเช้าหรือก่อนนอน ขนมที่เคยซื้อมาให้หรือบางครั้งเจ้าตัวมาไม่ได้ก็จะสั่งไรเดอร์มาส่ง สิ่งต่างๆ ที่สไมล์ทำมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาอยู่ดี ๆ มาวันนี้สิ่งพวกนี้ก็หายไปดื้อ ๆ ทำเอาคุณหมอหนุ่มเริ่มไม่ชินกับชีวิตสงบสุขอีกต่อไป
ทางด้านสไมล์เมื่อเดินทางมาถึงที่หมายในการถ่ายทำเกมโชว์ก็มัววุ่นวายกับการบรีฟงานกับทีมงานที่จะต้องถ่ายทำกันบนเขา สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาด ๆ หาย ๆ ทำให้ระหว่างนี้สไมล์แทบจะเรียกได้ว่าขาดการติดต่อกับเวย์ไปเลย
ทางด้านเวย์
“มึงเป็นอะไรไอ้เวย์นี่กูเห็นมึงนั่งถอนหายใจและพูดอยู่คนเดียวมาสามวันแล้วนะ ถ้าโทรศัพท์มึงมีชีวิตมันคงเขินตายเลยวัน ๆ เจ้าของเอาแต่นั่งจ้องแทบไม่กินข้าวกินปลา ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะตอบพอถามมากก็หงุดหงิด” ภีร์ที่สังเกตเวย์มาตั้งแต่เช้าเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อน
“หายไปไหน” เวย์ไม่ได้ตอบคำถามภีร์แต่คุยคนเดียวมากกว่า ทำเหมือนภีร์เป็นอากาศธาตุไม่ได้สนใจสิ่งที่ภีร์ถามเลย จนภีร์หันไปมองหน้ากันกับภาคย์และภาคย์ส่ายหัวบอกให้ปล่อยไปก่อนรอให้เวย์อยากเล่าเวย์จะเล่าให้ฟังเอง
“บางครั้งเรื่องส่วนตัวของมัน เราก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ ถ้ามันอยากเล่าเดี๋ยวมันก็เล่าให้เราฟังเองแหละ” ภาคย์บอกกับภีร์ด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้จะสงสัยไม่แพ้ภีร์แต่ภาคย์ใจเย็นพอที่จะให้เวย์ได้จัดการปัญหาของตัวเองก่อน เพราะแน่ใจว่าถ้าหากเวย์พร้อมที่จะพูดถึงตอนนั้นถึงไม่ถามเวย์ก็บอก ภีร์ที่เริ่มเห็นด้วยในสิ่งที่ภาคย์พูดจึงไม่เซ้าซี้อะไรเวย์ต่อ ได้แต่นั่งมองเวย์ที่นั่งพูดกับโทรศัพท์อยู่คนเดียวเป็นพัก ๆ
เป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่สไมล์ใช้เวลาอยู่กับกองถ่ายบนเขาโดยไม่มีโอกาสและเวลาที่จะติดต่อเวย์ได้เลย แม้ใจจะอยากติดต่อไปหาคุณหมอหนุ่มแค่ไหน แต่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ก็ทำให้หญิงสาวตั้งใจทำงานของเธอจนแล้วเสร็จ
เมื่อครบกำหนดที่สไมล์ต้องลงจากเขาเพราะถ่ายรายการเสร็จแล้ว ข้อความนับสิบข้อความเด้งแจ้งเตือนรัว ๆ บวกกับสายที่ไม่สามารถติดต่อได้อีกเกือบสิบสาย และบางสายโทรเข้ามาตอนตีสาม ตีสี่ รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นมุมปากเมื่อเห็นชื่อคนส่งและเบอร์โทรศัพท์คนที่โทรหาเธอ
“กระหน่ำโทรมาซะขนาดนี้อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้คิดอะไรกับฉันน่ะ คุณหมอ” สไมล์พูดกับตัวเองด้วยหัวใจที่พองโต ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหลายวันมานี้แทบหายไปหมดเพียงเพราะเห็นชื่อของคนที่พยายามติดต่อเธอในหลายวันนี้ สไมล์ขอตัวกับทีมงานเดินทางกลับทันทีที่งานเสร็จเพราะอยากพักผ่อน
“ไม่อยู่ร่วมงานเลี้ยงที่ทางกองเขาจะจัดคืนนี้หน่อยเหรอ” น้ำหวานที่เดินเข้ามาหาสไมล์เอ่ยถามหญิงสาว
“ไม่ดีกว่าค่ะสไมล์คิดถึงที่นอนที่บ้านเต็มทีแล้วค่ะ” สไมล์บอกน้ำหวานพร้อมกับทำหน้าตาน่ารักส่งมาให้
“เหรอ..ไม่ใช่ว่าคิดถึงเจ้าของคลินิกเสริมความงามเหรอยะ” น้ำเสียงและท่าทางที่ดูไม่เชื่อของน้ำหวานทำเอาสไมล์หัวเราะเบา ๆ
“พี่หวานจะอยู่ต่อก็ได้นะคะยังไงทางทีมงานเขาก็เช่าโรงแรมให้เราถึงพรุ่งนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงสไมล์หรอก”
“ก็กลับพร้อมกันนี่แหละพรุ่งนี้จะได้ตื่นสายสักหน่อยเดี๋ยวมะรืนนี้ก็มีงานแต่เช้าอีก” เมื่อตกลงว่าจะกลับกันทั้งผู้จัดการและดาราสาวก็เดินทางกลับกรุงเทพทันทีกับทีมงานบางส่วน เมื่อเดินทางจากเขาใหญ่มาถึงกรุงเทพฯ สไมล์ที่จอดรถไว้ที่บริษัทของผู้จ้างงานก็แยกกับน้ำหวานต่างคนต่างกลับเพราะเอารถมาจอดที่บริษัทคนละคันแล้วจึงขับรถกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงที่บ้านสไมล์ก็ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้า
สไมล์ปรากฏตัวที่คลินิกอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับของฝากมากมายหิ้วพะรุงพะรังเต็มสองไม้สองมือเหมือนกับว่าจะชดเชยย้อนหลังให้กับวันที่ไม่ได้มา
“สไมล์” สายตาคมเข้มใบหน้าหล่อเหลาที่ดูโทรมจากการอดหลับอดนอนจ้องหน้าดาราสาวที่หายหน้าไปหลายวันแบบไม่กะพริบตา ก่อนจะเอ่ยชื่อเรียกหญิงสาวเบา ๆ
“ค่ะ ฉันเองหรือคุณนัดใครไว้เหรอคะ”
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผม” เป็นครั้งแรกที่คุณหมอหนุ่มชวนคุยก่อน สไมล์ที่กำลังก้มวางของในมือกับโต๊ะก็แอบยิ้มพอใจเมื่อเหยื่อที่เธอวางแผนล่อตั้งนานกำลังติดกับเข้าแล้ว
“บนเขาไม่มีสัญญาณค่ะ” สไมล์ตอบไปตามความจริง
“แล้วนี่พึ่งลงจากเขามาหรือไง” สไมล์เผลอยิ้มอีกครั้งเมื่อได้ยินคำถามที่แอบแฝงไปด้วยถ้อยคำประชด เธอเล่นละครมาก็หลายเรื่องเล่นมาแล้วทุกแนว คำถามประชดประชันแบบนี้เธอเคยได้ยินมาก็บ่อย
“เปล่าค่ะ กลับลงมาตั้งแต่เมื่อวาน”
“ไม่เห็นเหรอว่าผมโทรไป แล้วข้อความไม่คิดจะเปิดอ่าน” สิ่งที่เวย์กำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้นั้น ถ้าย้อนมองกลับไปเมื่อก่อนชายหนุ่มจะเห็นว่าเขาก็เคยทำแบบเดียวกันกับเธอเช่นกัน หรืออาจจะทำมากกว่าด้วยซ้ำ
“เห็นค่ะ สิบห้าสายกับข้อความอีกสิบสองข้อความ” สไมล์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มสะใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกให้อีกฝ่ายเห็นชัดเจนขนาดนั้น เธอเป็นนักแสดงย่อมเล่นละครเก่งอยู่แล้ว
“หึเห็น ไม่คิดจะโทรกลับ” เสียงเรียบเอ่ยออกมาน้ำเสียงตัดพ้อปนน้อยใจแต่ก็ยังคีพลุคตีหน้านิ่ง
“ฉันเหนื่อยค่ะ เลยไม่มีเวลาโทรกลับ แล้วคุณโทรหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ” สไมล์ยังทำเป็นเหมือนไม่ให้ความสำคัญ ในใจก็แอบดีใจนิด ๆ ที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามที่เธอวางหมากไว้
“แค่แรงจะกดโทรศัพท์ยังไม่มีคงจะเหนื่อยมาก แล้วนี่หายเหนื่อยแล้วเหรอครับถึงมาที่นี่ได้” ถ้อยคำประชดประชันประโยคที่สองที่หลุดออกจากปากชายหนุ่มให้ได้ยิน
“หายแล้วค่ะ นอนพักมาทั้งคืนแล้ว” สไมล์ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใช้ความนิ่งหลอกล่อเหยื่อให้เข้ามาติดกลับเรื่อย ๆ
“แล้วมาที่นี่มีธุระอะไรครับ คุณสไมล์” มือหนากำปากกาในมือแน่นสายตาจ้องไปที่หญิงสาวที่นั่งจัดขนมใส่จานอย่างตั้งใจ โดยไม่ได้สนใจเลยว่ามีสายตาคมเข้มน่ากลัวกำลังจ้องมองเธอ
“เปล่าค่ะ ฉันแค่แวะเอาขนมมาฝากพนักงานที่คลินิก เสร็จแล้วก็ว่าจะกลับเลย” ร่างบางลุกจากโซฟาคว้ากระเป๋าถือใบเล็กตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป
“สไมล์!” เสียงทุ้มตะโกนตามหลังเสียงดัง มือเล็กที่กำลังยื่นไปเปิดประตูจำต้องชักมือกลับและเอี้ยวตัวหันกลับมายังทิศทางเจ้าของเสียงเรียก
“คะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตภายใต้แพขนตางอนเลิกคิ้วขึ้นเพื่อเป็นคำถาม
“ผมจองร้านอาหารญี่ปุ่นไว้ แล้วไอ้ภีร์มันติดเคสด่วนเลยไปทานด้วยไม่ได้” ฟังดูเหมือนประโยคบอกเล่าแต่ถ้าฟังดี ๆ ก็จะรู้ทันทีว่าคุณหมอหนุ่มนั้นกำลังชวนเธอไปทานข้าว
“แล้ว..ยังไงคะ คุณมาบอกฉันทำไม ฉันไม่ใช่เพื่อนคุณซะหน่อย”
“ผมเห็นว่าคุณชอบทานอาหารญี่ปุ่น ไหน ๆ ผมก็จองไว้สองที่แล้วจะทิ้งอีกที่หนึ่งไปก็เสียดาย” เวย์ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเวย์อยู่เหมือนเดิม
“จะชวนฉันก็ชวนดี ๆ สิคะ ไม่เห็นต้องพูดจาอ้อมค้อมเลย จะพูดเยอะทำไมให้เหนื่อย” สไมล์ที่ฟังเวย์พูดซะยืดยาวทั้งที่จุดประสงค์คือต้องการชวนเธอทานข้าวจึงตอบกลับเวย์แบบหมั่นไส้นิด ๆ กับท่าทางที่เหมือนกลัวจะเสียฟอร์มนักหนาของชายหนุ่ม
“แล้วจะไปหรือเปล่า”
“ถ้าคุณชวนฉันก็ไปค่ะ แต่ขอฉันนอนพักสักหน่อยใกล้ ๆ เที่ยงเราค่อยออกไปเมื่อกี้ก่อนเข้ามาฉันแวะซื้อแซนด์วิชทานมาแล้วตอนนี้ยังไม่หิว