ตอนที่ 9 เคยชินกับการที่มีเธออยู่
โต๊ะร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังถูกจองกะทันหันโดยคุณหมอหนุ่มที่ใช้เส้นสายในความเป็นเพื่อนเจ้าของร้านใช้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่น มิหนำซ้ำยังเลือกห้อง VIP ที่เป็นส่วนตัวด้วย
“ไอ้แจ็ก วันนี้มึงเข้าร้านหรือเปล่าวะ” ปลายสายคือเพื่อนบ้านตั้งแต่วัยเด็กที่เวย์สนิทที่สุดเพราะพ่อแม่ของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน
“เข้า มึงมีอะไรหรือเปล่า”
“เคลียร์ห้อง VIP ร้านมึงไว้ให้กูห้องหนึ่ง เที่ยงนี้เดี๋ยวกูเข้าไป” เวย์แจ้งความต้องการของตัวเองชัดเจน
“แดกห้องธรรมดาไม่ได้หรือไง VIP ลูกค้าจองเต็มหมดแล้ว ร้านกูระดับมิชลินสตาร์นะมึงลูกค้าต้องจองล่วงหน้ากันเป็นเดือน แต่มึงเสือกจองล่วงหน้าก่อนแดกแค่สองชั่วโมง” แจ็กด่าสวนกลับแบบไม่เกรงใจ จนเวย์ต้องรีบขยับโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูก่อนที่แก้วหูจะแตกและกลายเป็นคนพิการหูหนวก
“ถ้าห้องไม่ว่าง งั้นกูขอใช้ห้องส่วนตัวของมึงแล้วกัน จัดโต๊ะเผื่อกูด้วยสำหรับสองคนอีกสองชั่วโมงกูจะเข้าไป แล้วอีกอย่างช่วยเตรียมอาหารที่เป็นเมนูเด็ดร้านมึงทั้งหมดไว้ให้กูด้วย” เวย์พูดจบก็กดตัดสายทันทีไม่รอให้อีกฝ่ายตอบตกลงหรือปฏิเสธแม้แต่น้อย
“เฮ้อ! ไอ้ห่าเวย์โทรหากูแต่ละทีไม่มีเรื่องดีแม่งเลยสักครั้ง ยุ่งวุ่นวายตลอด” แจ็กถอนหายใจเสียงดังก่อนจะหันไปสั่งงานลูกน้อง
“ไปจัดโต๊ะอาหารสำหรับสองท่านในห้องของผม แล้วเตรียมเมนูพิเศษของร้านเราทั้งหมดไว้เสิร์ฟขึ้นโต๊ะด้วย อีกสองชั่วโมงไอ้เวย์จะเข้ามา” หันไปสั่งลูกน้องคนสนิทเสร็จก็หันกลับมาสนใจหม้อซุปตรงหน้าที่มืออีกข้างยังคนไม่หยุดอยู่ในครัวที่แยกโซนออกมาเป็นสัดส่วนเอาไว้สำหรับปรุงเมนูใหม่หรือทำอาหารส่วนตัว
เมื่อจัดการจองร้านอาหารเรียบร้อยแล้วเวย์ก็เดินกลับไปทำงานที่โต๊ะเหมือนเดิม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสไมล์นอนกอดอกอยู่บนโซฟาดูแล้วเหมือนคนหลับลึก เวย์จึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวโปรดของตัวเองมาคลุมให้สไมล์อย่างเบามือเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น เวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเวย์ที่ตรวจคนไข้เสร็จไปหลายเคสเดินเข้ามาในห้องทำงานแต่สไมล์ก็ยังคงนอนหลับไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่าย ๆ จนเวย์ต้องตัดสินใจปลุกเพราะกลัวว่าจะไปถึงร้านอาหารญี่ปุ่นที่จองไว้ไม่ทัน
“สไมล์” เวย์เรียกสไมล์เบา ๆ เพื่อปลุกให้หญิงสาวตื่น เมื่อรู้สึกถึงเสียงเรียกสไมล์จึงลืมตาขึ้นพร้อมกับสะดุ้งเบา ๆ
“อื้อ..คุณปลุกฉันทำไมฉันกำลังนอนหลับสบายอยู่เลย” ท่าทางเหมือนเด็กที่โดนเรียกตื่นในตอนเช้าของสไมล์ทำเอาเวย์ส่ายหัวแล้วยิ้มเบา ๆ
“โอมากาเสะมื้อพิเศษร้านแจ็กลิน” คำพูดของเวย์ทำให้สไมล์ดีดตัวลุกขึ้นทันทีเพราะร้านที่เวย์ชวนเธอไป ขึ้นชื่อเรื่องการจองคิวยากที่สุด สไมล์ผู้ชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่นจึงไม่อยากพลาด
“ไปเลยค่ะคุณหมอ ฉันพร้อมแต่ขอไปกับคุณได้ไหม ฉันยังง่วงอยู่เลยยังไม่อยากขับรถ” สายตาและน้ำเสียงที่ดูเว้าวอนทำเอาเวย์ปฏิเสธไม่ลงอีกตามเคย
“ตามใจ” สไมล์ยิ้มย่องในใจที่เวย์เริ่มไม่ค่อยขัดเธอในสิ่งที่ขอเหมือนช่วงแรก ๆ
ชายหนุ่มร่างสูงหุ่นเพรียวแต่ไม่ผอมพร้อมหน้าตาคมเข้มและผิวที่ขาวเหมือนหนุ่มเกาหลีพร้อมกับดาราสาวที่สวยหาตัวจับยากและกำลังมาแรงในขณะนี้เดินเข้ามาภายในร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะระดับมิชลินสตาร์ที่มีเพื่อนของเวย์เป็นเจ้าของ พนักงานที่คุ้นเคยกับเวย์ดีเดินมาต้อนรับเวย์และสไมล์เหมือนรู้งาน และเดินนำคนทั้งสองไปยังห้องวีไอพีส่วนตัวของเจ้าของร้านที่ถูกเวย์บังคับให้เปิดห้องเป็นกรณีพิเศษที่ตอนนี้มีเชฟคอยยืนรอให้บริการอยู่
ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศญี่ปุ่นแท้ ๆ ทำให้ สไมล์ที่รู้สึกชอบตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาภายในร้านยิ่งได้มาเห็นห้องที่เวย์จองไว้ยิ่งทำให้บรรยากาศในการมาทานอาหารญี่ปุ่นครั้งนี้ของสไมล์ประทับใจตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มชิมอาหาร
“ฉันรู้สึกชอบร้านนี้จังเลยค่ะทั้งบรรยากาศภายในร้านและบรรยากาศภายในห้องนี้” สไมล์บอกกับเวย์ในขณะที่สายตาก็มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างชื่นชม เวย์ที่เห็นสไมล์ชอบร้านที่ตนพามาก็รู้สึกพอใจลึก ๆ
“เขาไม่ขายให้หรอกนะ เจ้าของร้านรวย” เสียงทุ้มพูดขึ้นขณะเดียวกันก็สร้างความงุนงงให้คนฟังไม่น้อย
“ฉันไม่ได้จะซื้อสักหน่อย” เมื่อนึกได้ว่าที่ชายหนุ่มพูดนั้นหมายถึงอะไรเธอก็ตอบกลับทันที
“ก็เห็นบอกว่าชอบ”
“ฉันได้ยินมานานแล้วค่ะว่าร้านนี้สุดยอดมากขนาดที่ว่าได้มิชลินสตาร์แต่ว่าฉันไม่เคยจองคิวได้เลย เห็นว่าต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือน พอฉันจะจองเมื่อถึงวันที่จะได้คิวก็ดันมีงานอีก ฉันก็เลยไม่ได้มาสักที วันนี้ถือว่าฉันโชคดีนะคะได้มาทานร้านดังแถมยังฟรี” สไมล์พูดพร้อมกับทำท่าทางแบบผู้ชนะ เวย์จึงหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางนั้นก่อนที่เชฟจะขออนุญาตเสิร์ฟคอร์สแรกที่เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยให้กับเวย์และสไมล์
“โอ้โห!! ทำไมหน้าตาน่าทานจังเลย ฉันขออนุญาตถ่ายรูปได้ไหมคะ” ประโยคหลังสไมล์หันไปถามเชฟที่เสิร์ฟอาหารมาให้ตรงหน้าซึ่งเป็นเต้าหู้เย็นคินุ ตัวเต้าหู้รองด้วยเห็ดออรินจิย่างราดด้วยซอสสูตรพิเศษของทางร้านจนฉ่ำพร้อมเครื่องเคียงที่เป็นหัวไชเท้าฝอยหมัก
“อยากถ่ายก็ถ่าย” เวย์เป็นคนตอบแทนเชฟที่เอาแต่ยืนยิ้ม สไมล์จึงรีบเอามือถือขึ้นมาถ่ายอย่างรวดเร็วเพราะถ้าหากนานไปก็เกรงว่ารสชาติอาหารจะเปลี่ยน เพราะการทานอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเสะต้องรีบทานหลังจากที่เสิร์ฟทันทีถึงจะสัมผัสถึงรสชาติที่แท้จริงของอาหาร
“ซอสที่ราดเป็นสูตรพิเศษของทางร้านรสชาติไม่เหมือนที่อื่นแน่นอนครับ” เชฟบอกสไมล์เมื่อเห็นหญิงสาวเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า สไมล์จึงรีบลิ้มลองทันทีแล้วทำหน้าเหมือนฟินเมื่อได้ลองอาหารเมนูแรกของร้าน หลังจากนั้นก็มีคอร์สต่อไปตามมาเรื่อย ๆ ทั้งซุป ทั้งสลัด ทั้งซูชิ หรือแม้แต่ซาซิมิ ทุกเมนูที่ขึ้นชื่อของร้านถูกเชฟรังสรรค์ให้ทั้งคู่ได้ทานกันอย่างสด ๆ ระหว่างที่ทานเวย์ก็คอยเทคแคร์สไมล์ไม่ต่างจากคนที่เป็นคู่รักกัน
“เป็นไงชอบหรือเปล่า” เวย์หันมาถามสไมล์เมื่อทานอาหารมาได้เกือบหมดคอร์ส
“ที่สุดเลยค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยแบบได้รสชาติของคนญี่ปุ่นแท้ ๆ แบบนี้ฉันชอบมาก” สไมล์หันมาตอบเวย์ในขณะที่มือก็กำลังจับซูชิเข้าปาก แต่เวย์กลับมองว่าภาพนั้นเป็นภาพที่น่ารัก จนเมื่อปากของสไมล์มีซอสติดอยู่เวย์จึงยื่นมือไปหวังจะเช็ดออกให้ แต่สไมล์ที่ตกใจเอียงหน้าหนีแล้วมองเวย์อย่างงง ๆ
“ปากเลอะ” เมื่อได้ยินเวย์บอกมาแบบนั้นสไมล์จึงยอมให้เวย์เช็ดปากให้โดยดีพร้อมกับมองหน้าเวย์แบบลึกซึ้ง เวย์เมื่อหันมาสบตากับสไมล์ที่มองอยู่ก่อนแล้วจึงรีบชักมือกลับแล้วเบือนหน้าไปทางเชฟดังเดิม เพราะกลัวว่าหากมองสบตาสไมล์นานกว่านี้จะเผยความรู้สึกอะไรออกไปให้หญิงสาวรู้
“คุณใช้เวลาในการจองนานไหมคะกว่าจะได้คิววันนี้” สไมล์ที่ไม่รู้จะพูดอะไรหลังจากได้สบตากับคุณหมอหนุ่มจึงพูดแก้เก้อออกไป
“ก็ไม่นานเท่าไหร่” (สองชั่วโมงนานไหมล่ะ)
“แสดงว่าคุณโชคดีสิคะที่จองไม่นานก็ได้ทาน” สไมล์เชื่อสนิทในสิ่งที่คุณหมอหนุ่มพูดโดยมีเชฟยืนอมยิ้มกับคำว่าไม่นานของเวย์ เพราะเมื่อสองชั่วโมงก่อนเขาถูกเรียกตัวด่วนจากห้องวีไอพีอีกห้องเพื่อมาจัดเตรียมอาหารสำหรับลูกค้าคนพิเศษ..คือเพื่อนเจ้าของร้านนั่นเอง
“ถ้าอยากมาทานอีกก็บอก”
“แล้วคุณจะมาด้วยหรือเปล่าคะ” ไม่พูดเปล่าแต่สไมล์ยังหันไปมองเวย์ด้วยสายตาเป็นคำถาม จนคนถูกถามหันมามองด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“ถ้าว่างก็จะมา” เวย์ตอบสไมล์ด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาที่มองมานั้นช่างดูแตกต่างและยากจะคาดเดาจนสไมล์ต้องรีบหันหน้าหนีเพราะกลัวว่าจะแพ้สายตาของเวย์ที่มองมาจนเคลิ้มไปกว่านี้ เหล้าบ๊วยที่ถูกนำมาเสิร์ฟก่อนหน้านี้ถูกสไมล์คว้ามาดื่มเพื่อดับความร้อนรุ่มในใจแบบรวดเดียวหมด
“ดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะขับรถกลับบ้านยังไง” จู่ ๆ เวย์ก็ถามขึ้นมาเมื่อเห็นสไมล์กรอกเหล้าเข้าปากทีเดียวหมดแก้วถึงจะแค่นิดเดียวแต่ระดับปริมาณแอลกอฮอล์นั้นสูงกว่าเหล้าปกติมากเลยทีเดียว
“กลับแท็กซี่ก็ได้ค่ะ หรือคุณหมอจะใจดีไปส่ง” สไมล์หันไปตอบเวย์พร้อมถามกลับชายหนุ่ม
“ได้คืบจะเอาศอก” นิ้วเรียวยาวจิ้มไปที่หน้าผากมนและออกแรงดันเล็กน้อย
“โอ้ย!”
“คุณชอบไปทานร้านอาหารพวกนี้บ่อยเหรอคะ ฉันเห็นคุณรู้จักร้านอาหารอร่อย ๆ หลายร้านเลย”
“ก็ไปบ่อยถ้ามีเวลา”
“แล้วไปกับใครคะ..เอ่อ..ฉันหมายถึงว่าคุณมีกลุ่มเพื่อนที่ไปด้วยกันหรือว่าชอบไปนั่งชิว ๆ คนเดียว” เพราะกลัวว่าเวย์จะคิดว่าก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากไปสไมล์จึงรีบอธิบายต่อทันที
“ก็ไปกับเพื่อนที่เป็นหมอด้วยกันอีกสองคน”
“ดีจังเลยนะคะคุณยังมีเพื่อนที่สามารถไปเที่ยวด้วยกันได้ ฉันนี่แทบไม่มีเลยค่ะ นอกจากพี่หวานผู้จัดการส่วนตัวแล้วก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับใคร” วงการมายาที่เธออยู่สอนให้สไมล์ไม่ค่อยไว้ใจใครง่าย ๆ สไมล์จึงมีเพียงน้ำหวานที่เป็นทั้งผู้จัดการและเพื่อนในเวลาเดียวกัน
“ไว้วันหลังถ้ามีโอกาสผมจะพาไป” เมื่อฟังน้ำเสียงที่ดูเศร้า ๆ ของสไมล์ยามที่พูดถึงชีวิตส่วนตัวก็อดสงสารไม่ได้ชีวิตวัยรุ่นแทนที่จะได้เที่ยวสนุกในสถานที่ต่าง ๆ เหมือนกับวัยรุ่นทั่วไปแต่เธอต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวมีชีวิตที่ดีขึ้น
“ฉันถือเป็นคำสัญญานะคะ”
“ผมพูดแล้วทำเสมอ” น้ำเสียงและแววตาที่ดูหนักแน่นรวมถึงการกระทำของเวย์ในวันนี้ทำให้สไมล์เริ่มรู้สึกกับเวย์เปลี่ยนไป สไมล์เริ่มมีความรู้สึกที่ดีกับเวย์เพิ่มมากขึ้นซึ่งไม่ใช่ความรู้สึกอยากเอาชนะเหมือนที่ตั้งใจแต่แรก การกระทำของเวย์ทำให้สไมล์รู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ จากตอนแรกที่สไมล์จะแกล้งให้เวย์รักพอเจอการเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของเวย์สไมล์ก็เริ่มประทับใจคุณหมอหนุ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณเอาใจผู้หญิงเก่งเหมือนกันนะคะ” สไมล์แกล้งพูดเพื่อดูท่าทีของเวย์
“แค่พามาทานอาหารผมเรียกมันว่าการมีน้ำใจ” สไมล์ได้ยินถึงกับยิ้มร่ากับความปากแข็งของคุณหมอหนุ่ม
“วันนี้ฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีหลายเด้งเลยนะคะ ทั้งได้ทานอาหารญี่ปุ่นร้านที่จองยากมากที่สุดแถมยังมีคนเลี้ยงอีก” เมื่อเริ่มประหม่ากับท่าทีของเวย์สไมล์จึงพูดติดตลกเพื่อเป็นการแก้เขินที่ถูกเวย์หว่านเสน่ห์ใส่ด้วยคำพูด
“อิ่มหรือยังจะสั่งอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า” เวย์พูดตัดบทเมื่อรู้สึกว่าจะโดนหญิงสาวตามทันความรู้สึกของตัวเอง
“อิ่มแล้วค่ะ”
“เลี้ยงง่ายนะ แต่กินจุไปหน่อย” คำพูดทิ้งท้ายที่คนฟังสามารถแปลได้หลายความหมาย จนสไมล์แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเวย์ยินดีที่จะดูแลเธอคิดได้ดังนั้นริมฝีบางก็เผลอยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว