จ้าวไป๋ลู่ล้มป่วยลงและมีไข้สูงมาก โชคดีที่มีท่านหมอติดตามมาจากเมืองหลวงช่วยรักษาให้ อาการของนางจึงพอทุเลาลงไปได้บ้าง หมิงอวี้อยู่ดูแลนางทั้งคืน ด้านหลี่รั่วหานก็มาดูอาการของนางเป็นระยะ เซียวถงร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในกระโจมของตนเอง ก่อนจะตัดสินใจไปหาจ้าวไป๋ลู่ในทันที "คุณชายเซียว" หมิงอวี้หันมามองเซียวถง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย เซียวถงรีบเอ่ยถามนางทันที "ไป๋ไป๋เป็นเช่นใดบ้าง" "ไข้ทุเลาลงแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังหลับอยู่ บ่าวมิกล้าปลุก" "ช่างเถิดไม่ต้องปลุกนาง แล้วสามีนางเล่า" "เอ่อ บ่าวมิทราบเจ้าค่ะ ซื่อจื่อมาเพียงครู่เดียวก็กลับออกไปแล้วเจ้าค่ะ" เซียวถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะในลำคอทันที จ้าวไป๋ลู่ล้มป่วยเพราะหลี่รั่วหาน แต่ยามนี้หลี่รั่วหานกลับไม่ไยดีนางแม้แต่น้อย นี่น่ะหรือที่จ้าวไป๋ลู่เคยบอกกับเขาว่าหลี่รั่วหานดีต่อนางยิ่งนัก ดีกับผีน่ะสิ!!! "เจ้าดูแลนางให้ดี ไว้ข้าจะมาเยี่ยมนางใหม่ ส่วนนี่เป็นโสมชั้นดี ข้าเอามามอบให้นาง เผื่อนางจะได้ใช้มัน" "ขอบคุณคุณชายเซียวเจ้าค่ะ" "อืม"เซียวถงพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมาจากกระโจม ดวงตาคมฉายแววเย็นชา ก
หลี่รั่วหานตัดสินใจเดินเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จ้าวไป๋ลู่กำลังจะเดินกลับเรือนของตนเข้าพอดี ใบหน้าของนางที่มองเขายังคงยิ้มแย้ม ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกลียดหรือตัดพ้อเลยแม้แต่น้อย เมื่อจ้าวไป๋ลู่ออกจากเรือนไปแล้ว องค์หญิงหงลี่ก็ก้าวเดินเข้ามาหาบุตรชายของตนทันที เพียะ!!! ฝ่ามือขาวเนียนฟาดลงไปบนใบหน้าหล่อเหลาของหลี่รั่วหานจนเต็มแรง ใบหน้าของเขาขึ้นรอยแดงห้านิ้วอย่างเห็นได้ชัด"ท่านแม่" "ทำสิ่งใดอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ นับวันความหน้าไม่อายของเจ้ากับหนิงเสวี่ยจะมากเกินไปแล้ว!!! ถึงไป๋ไป๋จะไม่มาฟ้องข้า ก็อย่าคิดว่าข้าจะไม่เห็น" "เสวี่ยเอ๋อร์มิได้ทำสิ่งใดผิด!!! เหตุใดท่านแม่ต้องชิงชังนางถึงเพียงนี้!!!""นางมิได้รักเจ้าอย่างแท้จริง ยามนี้บิดาของนางเข้าออกโรงพนันราวกับจวนหลังที่สอง สิ่งที่นางรักคือสมบัติของเจ้า ข้ามองออก มีแต่เจ้าที่โง่งมตาบอดอยู่เช่นนี้!!!" "ท่านแม่รู้ได้เช่นไร?" "หึ หูตาของข้ามีมากมายเจ้าก็รู้ อีกอย่าง เว่ยจิ่นซางมารดาของนาง มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเสียจนเจ้าคิดไม่ถึงเป็นแน่" "ระหว่างท่านแม่กับมารดาของหนิงเสวี่ย มีสิ่งใดที่ทำให้หมางใจกันถึงเพียงนี้หรือ
"พระราชทานสมรสอย่างนั้นหรือ!!! นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านพี่!!!" เว่ยจิ่นซางมารดาของหนิงเสวี่ย หันไปเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยท่าทีตื่นตระหนก "ฝ่าบาททรงพระเมตตา พระราชทานสมรสให้หนิงเสวี่ยและคุณชายจากตระกูลหวัง หวังเจียหมิ่น""เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!!! ท่านพี่ ข้าวางแผนว่าจะให้หนิงเสวี่ยแต่งเข้าจวนโหว เหตุใดท่านจึงยอมรับพระราชโองการง่ายดายถึงเพียงนี้!!!" "หุบปากเสียที!!! จิ่นซาง เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงแผนการของเจ้า!!!" "ท่านพี่!!!" "มีพระราชทานสมรสลงมาแล้ว อย่างไรเสียย่อมปฏิเสธไม่ได้!!!" "หึ!!! ข้าไม่ยอมให้แผนการที่ข้าทุ่มเทมาทั้งหมดสูญเปล่าเป็นแน่!!!" "อย่าทำให้ข้าเดือดร้อน!!!" "หึ!!! บอกตัวท่านเองก่อนเถิด ทำเรื่องชั่วใดไว้คิดว่าข้าไม่รู้หรือ!!!" เพียะ!!! "นี่ท่านกล้าตบข้าหรือ!!!" เสียงทะเลาะตบตีภายในเรือนนอนของผู้เป็นบิดามารดา สร้างความปวดใจให้แก่หนิงเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน ท่านพ่อท่านแม่รักแต่พี่ชาย แต่กลับมองนางเป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองและผลประโยชน์เพียงเท่านั้นครานั้นที่ได้พบกับหลี่รั่วหาน เพียงได้มองสายตาที่เขามองตามนางแพศยานั่น นางก็พอจะรับ
หลี่รั่วหานให้คนส่งจดหมายของเขาไปมอบให้แก่หนิงเสวี่ยเพื่ออยากจะขอพบกับนางอีกครา เมื่อหนิงเสวี่ยได้อ่านจดหมายจากหลี่รั่วหานแล้ว มุมปากสวยก็ยกยิ้มอย่างพึงพอใจคราหนึ่ง ท้ายที่สุดใจของเขาก็ยังมีนางอยู่ เหอะ!!! ในเมื่อนางไม่มีความสุข นางก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดได้มีความสุขแม้เพียงคนเดียว นางมารอหลี่รั่วหานที่ห้องด้านบนของภัตตาคารชิงชาง นางยกถ้วยชาร้อนขึ้นดื่มอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดออก ใบหน้างามที่เย็นชาเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความหมองเศร้า "เสวี่ยเอ๋อร์!!!" "พี่รั่ว ท่านมาแล้ว" "เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้า..." "พี่รั่วอย่าเอ่ยวาจาใดอีกเลยเจ้าค่ะ ยามนี้ท่านพ่อท่านแม่มิอาจหลีกเลี่ยงราชโองการจากฝ่าบาทได้ พี่รั่ว ข้าทำผิดต่อท่านยิ่งนัก ท่านอย่าได้โกรธเคืองข้าเลยนะเจ้าคะ" "ไม่ ๆ ข้าไม่เคยโกรธเคืองเจ้า" "พี่รั่ว ใจข้ายังคงมีเพียงท่าน แต่ชาตินี้เราทั้งสองช่างไร้วาสนาต่อกันนัก ข้ามิขอสิ่งใดมาก หากในใจท่านยังมีข้า ข้าขอเพียงท่านไม่ลืมข้าก็พอแล้วเจ้าค่ะ" "เสวี่ยเอ๋อร์ หากเจ้าลำบาก ข้ายินดีอยู่ข้างเจ้าเสมอ" "พี่รั่ว" หนิงเสวี่ยยื่นมือไปลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของหลี่รั่วหานด้วยความหลงให
ความรู้สึกสับสนมากมายวนเวียนอยู่ในจิตใจของหลี่รั่วหาน จ้าวไป๋ลู่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดกับเขา นางทำแค่เพียงนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาในห้องอาหารนั้นอย่างเงียบ ๆ โครกคราก เสียงท้องของจ้าวไป๋ลู่ร้องดังขึ้นมาจนหลี่รั่วหานต้องหันมามอง จ้าวไป๋ลู่ยิ้มออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย นางหิวนี่นา! "เจ้าหิวหรือ?" เขาเอ่ยกับนางด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ภาพที่เขากระชากแขนนางอย่างแรงลอยวนมาอีกครา เขาทั้งสับสนและมึนงงไปหมดแล้ว ทางนั้นก็หนิงเสวี่ยที่เขายังคงรักและห่วงใยนาง ส่วนทางนี้ก็คือจ้าวไป๋ลู่ นางเป็นภรรยาที่เขาแต่งเข้าจวนมาแล้ว ความรู้สึกของเขาช่างสับสนยิ่งนัก จ้าวไป๋ลู่จ้องมองเขาเล็กน้อย นางเม้มริมฝีปากแน่น ในใจของนางรู้ดีว่าเขาไม่เคยรักนางเลยแม้แต่น้อย แต่นางก็ไม่เคยคิดถือสาหาความที่เขากระทำกับนางในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา แม้บางครานางจะโมโหไปบ้างก็ตาม "สั่งอาหารมาใหม่เถิด อาหารตรงหน้ามันเย็นชืดหมดแล้ว" "ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้ากลับไปกินที่จวนดีกว่า ข้าชอบทำอาหารกินเองมากกว่า" "เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า" "ซื่อจื่อ" "มีสิ่งใดอีก?" "เรื่องในวันนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเองก็รู้สึกผิดที่ทำให้ท่านก
ยามนี้วังหลวงกำลังจะมีงานใหญ่ ฮ่องเต้หงหยวนทรงสั่งให้คนจัดงานวันคล้ายวันพระราชสมภพให้แก่เจียงฮองเฮา จึงมีรับสั่งให้เหล่าพระญาติรวมถึงขุนนางชั้นสูงเข้าร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย องค์หญิงหงลี่ทรงรับสั่งให้หาช่างฝีมือดีมาตัดเย็บชุดให้จ้าวไป๋ลู่เพิ่มอีกหลายชุด เพื่อใช้สวมใส่ไปร่วมงานเลี้ยงในวังหลวง ยามนี้อากาศค่อนข้างดีไม่น้อย จ้าวไป๋ลู่รู้สึกว่าอยากสูดอากาศให้เต็มปอด นางจึงพาหมิงอวี้เดินไปที่สวนท้ายจวน ก่อนจะพบกับเหล่าสาวใช้ที่กำลังวุ่นวายอยู่ที่สุสานบรรพชน นางมองดูเสื้อผ้าของสตรีมากมาย ก่อนจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง ในจวนเคยมีคุณหนูนางหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรสาวขององค์หญิงหงลี่ นามว่าหลี่หลานฮวา องค์หญิงหงลี่มิได้เอ่ยสิ่งใดให้นางฟังมากนัก บอกเพียงว่าหลี่หลานฮวาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว เพราะความเศร้าเสียใจ องค์หญิงหงลี่จึงทำทุกอย่างราวกับหลี่หลานฮวายังมีชีวิตอยู่ เหมือนกับต้องการปลอบประโลมจิตใจของตนเองจ้าวไป๋ลู่เดินตรงมาที่สระบัวท้ายจวน ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งที่ศาลาใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมพัดพาความเย็นสบายเข้ามาไม่ขาดสาย หมิงอวี้รินชาร้อนชั้นดีให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน จ้าวไป๋ลู่ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม พล
จ้าวไป๋ลู่คร้านจะใส่ใจกับสายตาที่มองมาของหนิงเสวี่ย นางทิ้งกายนั่งลงที่ศาลาริมสระบัว พลางจ้องมองความงดงามภายในวังหลวงอย่างเบิกบานใจองค์หญิงหงลี่แยกตัวไปจัดการธุระบางอย่าง และบอกให้นางรออยู่ตรงนี้ครู่หนึ่ง จ้าวไป๋ลู่จึงนั่งรอเพียงลำพัง เนื่องจากในวังหลวงไม่อนุญาตให้สาวใช้ติดตามเข้ามารับใช้ด้านในด้วย ด้วยเพราะนางไม่ได้มีสหายที่รู้จักกันมากนัก จึงไม่ได้เอ่ยทักทายผู้ใด แตกต่างจากหนิงเสวี่ยที่มีเหล่าสตรีชั้นสูงรายล้อมมากมาย "นี่เจ้า เจ้าน่ะ" จ้าวไป๋ลู่ที่กำลังจ้องมองสิ่งต่าง ๆ ไปโดยรอบ ได้ยินคล้ายเสียงของใครบางคนกำลังเรียก นางจึงหันไปมองด้วยท่าทีงุนงง ก่อนจะพบกับสตรีน้อยนางหนึ่ง ใบหน้าของนางงดงามอีกทั้งยังแฝงแววขี้เล่น กำลังส่งยิ้มตาหยีมาให้นางอย่างเป็นมิตร"เรียกข้าหรือ?" "ใช่ เจ้านั่นแหละ ข้าเห็นเจ้านั่งอยู่เพียงลำพัง จึงเข้ามาทักทาย" "อ้อ" "ข้าชื่อสวีลั่วลั่ว เจ้าชื่ออันใด" "ข้าชื่อไป๋ไป๋""โอวว ชื่อน่ารักน่าชังยิ่งนัก ข้าขอนั่งด้วยคนนะ" สวีลั่วลั่วทิ้งกายลงนั่งข้างกายจ้าวไป๋ลู่ในทันที แววตาคู่สวยจ้องมองจ้าวไป๋ลู่อย่างพิจารณา "เจ้านี่งดงามไม่เบา" "เอ่อ...เจ้าก็งามนะ" "แน่นอน
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ฮ่องเต้หงหยวนและฮองเฮาแย้มพระสรวลเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง ด้านองค์หญิงหงลี่เองก็กำลังนั่งสนทนากับฮ่องเต้หงหยวนผู้เป็นพี่ชายอย่างมีความสุข ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้นก็กำลังพูดคุยกับสวีลั่วลั่วอยู่ที่ริมสระบัวอย่างสนุกสนาน นางชอบสวีลั่วลั่วเป็นอย่างยิ่ง สวีลั่วลั่วนั้นพูดเก่ง อีกทั้งยังเป็นสตรีที่ร่าเริงมากอีกด้วย "เอาไว้คราวหน้าข้าจะส่งเทียบเชิญให้เจ้านะไป๋ไป๋ เดือนหน้าจะเป็นวันเกิดของข้า เจ้าต้องมาให้ได้เชียวนะ" "แน่นอนอยู่แล้ว ไว้กลับจวนข้าจะส่งขนมอร่อย ๆ ไปให้เจ้าเช่นกันนะลั่วลั่ว" "เจ้าน่ารักที่สุดข้าชอบเจ้ามาก" "ข้าก็ชอบเจ้า" หนิงเสวี่ยมองดูจ้าวไป๋ลู่และสวีลั่วลั่วที่พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติก็เบ้ปากทันที เหอะ คนชั้นต่ำย่อมดึงดูดคนชั้นต่ำด้วยกันเสมอ เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงเดินตรงไปหาจ้าวไป๋ลู่ในทันที ยามนี้จ้าวไป๋ลู่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ริมสระเพียงลำพัง ส่วนสวีลั่วลั่วนางกำลังไปหาขนมมาเพิ่ม จ้าวไป๋ลู่หันมามองหนิงเสวี่ยเล็กน้อย "พี่รั่วเป็นเช่นไรบ้าง เขาสบายดีใช่หรือไม่?" หนิงเสวี่ยเอ่ยถามจ้าวไป๋ลู่ด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย จ้าวไป๋ลู่เพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจ
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม